ความคิดเห็นที่ 1 ไหน  ไปดูสิว่าทำกันอย่างไร  ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 14:56:34

ความคิดเห็นที่ 2 มาดูประวัติกันซักนิดหนึ่งก่อนเข้าสู่เนื้อหาความรู้กันเต็มๆค่ะ .......... วันนี้เราจะมีสาระกันให้สุดๆไปเลย ...ก็เลยอาจจะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์เบื่อๆกันไปบ้าง...เนื้อหาผิดถูกประการใด ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดไว้แต่ผู้เดียวค่ะ...ท่านใดที่มีข้อมูลที่ถูกต้องกรุณาแย้งได้เลยนะคะ... เพราะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอาจจะจับใจความผิดพลาดได้ค่ะ....(ภาษาอังกฤษสำเนียงเยอรมัน จะครืดคราดในลำคอค่ะ...อ้างไว้ก่อน จริงๆแล้ว...ภาษาอังกฤษเราแตกร้าวเองต่างหาก ^^) ที่โรงเบียร์ Erdinger Weiss beer ตั้งอยู่ที่ตำบล Erding ห่างจากมิวนิคประมาณ 40Km. เป็นโรงเบียร์ที่ผลิต Wheat Beer(เบียร์ที่ทำจากข้าวสาลี)ใหญ่ที่สุดในโลก(ตามที่คนที่โรงเบียร์ Erdinger บอกไว้) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 14:57:53

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเล็กทาโร่มาไวมากเลยค่ะ... คนทำมีกำลังใจอีกเป็นกองค่ะ ^^ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 14:59:23

ความคิดเห็นที่ 4 แรกเริ่มเดิมทีก่อตั้งโดยJ ohann Kienle. ปี 1886 ต่อมา Franz Brombachซื้อกิจการในปี1935 และเปลี่ยนชื่อโรงงานเป็น Erdinger Weissbier ในปี 1949        และปัจจุบันได้ตกทอดมาที่ลูกชายคือ Werner Brombachตั้งแต่ปี 1975 สืบทอดเบียร์สไตล์โอลด์บาวาเรี่ยน(Old Bavarian style) รสชาติพิเศษเฉพาะตัว  มาจนปัจจุบัน   ....มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.45 ล้านเฮกโตลิตร(million hl, hl=Hectolitre,1hl=100litre)หน่วยเฮกโตลิตรเป็นหน่วยที่ใช้กันแพร่หลายในโรงงานผลิตเบียร์ค่ะ มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 400คนค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:02:03

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อความไม่ชัดค่ะ ลงซ้ำอีกที ...แรกเริ่มเดิมทีก่อตั้งโดยJohann Kienle. ปี 1886 ต่อมา Franz Brombachซื้อกิจการในปี1935 และเปลี่ยนชื่อโรงงานเป็น Erdinger Weissbier ในปี 1949 ..... และปัจจุบันได้ตกทอดมาที่ลูกชายคือ Werner Brombachตั้งแต่ปี 1975 สืบทอดเบียร์สไตล์โอลด์บาวาเรี่ยน(Old Bavarian style) รสชาติพิเศษเฉพาะตัว  มาจนปัจจุบัน มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.45 ล้านเฮกโตลิตร(million hl, hl=Hectolitre,1hl=100litre)  หน่วยเฮกโตลิตรเป็นหน่วยที่ใช้กันแพร่หลายในโรงงานผลิตเบียร์ค่ะ มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 400คน จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:04:23

ความคิดเห็นที่ 6 Erdinger Wheat Beer ผลิตจากวัตถุดิบหลักที่สำคัญ(Raw material)อยู่ 4อย่างคือ 1. Water น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินตามธรรมชาติ(deep spring) ลึกประมาณ 160เมตร ที่ซึ่งเป็นน้ำที่เย็นและบริสุทธิ์(จากการผ่านชั้นหิน) 2. Malt มีทั้งwheat malt และ barley malt ที่ผ่านการคัดสรร จากโรงผลิตมอลต์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ รวมถึงมีspecial malt บางตัวที่ช่วยในเรื่องกลิ่น สี หรือเพิ่มฟองเบียร์ 3. Hop ฮอพ ที่ให้ความขมและรสชาติรวมถึงกลิ่นหอม มาจาก Hallertau region ภูมิภาคที่เป็นแหล่งปลูกฮอพที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน 4. Yeast ยีสต์ ใช้ท็อปยีสต์(Top fermenting yeast)สายพันธ์เฉพาะหนึ่งเดียวในโลก .........(แต่ละBrewery จะเก็บเป็นความลับ) ที่เพาะและเก็บสายพันธ์ใช้เอง ซึ่งยีสต์นี่เองที่เป็นตัวกุมความลับและรสชาติที่แตกต่างกันไปของเบียร์แต่ละชนิด จะอร่อยมาก หอมมาก มีmouth feel แค่ไหนก็เป็นที่สายพันธ์(variety)ค่ะ......... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:08:25

ความคิดเห็นที่ 7 เบียร์ที่เออร์ดิงเงอร์นี่ ผลิตภายใต้ Bavarian purity law ค่ะ ........ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าที่สุดเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารโดยรัฐบาลบัญญัติขึ้นตั้งแต่ปี 1516ค่ะและยังมีผลใช้อยู่ในปัจจุบัน   ทำให้การันตีได้ว่าเบียร์ที่นี่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่สะอาดปลอดภัยจริงๆ... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:10:01

ความคิดเห็นที่ 8 กลับมาว่ากันเรื่องยีสต์ซักนิดนึง.... ยีสต์ที่ใช้หมักเบียร์แบ่งเป็นสองชนิดคือ Bottom yeast กับ Top yeast ........ซึ่งยีสต์ทั้ง2แบบมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือเปลี่ยนน้ำตาล(ที่ได้จากการHydrolysisแป้งในมอลต์) ให้เป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(ethyl alcohol, CO2)   มีความต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดกระบวนการหมักแล้ว(ระยะเวลาประมาณ 7-10วัน) เจ้าtop yeast จะลอยขึ้นด้านบน ส่วน bottom yeast จะตกลงสู่ด้านล่างของถังหมักเพื่อรอการcrop yeast ไปใช้ต่ออีก ++++Top yeast จะให้กลิ่นเฉพาะตัวเบบผลไม้ (fruity ) ซึ่งทำให้เบียร์ในตระกูล Weizenหรือเบียร์กลิ่นผลไม้ใช้ top yeast ในการหมักทั้งหมด แต่ก็มีบางที่ที่ใช้ยีสต์ทั้งสองแบบร่วมกันโดยจะเริ่มที่ top ก่อนในช่วงprimary fermentation(7วันแรก) จากนั้นถ่ายออกแล้วใส่ bottom yeast ในช่วงที่สองของการหมัก(secondary fermentation) อีกประมาณ 7วัน ทั้งนี้ ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสูตร(recipe)ของแต่ละโรงงานค่ะ ว่าอยากให้เบียร์ที่ออกมารสชาติ กลิ่นเป็นไปแบบไหน++++++ +++++++Bottom yeast จะใช้กับเบียร์ในตระกูล Lager beer ทั้งหมดค่ะมอลต์ที่ใช้ส่วนใหญ่คือ barley malt  (Singha , Leo,Chang ,Heineken จัดว่าอยู่ในกลุ่มนี้ค่ะ)++++++++ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:14:44

ความคิดเห็นที่ 9 มาดูขั้นตอนง่ายๆโดยทั่วๆไปกันค่ะ----Brewing process 1.++Mill คือบดข้าวมอลต์ให้ละเอียด(เพื่อง่ายต่อการเปลี่ยนแป้งในมอลต์ให้เป็นน้ำตาล) 2.++Mash tun คือหม้อผสมที่มีการใส่ไอน้ำหรือน้ำร้อนเข้าไปสู่กระบวนการHydrolysis เปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จากนั้นจะมี Lauter tun หรือหม้อกรองเพื่อกรองกากข้าวมอลต์ออก 3.++Brew Kettle คือหม้อเคี่ยวที่จะต้มจนได้ค่าความหวานตามสูตรที่กำหนด ฮอพจะถูกใส่ลงไปช่วงนี้เพื่อให้ได้ทั้งค่าความขมและความหอม(bitter and aroma hop) ผลิตผลจากช่วงนี้เรียกว่า wort (น้ำหวาน) 4.++Fermentation tank ถังหมักได้จาก การทำwort ให้เย็นเพื่อตกตะกอนโปรตีนและใส่ยีสต์ที่เป็นสายพันธ์เฉพาะลงไป สำหรับ Erdinger ใช้ท็อปยีสต์(top fermenting yeast) เป็นหลักใช้เวลาประมาณ7วัน 5.++Filtration หลังจากหมักจนได้ที่แล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการกรองเบียร์ค่ะ เพื่อถ่ายยีสต์ออก ตอนนี้เบียร์จะใสมากขึ้น ภาษาโรงเบียร์เรียกว่า green beer หรือ young beer ค่ะ(เบียร์เด็กๆ ^^) 6.++Conditioning tank หรือ storage tank หลังจากถ่ายยีสต์แล้วจะเข้าสู่ช่วงการบ่มเบียร์อีกประมาณ 5-10วันเพื่อให้ได้รสชาติดีมากขึ้นค่ะ 7.++Pasteurizer ที่ Erdinger ไม่มีกระบวนการนี้ค่ะ ใช่แล้วเบียร์เค้าไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ เนื่องด้วยภูมิอากาศที่หนาวเย็นกว่าประเทศไทย...ทำให้ไม่ต้องกังวลกับเชื้อโรคใดๆ ด้วยตัวเบียร์เองที่มีแอลกอฮอล์ ไหนจะฮอพ ที่นอกจากจะให้รสขมและหอมแล้วตัว ฮอพเองยังช่วยยับยั้งเชื้อโรคอีกด้วย แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 54 15:26:24 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 54 15:25:42 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:22:26

ความคิดเห็นที่ 10 ผิดกับอากาศร้อนและชื้นอย่างบ้านเราค่ะ ที่ต้องมีการฆ่าเชื้อด้วย pasteurization ไหนๆก็ลงลึกในรายละเอียดแล้ว ก็ต่อด้วย Pasteurization อีกซักหน่อยค่ะ Pasteurization มี2 แบบค่ะ คือ จริงๆแล้วเชื้อที่เป็นเป้าหมายก็คือยีสต์ค่ะ แต่ผลพลอยได้อย่างอื่นคือกรณีมีเชื้อที่เราไม่ต้องการปะปนมาด้วยค่ะ 1. Tunnel Pasteurization(วิธีดั้งเดิม) เป็นการฆ่าเชื้อทั้งเบียร์และภาชนะบรรจุแบบเข้าตู้ที่ควบคุมอุณหภูมิและเวลาตามที่ต้องการค่ะ ว่ากำหนดไว้กี่ PU 2.  Flash Pasteurization(วิธีใหม่) ตัวนี้ฆ่าเชื้อที่น้ำเบียร์อย่างเดียวค่ะ กรรมวิธีนี้ ภาชนะบรรจุต้องมั่นใจว่าสะอาดจริงๆ(Hygenic)วิธีนี้จะให้รสชาติเบียร์ที่ยังคงสดอร่อยมากกว่า   ++สำหรับที่โรงงานของเราที่เมืองไทยมีทั้ง 2 วิธีค่ะ++ ^^ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:25:10

ความคิดเห็นที่ 11 Erdinger ไม่ตกเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมค่ะ   .........จากกระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อนในช่วง ทำwort ให้เย็นจะได้ความร้อนกลับคืนไปสู่กระบวนการต้มเบียร์ถึง 80% รวมถึงกากข้าวมอลต์(spent grain) ก็จะส่งไปยังFarmer ใกล้ๆเพื่อเป็นอาหารเลี้ยงวัวอีกด้วย ..... ตึกกระจกที่เห็นควันสีขาวพวยพุ่ง เป็นห้องที่นำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ซ้ำ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:29:06

ความคิดเห็นที่ 12 ถังหมัก Fermentation cellar ของ Erdinger มีทั้งหมด 64ถัง แต่ละถังจุ 1,250 hl เป็นแบบเก่าคือถังนอนค่ะ     แบบใหม่ถังจะเป็นแนวตั้งเสียเป็นส่วนใหญ่ ถังกรอง Filtration cellar จะมีสองFilter ค่ะโดยก้าวตามเทคโนโลยีล่าสุด ++++ Filter แรกเป็น Cartridge filter กรองได้ถึง 55,000 litre /hour ++++ Filter สองจะเป็น Frame filter กรองเบียร์ได้ 22,000 litre/hour ไม้ได้ถ่ายภาพที่ Erdinger มาค่ะ ขออนุญาตเอาภาพโรงงานในเครือของเราที่บางเลนมาลงค่ะ....ถังหมักคือถังที่เห็นอยู่ขวามือสุด 3-4 ถังนั่นแหละค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:45:08

ความคิดเห็นที่ 13 เบียร์ที่นี่จะเน้นที่บรรจุลงลังค่ะ(บ้านเราบรรจุลงกล่องกระดาษ)  เน้นส่งออกมากกว่าขายในประเทศ  และกระบวนการที่พิเศษคือไม่ผ่านการพาสเจอไรส์  อายุเบียร์จึงการันตีที่ประมาณไม่เกิน 6เดือน   เบียร์ที่ Erdinger จะมีเทคนิควิธีที่เค้าคุยอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นโรงเบียร์เดียวในโลกที่ใช้วิธีบ่มแบบ Bottle Fermentation ด้วย ...........ไอ้ Bottle fermentation เป็นยังไง... แปลกประหลาด(พิเศษ) กว่าชาวบ้านเค้าตรงไหน เราลองมาดูกันค่ะ   .............รวบรัดตัดตอนมาที่ขั้นตอนของ green beer เลยเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ^^ จาก green beer จะผ่านการกรองเพื่อเอาตะกอนและโปรตีนออก จากนั้นจะใส่ยีสต์ใหม่และ wort(น้ำหวานของ wheat malt จากขั้นตอนการเคี่ยว)ลงไปผสมในถัง(ไม่ยอมบอกอัตราส่วนค่ะ...ความลับ) จากนั้นจะทำการบรรจุใส่ลงขวดหรือ Keg (อ่านว่าเค้กค่ะออกเสียงสั้นๆ หรือถังเบียร์สด)  แล้วแต่แผนการผลิตค่ะ                   วิธีนี้เนี่ยแหละที่เรียกว่า Bottle fermentation เพราะการบ่มจะเริ่มจากขวดหรือถังเบียร์สดที่นำไปเก็บรักษาที่คลังสินค้า (Warehouse) ที่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม และใช้ระยะเวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของเบียร์(beer type) ยีสต์และน้ำหวานที่ใส่ลงไปใหม่เป็นการบ่มรอบสอง จะให้เบียร์ที่มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะของ Erdinger wheat beer                   ต้องขอบอกว่านายแน่มาก....เพราะการหมักต่อในขวดอาจทำให้ขวดระเบิดได้เนื่องมาจากแรงดันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็น by product .... แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 54 17:18:12 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 54 17:16:19 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:51:33

ความคิดเห็นที่ 14 ทานไม่เป็นแต่อยากตามไปเที่ยวด้วย จากคุณ : โอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 15:52:01

ความคิดเห็นที่ 15 ปัจจุบัน Erdinger ผลิตเบียร์อยู่ 9ชนิด ดังนี้ค่ะ มาดูกันทีละ 3 ชนิดนะคะ จะได้เห็นรูปร่างหน้าตากันด้วย 1. Weissbier(เบียร์สูตรดั้งเดิม)ฉลากเบียร์เป็นสีขาวครีม-  a golden cloudy beer (alc 5.3%, white/cream label) 2.Alkoholfrei beer(alcohol free) - an alcohol free version (alc 0.4%, blue label) เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ(ส่วนใหญ่เบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน1% จะถูกจัดให้เป็น alcohol free beerค่ะ)ฉลากเบียร์สีฟ้า แต่ยังคงกลิ่นและรสชาติดั้งเดิมไว้ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และผู้ที่ไม่อยากพลาดงานสังสรรค์แต่ต้องขับรถไปทำธุระต่อ... 3.Pikantus (picaanthus) หรือ Bockbeeer ฉลากสีทอง เบียร์ดำที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูงถึง 7.3% รสชาติเข้มที่สุดในบรรดาเบียร์ทั้ง 9ชนิด เป็นเบียร์ที่เหมาะกับช่วงอากาศหนาวเย็น ใช้ระยะเวลาบ่มเบียร์ที่นานกว่าเบียร์อื่น รสชาติจะหวานน้อยกว่าbockbeer ทั่วไป ทำมาจากWheat malt ผสมกับ Barley maltค่ะ -  a dark weizenbock beer .... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:06:06

ความคิดเห็นที่ 16 คุณโอลีพ/แม่น้องเซ้นต์ (olives) : ยินดีอย่างยิ่งที่มีเพื่อนร่วมทางค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:07:35

ความคิดเห็นที่ 17 4.Kristallklar (crystal clear)ฉลากเบียร์เป็นสีเงินค่ะเป็นเบียร์ที่ผ่านการกรองอย่างดี เนื้อเบียร์จึงใสปิ๊ง...ชวนดื่มเหมาะกับช่วงหน้าร้อนค่ะ-  a filtered Weißbier (alc 5.3%, silver label) 5.Dunkel หรือ Dark beer(เบียร์ดำ)ฉลากเบียร์สีดำให้สมกับชื่อค่ะ-  a dark brown type (alc 5.6%, black label) 6.Leicht (light) - a light beer เบียร์รสชาติอ่อน ดีกรีแอลกอฮอล์ก็น้อยกว่าเบียร์ทั่วไปประมาณครึ่งหนึ่งค่ะ (alc 2.9%) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:09:59

ความคิดเห็นที่ 18 7.Schneeweiße (snow-white)เริ่มผลิตเมื่อปี 1997 เป็นเบียร์ที่ผลิตตามฤดูกาลเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้น รสชาติจะเข้มข้นกว่าสูตรดั้งเดิมค่ะ  - a seasonal beer brewed from November to February (alc 5.6%) 8.Erdinger Champ(alc 4.7%)  –ถือว่าเป็น Innovation beer ......เบียร์นวัตกรรมเป็นยังไง ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ดื่มได้โดยตรงจากขวด...เอ...ยี่ห้ออื่นเราก็สามารถดื่มโดยตรงจากขวดได้เหมือนกันนี่นา แล้วมันinnovation ตรงไหน?? คำตอบคือ innovation ตรงขวดเบียร์เนี่ยแหละค่ะ... อย่าเพิ่งขมวดคิ้วค่ะ... ขวดของChamp จะออกแบบมาให้สามารถบิดที่ฝาขวดเปิดออกได้โดยไม่ต้องพึ่งที่เปิดขวดให้ยุ่งยาก โดยแฝงกลเม็ดเคล็ดลับไว้ที่ก้นขวดทุกขวดให้มีล็อคสำหรับพอดีขนาดฝา เมื่อจะเปิดก็เอาเบียร์ Erdinger Champ มา2ขวด วางขวดหนึ่งอยู่ข้างบน แล้วเอาปากขวดที่สองสอดเข้าไปใต้ก้นขวดแรก ขยับให้ลงล็อคแล้วก็บิด...แค่เนี้ย...คุณก็สามารถดื่มเบียร์ได้แล้ว สุดยอดกระบวนการคิดมั้ยคะ...เพราะเจ้าหน้าที่ที่นู่นแอบกระซิบมาอีกว่าจะได้ซื้อเบียร์ทีละ 2ขวดอีกด้วยไงคร้าบ.... 9.Urweisse (alc 5.2%) เบียร์ที่มีวางขายอยู่ในร้านของที่ระลึกสำหรับแฟนคลับโดยเฉพาะ ดีไซน์รูปทรง ฉลากให้เป็นแบบ Good old Bavarian tradition บนฉลากจะพิมพ์รูปหอคอยที่สวยงามของเมืองเออร์ดิง(Erding) ให้รำลึกถึงความทรงจำในอดีต รวมถึงลังที่ทำจากไม้แทนที่จะเป็นพลาสติก ให้ความรู้สึกเก๋ เท่ อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วยค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:13:42

ความคิดเห็นที่ 19 Urweisse beer บรรจุอยู่ในลังไม้สวยเก๋.... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:15:22

ความคิดเห็นที่ 20 จบภาคทฤษฎีแล้ว.....คราวนี้เข้าชมของจริงกันเลยค่ะ....อะ.. Let's go สภาพบรรยากาศยามเช้าของโรงเบียร์ Erdinger เมื่อวันที่ไปถึงค่ะ ประมาณ 10.00 น. จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:18:25

ความคิดเห็นที่ 21 กับบุรุษผู้ที่จะเป็นผู้นำทางพวกเราชมกระบวนการผลิตเบียร์ค่ะ( ผมขาวนะคะ) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:19:12

ความคิดเห็นที่ 22 ด้านหน้าตึกที่ทำมุมล่างด้านซ้ายให้เป็น Fan shop ร้านขายของที่ระลึก ที่นี่จะมีกิจกรรม Brewery tour ให้แกนักท่องเที่ยวทั่วไปที่สนใจเข้าชมกระบวนการผลิตเบียร์เช่นกัน โดยจะเปิดให้เยี่ยมชมได้ตั้งแต่วันอังคารถึงวันเสาร์ มีรอบของการเข้าชมวันละ 3 รอบ ยกเว้นวันเสาร์ที่มีแค่2 รอบ สนนราคาคนละ 10 Euro เด็กอายุต่ำกว่า 16 เข้าฟรีค่ะ..... ............ซึ่งราคานี้จะรวมถึงการได้ชิมเบียร์ ไส้กรอกขาว และเพรทเซลที่ศูนย์รับรองผู้เยี่ยมชมด้วยค่ะ  เหมือนเราเปี๊ยบ.....  แต่เราฟรีทุกรายการ ...อันเนื่องมาจากการเป็นพันธมิตรอันแนบแน่นของบอสเรา (ขอเอ่ยนามท่านซักนิดนึงเพื่อเป็นการให้เกียรติค่ะ คุณอิสระ ขาวละเอียด Brewmaster คนไทยลำดับต้นๆของประเทศ ไม่มีใครในแวดวงเบียร์จะไม่รู้จักท่านค่ะ  ฝีมือไม่ต้องพูดถึงค่ะ ท่านได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักดีในต่างประเทศ) กับCEO ของที่นี่ค่ะ Mr. Peter Liebert .....ซึ่งท่านได้ให้เกียรติมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:22:04

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพด้านหน้า Fan shop ชัดๆค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:22:48

ความคิดเห็นที่ 24 ป้ายต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมโรงเบียร์ค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:23:15

ความคิดเห็นที่ 25 ได้เวลาเดินตามหลัง คนๆนี้แล้ว..... Let’s go จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:23:51

ความคิดเห็นที่ 26 ด้านนอกถังหมักค่ะ.... จะเห็นน้ำเบียร์สีเหลืองอำพันตรงช่องกลมๆ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:24:14

ความคิดเห็นที่ 27 มุมมองถังต้มเบียร์จากภายนอกค่ะ ห้องนี้จัดให้เป็นห้องโชว์(ซึ่งต้มเบียร์จริงๆ) เอาไว้สำหรับให้แต่ละหมู่คณะเข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยจะมีกล้องถ่ายรูปติดตั้งอัตโนมัติไว้ที่เพดาน เมื่อถ่ายรูปเสร็จเราจะได้รับ code หรือรหัสภาพมาสำหรับเข้าไปดาวน์โหลด หรือดูรูปจากเว็บไซต์ของเค้า และสั่งprint ได้เองตามใจชอบ.... แต่ก่อนหม้อต้มเบียร์จะทำจากทองแดงค่ะ(copper) แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็น stainless steel กันเกือบหมดแล้ว เพราะทำความสะอาดง่ายกว่า จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:25:22

ความคิดเห็นที่ 28 ป้ายหน้าห้องน้ำ...ก็ยังเป็น Erdinger .(จะให้เป็นชื่ออื่นได้ยังไงล่ะ??? บ้า...) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:27:08

ความคิดเห็นที่ 29 ระหว่างบรรยาย และเปิดวีดีโอให้ชมประวัติ ก่อนเข้าไปดูของจริงค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:27:44

ความคิดเห็นที่ 30 เพดานของห้องรับรองที่สวยเก๋มากๆ.... ทำเป็นรูปแผนที่โลกด้วย จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:28:17

ความคิดเห็นที่ 31 นี่แหละค่ะ โฉมหน้า Mr. Peter Liebert CEO ของที่นี่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับบอสของเรา และอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง รวมถึงการให้เกียรติมาต้อนรับด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าบอสของเราจะไม่ได้เดินทางมาด้วยก็ตาม... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:29:04

ความคิดเห็นที่ 32 ดูกันให้ชัดๆค่ะ......หล่อมั้ยเอ่ย... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:29:51

ความคิดเห็นที่ 33 ตัวอย่างของวัตถุดิบหลักค่ะ #ขวดเขียวๆคือฮอพสกัด(ให้ความขม) #ขวดที่เหลือเป็นมอลต์ข้าวสาลี(wheat malt) #ส่วนขวดสีดำๆเป็น dark malt หรือมอลต์ที่ให้สีที่เข้มข้น และกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:31:38

ความคิดเห็นที่ 34 ห้องต้ม(Brew house) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:32:29

ความคิดเห็นที่ 35 จุดนี้เป็นห้องที่เชื่อมต่อทุกถังหมักมาไว้ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการเก็บตัวอย่างสำหรับชิมและวิเคราะห์ จะเห็นเป็นรูกลมๆเว้าเข้าไปที่ฝาผนังเรียงรายทั้งสองฝั่งนั่นแหละค่ะ หนึ่งวงกลมจะเป็นตัวแทนหนึ่งถังหมัก ดูความสะอาดซิคะ ไม่มีหยดน้ำให้เห็นบนพื้นเลยแม้แต่หยดเดียว!! อ่างสีขาวที่เห็นไกลๆ 2อ่างจะบรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อล้างอุปกรณ์ ข้อต่อ สายยาง วาล์วต่างๆค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:33:28

ความคิดเห็นที่ 36 ระหว่างบรรยาย จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:34:01

ความคิดเห็นที่ 37 ระหว่างทางเดิน จะมีการจัดบอร์ดข้างผนัง ทำเป็นรูปร่างฝาเบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งในแต่ละฝาจะมีรูปภาพพนักงาน ระบุวัน ที่เริ่มเข้าทำงานที่นี่ไว้.... เป็นอีกหนึ่งถึงความใส่ใจอันมีต่อพนักงาน ซึ่งจัดเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าของบริษัท จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:34:57

ความคิดเห็นที่ 38 นี่ไงภาพ CEO บนฝาเบียร์ เข้ามาทำงานตั้งแต่ปี 1996 แน่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:35:33

ความคิดเห็นที่ 39 นี่เป็นภาพบริเวณห้องบรรจุค่ะ (filling line) กลมๆที่เห็นคือหัวบรรจุที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:36:15

ความคิดเห็นที่ 40 บอกกำลังการผลิต 55,000 ขวด/ชั่วโมง ที่ไลน์บรรจุที่ 1 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:36:52

ความคิดเห็นที่ 41 อีกมุมหนึ่งของไลน์การผลิตค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:37:20

ความคิดเห็นที่ 42 ส่วนนี้เป็นส่วนของการลำเลียงลังเปล่าพลาสติกสีส้ม เข้ามาล้างก่อนไปทำการบรรจุขวดลงค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:37:43

ความคิดเห็นที่ 43 ขวดที่บรรจุเบียร์แล้ว ถูกส่งลงลังเตรียมไปบ่มแบบ Bottle fermentation (เทคนิคเฉพาะดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นๆ)...ต่อที่warehouse จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:39:24

ความคิดเห็นที่ 44 ถ่ายภาพด้านหน้าโรงเบียร์กันซักหน่อย...เดี๋ยวเครียดเกิน.... relax .relax วันนี้หิมะเริ่มละลายเป็นบางส่วน ทำให้ถนนเฉอะแฉะไปหมด จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:39:51

ความคิดเห็นที่ 45 รถยนต์ก็ Erdinger แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 54 16:40:41 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:40:23

ความคิดเห็นที่ 46 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:41:20

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนนี้อยู่ใน warehouse แล้วค่ะ บางส่วนจะถูก repacked ใหม่ใส่กล่องสำหรับส่งต่างประเทศ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:41:54

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพเบียร์แต่ละแบบที่สามารถผลิตได้ ....ถ่ายเก็บได้ไม่ครบ 9 ชนิด T_T จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:42:28

ความคิดเห็นที่ 49 หลังเสร็จสิ้นทัวร์แล้ว ก็เป็นเวลาที่ (พวกผู้ชาย) รอคอยเป็นอย่างยิ่ง.... แหม ตอนเดินชมกระบวนการผลิต เห็นทำหงอยๆกัน...พอถึงตอนนี้ ขมีขมันเดินกลับมาที่ศูนย์รับรองเชียว ได้เวลาลิ้มลองชิมเบียร์สดๆ รสชาตินุ้ม นุ่มที่ผลิตที่นี่ ให้ความรู้สึกที่เข้ากับบรรยากาศหนาวเย็นเป็นที่สุด... สองสาวที่เห็นนี้เป็นเจ้าหน้าที่รินเบียร์ แจกจ่ายให้พวกเราค่ะ รวมถึงบริการเสิร์ฟไส้กรอกขาว (Weisswurst ) ที่ใครจะกินกี่ชิ้นก็ได้ เติมไม่อั้น(คะเนว่า เฉพาะกรุ๊ปเราเท่านั้น) ...กรุ๊ปอื่นๆ คงได้แค่เบียร์หนึ่งแก้ว ไส้กรอกหนึ่งชิ้น กับเพรทเซลไม่จำกัดเท่านั้น เฮ้อ....นึกแล้วต้องขอขอบคุณบอสเราอีกรอบ พูดถึงบอส ขอแอบนินทาต่อแป๊บนึงค่ะ(ปกติไม่เค้ย..ไม่เคยนินทานายให้คนอื่นฟังเลยนะเนี่ย...แฮ่ม...) เป็นความน่ารักของนายที่แสนจะห่วงลูกน่องอย่างพวกเรามากเหลือเกิน ...คงกลัวจะไปทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อน...อับอายขายยี่ห้อไปถึงนายรึเปล่าก็ไม่รู้... นายโทรเช็คตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนออกเดินทางจากโรงแรมพร้อมกำชับว่าห้ามไปสายนะ นัดเค้าไว้ 10.00 น. ก็ต้องตรงเวลาเพราะคนเยอรมันเป็นคนตรงเวลามาก อย่าให้เสียชื่อ(นาย) เป็นอันขาด จากนั้นก็โทรเช็คทุกๆ 30 นาที ว่าถึงไหนแล้ว....บลา บลา บลา ... ยิ่งช่วงเช้าวันนั้นเป็นเช้าวันอังคารที่ชาวบ้านชาวเมืองเค้าก็ไปทำงานกันปกติ รถราก็ติดหนึบหนับ....ตามปกติของเมืองใหญ่อย่างมิวนิค... คนขับรถต้องเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อไปให้ทันเวลาที่นัดหมายให้ได้ แม้จะต้องอ้อมใช้ระยะทางมากขึ้น แต่พี่คนขับบอกเป็นหน้าที่ของเค้า....สุดยอด ช่วงรถติด นายกังวลมากว่าจะทันมั้ย?? ... สุดท้ายก็ทันค่ะ สายไปแค่ 5นาที.... ขนาดเข้าชมโรงงานแล้ว....นายก็ยังไม่วายโทรศัพท์ถามข่าวคราว...เราก็เลยแซว นายกลับไปว่า ถ้านายห่วงมาก ทำไมไม่มาด้วยกันซะตั้งแต่ต้นล่ะคะ....!!! ชะตาจะขาดนะนี่!!! ^^ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:46:35

ความคิดเห็นที่ 50 โต๊ะรับรองที่มีเพรทเซลอันเบิ้ม แขวนอยู่กับราวไม้เล็กๆบนโต๊ะ รอ....พวกเราชิม จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:47:09

ความคิดเห็นที่ 51 การจัดโต๊ะของที่นี่ค่ะ จาน ชาม มีด ส้อม ทุกอย่างมีตรา Erdinger (มีขายในร้านขายของที่ระลึก) แม้กระทั่งที่รองแก้วก็ยังสวย (โดนพวกเราเก็บไปเป็นของที่ระลึกกันเกือบหมด...) ตัวถ้วยกลมเล็กที่มีฝาปิดตรงกลางโต๊ะคือถ้วยใส่มัสตาร์ดหวาน ที่เอาไว้กินกับไส้กรอกขาวโดยเฉพาะค่ะ...รสจะไม่ฉุนเท่ามัสตาร์ดเหลืองที่เราคุ้นเคยกัน สองอย่างนี้ รวมทั้งเพรทเซลขนมปังที่ไขว้เป็นเลขแปดโรยเกลือเม็ดเขื่อง เป็นของที่กินคู่กันกับ Wheat beer โดยเฉพาะค่ะ...พวกเราได้ลองชิม(กิน)กันแล้ว ก็...เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณผู้ช้มมม..... ....โดยเฉพาะมัสตาร์ดหวานที่อรุ่อยมาก...จิ้มกินกับ  เพรทเซลยังอร่อยเหาะ.. ทำให้หลายคนบอกจะซื้อมัสตาร์ดหวานกลับบ้านกันเลยทีเดียว... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:48:12

ความคิดเห็นที่ 52 แก้วใส่เบียร์ที่นี่วันที่ไปเห็นอยู่2 แบบค่ะ ที่เห็นนี่จะเป็นแก้วใส่เบียร์ทั่วไป จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:49:39

ความคิดเห็นที่ 53 แก้วแบบนี้ สำหรับเสิร์ฟ Alcohol free beer เบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์โดยเฉพาะค่ะ (ส่วนมากผู้หญิงขอลองชิมเบียร์ตัวนี้ค่ะ... แต่เราขอลองตัวที่เป็นสูตรดั้งเดิมที่ขายดีที่สุดมากกว่า Weiss beer) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:50:20

ความคิดเห็นที่ 54 อะ...ชนแก้ว...มี กับไม่มีแอลกอฮอล์......เอิ๊ก... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:50:55

ความคิดเห็นที่ 55 ดูขนาดของเพรทเซลกันให้จะจะค่ะ เต็มจานเลย จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:51:20

ความคิดเห็นที่ 56 (นี่เป็นภาพระหว่างถ่ายทำค่ะ) แหะ แหะ... ^^ เพราะระหว่างรอเจ้าไส้กรอกขาว เราก็เขมือบเพรทเซลกันไปพลางๆ จิ้มกับมัสตาร์ดหวานอย่างที่บอก อืม...อร่อย...จนเกือบหมดเจ้าไส้กรอกตัวดีถึงค่อยยุรยาตรมา... เจ้าไส้กรอกนี่ มีกรรมวิธีการกินอีกค่ะ ปกติดั้งเดิมจะทำจากเนื้อลูกวัว...แต่ระยะหลังกระแสของคนไม่กินเนื้อวัวเริ่มมากขึ้น...จึงปรับเปลี่ยนมามีทั้งแบบใช้เนื้อหมูด้วย... ที่เรากินเป็นแบบที่ทำจากเนื้อหมูค่ะ... (กรรมวิธีการกินได้มาจากน้องที่เคยมาใช้ชีวิต เรียนหนังสือและทำงานอยู่ที่นี่เกือบ 10 ปี ได้คนนี้แหละค่ะ... ที่ช่วยแปลเยอรมันให้เป็นอังกฤษหรือไทยอีกที .. รวมถึงการอ่านออกเสียงสถานที่ต่างๆอีกด้วย ขอบคุณมากนะจ๊ะ ด็อกเตอร์ตุ๊ก)... น้องบอกว่า วิธีกินต้องเอามีดกรีดกลางลงไปตามยาวของตัวไส้กรอก แบ่งครึ่ง จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มลอกเปลือกหรือหนังที่ทำมาจากไส้ออกไป น้องบอกว่าคนที่นี่เค้าไม่กินกัน เพราะมันจะเหนียวและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก(ย่อยยาก)... เอาเวลาไปย่อยอย่างอื่นดีกว่า ^^ ...เมื่อลอกเปลือกออกแล้วก็จะเหลือ เนื้อไส้กรอกขาวๆ  มีเม็ดพริกไทยเล็กๆประปราย  อย่ารอช้าค่ะ....จิ้มกับมัสตาร์ดหวานแล้วส่งเข้าปากไปเลย....ตบท้ายด้วยเบียร์อีกหนึ่งอึกใหญ่... อย่าลืมเช็ดคราบฟองเบียร์ที่ริมฝีปากด้วย...^^ อืม..... กว่าจะรู้วิธีกินไส้กรอก หลายคนก็ฟาดชิ้นแรกหมดเกลี้ยงจานไปแล้ว...- - ” เลยต้องขอใหม่มาลองกินแบบน้องตุ๊กดู (ซึ่งพี่สาวใจดีเติมตลอด จนต้องยกมือห้ามกันเลยเชียว) จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:54:00

ความคิดเห็นที่ 57 แหม่มสาวแก้มแดง ผู้เดินให้บริการแบบ ไม่ลุก ไม่เลิก... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:54:42

ความคิดเห็นที่ 58 กับ CEO ค่ะ ซ้ายมือคือผู้เขียน ขวามือคือด็อกเตอร์ตุ๊ก (ต้องเอาภาพนี้ไปฝากบอสค่ะ....เดี๋ยวบอสจะหาว่า มาไม่ถึง)... เดี๋ยวจะหาว่าเราซี้ซั้วต่า.... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:55:34

ความคิดเห็นที่ 59 กรรมวิธีรินเบียร์แจกค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:56:07

ความคิดเห็นที่ 60 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:56:41

ความคิดเห็นที่ 61 จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:57:02

ความคิดเห็นที่ 62 สุดท้าย....มีการมอบของที่ระทึก เอ๊ย....ระลึกจากประธานรุ่นของพวกเราค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:57:47

ความคิดเห็นที่ 63 จบสิ้นภารกิจการมาเยี่ยมชมโรงงานแต่เพียงเท่านี้แล้วค่ะ...          บ่ายเราจะเข้าไปเดินเล่นที่มิวนิค กับลองชิมเบียร์และขาหมูเยอรมันแบบต้นตำรับที่โรงเบียร์ เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของมิวนิคกัน ....Hofbrauhaus สำหรับทริปนี้...จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้วิสัยทัศน์อันกว้างไกล และยิ่งใหญ่ของนายใหญ่ของเราคุณสันติ ภิรมย์ภักดี        ผู้กรุณาเมตตาให้พวกเราได้เรียนหลักสูตร TDP II  (Talent Development Program) กับเนื้อหาของ Organization Development และยังให้ทุนพวกเรามาดูงานไกลถึงเยอรมัน....ว่า บ้านเค้า เมืองเค้า มีวัฒนธรรมการทำงาน การกิน การอยู่กันยังไง.... สิ่งไหนดี ก็นำไปปรับใช้กับองค๋กรของเรา.... ****ต้องขอกราบขอบพระคุณนาย(ออกห้อง Blue) มาไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ **** สิ่งที่นายทำให้พวกเรา...จะไม่สูญเปล่า และเราจะแบ่งปันความรู้เหล่านี้ไปยังคนอื่นๆด้วยค่ะ... ++++ให้สมกับนิยามคำว่า.....”การให้ที่ไม่สิ้นสุด.......”  ++++ค่ะ ^^ ถ้ายังไม่เบื่อเบียร์เสียก่อน ....ขอเสียงหน่อยค่ะ...ตอนหน้าเราจะพาลุยกินขาหมู ไส้กรอก แกล้มเบียร์ที่ ฮอฟบราวเฮ้าส์กัน... จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:04:21

ความคิดเห็นที่ 64 จะรอไปกินไส้กรอกกับขาหมูด้วยนะครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:14:41

ความคิดเห็นที่ 65 ตามมาคิดถึงมิวนิคค่ะ เมื่อก่อนที่บ้านจะเรียกมัสตาร์ดนี้ว่า ซอสขี้เป็ด (คือเรียกกันเองภายในครอบครัว) เวลากินไส้กรอก จะขาดซอสนี้ไม่ได้เลย จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:23:45

ความคิดเห็นที่ 66 ลูกหม้อ"บุญรอด" ภายใต้ชายคา "ภิรมย์ภักดี" มาเองเนอะ Nonodog^^ นึกถึงประโยคอมตะของท่าน ลินคอร์น (เราดัดแปลงนิดหน่อย)ว่า "อย่าถามว่าองค์กรจะให้อะไรกับเรา แต่ให้ถามตัวเองว่าเราจะทำอะไรให้กับองค์กรบ้าง" รีวิวนี้ตอบโจทย์ได้เลยล่ะ ความรู้ได้ถูกส่งต่อไปให้ผู้ที่สนใจแล้วละจ้ะ... ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นลูกน้องของเฮีย^^ ป.ล. ไม่มีใครหล่อเท่าลูกพี่หร๊อกกก ทั้งหล่อทั้งน่าร้ากกจริงๆไม่อิงนิยาย ว่าแต่เข้าสู่ช่วงลองของเหรอ..เอ่อ..ช่างกล้านะนั่น อะไรเข้าฝันให้แซวลูกพี่ซะขนาดนั้นจ๊ะ เดี๋ยวได้เจอช่วงเอาคืนหรอก ไม่เข็ดๆ นะเฮ้ออ^-^ จากคุณ : แม่หญิงพิมาลา เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 20:35:10

ความคิดเห็นที่ 67 เข้ามารีวิวนี้แล้วเมาเลยครับ 5555+ ปล วันนี้เพิ่งกิน Heineken ไปเอง จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 00:58:14

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่กินเบียร์ แต่แวะมา แอบหาความรู้เล็กๆ เกี่ยวกับเบียร์ ได้ประโยชน์ทีเดียวค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : หนึ่ง (hollaneung) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 08:42:35

ความคิดเห็นที่ 69 คุณเล็กทาโร่: ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ คุณFlaminio: ดีใจที่มีคนชอบซอสขี้เป็ดเหมือนกันค่ะ... นึกถึงแล้วยังน้ำลายไหลอยู่เลย คุณแม่หญิงพิมาลา : ช่วงนี้เป็นช่วงลองของค่ะ...พกพระรอด แทนพระร่วง ...เฮ้อ... บอสไม่อยู่ 2อาทิตย์ค่ะ...จุ๊..จุ๊...อย่าเอ็ดไป....หุบแขนให้แน่นค่ะ...กลัวมันจะตีปีก ^^   คุณCoffee Blended : ช่วยๆกันชิมเบียร์ค่ะ...เอาแค่เพื่อสุขภาพ ช่วยย่อยนะคะ... คุณหนึ่ง (hollaneung): ดีใจที่กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 10:02:10

ความคิดเห็นที่ 70 ไม่ดื่มเบียร์ แต่ตามมาจกไส้กรอกขาวค่ะ น่ากินมาก เดี๋ยวจะรอตามไปกินขา หมูต่อนะคะ ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : The 8th Of January เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 10:28:40

ความคิดเห็นที่ 71 คุณThe 8th Of January : ไส้กรอกที่โน่นอร่อยจริงๆค่ะ... แถมชิ้นก็บิ๊กบึ้มอีกต่างหาก...บางที่ ขนาดผู้ชายยังทานไม่หมดเลยค่ะ จากคุณ : Nonodog เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:41:43