 |
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับคนที่วางแผนเดินทางไปประเทศ " เ ย อ ร ม นี"
|
 |
เอามาฝากค่ะหลังจากแบกเป้ไปเที่ยวมาคนเดียว ส่วนรูปก็คงจะได้รีวิวเร็วๆนี้ค่ะ ไม่สวยมาก แต่ว่าเร็วๆนี้คงมีคนมารีวิวทริปเที่ยวประเทศเยอรมนีอย่างแน่นอนค่ะ - เที่ยวเมืองนอกคนเดียวไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ขอให้วางแผนดีๆ รู้ว่าวันๆนึงจะเดินไปไหนทำอะไรบ้างก็พอ อยากถ่ายรูปตัวเองสวยๆก็แบกขากล้องดีๆไปสักตัวก็พอ แต่บางสถานที่อาจจะตั้งขากล้องไม่ได้ เช่น บนสะพานมาเรียน บรูกเค่อะ ถ้าคนเยอะจะตั้งขากล้องไม่ได้ต้องอาศัยคนอื่นถ่ายรูปให้ - ถ้าจองหรือซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้านานๆ ตั๋วจะถูกมากโดยที่ไม่ต้องรอโปรโมชั่น แค่สองหมื่นต้นๆเอง - ถ้าตัวใหญ่ ขายาว economy class อาจทำให้รู้สึกอึดอัด หรืออาจจะนั่งไม่ได้กันเลยทีเดียว - การขอวีซ่าให้ผ่านโดยไม่มีผู้รับรองที่เยอรมนี ขอแบบไปเที่ยวคนเดียว ไม่ขอผ่านทัวร์ต่างๆ ต้องมีเงินในบัญชีมากพอตลอดการเดินทางว่ารับผิดชอบตัวเองได้ มีหลักฐานยืนยันว่าพักที่ไหนบ้าง มีแผนการเดินทางชัดเจน เอกสารครบถ้วน และจะกลับมาเมืองไทยแน่นอน(ย้ำๆ) - เอกสารบางอย่างที่สถานทูตส่งกลับคืนเป็นฉบับจริงไม่ใช่สำเนา อาจจะเอามาใช้ที่ตม.เยอรมนี เช่นใบรับรองต่างๆ - วิธีไปสนามบินสุวรรณภูมิที่สะดวกที่สุดคือ แอร์พอร์ตลิ้งค์ นั่งสายธรรมดาก็ได้(45บาทเอง) เพราะออกบ่อยกว่าสายเอ็กเพรส แถมถูกกว่าสามเท่า เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุบนถนนทางด่วนรถจะติดมาก ในชั่วโมงเร่งด่วนอาจจะเช็คอินไม่ทัน - ที่นั่งริมหน้าต่าง กำหนดได้เมื่อเช็คอินก่อนเครื่องออก 24 ชม. หรือเลือกหน้าเคาเตอร์(จะเปิดก่อนเครื่องออกประมาณ 3-4 ชม.) อย่าลืมบอกพนักงานนะว่า อยากนั่งริมหน้าต่าง - กระเป๋าสำหรับเดินทางบางสายการบินอาจจำกัดจำนวนกระเป๋าสำหรับโหลดใต้เครื่องไม่ว่าจะได้น้ำหนักเท่าไหร่ก็ตาม - การต่อเครื่อง ไม่ใช่เรื่องยาก เดินไปตามป้ายที่เขียนว่า Transfer Fight บางทีอาจจะได้แผนที่ของสนามบินประเทศนั้นมาด้วยว่าต้องเดินไปตรงไหนบ้าง และต้องเจอกับตม.ของประเทศนั้นที่เราไปต่อเครื่อง เค้าก็ขอดูพาสปอร์ตและก็ถามนิดหน่อย เช่น ไปทำอะไรที่เยอรมนี - บางสายการบินบนเครื่องจะมีปลั๊กไฟที่ที่นั่ง สามารถชาร์จแบตได้ เพราะฉะนั้นก็เอาที่ชาร์จติดกระเป๋าไปเผื่อๆ - ถ้าหิวข้าว ตอนขึ้นเครื่องใหม่ๆอย่างเพิ่งหลับ แอร์จะแจกข้าวไม่เกินหนึ่งชั่วโมงหลังจากเครื่องออก เพราะตอนที่แอร์เสิร์ฟข้าวถ้าเห็นผู้โดยสารหลับจะไม่ปลุกนะจ๊ะๆ - บินไปนานๆบางทีแอร์จะมีผ้าอุ่นบริการ เหมือนผ้าเย็นนั่นแหละ หอมชื่นใจ - การคมนาคมหลักๆทางเครื่องบินจะมีเฉพาะเมืองหลักๆ ส่วนที่เหลือคือรถไฟเป็นส่วนมาก - ตั๋วรถไฟมีหลายราคา ต่างกันที่ความเร็ว(หัวรถจักร) - ตั๋วรถไฟมีวิธีการซื้อสองแบบคือ ซื้อกับเครื่อง ซึ่งจะได้ราคาจริงๆของตั๋ว และซื้อกับเคาร์เตอร์ที่สถานีรถไฟ อันนี้มีชาร์จประมาณ 2-3 ยูโร - บางสถานีรถไฟไม่มีเครื่องขายตั๋ว ต้องซื้อกับเคาเตอร์ กรณีหาไม่เจอว่าเครื่องขายตั๋วอยู่ไหนก็ถามเอา - ตารางรถไฟสามารถปริ๊นต์ออกมาดูก่อนได้ ในนั้นจะมีบอกหมดว่าต้องต่อรถไฟกี่ต่อ ชานชลาไหนบ้าง เวลาเท่าไหร่ ซึ่งเวลามันจะต่อกันและถูกคำนวณมาแล้วว่าถ้าเป็นคนสูงอายุเดินเร็วก็ทัน ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องวิ่งให้ทัน ถ้าตกรถไฟก็เดินไปกดตารางรถไฟมาใหม่ได้ฟรี - บางสถานีรถไฟจะมีลิฟท์และบันไดเลื่อนบริการ แต่ถ้าไม่มีก็ต้องลากเอง ยกเอง - ถ้ารถไฟสไต้ท์(คนทำงานรถไฟประท้วงหยุดงานทำให้รถไฟไม่วิ่งในบางสาย) ให้นั่งรถไฟ ICE ถึงชัวร์ แต่แพงหน่อย จะรู้ว่าสไต้ท์คือ รถไฟผิดเวลา รถไฟไม่มาตามเวลา ถามนายตั๋วไง - รถไฟมีหลายโบกี้ รถรางมีหลายส่วน และมีพื้นที่สำหรับคนมีสัมภาระ คนพิการนั่งรถเข็น ถ้ามีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เวลาจะขึ้นให้มองหาสัญลักษณ์รถเข็นเด็ก จักรยาน รถวีลแชร์ - ห้างขายของหรูๆเช่น น้ำหอมชาแนล No.5 และอื่นๆ ที่ราคาถูกที่สุดคือ Gelaria มีtax free ให้ด้วย มีอยู่ตามเมืองใหญ่ๆหน่อย เช่น วูซบวก มิวนิค ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกางแผนที่ของเมืองนั้นแล้วถามพนักงานโรงแรมให้เค้าช่วยบอกให้ได้เลยค่ะ - ช็อคโกแลตถูกๆต้องห้าง Muller ยี่ห้อที่ถูกปากคนไทยก็ต้อง lindt (ลิน) ยี่ห้อนี้มีขายที่พารากอนด้วย(เพื่อนบอกมา) - คนที่นี่เค้าไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกัน และถ้าไม่ใช่สถานที่สำคัญจริงๆจะไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกเลยสักนิด(ต้องมีเซ้นต์ในการเดา บางคำไม่มีความใกล้เคียงภาษาอังกฤษเล้ย เช่น คำว่าทางออก ภาษาอังกฤษ Exit ภาษาเยอรมัน Ausgang ) - ภาษาอังกฤษไม่ต้องเก่งมาก แค่พอพูดได้ ใช้คำง่ายๆ ไม่ต้องไวยากรณ์มากมาย ฟังออกก็พอ - ในเมืองใหญ่ๆนิดนึงจะมีรถรางพลังงานไฟฟ้านิวเคลียใช้ ตั๋วก็มีหลายแบบ เช่น นั่งแค่สี่ป้าย นั่งไปไหนก็ได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวในหนึ่งวัน(ได้ทั้งรถรางและรถเมลล์ในหนึ่งตั๋ว) - วันอาทิตย์บางเมืองจะไม่มีร้านค้าเปิดเลย - บางเมืองจะวางผังเมืองให้มีร้านค้าหนึ่งร้านในระยะหนึ่งตารางกิโลเมตรเท่านั้น - 10,46 อ่านว่า 10 ยูโร 46 เซนต์ (1ยูโร มี100เซนต์) - การจองโรงแรมล่วงหน้า มักจะขอหักชาร์จจากบัตรเครดิต บางทีก็หักค่าห้อง 10%ด้วย ซึ่งจะเอาไปลบออกเมื่อเราเช็คเอ้าท์ออก อย่าลืมบอกพนักงานโรงแรมนะ กรณีที่ไม่มีบัตรเครดิต ให้ลองส่งเมลล์โรงแรมโดยตรงว่าถ้าไม่มีเครดิตการ์ดสามารถจองได้มั๊ย - รถเข็นทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตและสนามบินต้องหยอดเหรียญที่ตัวรถก่อนเอาออกมาใช้ และจะได้เหรียญคืนเมื่อเอารถไปเก็บที่ เหรียญก็จะเด้งออกมา - ถ้าไปฤดูหนาว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือลิปมัน ปากจะแห้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและจะเจ็บมาก - หิมะจะตกเดือนธันวา และละลายในเดือนกุมภา อยากเห็นหิมะในเดือนมีนาให้ลงไปทางใต้ของประเทศ(ติดกับเทือกเขาแอลป์) เมืองไหนก็ได้ ถ้าโชคดีอาจจะได้เดินบนทะเลสาปน้ำแข็งด้วย - มีดVictorynoxและมีดยี่ห้อคนคู่ให้ซื้อที่ร้านที่เมืองอยู่ใกล้ๆประเทศสวิสเซอแลนด์มากที่สุด ราคาจะถูกกว่ามาซื้อในเมืองที่ไกลกว่า เพราะเป็นของนำเข้าจากประเทศสวิสเซอแลนด์ - ถุงซิปล็อกสำหรับใส่ของเหลวขึ้นเครื่องหาซื้อได้ง่ายที่ร้านขายเครื่องเขียน จะมีลักษณะคล้ายแฟ้มใสๆ ใช้ได้เหมือนกัน - คนที่นี่สูบบุหรี่จัดมาก แม้ในที่สาธารณะ ยกเว้นสถานที่สำคัญมักจะมีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ - ไอติมแต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ความอร่อยไม่เหมือนกัน หนึ่งเมืองหนึ่งรสชาติ - รองเท้าสำหรับใส่ลุยหิมะ ต้องสูงมากกว่าหนึ่งคืบหรือไม่มีช่องจะให้หิมะเข้าได้เลย เพราะหิมะคือน้ำแข็งดีๆนี่เอง - ถ้าไปเที่ยวมากกว่าห้าวันขึ้นไปเลือกรองเท้าดีๆ ใส่ลุยน้ำได้ยิ่งดีเพราะฝนตกบ่อย - ถ้าต้องการร่มบางโรงแรมอาจมีให้ยืม - หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถไฟในวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ โดยเฉพาะวันศุกร์ช่วงบ่ายเพราะที่นี่วันศุกร์ทำงานครึ่งวัน คนจะแน่นมากจนหายใจไม่ออกและอาจจะขึ้นรถไฟไม่ได้ รถไฟที่นี่ไม่มีแอร์ ไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ มีช่องระบายอากาศเล็กๆเท่านั้น - พาสปอร์ตหายไม่ต้องตกใจ คุยกับสถานทูตได้ - บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เอาไปได้ ช่วยประหยัดค่าอาหารได้ - อยากขับเฟอรารี่แรงๆ เบนซ์หรูๆ สามารถเอาใบขับขี่ที่เมืองไทยมาเช่ารถที่นี่ได้ในราคาหลักร้อยยูโรต้นๆ - สตอเบอรี่ที่นี่จะไม่อร่อยเมื่อซื้อช่วงต้นฤดูกาล (ต้นเดือนถึงกลางเดือนมีนาคม) - ถ้าไม่รู้ว่ากระเป๋าน้ำหนักเกินหรือเปล่า ให้มองหาเคาเตอร์เช็คอินที่ไม่มีคนทำงาน เพราะเครื่องชั่งดิจิตอลไม่ได้ปิด(สนามบินแฟรงเฟิร์ต) - กฎหรือข้อห้ามต่างๆควรปฎิบัติอย่างเคร่งครัดจ้า
มาเพิ่มเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนะคะ -ไวน์ขาวรสชาติดีให้ซื้อจากเมืองที่อยู่ตอนใต้ของประเทศค่ะ (ไม่รู้ยี่ห้อและเมืองเหมือนกัน) -กรณีต่อเครื่อง จะซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรซื้อแพ็คลงกระเป๋าให้เสร็จ ถ้าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากประเทศที่หนึ่งยังไงก็ต้องผ่านด่านตรวจของจากประเทศที่สองอยู่ดีซึ่งแน่นอนของเหลวเกิน 100 ml. ถูกทิ้งลงถังขยะ ต่อให้แพงขนาดไหนก็เหอะ -ใครทีชอบไพ่ชอบการ์ดสวยๆให้ไปหาซื้อตามร้านหนังสือค่ะ เพราะเยอรมันเป็นต้นตำหรับของแบบนี้ เดินเข้าไปถามพนักงานได้เลยว่าไพ่ทาโร่ ไพ่ยิบซีอยู่ไหน เค้าจะพาเราเดินไปดูเลยค่ะ -บริการ Roming ของเครือข่ายที่เราใช้อยู่เปิดไว้ก็ดีค่ะเผื่อติดต่อถามเรื่องของที่ฝากซื้อหรือให้ซื้อไปฝากจะสะดวกมากค่ะ โทร.แพงก็ส่งข้อความคุยกันก็ได้ค่ะ อย่าลืมเติมเงินไปเยอะๆๆๆด้วยนะคะ -tax free เวลาร้านเค้าให้ใบเรามาเพื่อจะเอาไปขึ้นเงินที่สนามบินแกะออกมาดูหน่อยก็ดีค่ะเพราะบางร้านให้เราเขียนชื่อที่อยู่เลขพาสปอร์ตเอง tax free บางที่ต้องมีบัตรเครดิตการ์ดด้วยถึงจะได้เงินคืน ถ้าไม่มีก็อดค่ะ -มีปัญหา ตะโกนหา Police -เบอร์โทร.สถานทูตไทยในเยอรมนีควรมีจดติดกระเป๋าไว้บ้างก็ดีค่ะ -สายคาดกระเป๋า คาดกระเป๋าไปก็ดีค่ะป้องกันการหยิบกระเป๋าผิด -ค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมาก ควรตรวจเช็คร่างกายให้ดีก่อนบิน เช่น ฟันผุ ฟันคุด แผลต่างๆ อาการปวดบวม -จะซื้ออะไรก็ซื้อค่ะ ดีกว่ามานั่งเสียดายทีหลัง -เคเอฟซีทื่นี่ชิ้นเล็กกว่าที่เมืองไทย และราคาเริ่มต้นสำหรับหนึ่งชุดอยู่ประมาณ เกือบ 7 ยูโร -อุณหภูมิเลขตัวเดียว ลองจอนแบบบางอาจกันหนาวไม่ได้ แต่ถ้าเสื้อโค้ตอุ่นมากๆก็อาจจะช่วยได้ -ใครที่คิดจะมาซื้อเสื้อหนาวที่นี่อาจจะเอาไปใช้ไม่ได้ที่เมืองไทย เพราะใส่แล้วร้อนมาก
ไหนๆก็มาแล้ว อุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล เก็บความเหนื่อยไว้ไปนอนที่เมืองไทย ตอนนี้อยู่เยอรมนีก็เดินต่อไป ใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุดค่ะ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งเดียวที่เราได้มาที่นี่... เยอรมนี
โชคดีทุกท่านค่ะ
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 54 12:43:54
จากคุณ |
:
สาวเจ้าสำราญค่ะ
|
เขียนเมื่อ |
:
วันคุ้มครองโลก 54 20:35:16
|
|
|
|  |