Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใครเคยเจอคิวต่อแถวที่ สนามบินแบบนี้บ้างขอรับ ติดต่อทีมงาน

โดย : ปานใจ ปิ่นจินดา

สภาพในคอก

ต่อแถวยาวเหยียด

สีหน้าและอารมณ์นักท่องเที่ยวระหว่างเข้าคิว


อะไรเอ่ย เข้าง่าย ออกยาก ?


นี่ไม่ใช่ปัญหาเชาวน์ แล้วก็ไม่ใช่ปัญหากวนอวัยวะเบื้องล่าง หรือสองแง่สองง่ามอย่างที่กำลังคิด แต่ มันคือปัญหาสะท้อนความหย่อนสมรรถภาพของอวัยวะสำคัญอันเป็นหน่วยงานระดับชาติ ที่ดูเหมือนว่าจะ "เดี้ยง" เพราะประสาท "สั่งการ" ไม่สัมพันธ์กันเอาเสียเลย

นับตั้งแต่อภิมหาโปรเจคท์ประตูบ้านบานใหญ่อย่างท่าอาศยานสุวรรณภูมิ สำเร็จเสร็จสิ้นขึ้นมา คนไทยอย่างเราๆ ท่านๆ ต่างก็ได้รับทราบข่าวค(ร)าว ต่างๆ นานา ของสนามบินอันน่าภาคภูมิใจแห่งนี้

ไหนจะปัญหารันเวย์ร้าว แท็กซี่มาเฟีย และ มิจฉาชีพอีกหลายแขนง แถมยังอีกหลายม็อบหลากขนาด ตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักพัน ก็เคยมาลุยสุวรรณภูมิกันจนนักท่องเที่ยวเข็ดขยาด แล้วก็เชื่อว่า ทุกครั้งที่ปัญหาใหม่ผุดขึ้นมา ปัญหาเก่าก็จะถูกหยิบมาพูดอีกครั้ง ทำเอาแผลเก่าที่ทำท่าว่าจะหายให้เกิดอักเสบ แสบๆ คันๆ ขึ้นมาอีกเสมอ

และคงจะต้องขอโทษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไว้ ณ จุดนี้ ที่คงจะเจ็บสักนิด ถ้าจะคิดจะอ่านต่อในบรรทัดถัดไป





เหตุเกิดที่สนามบินแห่งชาติ

โรดแมปแห่งชาติเกี่ยวกับการตลาดแบรนดิ้งประเทศไทย ที่โหมกระแสร่วมกันทั้งฝั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เชิญชวนแทบจะอุ้ม นักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาเที่ยวไทยให้มากๆ ขณะที่สายการบินเองก็เพิ่มเส้นทางบินตรง และยังมีการจูงใจให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำมาลงที่ท่าอากาศยานแสนจะไฮโซแห่งนี้ ให้มากขึ้น หวังจะให้สมกับเป้าหมายแสนหรู เพื่อการก้าวสู่ตำแหน่งศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคให้ได้ในที่สุด


ดูท่าว่าผลจากการกระตุ้นตลาดจะได้ผล เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ไล่ไปจนถึงไต้หวันและฮ่องกง ที่มีทั้งเหมาลำบินตรงมาลงประเทศไทย หวังจะมาเที่ยวให้ฉ่ำใจ และปักหมุดประเทศไทยเป็นปลายทางของวันฮอลิเดย์อย่างไม่ลังเล

แต่ต้องมายืนเซเพราะความเหนื่อยล้า ขาแข็ง จากการรอ.. และ รอ .. และ รอ "คิว" อันยาวเหยียดเพื่อขอคำเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ให้เข้า และ ออก ดินแดนขวานทองแห่งนี้

โดยเฉพาะกับ "ขาออก" ซึ่งถ้าใครได้มาเห็นสภาพสับสนอลหม่านของผู้คนที่แออัดต่อแถวกันยาวเหยียดภาย ในท่าอากาศยานระดับหรู ที่โฆษณาบอกว่า นี่คือความภาคภูมิใจของคนไทย

จากจำนวนช่องตรวจทั้งหมด 72 ช่องที่ควรจะเปิดเต็มในช่วงเวลาเร่งด่วน กลับเปิดได้แค่ 60 เปอร์เซ็นต์ หรือ ราว 40 ช่องเศษๆ ที่ต้องรองรับจำนวนผู้โดยสารจำนวนมาก ทำเอานักท่องเที่ยวได้เล่นเกม:-)ูเอ๋ยต่อแถวยาวจนล้นออกมาจนถึงพื้นที่เช็ค อิน

นั่นเป็นภาพปรกติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องข้ามปี มาตั้งแต่ราวกลางปี 2553 มาจนถึงศักราชใหม่ กระต่ายทองปีนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างนี้ ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเองก็ได้ประกาศเตือนล่วงหน้าสำหรับนักท่องเที่ยว ไว้ว่า เผื่อเวลาให้มากหน่อยจะดีมากทั้งขาเข้าและขาออก เพราะจำนวนผู้โดยสาร ตั้งแต่วันที่ 1 - 13 กุมภาพันธ์ 2554 จะขยับขึ้นมาจาก  142,000 คนต่อวัน ขึ้นมาถึงราว 180,000 คนต่อวันเลยทีเดียว





คิวล้น คนระอา

ปากคำของ "เจี๊ยบ" (นามสมมุติ) พนักงานสาวผู้ให้บริการภาคพื้นดินของสายการบินแถบตะวันออกกลางรายหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะอึดอัดใจกับสภาพแออัดยัดเยียดของผู้โดยสารที่มายืนออเพื่อรอ คิวขอ "กลับบ้าน" จนแถวยาวเหยียด ชนิดมองไม่เห็นหัวแถวกันเลยทีเดียว


หากนึกภาพตามไม่ออกว่าแถวนั้นเหยียดยาวมากขนาดไหน เอาเป็นว่า จากบริเวณเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองขาออก ซึ่งมีอยู่สองฝั่งของตัวอาคาร เรียกกันว่า ฝั่งตะวันตก และ ฝั่งตะวันออก นั้น ผู้โดยสารยืนต่อแถวจนล้นออกมานอกบริเวณคอกกั้น จนหางแถวของสองฝั่งยาวมาเกยกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ

เหตุการณ์เช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงพีคไทม์อย่างไฟลท์ดึก และ ไฟลท์เช้า ระหว่าง 6 - 9 โมงเช้า และหลังสี่ทุ่มเรื่อยไปจนถึงตีสอง ซึ่งเป็นช่วงที่ไฟลท์บินหนาแน่นที่สุดเพราะเวลาที่ดีที่สุดของแทบจะทุกสาย การบิน

"ปัญหาเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะกับขาออก ซึ่งซีเรียส เนื่องจากผู้โดยสารเสี่ยงที่จะตกเครื่องได้ ที่เคยเจอนานที่สุด คือ ผู้โดยสารมาเช็คอินตั้งแต่เคาน์เตอร์เปิดแต่ต้องไปรอคิวตรง ตม. นานถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะผ่านออกไปได้" เจี๊ยบเล่าถึงภาพรวมของปัญหาให้ฟัง โดยสรุปก็คือว่า ต้นตอมาจากจำนวนเจ้าหน้าที่นั่งประจำเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองไม่เพียงพอ

"ถามว่ามันเป็นความผิดของผู้โดยสารเหรอที่ไปช้า ถ้าเขามาเช็คอินช้าก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เขามาเร็วด้วยนะ แต่ก็ต้องมาติดอยู่ในแถวยาวเหยียด ซึ่งเมื่อปัญหามันเกิดขึ้นซ้ำซากแล้วก็ไม่เห็นทางว่ามันจะดีขึ้น เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เจ้าหน้าที่จะต้องคอยถือป้าย คอยตะโกนถามผู้โดยสารในแถว ว่ามีผู้โดยสารของเราหรือเปล่า ถ้าใช่ เราก็จะเอาเขาออกจากแถวไปต่อตรงแถวฟาสท์แทร็คซึ่งเราจะมีคูปองให้กับผู้ โดยสาร"

ฟาสท์แทร็คที่เจี๊ยบพูด หมายถึง ช่องพิเศษที่ทาง ตม. จัดเตรียมไว้สำหรับลูกเรือ, ผู้โดยสารวีไอพีต่างๆ และผู้โดยสารทั่วไปที่มีคูปองฟาสท์แทร็ค ซึ่งโดยปรกติ ผู้โดยสารที่เดินทางในชั้นเฟิร์สคลาส บิสิเนสคลาส จะได้รับคูปองประเภทนี้อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่จะสำรองคูปองไว้แจกให้กับผู้โดยสารที่เสี่ยงว่าจะไป ขึ้นเครื่องไม่ทันด้วย


เพราะการไปช้าจนถึงไปไม่ทันของผู้โดยสารนั้น แน่นอนว่าต้องทำให้ไฟล์ทบินดีเลย์ เพราะต้องเสียเวลาออฟโหลดกระเป๋าของผู้โดยสารคนนั้นออกมาจากเครื่อง แต่เจี๊ยบบอกว่าการดีเลย์10 -20 นาทีนั้น เป็นเรื่องเล็กน้อยของสายการบิน เพราะกัปตันสามารถทำเวลาให้ไปถึงที่หมายตามกำหนดการได้ แต่เป็นเรื่องน่าเห็นใจสำหรับผู้โดยสารที่ตกเครื่องมากกว่า เพราะไม่เสมอไปว่า สายการบินจะเปลี่ยนตั๋วให้ เนื่องจากตั๋วแต่ละใบ มีมูลค่าไม่เท่ากัน บางใบเป็นดีลพิเศษ ราคาถูก สายการบินก็ไม่คุ้มที่จะออกตั๋วใหม่ในราคาเต็มให้ ก็เลยทำให้ภาระตกไปอยู่ที่กระเป๋าตังค์ของผู้โดยสารที่ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋ว รอบสองด้วยตัวเอง

"เคยเจอผู้โดยสารอังกฤษคนนึง เขามาร้องไห้กับเราเพราะตกเครื่อง คือ เขาร้องไห้ด้วยความอัดอั้น กดดัน จากสถานการณ์ที่เขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่รอ เดินไปขอเจ้าหน้าที่ตรวจให้เป็นพิเศษก็ถูกไล่กลับมาต่อแถว คือ เขาคับแค้นใจมาก ที่ต้องตกเครื่องโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร หรืออย่างบางทีก็จะเจอเหตุการณ์ชุลมุน นักท่องเที่ยวมีเรื่องกันเอง เพราะแซงคิวกัน บางทีนักท่องเที่ยวก็แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญตัวออกมา คือ ในบริเวณนั้น มันเต็มไปด้วยหลายอารมณ์มาก" เจี๊ยบเล่า

พร้อมกับ เอ่ยถึงสิ่งที่เธอกลัวที่สุด ก็คือว่า การเข้าคิวยาวเหยียดเช่นนี้ ไม่ได้แค่เสี่ยงต่อการจะทำให้ผู้โดยสารต้องตกเครื่อง หรือ ไฟลท์ต้องดีเลย์เท่านั้น เพราะมันยังเสี่ยงต่อ "ชีวิต" ของผู้โดยสาร ที่อาจจะรีบวิ่งไปขึ้นเครื่อง อาจทำให้เกิดช็อคหัวใจวายได้ ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แม้ครั้งนั้นจะไม่ได้เป็นเพราะปัญหาความล่าช้าของขั้นการตรวจคนเข้าเมือง แต่ โอกาสเกิดขึ้นซ้ำสองก็ย่อมมีแน่นอนเช่นกัน





ตม. ขอความเห็นใจ

แน่นอนว่าสายตาทุกคู่ย่อมต้องจดจ้องไปที่ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (บก.ตม.) ว่าทำอะไรอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับสนามบินท็อปเท็นของโลกอย่างสุวรรณภูมิ


พ.ต.อ.วิบูลย์ กิตติแสงสุวรรณ ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองขาออก ให้คำตอบไว้กับรายการข่าว 3 มิติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยสรุป คือ สถานการณ์ขาดกำลังคนเกิดขึ้นเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะลดจำนวน ข้าราชการลง 5 เปอร์เซ็นต์ทุกปี นั่นหมายความว่านอกจากจะรับเพิ่มไม่ได้แล้ว แค่รับเข้ามาทดแทนที่ออกไปก็ยังยากอีกด้วย ขณะที่จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และวิธีแก้ปัญหาตอนนี้ที่ทำได้ ก็คือ ขอให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเวลาการทำงานให้มากขึ้น

"รู้ไหม ไม่มีใครอยากเป็น ตม. ที่สุวรรณภูมิหรอก งานก็หนัก เงินก็น้อย แถมสวัสดิการก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่เรางานหนักกว่า ตม. ที่ด่านอื่น แล้วรู้ไหม ว่าเจ้าหน้าที่ ตม. ผู้หญิง มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ จำนวนไม่น้อย เพราะไม่มีเวลาไปเข้าห้องน้ำ" เสียงระบายอย่างอัดอั้น ของ  "เก๋" (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ ตม. สาว ที่เพิ่งจะขอย้ายตัวเองจากสุวรรณภูมิเช่นเดียวกับเพื่อร่วมงานอีกราวๆ 50 คนที่ย้ายออกพร้อมๆ กับเธอเมื่อปีที่แล้ว


ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังเพิ่งถูกขอร้องแกมบังคับให้เพิ่มเวลาทำงาน จากเดิมที่เคยเข้าเป็นผลัด เช่นผลัดเช้า จาก 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น แล้วก็ให้มาเข้าเวรอีกที ตอน 5 โมงเย็นของวันถัดไปเพื่อออกเวร 9 โมงเช้านั้น ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องมาก่อนเวลาเข้าเวร 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่เกินมานั้น "ฟรี" ไม่มีการจ่ายค่าแรงเพิ่ม


หลักเกณฑ์การจ่ายค่าล่วงเวลาของ เจ้าหน้าที่ ตม. นั้น เก๋ บอกว่า สายการบินจะจ่ายให้ 10 บาท ต่อผู้โดยสาร 1 คนที่เดินทางนอกเวลาราชการ ฟังแล้ว อาจจะคิดว่ามาก แต่เก๋บอกว่า เงินจำนวนนี้ ต้องเอามาหารเฉลี่ยจ่ายให้กับ เจ้าหน้าที่ ตม. ทั่วประเทศ

"มันก็เท่ากับว่าเราทำงานเลี้ยงคนอื่นใช่ไหม งานก็หนักกว่า เงินก็พอๆ กัน ไม่ได้มีค่าเหนื่อยให้เป็นพิเศษ แล้วใครจะอยากทำ" นั่นคือ ที่มาของอาการซังกะตาย ไม่ยิ้มแย้ม หน้าบูดหน้าบึ้ง ซึ่งแทบจะกลายเป็นโลโก้ประจำตัวของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินสุวรรณภูมิไปแล้ว

เธอเองเข้าใจดีถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว แต่จะให้ตรวจเร็วกว่านี้ก็คงยาก เพราะนี่คือเรื่องความมั่นคงของชาติ แถมประเทศไทยเองยังขึ้นชื่อว่า "เข้าง่าย" เพราะเราเป็นประเทศที่เปิดรองรับการท่องเที่ยวอย่างเต็มสูบ ฉะนั้นขั้นตอนการสกรีนหลายๆ ครั้ง มักถูกยกให้เป็นหน้าที่ของ "ขาออก" แทน

และ เก๋ ยังขอความเห็นใจให้กับเพื่อuนร่วมงานของเธอ โดยยอมรับว่า บริการอาจจะช้าหรือดูไม่เป็นมิตรในบางครั้ง แต่ก็อยากให้ช่วยเข้าใจกันด้วยว่า การให้บริการของพวกเธอต้องอยู่บนพื้นฐานความมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องยึดในหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด และคงจะลัดขั้นตอนไปไม่ได้

... เอ่ยถึง ตม. แล้วจะไม่กล่าวต่อถึงเจ้าของสถานที่อย่าง "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" คงจะไม่ได้ โดยเมื่อสอบถามไปยัง "วิไลวรรณ นัดวิไล" โฆษกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เกี่ยวกับปัญหานี้ เธอบอกว่า ทอท. พยายามแก้ปัญหาในทุกจุดเท่าที่ทำได้แล้ว นั่นคือ การปรึกษากับทาง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิ่มกำลังคน ซึ่งก็ได้ผลระดับหนึ่ง คือ จาก 60 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนช่องตรวจ ขณะนี้เพิ่มเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเคลียร์คนที่อยู่ในพื้นที่คอกกั้นได้ภายในเวลา 24 นาที


ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ โดยสาร การเปิดให้สายการบินเช็คอินได้เร็วขึ้น จากเดิมที่เคาน์เตอร์เปิดล่วงหน้า 3 ชั่วโมง แต่เดี๋ยวนี้ก่อนเวลาบอร์ดดิ้ง 6 ชั่วโมงก็มาเช็คอินได้ จนถึงการพยายามประชาสัมพันธ์ผ่านหลากหลายช่องทางเพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบ ถึงขีดจำกัดเหล่านี้และให้เดินทางมายังสนามบินล่วงหน้าเพื่อเผื่อเวลาสำหรับ ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง


แต่ทั้งหมดที่กล่าวไป ก็เป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังมีเพียงหยิบมือ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น นัยว่า ถ้าจ่ายเงินจ้างเองแล้วจบปัญหาได้ ทอท. ก็คงจะทำไปแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกฎระเบียบยุ่บยั่บที่ไม่สามารถขยับหรือทำอะไรกับหน่วยงานราชการได้

โยนลูกกันกลับไปกลับมาอย่างนี้ สโลแกน "ตม.พ่อทุกสถาบัน" น่าจะเหมาะสม เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าเส้นไม่ใหญ่ ก็มีสิทธิติดแหง็กที่หน้าด่าน ปราการประเทศไทยได้เหมือนๆ กัน

ที่มา

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20110207/375574/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2---%E0%B8%95%E0%B8%A1.%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%81.html

 
 

จากคุณ : Lord Vincent
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 13:24:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com