ความคิดเห็นที่ 1 อาทิตย์ที่แล้่วได้มีโอกาสกลับไปบ้านเกิดโดยมีจุดหมายที่การไปนมัสการพระบาทเขาคิชฌกูฏ โดยวางแผนการเดินทางว่าจะขับรถส่วนตัว ค้างคืนที่เมืองจันท์ 1 คืน แล้วตอนเช้าขับรถไปอำเภอเขาคิชฌกูฏ เอารถไปจอดที่โรงเรียนวัดพลวง ความตั้งใจแต่แรกคือจะเดินเท้าขึ้นไปจนถึงรอยพระพุทธบาท ออกเดินทาง 21.30 น. เริ่มต้นผมออกจากบางนา วิ่งตามเส้น บางนา-ตราด ถึงชลบุรี เข้าเส้นเลี่ยงเมืองสักพักก็เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปบ้านบึง ตรงนี้ถ้าใครมามอเตอร์เวย์ก็จะมาเจอกันที่จุด B ครับ ตรงยาวไม่สนใจใคร ดูป้ายหรือหลักกิโลที่บอกว่า แกลง และ จันทบุรี อย่างเดียว พอถึงแยกแกลงจะเจอถนนสุขุมวิท (3) ให้เลี้ยวซ้ายไปจันท์ครับ ตรงยาวมาอีก 55 กม. จะถึงแยกเขาไร่ยาครับ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:42:32

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงสี่แยกเขาไร่ยาเวลาประมาณตีหนึ่ง ผมตัดสินใจหาที่พักในเมืองจันทบุรีก่อน พอดีเป็นคนจันท์ฮิอยู่แล้วเลยขับรถหาที่พักไม่ยาก จะยากตรงที่มันเต็มเกือบทุกทีครับ ดันไปวันศุกร์ตอนช่วงเปิดเขาซะด้วย ยังดีที่หาที่ซุกหัวนอนได้ ถ้าให้แนะนำสำหรับคนต่างถิ่น พักชบารีสอร์ทง่ายสุดครับ ตามภาพเป็นสี่แยกเขาไร่ยาครับ ชบารีสอร์ทจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพนั่นแหละครับ อยู่ซ้ายมือก่อนถึงสี่แยกเขาไร่ยา พอตื่นเช้าออกรถจะได้เลี้ยวซ้ายไปทางหลวง 3249 เข้าอำเภอเขาคิชฌกูฏได้เลย หรือหาที่ัพักในเมืองจันท์จากกระทู้คุณ prettyguide ก็ได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10187330/E10187330.html จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:44:48

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับผม ตื่นเช้าแวะกินข้าวหมูแดงหมูกรอบเจ้าอร่อยในปั๊มเชลล์ ก่อนจะขับรถผ่านสี่แยกเขาไร่ยาตรงไปประมาณ 20 กม. ไปตามป้ายเรื่อย ๆ ไม่หลงแน่นอน แล้วไปหาที่จอดรถในโรงเรียนวัดพลวงเลยครับ ที่จุด A ตามรูปเลยครับ จากรูปจะเป็นแผนที่คร่าวๆ สำหรับการเดินทางขึ้นเขาคิชฌกูฏครับ จุด A เป็นบริเวณด้านล่าง ที่โรงเรียนวัดพลวง จอดรถฟรี แต่จะมีให้บริจาคช่วยเหลือโรงเรียนครับ แล้วแต่ท่านเลย จุดนี้ท่านสามารถซื้อของ ดอกไม้ ธูป เทียน ก่อนขึ้นเขาได้เลย หรือจะรองท้องก็ไม่ว่ากัน จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:45:56

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนผมก็เตรียมพร้อมก่อนการเิดิน เก็บภาพที่ระลึกก่อน เห็นลูกศรไหมครับ นั่นแหละก้อนหินที่พระบาทครับ เอาง่ายๆตามรูปแผนที่ข้างบน ผมยืนที่จุด A หันหลังให้จุด E ล่ะครับ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:47:04

ความคิดเห็นที่ 5 จุด B สันเขื่อน จุดเริ่มต้นการเดินขึ้นเขา มีศาลเจ้าพ่ออยู่ครับ ถ้าใครนั่งรถก็ยกมือไหว้สักนิดให้้ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง ใครจำได้ว่าเจ้าพ่ออะไร รบกวนบอกทีครับ ส่วนผมเดินขึ้นเลยได้จุดธูปเทียนกราบไหว้ที่ศาล จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:48:34

ความคิดเห็นที่ 6 เดินมาสักพักใหญ่ๆจะเจอสะพานธรรมสรคุณ ถ้าใครนั่งรถจะไม่มีโอกาสได้เยี่ยมชมน้ำตกคลองชามที่อยู่อีกด้านนึงของสะพานนี้ครับ จริงๆก็เป็นลำธารเล็กๆ น้ำตกสายเล็กๆ สภาพต่างจากหลายปีก่อนที่เคยมาพอสมควร น้ำน้อยคงเป็นเพราะแล้งด้วยครับ น้ำตกนี้อยู่ระหว่างจุด B และจุด C ครับ อ้างอิงภาพจาก #3 จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:49:49

ความคิดเห็นที่ 7 ร้านค้าระหว่างทางเดินในช่วงแรกเจออยู่ที่เดียว ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนมาก คงเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนเดินกันแล้ว นั่งรถสะดวกสบายกว่า ตรงนี้คือจุดแรกที่เริ่มสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงครับสำหรัีบการขึ้นเขา จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:51:10

ความคิดเห็นที่ 8 น่าดีใจที่ยังมีเด็กวัยรุ่นเดินขึ้นลงเขาบ้างประปราย อีกมุมหนึ่งหน้าร้านขายของครับ จะเห็นเด็กนั่งพักอยู่ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:51:43

ความคิดเห็นที่ 9 เดินมาถึงจุด C จุดจอดรถช่วงที่ 1 ซึ่งจะมีร้านอาหาร ห้องน้ำ และที่สักการะ ใครจะลงเดินเองหรือเปลี่ยนรถก็ทำได้ที่จุดนี้ครับ ผมก็ได้มาขึ้นรถที่จุดนี้ครับเนื่องจากคนที่ไปด้วยเดินไม่ไหวแล้ว กอรปกับวางแผนไว้ว่าจะลงเขาก่อนมืดเพื่อตีรถกลับกรุงเทพ จึงต้องขึ้นรถไปในช่วงที่ 2 นี้ครับ ทั้งช่วงที่ 1 และ 2 ระยะทางแต่ละช่วงประมาณ 2 กม. ครับ จุดนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ จุด D จุดจอดรถช่วงที่ 2 จะมีของขายคล้ายจุดแรก แต่เครื่องสักการะจะเยอะกว่า รวมถึงการขายดอกดาวเรือง สัญลักษณ์อีกอย่างของการเดินขึ้นพระบาทครับ จุดนี้เป็นต้นไปเป็นจุดที่ทุกคนต้องเดินขึ้นไปนมัสการพระบาทครับ ระยะทางประมาณ 1 กม. ยกเว้นผู้ที่เดินไม่ไหว จะมีเสลียงบริการ แต่ไม่เห็นมีคนใช้บริการเท่าไหร่ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:54:39

ความคิดเห็นที่ 10 ระหว่างทางเดินช่วงสุดท้ายนี้ เส้นทางค่อนข้างดี เดินได้สะดวกไม่เหมือนช่วงที่รถวิ่งซึ่งต้องคอยหลบรถที่วิ่งมาตลอด ตามทางก็จะมีของขายเป็นระยะ ส่วนคนก็ยังไม่เยอะมาก เดินกันไปได้เรื่อยๆ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:55:51

ความคิดเห็นที่ 11 ขึ้นไปเกือบถึงรอยพระพุทธบาทจะเจอรูปปั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินตั้งให้สักการะอยู่ จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:56:40

ความคิดเห็นที่ 12 ตรงจุดนี้ฝนเริ่มตั้งเค้า อากาศก็เริ่มเย็น ได้อะไรร้อนๆสักหน่อยจะดีมาก ก็เลยเดินตามกลิ่นไปเจอสิ่งนี้ เป็นอะไรที่ใช่เลย ไม่รู้จะบอกยังไงแต่อร่อยมาก ไม่เหมือนกินที่บ้าน ขนาดกลับมาแล้วยังต้องเข้าเซเว่นไปหามากินทีเดียว จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 13:57:38

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:01:43

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจากทานมาม่าได้แปบเดียว ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก รออยู่สักพักนึงยังไม่หยุด เสื้อผ้ารองเท้าก็เริ่มเปียก ความตั้งใจที่จะเดินไปให้ถึงผ้าแดงจึงต้องจบลงแค่นี้ หลังจากฝนตกปรอยๆ จึงได้เข้าไปสักการะพระบาทพลวง พอฝนซาคนก็เริ่มออกมาสักการะที่พระบาทกันแล้ว จะเห็นว่าบางคนยังใส่เสื้อกันฝนอยู่เลย รู้สึกว่าวันที่ไปจะมีคณะทัวร์จาก ขสมก. ขึ้นมาทำบุญด้วย ขากลับเห็นรถ ปอ. จอดอยู่หลายคันทีเดียว จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:01:59

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:02:30

ความคิดเห็นที่ 16 เนื่องจากฝนตกและขากลับเริ่มเมื่อยล้าพร้อมกับเสื้อผ้าเปียกชื้น จึงไม่ได้ถ่ายรูปมาเพิ่มครับ ก็ฝากรูปสุดท้ายตอนขาลงมาที่จอดรถแล้วกันครับ มุมเดียวกันกับตอนก่อนขึ้นเขา รูปนี้น่าจะเห็นหินที่รอยพระบาทกันนะครับ มีเมฆฝนปกคลุมครึมทีเดียว น่าแปลกที่ว่าด้านล่างนั้นฝนไม่ตกเลย จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:04:01

ความคิดเห็นที่ 17 ขอจบการรีวิวเล็กๆแค่นี้ละกันครับ อาจจะเป็นแนวทางให้คนที่ต้องการจะไปครับ บอกก่อนว่า ผมเป็นคนพื้นที่ซึ่งมีโอกาสได้ขึ้นนมัสการพระบาทเขาคิชฌกูฏมาตั้งแต่เด็ก การขึ้นเขาก่ิอนหน้านี้ในทุกๆครั้งจะเป็นการเดินขึ้นตลอดทาง จำความได้ว่า สมัยก่อนไม่ว่าจะเดินขึ้นเขาช่วงไหน ตั้งแต่เช้ามืดหรือเที่ยงคืนจะมีเพื่อนเดินไปตลอด (ตอนดึกคนจะน้อยหน่อย) ตามทางเดินจะมีร้านขายอาหารและน้ำดื่มเป็นเพิงเล็กๆตั้งอยู่ห่างๆกันให้ซื้อน้ำหรือขนมดับความหิวกระหาย ไม่ใช่หาได้ยากแบบตอนนี้ ส่วนรถนั่งก็มี แต่ไม่ได้ขับเร็วแบบสมัยนี้ คงเป็นเพราะถนนดีขึ้นรถแรงขึ้น ตรงนี้มั้งทำให้คนไม่อยากจะเดินขึ้นกันแล้ว ไหนจะต้องระวังทาง ระวังรถ ขณะที่แผงค้าบนเขา ตลอดจนศาลาของทางสงฆ์เอง ทุกอย่างเป็นพาณิชย์ไปหมด เสียงตามสายประกาศรายชื่อคนบริจาค เท่านั้นเท่านี้ จนถึงผู้มานมัสการเอง การแต่งกายของบางคนไม่เหมาะสมกับสถานที่เลย ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้พระบาทพลวงที่ตอนเด็กผมตั้งตารอจะขึ้นในทุกๆปี คลายความขลังลงไป กลายเป็นธุรกิจเข้ามาแทนที่ อย่างไรก็ตามเห็นหลายท่านแต่งชุดขาว อุ้มลูกจูงหลานมาขึ้นเขาเพื่อปลูกฝังความเป็นพุทธศาสนิกชน เห็นตรงนี้ก็ชื่นใจครับ ก็ขอฝากให้ท่านที่วางแผนจะมานมัสการพระบาทพลวง ให้คิดนิดนึงครับ เข้าใจว่าท่านขึ้นมาบนเขา อยากมาเจออากาศดีๆ เหมือนมาเที่ยวขึ้นเขาขึ้นดอย อันนั้นไม่ว่ากันครับ แต่อยากให้คำนึงว่าสถานที่ที่ท่านจะไปเป็นสถานที่ทางพุทธศาสนา การแต่งกายหรือกิริยามารยาทให้สำรวมนิดนึงครับ ขึ้นไปเจอกระโปรงสั้นปีนบันได โอ้ว ลมแทบจับกันเลยทีเดียว จบการรีวิวดีกว่าครับ... จบดื้อๆเลยละกัน เอาเป็นว่ามีข้อสงสัยตรงไหนก็สอบถามได้ครับ คิดว่ามีเพื่อนห้องนี้ที่เชี่ยวชาญเยอะอยู่เหมือนกัน จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:09:45

ความคิดเห็นที่ 18 เดี๋ยวนี้ที่ไหนคนไปเยอะที่นั่นก็จะเป็นธุรกิจไปหมดละครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:16:37

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องของความเชื่ออย่าไปตีความ ยิ่งมีเรื่องของศาสนาด้วยยิ่งไม่ต้องพูด ชาวพุทธไปอินเดีย ชาวอิสลามไปเมกกะ มันต้องใช้เงิน มันต้องเดินทาง มันต้องกิน ต้องมีรถรับจ้าง ต้องมีคนขายของ มันมาด้วยกันหมด อย่าไปคิดสงสัยในความศรัทธาเลย อนุโมธนาบุญกับเขาบุญเราก็จะทวีขึ้นด้วย จากคุณ : เป๋าตังค์เป๋าตุง เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:35:21

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับทุกท่านแหละครับ เรื่องนี้ไม่มีใครถูกผิด มีศรัทธาก็ต้องมีธุรกิจตามมา เมื่อก่อนตอนเด็กขึ้นนมัสการกี่รอบไม่เคยเห็นมีการโปรยพลอยที่พระบาท ผ่านไปหลายปี ไ่ม่รู้ว่าประเพณีนี้เกิดขึ้นมาตอนไหน จากคุณ : kaneshiro เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 14:45:24

ความคิดเห็นที่ 21 น้องๆ พระธาตุอินแขวนเลยนะนี่ แต่ระบบบริหารจัดการเพื่อให้คนท้องถิ่นได้ประโยชน์มากที่สุด ยังไม่ดีเท่าเขา จากคุณ : mamao เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 15:00:35

ความคิดเห็นที่ 22 ว่าที่แม่ยายผมเพิ่งไปสัปดาห์ก่อน แล้วกลับมาเล่าให้ฟังอยู่ครับ เห็นแล้วก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะครับ แห่ะๆๆ ปล. พระธาตุอินทร์แขวน ดูน่าจะเหนื่อยกว่าแค่เจอเสลี่ยงตื้อก็เหนื่อยแล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 18:44:36

ความคิดเห็นที่ 23 เพิ่งรู้คุณเจ้าของกระทู้เป็นคนเมืองจันท์  สบายดีนะคะ ขอบคุณสำหรับรีวิวพร้อมรายละเอียด กดเก็บเข้าคลังกระทู้เก่าไว้เรียบร้อยค่ะ   จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 54 23:34:57

ความคิดเห็นที่ 24 เพิ่งเคยไปครั้งแรก ดิฉันนำสังฆทานที่จัดเองไปถวายพระ ณ จุดถวายสังฆทาน โดนทั้งพระและลูกศิษย์พยายามให้ไปเอาถังที่จัดไว้ ดิฉันก็หยิบให้ดูว่านำมาเองแล้วต้องพูดอีก 2-3 ครั้งได้ จึงยอมทำพิธี คิดเหมือนเจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : travel alone2010 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 17:57:01

ความคิดเห็นที่ 25 ตรงใจจริงๆค่ะ เชื่อว่าคนจันท์ที่ได้เดินขึ้นเขาพระบาทพลวงมาตั้งแต่เด็กทุกคนคิดแบบนี้ จะอย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าช่วงเปิดเขาถือเป็นช่วงนาทีทองสำหรับใครหลายๆคน รถโฟร์วีลที่ใช้เป็นคิวขึ้นเขานั่น ออกใหม่แทบจะทุกปีค่ะ พ่อค้าแม่ค้าไม่ต้องพูดถึง รายได้เป็นกอบเป็นกำ คนจันท์บ้าง ต่างถิ่นก็เยอะ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ประโยชน์ก็เผื่อแผ่ทั่วถึงมาให้ชาวจันท์ค่ะ สอบถามจากทางผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก ตลอดจนร้านอาหารในจังหวัดจันท์ ล้วนพลอยได้รับอานิสงค์ คนมานมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว ก็ถือโอกาสมาเที่ยวด้วย ก็นับว่าเป็นโชคดีที่การท่องเที่ยวเมืองจันท์ได้ครึกครื้นบ้าง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ และขออนุญาตนำลิงค์รีวิวนี้ ไปรวมไว้ในกระทู้ตาม คห.2 ด้วยนะคะ ปล.กิฟท์หมดแล้ว มอบ ให้แทนนะคะ จากคุณ : prettyguide เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 01:14:54

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเป็นคน กทม แต่ตายายไปซื้อที่ๆจันท์มา 50กว่าปีแล้วชีวิตผมเกือบครึ่ง นึงก็อยู่เมืองจันท์นี่เเหละ  เคยเดินขึ้นเขาเหมือนกันตั้งแต่ยังไม่มีรถวิ่งขึ้น ....มีเรื่องมาเล่านิดนึงแต่เดิมอย่างรถขึ้นเขาๆจะขึ้นตรงกับวัดใครจะมาวิ่ง ต้องมาติดต่อหลวงพ่อเขียนส่วนใหญ่ก็หน้าเดิมๆเพราะเค้าก็จะเอาพวกๆกัน เท่านั้นคนอื่นคนนอกพื้นที่หมดสิทธิ์    แต่ปีนี้เปลี่ยนแล้วมีกลุ่มนายทุนมา เหมาสัมปทานไปเรียบร้อยเค้าจ่ายให้วัดไปเลยหนึ่งก้อน  ส่วนรายได้ตอนนี้ ก็ไปตกลงกันเอาระหว่างเจ้าของกับคนขับ  ที่สำคัญเห็นว่าปีหน้าอาจมีการ ลาดยางทางขึ้นเขาด้วย  สมัยก่อนตอนผมบวชเป็นพระก็บวชอยู่วัดกระทิงนี่ แหละหลวงพ่อเขียนท่านบวชให้ช่วงนั้นมันช่วงเขาเปิดพอดีก็เลยได้ขึ้นไปช่วย งานหลวงพ่อ  ทำหน้าที่แลกแบงค์ขวัญถุงใบละ 20 นั่นแหละนั่งอยู่ข้างๆ หลวงพ่อเขียนเลย   แต่เดี๋ยวนี้เค้าจะไม่ให้พระเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วให้อยู่ใน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางธรรมมากกว่า   เรื่องผลประโยชน์เนี่ยอีกหน่อยจะมี ปัญหาคือตอนนี้หลวงพ่อเขียนท่านยังอยู่  คนส่วนใหญ่ก็เลยเกรงบารมีท่าน ลองท่านไม่อยู่แล้วล่ะก็  ผมบอกได้เลยนะว่างานนี้มียิงแน่นอนครับ ปล      เคยมีความคิดจะสร้างกระเช้าแต่ทางชาวบ้านและพวกคนขับรถขอ เอาไว้อย่างน้อยขอให้ชาวบ้านทำมาหากินได้ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 12:43:08 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 54 12:42:01 จากคุณ : ไหปลาร้า เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 54 12:39:49