|
[Schengen Visa-Italy 2011] ขอวีซ่าเที่ยวอิตาลี ไม่ยาก หากเอกสารครบ
|
|
หลังจากที่วันนี้ ที่ผมได้ไปยื่นขอวีซ่าอิตาลี Schengen Visa-Italy มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์และรายละเอียดเอกสารสำหรับการยื่นขอวีซ่า ให้ทราบกันครับ
การเตรียมเอกสารถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญเลยครับสำหรับการขอวีซ่าในการเดินทางไปยังประเทศอิตาลี หากเตรียมไม่ดีอาจตกม้าตายเอาง่ายๆตั้งแต่ขั้นตอนแรก หรือว่าอาจต้องไปเสียค่าจ้าง Agent แพงๆ หรือว่าอาจใช้เวลาเยอะก็ได้นะครับ
เริ่มต้นอย่างแรกหากต้องการขอวีซ่าก็คือ โทรนัดครับ ที่เบอร์นี่เลย 1900-222-344 นัดหมายวัน เวลา กับเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อย เรียบร้อยแล้วก็จะมี SMS เข้าเครื่อง ของเราแจ้งรายละเอียด ชื่อ วันเวลานัด โค๊ต ครับ
จากนั้น เตรียมเอกสารเพื่อไปยื่นดังนี้ครับ
- Passport มีหน้าว่างเหลือมากกว่า 2 หน้า และมีอายุมากกว่า 6 เดือน
- สำเนา Passport ทุกหน้าที่มีตราประทับ และลงนามสำเนาถูกต้อง ซึ่งรายละเอียดจะไปสอดคล้องกับข้อมูลที่ให้กรอกใน Visa Application Form ข้อ 26 Other visas (issued in the last 3 years) with their respective periods of validity และ 28.*Previous stays in Italy or in other Schengen Countries
- รูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป รูปแรก ติดที่ Visa Application Form อีกรูปให้เขียนชื่อนามสกุล เป็นภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ และหมายเลข Passport หลังรูป อันนี้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ครับ
- หนังสือรับรองการทำงานฉบับภาษาอังกฤษระบุ ชื่อ นามสกุล ตาม Passport ตำแหน่ง อัตราเงินเดือน วันที่เริ่มต้นทำงาน วันที่ได้รับอนุมัติให้ลาพักร้อน (เป็นประกันว่า จะกลับมาทำงานแน่นอน จะไม่ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง)
- สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งมแสดงให้เห็นการหมุนเวียนของเงินในบัญชี เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ทุกหน้า และมีเงินเพียงพอสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวตามระยะเวลาที่ขอไว้ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง ลายเซ็นแบบเดียวกับ Passport (เอาฉบับจริงมาให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยครับ ถ้าหากว่า เจ้าหน้าที่เห็นว่าหน้าตามีเงิน ก็อาจจะไม่ขอดูสมุดตัวจริงครับ...555) อันนี้ล้อตามข้อนี้ครับ 35.Who is paying for your cost of travelling and for your costs of living during your stay?
- สำเนาใบจองตั๋วเครื่องบิน ระบุ ชื่อผู้เดินทาง และวันเดินทาง ไป-กลับ เป็นตัวจองก่อนก็ได้ครับ เป็น FLIGHT ITINERARY INFORMATION ก็พอครับ แต่สำหรับช่วง High Season หรือได้ตั๋วโปรก็ซื้อก่อน หากไม่ได้วีซ่าก็ค่อย Refund เอา ประมาณว่าซื้อหวยครับ (แหวกกฎคำแนะนำคนอื่นๆ ตามประสำคนอยากไปเที่ยว)**
- แสดงที่พักตามจุดประสงค์ของการเดินทาง พร้อม E-mail Confirmedจากโรงแรมหรือว่าเว็บครับ (สำหรับผม ใช้บริการ Booking.com เพราะว่าบางโรงแรมสามารถคืนก่อนได้ โดยไม่เสียตังค์ แต่ต้องใช้ Credit Card Gurantee ครับ - แต่บางที่อาจมีเงื่อนไขนะครับ อาจตัดก่อน 25% หรือว่ามากกว่านั้น ให้ดูเงื่อนไขดีๆ ครับ)
- ตารางการเดินทางเป็นภาษาอังกฤษ แจงรายละเอียด การเดินทาง สำหรับผม ทำคร่าวๆ ครับว่า Day 1 วันที่เท่าไร ทำกิจกรรมอะไรบ้าง เช่นเที่ยวนครวาติกัน ดูวิวรอบๆ และพักที่ พร้อมให้รายละเอียดชื่อโรงแรมตาม ที่อยู่ เบอร์โทร เบอร์แฟกซ์ (สร้างภาพความน่าเชื่อถือ) ตามรายะละเอียดใน Booking Confirmation ครับ
- ที่สำคัญในตารางการเดินทางให้ทำสรุปแยกหนึ่งหน้าครับว่า สรุปแล้วอยู่ในประเทศ Italy กี่วัน อยู่ที่เมืองไหนบ้าง และอยู่ที่ประเทศอื่นๆ กี่วัน (น้อยกว่าที่อิตาลี) แล้วอยู่ที่เมืองไหนบ้าง
- ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ วงเงิน 1.5 ล้าน ขึ้นไป หากซื้อรายสิบวัน ก็นปะมาณ 3-400 บาท หากซื้อรายปีก็ประมาณ 3,800 บาทครับ แนบสำเนากรมธรรม์ บริษัทต้องมีความน่าเชื่อถือหน่อยนะครับ พร้อมทั้งรับรองสำเนาถูกต้องด้วยครับ ของผม เจ้าหน้าที่ขอแค่ 2 แผ่นแรก รายละเอียด Policy ไม่เอาครับ ได้รับคืนมา
- สุดท้ายแล้วก็คือเงินค่า Visa 60 EUR ณ วันที่ 27.01.2011 เจ้าหน้าที่คิดเป็นเงินไทย 2,400 บาทครับ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
รายละเอียดการสัมภาษณ์
ผมเดินทางไปถึงก่อนเวลาประมาณ 40 นาทีครับ เอาหน้าเอาตาไปพบกับ รปภ. ยื่นรายละเอียดที่นัดหมายที่ส่งมาให้ทาง SMS ให้ดู เจ้าหน้าที่ก็จะเชิญเข้าไปนั่งรอด้านในครับ
ก่อนเข้าก็ต้องเอาอุปกรณ์สื่อสาร กุญแจต่างๆ และของอื่นๆ ออกก่อนครับ แล้วค่อยเดินผ่านเครื่องสแกนไป
แล้วมานั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกคิวครับ (ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นแล้วครับ ครั้งแรกก็แบบนี้...เลย)
เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งว่าคนที่นัดไว้เวลา .... เชิญครับ พอเข้าไปในก็ไปแลกบัตรประชาชน เพื่อขอบัตรผ่าน ปิดเครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เก็บเข้าล็อกเกอร์ครับ จากนั้นเดินไปยังแผนกวีซ่าครับ
ตอนผมไปก็ไปเจอเจ้าหน้าที่เลย ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3 นาที
สำหรับ 1.30 นาทีแรก เป็นการตรวจเอกสารของเจ้าหน้าที่ครับ อะไรไม่ใช้ก็จะคืนมาเช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนา Passport ที่ไม่ใช่ Schengen และกรมธรรม์ เอาเฉพาะตัวที่ระบุชื่อเราและวงเงินความคุ้มครองครับ
0.30 นาทีต่อมาเป็นการสัมภาษณ์ครับ
เจ้าหน้าที่ : ไปที่ไหนบ้างคะ
ผม : ด้วยความตื่นเต้น ไปอิตาลีครับ (ได้ข่าวว่ามาขอวีซ่าอิตาลี ตอนหลังนึกได้ก็บอกเมืองไป....)
เจ้าหน้าที่ : ไปกี่คนคะ
ผม : คนเดียวครับ
เจ้าหน้าที่ : ไปเจอเพื่อที่โน่นเหรอคะ
ผม : ไม่มีครับจะไปหาเอาที่โน่น
เจ้าหน้าที่ : เคยเข้ากลุ่มประเทศ แชงเก้นรึเปล่าคะ (สำเนียงชัดมาก)
ผม : ไม่เคยครับ พาสปอร์ตเล่มเก่าที่มีเดินทางเยอะๆ ต้องยื่นด้วยรึเปล่าครับ
เจ้าหน้าที่ : ไม่ต้องคะ
0.30 นาที สุดท้าย
เจ้าหน้าที่ : มารับวีซ่าวันจันทร์นะคะ เอาใบสร็จพร้อมตั๋วฉบับจริงมาด้วยนะคะ เสร็จแล้วคะ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากโดยไม่ทันตั้งต้ว
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
มีข่าวมาฝากนะครับว่า ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป สถานทูตย้ายไปอยู่ที่ อาคาร ซีอาร์ซี-ออลซีซั่นเพลส ถนนวิทยุ
โดยปิดทำการในวันที่ 2-7 กุมภาพันธ์ 2554 และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 ณ ที่ทำการใหม่
สำหรับที่ทำการใหม่ติดต่อแผนกกงสุล และแผนกตรวจลงตรา (Italy Visa) ที่ชั้น 27 ได้เลยครับ
เรียบร้อย ครับ
กว่าจะเสร็จ.... ยากสุดผมว่าก็ตอนหาโรงแรมนี่แหละครับ รู้สึกว่าปีนี้ช่วงสงกรานต์เราไปซ้อนกับเทศกาลอีสเตอร์ แม้ว่าประมาณปลายเดือน แต่คนก็หยุดกันเป็นสัปดาห์ โรงแรมก็เลยค่อนข้างแน่น ราคาไม่แพงก็ค่อนข้างเต็มเหลือเฉพาะแบบราคาสูง โดยเฉพาะ 12-13-14 เมษา อยากจะร้องดังๆ บางที่เริ่มต้น 200 EUR. ประมาณ 8,000 ต่อคืน โอ้ววววว 10 คืน 80,000 บาท(คิดแบบ Over หน่อยๆ)
ยังไงก็ต้องว่ากันต่อไปครับ
สู้ๆ ครับทุกท่าน
แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 16:17:59
จากคุณ |
:
auraball
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ม.ค. 54 15:37:59
|
|
|
| |