Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
๋Japan -- กระทู้แชร์ประสบการณ์คร่าวๆหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไป/ไม่ไปค่ะ ติดต่อทีมงาน

พอดีเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อคืนนี้ค่ะ ระหว่างที่อยู่ที่โน่นก็มีคนรู้จักหลายคนที่วางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกันถามว่าจะไป/ไม่ไปดี ก็เลยคิดว่ากระทู้นี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆให้ห้องนี้เช่นกันค่ะ

ต้องออกตัวก่อนว่าการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการเดินทางไปครั้งแรก ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ไปอยู่มา2สัปดาห์แล้วให้เพื่อนๆลองพิจารณากันเองค่ะว่าจะตัดสินใจอย่างไร

ดิฉันออกเดินทางจากกรุงเทพฯตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2554 นั่งเครื่องไปลงสนามบินนาริตะ ช่วง 3 วันแรกก็เที่ยวอยู่ในโตเกียว พอเข้าวันที่ 10 มีนาคม 2554 ก็ไป Hakone นอนพักที่ Kawaguchiko Station Inn ตกบ่ายวันที่ 11 มีนาคม 2554 ขณะนั่ง Lake Kawaguchi Mt. Tenjō Ropeway ขาลง รถกระเช้าก็หยุดกระทันหัน มีเสียงประกาศในรถกระเช้าเป็นภาษาญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในกระเช้าฟังแล้วก็ตกใจ แต่ก็ยังใจดีแปลให้เราฟังได้ใจความว่า มีแผ่นดินไหวให้ทุกคนในกระเช้าหมอบแล้วจะค่อยๆเคลื่อนกระเช้าลงไป หลังจากห้อยอยู่กลางอากาศนานร่วม 10 นาทีในที่สุดก็ได้เหยียบพื้นดินอีกครั้ง ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าแผ่นดินไหวมันแรงแค่ไหนและเกิดที่ไหน เพราะตอนนั้นไฟฟ้าดับไปแล้ว

กลับไปที่พักคุณลุงพนักงานก็บอกว่าวันนี้ไม่มีรถบัสหรือรถไฟวิ่งไปโตเกียวแล้ว จริงๆแล้วตั้งใจจะนอนที่ Kawaguchiko แต่คืนเดียว เพราะเหตุนี้จึงได้นอนอีกคืนไปโดยปริยายโดยไม่มีไฟฟ้า ไม่มี wireless ไม่มีheater โทรกลับบ้านก็โทรไม่ได้ แต่ก็ยังโชคดีคะที่ใช้โทรศัพท์มือถือส่งSMSหาคนที่บ้านได้

วันรุ่งขึ้น (12 มีนาคม 2554) กลับโตเกียวได้ นั่งรถมาลงที่ Shibuya แล้วต่อ subway มาลง Asakusa เข้าพักที่ guesthouse ก็พบนักท่องเที่ยวเยอะมาก ระหว่างอยู่ใน guesthouse รู้สึกได้ถึงแรง aftershock เบาๆหลายครั้ง ยอมรับว่าครั้งแรกที่รู้สึกถึง aftershock ก็ตกใจมาก แต่หลังๆก็เริ่มคุมสติได้ เพราะแต่ละครั้งก็เกิดไม่นานนักประมาณ 10 วินาทีเห็นจะได้ ร้านอาหารแถวนั้นก็ยังเปิดอยู่นะคะ แต่อาหารตามชั้นในร้านสะดวกซื้อแทบไม่มีเลย น้ำดื่มบรรจุขวดก็หมด แม้แต่เบียร์และเหล้าสาเกก็หายไปจากชั้นเช่นกัน

13 มีนาคม 2554 นั่ง subway ไป Akihabara มีร้านค้าปิดบ้างเล็กน้อย แต่ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื็อของก็ยังมีปริมาณค่อนข้างเยอะอยู่ ร้านอาหารเปิดตามปกติ ร้านเครป ร้านทาโกะยากิมีคนต่อแถวซื้ออยู่

14 มีนาคม 2554 Shinkansen จาก Shinakawa ไป Shin-Osaka รถวิ่งไฟshinkansen วิ่งตามปกติค่ะ ตรงเวลาเปะๆ แต่ระหว่างทางจาก Asakusa ไป Shinakawa นี่สิคะ สาหัสมาก เพราะจาก hyperdia ใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงแล้วใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะรถไฟ subway วิ่งน้อยและก็เป็นวันจันทร์วันทำงานวันแรกหลังเกิดเหตุด้วย สภาพ subway ตอนนั้นเรียกได้ว่าเบียดกันเป็นปลากระป๋องก็ไม่ผิดค่ะ

บรรยากาศที่ Osaka แตกต่างจากที่โตเกียวมากเลยค่ะ รถไฟวิ่งตามปกติ ไม่ต้องเบียดเป็นปลากระป๋องเหมือนตอนเช้าในโตเกียว ร้านค้าแถว Namba Dotonbori เปิดตามปกติ ไม่มีร้านไหนปิดเลย หนุ่มสาวเดิน shoppingเยอะเยะ จะขาดก็แต่สีสันจากป้ายโฆษณากับตึกบางตึกเช่น tsutenkaku ที่ไม่ได้เปิดไฟเพราะนโยบายประหยัดไฟ ตามร้านสะดวกซื้อก็ยังมีอาหารน้ำดื่มขาย ไม่มีภาพของชั้นวางของเปล่าๆอย่างที่เห็นในโตเกียวเลยค่ะ

15-16 มีนาคม 2554 เที่ยวในเกียวโต บรรยากาศไม่ต่างจาก Osaka เลยค่ะ ร้านค้าเปิดตามปกติ คนยังเดินพลุกพล่าน รถบัส รถไฟให้บริการตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ ร้าน Fresco ร้าน am pm มีอาหารน้ำดื่มขาย แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นของหายากในโตเกียวก็ยังมีวางขายเต็มชั้น

17 มีนาคม 2554 เที่ยวปราสาทโอซาก้า แล้วไปนาระ ข้อมูลที่นาระอาจให้ได้ไม่เยอะนะคะ เพราะกว่าจะไปถึงก็เย็นแล้ว และต้องรีบกลับไปเก็บของที่โอซาก้าอีกเพราะวันรุ่งขึ้นต้องกลับโตเกียว แต่เท่าที่เห็นรู้สึกว่ามันเงียบกว่าเกียวโตกับโอซาก้า คนเดินซื้อของค่อนบางตา แต่ไม่แน่ใจว่าปกติแล้วคนไม่เยอะแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่า

18 มีนาคม 2554 นั่งรถไฟ shinkansen กลับโตเกียว shinkansen ไม่เคยทำให้เราผิดอยู่แล้ว วิ่งตรงเวลาเป๊ะเลย จาก shinakawa ก็นั่ง subway ไปลง asakusa เหมือนเดิม แต่ไม่สาหัสเท่ากับขาไป ครั้งนี้สบายๆคนไม่เยอะ ตกเย็นไปเดินแถววัดเซนโซจิ ร้านรวงปิดเร็วมากคะ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินดีเลยก็เก็บร้านกันไปแล้วประมาณ 90% ร้านอาหารก็ยังมีเปิดบ้าง แต่ในร้านแทบไม่มีคนเลย บรรยากาศไม่คึกคักเลยคะ ผิดกับวันแรกที่ไปถึง แม้จะมืดแล้วก็ยังมีคนเดินพลุกพล่าน ที่guesthouse ก็เงียบเหงาเช่นกัน ที่ common room เจอนักท่องเที่ยวอยู่ไม่กี่คนเอง แต่กลับมาโตเกียวครั้งนี้ไม่รู้สึกถึง aftershock แล้ว

19 มีนาคม 2554 วันนี้เดินทางกลับไทยโดยขึ้นเครื่องที่สนามบินนาริตะ ตอนกลางวันก่อนกลับเดินผ่านแถววัดเซนโซจิ คนก็ยังค่อนข้างเยอะคะ
จาก asakusa เดินทางไปสนามบินนาริตะโดย Narita Skyaccess รถวิ่งตามปกติคะ ใช้เวลา 62 นาทีเป๊ะ ที่สนามบินคนก็ไม่ได้เยอะมากตามข่าวหน้าหนึ่งในไทย

สรุปเลยละกันนะคะ
โตเกียว การเดินทางโดย subway ตอนนี้ค่อนข้างสะดวก รถมาถี่ ไม่มีแออัดเป็นปลากระป๋อง เรื่องอาหารการกิน ร้านอาหารเปิดตามปกติ แต่คนไม่เยอะ บรรยากาศดูเงียบเหงาไปสักหน่อย ในร้านสะดวกซื้อก็มีน้ำดื่มขายแล้ว แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังขาดstockอยู่ ถ้าจะไป shopping อาจไม่หนำใจนัก เพราะร้านค้าปิดเร็ว ถ่ายรูปตอนกลางคืนก็อาจจะไม่สวยเพราะมีนโยบายประหยัดไฟ ป้ายหน้าร้าน ป้ายโฆษณา แม้แต่ไฟตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญก็ยังปิด (แต่เครื่องยังทำงานได้อยู่นะคะ)

โอซาก้า กับเกียวโต รถไฟ JR วิ่งตามปกติ ไม่ต้องคอยนาน ไม่มีเบียดกันบรรยากาศโดยรวมครึกครื้นดีค่ะ คนยังออกมาเดินจับจ่ายซื้อของเยอะ ร้านรวงก็เปิดตามปกติ อาหารการกินพร้อมสรรพค่ะ ร้านอาหารเปิดเยอะ คนในร้านก็เยอะเช่นกัน ร้านสะดวกซื้อไม่มีของขาด stock ไม่มีชั้นวางของเปล่าๆอย่างที่เห็นในโตเกียว ขาดก็แต่สีสันเพราะนโยบายลดการใช้ไฟฟ้าทำให้ตึก และป้ายโฆษณาต่างๆปิดไฟ

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ประกอบการตัดสินใจนะคะ

จากคุณ : onthejourney
เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:40:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com