ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่รู้นะครับ 1. ใช่ครับ 2. การที่สายการบินจะปฏิเสธผู้โดยสารได้ ก็เพราะผู้โดยสารทำผิดเงื่อนไขเท่านั้น เช่น มาเช็คอินช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ เป็นต้น 3. สำหรับสายการบินปกติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะตั๋วมักสามารถเลื่อนได้ และมีการ over book แต่สายการบินโลว์คอสต์ อันนี้ไม่รู้ซิ... ทำให้บางคนก็ใช้วิธีเช็คอินไปนั่นแหละ แต่ไม่เดินทาง จากคุณ : meam เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 17:08:48

ความคิดเห็นที่ 2 จขกท คิดว่า เวลาที่เราไปจองหน้าเคาเตอร์แล้วได้เป็น waiting list  เนื่องจากที่นั่งบนเครื่องเต็มหมดแล้วของทุกๆ สายการบินนั้น สายการบินเขาจะไปเอาที่นั่งจากไหนมาให้รอครับ เราก็ต้องหวังให้มี No Show หรือสละสิทธิ์ หรือเลื่อนตั๋วนี่แหล่ะครับ เราถึงจะได้เดินทาง ส่วนเรื่องมา Check In ไม่ทันเวลา แล้วเขาไม่ให้เดินทาง ที่คุณบอกว่ามีหลายสาเหตุที่รับได้ และบางสาเหตุรับไม่ได้อะไรนั่น ผมกลับเห็นว่ามันมีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้นครับที่เขาปฏิเสธ คือผู้โดยสารไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ตรงต่อเวลาเอง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่ามันรับไม่ได้ตรงไหน แล้วผมก็มองไม่เห็นว่ามาตรการเหล่านี้มันขาดความเป็นธรรมที่ตรงไหน จากคุณ : มะพร้าวปั่น เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 17:21:01

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็นผม ผมก็แค่สนใจว่า เดี๋ยวค่อยจัดการโทรไปขอค่าภาษีสนามบินคืน ผมจะไม่สนใจแล้วว่าเค้าจะทำยังไงกับno showตรงนั้น เพราะไม่ได้มีผลอะไรกับผมอีกแล้ว เรื่องปฏิเสธการเช็คอินก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะผู้โดยสารมาไม่ทัน ผิดเงื่อนไขเอง เค้าคงไม่ทำทุกวิถีทางให้ผู้โดยสารมาเช็คอินไม่ทัน แล้วเอาที่นั่งตรงนั้นไปขายหรอกมั้งครับ จากคุณ : boy next door เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 17:25:29

ความคิดเห็นที่ 4 คิดมากแบบนี้ ระวังแก่เร็วนะ สานใหนก็ทำหมดแหละ จากคุณ : Ban me piz. เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 17:31:23

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับ คห 1 และ 2 ค่ะ เราเคยโดนสายการบินยุโรปถามด้วยซ้ำว่า รีบไหม หากไม่รีบสนใจเดินทางพรุ่งไหน แล้วทางสายการบินจะชดเชยเป็นคูปองส่วนลดให้ เนื่องมาจากเที่ยวบินนั้นมี double booking เกินจำนวนไปมาก เท่าที่เราทราบมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่สายการบินทั่วโลกทำกัน มองกันในความเป็นจริง หากใครไม่เดินทางก็มาขอภาษีสนามบินคืน ทางสายการบินก็สูญเสียรายได้ส่วนหนึ่งในมือไปแล้ว ฉะนี้นทางออกอีกทางคือ การเอาตั๋วไปขายให้กับ waiting list เพื่อเรียกรายได้ส่วนนั้นคืนมา แต่จะได้กำไรมากน้อยแค่ไหน ก้แล้วแต่ราคาที่ตั้งค่ะ ไม่ได้เข้าข้างผู้โดยสาร หรือสายการบิน แต่นี่คือธุรกิจ อะไรที่สามารถเปลี่ยนเป็นรายได้ เพื่อเพิ่มกำไร ธุรกิจไหน ๆ ก็ทำทั้งนั้นค่ะ ดีกว่าปล่อยให้เสียของ และสูยเสียรายได้ไปเปล่า จากคุณ : SweetRainbow เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 18:00:19

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างนี้เขาเรียก อวิชชา รู้น้อย ก็พยายามศึกษา หาความรู้ นะจ๊ะ จากคุณ : winnie20f เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 18:11:27

ความคิดเห็นที่ 8                                                        จขกท.ซวยไป จากคุณ : JELO เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 18:44:27

ความคิดเห็นที่ 9 คห 8 พูดถูกที่ซู๊ด เค้าสงสัยไม่รู้ ก็มาถามดีๆ แต่เผอิญโนเนม ก็เลยได้ทีโดนโชว์พาวใส่กันใหญ่ไม่ยั้งกันเลย ลองเป็นพวกบิ๊กเนมสงสัยสิ แต่ละคนจะมาตอบแผลบตอบแผลบ กันขนหน้าแข้งเปียกเชียวล่ะ จากคุณ : น้องกก เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 19:05:36 A:223.207.162.160 X: TicketID:313232

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าไม่รู้แล้วถามก็ถามแค่ข้อ 1. ก็จบครับ ไม่มีใครว่าอะไรแน่ๆ แต่มาข้อ 2. นี่ก็คิดไปเองแล้วกล่าวหาสายการบินไปแล้วว่าเค้า จะพยายามทำให้มี ผดส. no show เพื่อที่จะเอาที่ไปขายใหม่ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 20:13:28

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าความเห็น9อคติเหมือนกันครับ เพราะว่าเห็นๆอยู่ว่าคนถามเค้าถามแบบอคติกับสายการบิน ผมในฐานะที่เคยทำงานสายการบินมาก่อนจะบอกได้เลยว่าทุกสายการบินต้องขายที่นั่งทุกที่ให้เต็มครับ ถามว่าจะเอาโนโชว์ไปขายแบบขูดรีด(ซึ่งไม่น่าจะมีนะครับ)ยังไงนั้น มันก็เป็นกลไกการตลาดหรือว่าเป็นตั๋วที่ขายตามราคาหน้าตั๋วที่เป็นราคาสูงสุด มันก็สุดแท้แต่ว่าผดสจะมาซื้อเองไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : Voddka เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 21:02:38

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่าสายการบินเค้าใช้หลักคณิตศาตร์ทางสถิติมากกว่าครับว่าในเที่ยวบินนี้มีค่าเฉลี่ย no show ซักเท่าไร สมมุติว่าซัก 5% เค้าก็อาจจะขายตํ๋ว over booking ไปซัก 2-3% จากคุณ : magolf เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 21:10:41

ความคิดเห็นที่ 13 เอาล่ะครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ  ผมเข้าใจล่ะครับ ว่าทุกคนคิดอย่างไร  เคารพในความคิดของทุกคนครับ สำหรับผม ก็แค่คิดว่า ในเมื่อไม่สามารถขอเงินคืนเพราะไม่ได้บินแล้ว ก็ไม่น่าเอาที่นั่งนั้นไปขาย หารายได้เข้าบริษัทรอบสอง  (แต่ถ้าไม่ได้บินแล้วขอ refund ได้ ก็โอเค คุณจะเอาที่ตรงนั้นไปทำอะไรก็เรื่องของคุณ  ซึ่งจะเป็นแบบนี้ได้ก็คงต้องเป็นบาง class เท่านั้น  ซึ่งก็อาจเพียงพอที่จะให้กับพวก waiting list ได้) ส่วนเรื่องมนุษยธรรมอะไรนั่น ขอยกตัวอย่างอย่างงี้แล้วกันครับ เคยเห็นคนที่มา check in ต่อไม่ทัน  เพราะว่าเที่ยวบินก่อนหน้านั้น (ก็ของบริษัทเดียวกันนั่นแหละ)  delay  ทั้ง ๆ ที่เขาก็ได้เผื่อเวลามาแล้วถึง 3 ชม.  และก็ไม่มีของจะโหลดด้วย  แต่ก็ไม่สามารถ check in ได้ เพราะเหตุผลเดียวเลย  คือ  counter ปิดไปแล้ว  จริงอยู่ว่ากฎก็คือกฎ  แต่กฎก็ไม่น่ามีไว้เพื่อฆ่ากันอย่างเดียวเหมือนกับกระบี่ไร้ตาเท่านั้น  มันควรดูเหตุผลอื่นประกอบด้วย อีกกรณีหนึ่ง คน ๆ หนึ่ง มาขอ check in หลังจาก counter close ไปแล้ว  เจ้าหน้าที่ไม่ให้  เพื่อนอีกคนที่ทำงานในสนามบิน (อยู่ในเหตุการณ์นั้น ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ บอกว่า เค้ากำลัง chat อยู่)  แต่หลังจากนั้นอีกไม่นาน  มีคนอีกคนที่เจ้าหน้าที่รู้จักกันดี  มาขอ check in บ้าง เจ้าหน้าที่กลับทำให้   ผมก็งงว่า อ้าว ไหนกฎเป็นกฎ (อย่างที่ทุกท่านว่าไว้) ไง จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:25:48

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วอันนี้ถามอีกอย่างนะครับ  ถ้าต้องรอให้ counter close เสียก่อน แล้วจึงจะรู้ว่ามี no show กี่คน  และขายตั๋วได้  ในกรณีที่กฎบอกว่า "counter จะปิดก่อน XX นาที"  ซึ่งถึงตอนนั้น counter ก็ได้ปิดไปแล้ว  ทำไมจึงยัง check in ให้กับพวกที่มาซื้อทีหลังได้อีกล่ะครับ จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:46:44

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ^ "ธุรกิจ"  ครับ จากคุณ : ค่ง หยาง เจี่ยน เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:51:05

ความคิดเห็นที่ 16 อึม นั่นสินะ  ลืมไป  จบครับ จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:52:12

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ได้โจตีใครแต่ขอเล่าให้ฟังฐานะที่เดินทางบ่อย 1)  ส่วนที่เป็น ground ไม่ได้มีหน้าที่ขายตั๋ว ดังนั้น ไม่ใช่หน้าทีเขาที่จะต้อง เอาตั๋วไปให้ counter ขาย 2) ไม่มีใครเขาเอาไปขายหรอกครับ  ใครจะมารอซื้อตั๋วก่อนขึ้นเครื่อง 1-2 ชั่วโมง   สายการบินที่เตยบินประจำเช่น bangkokair และ TG เขามักปิดการขายก่อนการเดินทาง 2-6 ชั่วโมง ก่อนการดินทาง ยกเว้นกรณีพิเศษ ต้องขอร้องกัน  เพราะเขาต้อง สำรอง อาหารและเครื่องดื่ม คำนวนน้ำหนัก ฯลฯ ไม่ใช่รถทัวร์ ที่จะ ขายจนนาทีสุดท้าย รถออกไปก็ขึ้นกลางทาง การซื้อตั๋วได้ 3) ตั๋ว no show  เขา ต้องแจ้งเพื่อจะได้ปล่อยให้คนที่ standby  ซึ่งเปนคนที่มีตั๋วแล้วขอเปลี่ยนเวลาการเดินทาง  ไม่ใครเขาคิดว่าจะเป็นการทำธุรกิจกับเรื่องแบบนี้หรอกครับ จากคุณ : jaturong_ae เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:54:10

ความคิดเห็นที่ 18 คือวันนี้หลังจาก check in เสร็จ ผมก็เดินกลับไปที่ counter ขายตั๋วเพื่อทำเรื่องขอภาษีสนามบินคืน (ในเที่ยวบินที่ไม่ได้บินแล้วสะสมไว้ ยังไม่ได้ขอคืน)  ก็มีคนเดินมาถาม จนท. ที่ counter ว่า จะไปเที่ยวนี้  (เที่ยวนี้ผมก็บิน  ซึ่งใน booking มี 4 คน  แต่เหลือบินแค่คนเดียว  จึงมี no show 3 คน)  เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่นั่งเต็ม  แต่ว่าตอนนี้มี no show มาแล้ว 3 คน  (ก็คงเป็นที่เค้าวิทยุบอกกันนั่นแหล่ะ)  แต่ว่าจะซื้อได้เมื่อ counter close แล้ว  จะเป็นการ confirm ว่า ขายได้จริง ๆ จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:59:00

ความคิดเห็นที่ 19 จากคห. 14 และ 18 เพราะการเช็คอินให้กับผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วหน้าเค้าเตอร์แบบ Stand by มันไม่เหมือนกับ กรณีผู้โดยสารซื้อตั๋วมาก่อนหน้านั้นแล้ว ขอตอบข้อ 1 ก่อน สายการบินกันแบบนี้ทุกสายครับ ไม่งั้นเราจะเห็นคำว่า STAND BY ตามเค้าเตอร์สายการบินต่าง ๆ ได้อย่างไร ไปเดินดูที่สุวรรณภูมิก็ได้ครับ ทั้งการบินไทย บางกอก ฯลฯ มีช่อง STAND BY ทั้งนั้นแหละครับ .... กรณีการขายตั๋ว STAND BY แปลว่า จะขายได้ต่อเมื่อ รู้ว่าผู้โดยสารที่มีชื่ออยู่ในไฟลท์นั้นไม่มาเช็คอิน (No show).... จะรู้ได้ตอนไหนหละครับ ว่าไม่มาเช็คอิน ...ก็ต้องรู้หลังเค้าเตอร์เช็คอินปรกติปิดทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าสายไหน ๆ (พนักงานเขาคงไม่รู้อนาคตหรอกว่า ใครจะมาหรือไม่มา ยกเว้นกรณีที่คุณมีชื่อในบุคกิงเดียวกันแล้วไปแจ้งเขาว่าสามคนที่เหลือไม่มาแน่ ๆ แบบนี้) ดังนั้นก็กรณีขายตั๋ว STAND BY มัน.จึงต่างจากกรณีคนมีตั๋วแล้วมาเช็คอินปรกติ ... คือขายแล้วเช็คอินแล้วบินเลย จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมถึงเช็คอินให้ได้ แม้เค้าเตอร์เช็คอิน(ตามปรกติ)ปิดแล้ว .... อีกแง่หนึ่งคือว่า คนที่ STAND BY แล้วได้ตั๋วไปจากที่นั่งที่ No Show ต่างจากคนที่มีตั๋วแล้วเกิดมาไม่ทันแล้ว No Show ตรงที่ .... คนที่ STAND BY เขามาแสดงตัวที่สนามบินก่อนที่เค้าเตอร์เช็คอินจะปิดนะครับ แต่เขายังไม่มีตั๋ว(ในไฟลท์นั้น)จึงยังไม่ได้เช็คอิน..... เขาไม่ได้มาสายจนตกเครื่องเหมือนคนที่ No Show อีกประการหนึ่งที่อาจจะพออธิบายได้ว่า ทำไมคนที่ STAND BY ถึงได้ไปบิน ทั้ง ๆ ที่ได้ตั๋วหลังปิดเช็คอิน คน STAND BY มีอภิสิทธิ์อะไรเหนือผู้โดยสารคนอื่นที่ต้องรีบมาก่อนเคาเตอร์ปิด ไม่งั้นตกเครื่อง .... คำตอบก็คือ คน STAND BY เขาต้องแลกมาด้วยการซื้อตั๋วในราคาแพงนะครับ (ตั๋ว STAND BY ไม่ว่าสายการบินไหน ๆ นั้นแทบจะขายตั๋ว Full Fare ทั้งนั้นแหละ) .... นี่ก็เป็นอีกกลไกหนึ่งในระบบธุรกิจการบินที่ส่งเสริมให้ผู้โดยสารควรจะมีตั๋วล่วงหน้าแล้วมาเช็คอินเร็ว ๆ ไม่ใช่มาหวังพึ่งสิทธิพิเศษจากการ STAND BY แล้วได้ไป อีกประการหนึ่งทีคุณบอกว่า ทำไมไม่สงวนที่นั่งนั้นไว้เพราะมีคนซื้อไปแล้ว มุมนี้ก็มองกลับกันได้ว่า แล้วทำไมสายการบินหรือใคร ๆ ก็ตาม ต้องทิ้งทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้ง ๆ ที่มันทำประโยชน์ได้ .... ไม่ว่าจะมีคนนั่งเก้าอี้นั้นหรือไม่ เครื่องบินลำนั้นก็ยังต้องบิน น้ำมันเชื้อเพลิงก็ยังต้องเผา ....แล้วทำไมไม่เอาทรัพยากรที่เสียไปมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อสายการบินเอง และก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่รอเดินทางด้วย เพราะต้องคิดด้วยว่า คนที่มารอเดินทางแปลว่าเขาต้องการจะไป ดังนั้นเมื่อเขาได้ไป เขาก็จะได้ประโยชน์ แต่ถ้าเขาไม่ได้ไปทั้ง ๆ ที่นั่งว่างอยู่ ไม่มีคน(ที่จองไว้)มาเดินทาง เขาก็เสียโอกาสโดยเปล่าประโยชน์ --------- นอกจากนั้นแล้ว การให้ที่นั่งของคนที่ No Show กับคนที่ STAND BY ยังมีอีกกรณีหนึ่ง คือกรณีพนักงานสายการบินเดินทาง ที่เรียกกันว่า Staff Ticket หรือ ID Ticket .... ตั๋วสำหรับพนักงานสายการบินทั้งหลายนั้นส่วนมากเป็นตั๋วที่ไม่ Confirm ที่นั่งครับ ก็คือว่าพนักงานที่ต้องการจะเดินทางด้วยตั๋วประเภทนี้ต้องไป STAND BY รอที่สนามบินว่า จะมีที่นั่งว่างเหลือในไฟลท์หรือไม่ หรือกรณีที่ไฟลท์ถูกจองมาเต็ม ก็ต้องรอลุ้น No Show หลังเค้าเตอร์ปิด จึงจะสามารถเช็คอิน ได้บอร์ดดิงพาสและขึ้นเครื่องไปได้ นอกจากคนที่รอซื้อตั๋วที่หน้าเค้าเตอร์แล้ว คนที่มารอแสตนบาย(ที่รอ 3 ที่นั่งนั้นอยู่) อาจเป็นพนักงานที่ใช้ตั๋ว ID ก็ได้ (ซึ่งวิธีการนี้เขาทำมากันเป็นหลายสิบปีแล้วนับแต่ธุรกิจการบินเกิดขึ้นมา จึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ยืนยันได้ว่า กรณีเช็คอินได้หลังเค้าเตอร์ปิดนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติ แต่ไม่ใช่กรณีที่ผู้โดยสารนั้นเป็นผู้โดยสารทั่วไปที่ซื้อตั๋วมาล่วงหน้า) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 23:28:02 จากคุณ : เจเค..LSKY เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:26:59

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมองว่าปกตินะครับ แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมต้องห้ามไม่ให้เขาเอาไปขาย มันมีข้อเสียอะไรเหรอครับ? ผมอ่านตรรกะแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ seat ตัวเองไม่บินแล้ว .... แต่หวงอ่าาาา เอาเป็นว่า ถ้าตามหลักการแล้ว มันเป็นเรื่องปกติครับ ... ทำได้ ---------------------------- แต่ถ้าคุณจะพูดถึงมนุษยธรรมอย่างที่คุณกล่าวอ้างหล่ะก็ ลองนึกถึงใจคนที่เขาเป็น waiting list ดูบ้าง คนที่เขามีธุระฉุกเฉินไม่ได้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ จำเป็นต้องเดินทางเดี๋ยวนี้ ตั๋วแสนจะแพงยังไงก็ต้องไป... ลูกไม่สบาย แม่ป่วย ลุงเสีย ... อันนี้ก็ต้องถามกลับไปว่า คนที่ไม่อยากให้สายการบินเอาไปขายต่อ ... มนุษยธรรมอยู่ตรงไหน จากคุณ : BO Lovely เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:32:11

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเห็นด้วยว่า ควรใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  แต่ทางเลือกที่ว่า ถ้าหากเป็นว่า คนที่ไม่ได้บินสามารถคืนตั๋วได้ (จะหักค่าธรรมเนียมอย่างไรก็ว่ากันไปให้แน่ชัด  และคงไม่ใช่ว่า ค่าธรรมเนียมการรีฟันเท่ากับราคาตั๋วใบนั้น ๆ นะครับ)  และสายการบินก็เอาตั๋วนั้นไปทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามั้ยครับ  เพราะมันก็จะเป็นลักษณะว่า สายการบินได้ใช้ประโยชน์จากที่นั่งนั้นโดยการเก็บเงินจากผู้โดยสารเพียงคนเดียว ** แก้ไขข้อความให้สื่อความหมายมากขึ้น** แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 54 23:58:55 จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:37:01

ความคิดเห็นที่ 22 อีกอย่าง ผมไม่เคยต่อว่าว่าราคาที่ขาย ณ วินาทีสุดท้ายมันแพงเกินไป  ถึงแม้จะใช้คำทำนองว่าขูดรีดขูดเนื้อ  (ซึ่งก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ  โดยเฉพาะถ้าหากเป็นกรณีเช่น แม่ป่วย  ญาติเสีย  หรือเรื่องคอขาดบาดตายต่าง ๆ)  แต่ก็เข้าใจว่า มันเป็นธุรกิจ  และ ณ จุดนั้น ผู้โดยสารที่จะซื้อก็มีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อตามความจำเป็นของเขา  ดังนั้นจุดนี้จึงไม่ใช่ประเด็น **แก้ไขให้สื่อความหมายมากขึ้น** แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 00:01:30 จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 23:44:04

ความคิดเห็นที่ 23 คห 21 ต้องเริ่มก่อนว่า ทำไมสายการบินต้องขายตั๋วล่วงหน้า (หรือแม้แต่ธุรกิจขนส่งต่าง ๆ (ไม่รวมพวกที่เป็น commuter ที่คนต้องใช้เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวันแบบ รถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง เรือข้ามฟาก)) .... ก็เพราะว่า เขาประกอบธุรกิจที่หวังผลกำไร และเขาก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งว่า เที่ยวบินที่กำลังจะบิน เที่ยวรถที่กำลังจะออกวิ่ง แต่ละเที่ยวนั้น จะออกไปแล้วได้กำไร หรืออย่างน้อยก็คุ้มทุน .... การที่จะมั่นใจแบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อ ทำยังให้มีผู้โดยสารจ่ายตังค์มาเพื่อที่นั่งบนเทียวบินนั้น ๆ แล้วในระดับหนึ่ง (นั่นก็คือสายการบินต้องขายตั๋วล่วงหน้า)  .... สายการบินหรือรถทัวร์ ที่ต้องคอยรอลุ้นอยู่ 3-4 ชม ก่อนเดินทางว่า เที่ยวนี้ฉันจะได้กำไรไหมนะ ฉันจะคุ้มทุนไหมนะ ... ก็คงจะประกอบธุรกิจในความเสี่ยงขนาดนี้ไม่ได้ ..... จะไปรอลุ้นคนมาซื้อตั๋วหน้างานแบบ Go Show ก็ต้องถามกลับไปว่า แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวันนั้น ๆ จะมีคนมา Go Show หรือมารอซื่้อตั่วหน้างานมากน้อยแค่ไหน ทีนี่ถัดมาก็เป็นเรื่องตั๋ว ธุรกิจพวกนี้เขาจะทำยังไงให้มันใจว่าคนที่ซื้อตั๋วในแต่ละเที่ยวบินนั้น ๆ แล้วจะมาขึ้นเครื่องจริง ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ไม่อยากไปก็เลื่อนตั๋วไปใช้เที่ยวอื่น หรือคืนตั๋วเอาเงินคืน(แม้จะมีการหักค่าธรรมเนียม) .... แบบนี้สิ่งที่สายการบินคาดหมายไว้ว่าจะบินแต่ละเที่ยวด้วยกำไร มันก็พังทลายสลายไปง่าย ๆ แล้วก็ไปตั้งอยู่ในความเสี่ยงมากมายอยู่ดี ..... สายการบินทั้งหลายก็เลยออกแบบตั๋วให้มีหลายเงื่อนไข หลายระดับคลาส ตั๋วราคาถูกมาก แต่เงื่อนไขก็ต้องมากตามไปคือ ห้ามเปลี่ยน ห้ามเลื่อน ห้ามคืน ห้ามเปลี่ยนคน (ซึ่งเดี๋ยวนี้มีทุกสายทั้งโลวคอสต์ หรือไม่โลวคอสต์ อย่างการบินไทย บางกอก สิงคโปร์ ฯลฯ) ตั๋วราคาสูงมาหน่อยแต่ยังไม่แพงมาก แต่เงื่อนไขคือคืนไม่ได้ (คือยังไงสายการบินก็ต้องได้ตังตามที่ซื้อไป) แต่ให้เลื่อนได้ แต่เสียค่าธรรมเนียมตอนเลื่อนนะ ตั๋วราคาสูงมาอีก คืนไม่ได้ แต่เลื่อนไม่เสียตังค์ ฯลฯ ... ไปจนกระทั้งตั๋วเต็มราคาแพง ที่เงื่อนไขมักจะเป็น เลื่อนได้ คืนได้ แต่เสียค่าธรรมเนียม การออกตั๋วแบบหลาย ๆ เงื่อนไขนี้ก็เป็นการที่สายการบินจะสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งว่า แต่ละที่นั่งนั้นเขาจะได้เงิน(ตามความเสี่ยงที่สายการบินจะได้รับคือ ตั๋วราคาถูก - สายการบินได้เงินน้อย แต่ความเสี่ยงก็น้อยเพราะเงื่อนไขมันห้ามเปลี่ยนห้ามคืน) และแน่นอนว่า แต่ละไฟลท์เขาไม่ได้ขายตั๋วเงื่อนไขเดียว เขาขายทั้ง 10 คลาสนั่นแหละ เพื่อเฉลี่ยกันไป ส่วนผู้โดยสารเองก็ได้ตั๋วตามราคาที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ตัวเองจะได้รับเช่นกัน (ราคาถูก ความเสี่ยงที่จะต้องสูญเงินทั้งหมดไปเยอะหากเกิดไม่สามารถเดินทาง - ราคาแพงความเสี่ยงก็น้อยลง ยังคืนได้ ยังเปลี่ยนได้) ------------ ประเด็นเรื่องตั๋วนี้อาจมีคำถามว่า แล้วทำไมโลวคอสต์นี้ เงื่อนไขคือ คืนตั๋วไม่ได้ (จริง ๆ แล้วโลวคอสต์ค่อนโลก เงื่อนไขแทบจะเหมือนกันคือ ตั๋วคืนไม่ได้) คำตอบก็ง่าย ๆ ครับ คือ เพราะนี่มันคือโลวคอสต์ ถ้าโลวคอสต์ทั้งหลาย ต้องคอยมานั่งขายตั๋วแบบไฟลท์เดี๋ยวมี 20  class 50 เงื่อนไข เหมือนสายการบินปรกติที่ผมยกตัวอย่างเรื่องตั๋วไปมะกี๊ .... เขาก็คงไม่ทำโลวคอสต์แล้วครับ คงปรับตัวเองไปแข่งในตลาดสายการบินปรกติไปเลย จากคุณ : เจเค..LSKY เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:09:36

ความคิดเห็นที่ 24 เราคิดว่า ที่มันเป็นประเด็นขึ้นมาเพราะ เลืือกใช้คำที่มันดูรุนแรงมากเกินไปมากกว่าค่ะ จขกท. อย่าคิดมากเลยค่ะ ใจเขาใจเราค่ะ ทุึกอย่างที่เค้าทำก็เป็นไปตาม condition ของตั๋วค่ะ มันมีบอกตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วแล้วค่ะ ต้องลองอ่าน condition แล้วจะระวังเองโดยปริยาย เรื่องคืนตั๋วก็มีเป็นกฏไว้ชัดเจนอยู่แล้วหล่ะค่ะ ไม่ใช่แค่ Low cost ค่ะ เท่านั้นหรอกค่ะ ตั๋วราคาพิเศษสายการบินทั่วไปก็เป็นเหมือนกันค่ะ เปลี่ยน เลื่อนไม่ได้ ตกเครื่องก็เสียเปล่าเหมือนกัน สรุป เพราะเค้าทำ "ธุรกิจ" ค่ะ จากคุณ : แม่บอกว่าสวย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:17:18

ความคิดเห็นที่ 25 ครับผม พอเข้าใจภาพความซับซ้อนของการกำหนดราคาและเงื่อนไขที่พ่วงมาด้วยอยู่บ้าง  แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทำไมสายการบินจึงสามารถนำที่นั่งของตัวเองมาขายได้ถึงสองรอบ  ถ้าสายการบินคิดไว้แล้วว่า จะขายตั๋วราคาถูกแต่เอาแบบได้เงินแน่ ๆ อยู่แล้ว (คือห้ามคืน ห้ามเปลี่ยนทุกชนิด)  แม้ผู้โดยสารจะไม่ได้ใช้บริการ  แต่สายการบินก็ได้เงินนั้นแน่ ๆ อยู่แล้ว  (ยิ่งถ้าตั๋วให้จองล่วงหน้านานด้วย  ก็ได้เงินไปก่อนตั้งนานแล้ว)  ได้ตามวัตถุประสงค์ของตั๋วนั้นที่สายการบินคาดไว้ไปแล้ว  ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาขายซ้ำอีก  แต่ถ้าหากมองว่า ที่ขายอีกเพราะเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าหรือมนุษยธรรมที่ในบางกรณีอาจมีคนที่ต้องการใช้ที่นั่งนั้นจริง ๆ ขึ้นมา  ในกรณีนี้ ผลประโยชน์จากที่นั่งนั้นก็ไม่ควรตกอยู่กับสายการบินอีกหรือเปล่าครับ จากคุณ : paryjt เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:25:02

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าหากเป็นว่า คนที่ไม่ได้บินสามารถคืนตั๋วได้ (จะหักค่าธรรมเนียมอย่างไรก็ว่ากันไปให้แน่ชัด  และคงไม่ใช่ว่า ค่าธรรมเนียมการรีฟันเท่ากับราคาตั๋วใบนั้น ๆ นะครับ) --------------------------------------------------------------------- ****สายการบินส่วนใหญ่ ก็มีนี่ครับ หักค่าธรรมเนียมบางส่วน ในกรณี No show หรือ ยกเลิกที่จะไม่เดินทาง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับประเภทตั๋วที่ผู้โดยสารซื้อมาด้วยว่า เป็นตั๋วประเภทใด ยกเลิกได้ก่อนกี่วัน, เลื่อนวันเดินทางได้ไหม, No show จะได้เงินคืนไหม แต่ตั๋วประเภทที่ คืนอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่เดินทาง เปลี่ยนชื่อก็ไม่ได้, No show ก็ไม่คืนเงินสักบาท  ก็มีครับ ผู้โดยสารก่อนซื้อก็ต้องยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว เพราะตั๋วประเภทนี้ถูกที่สุดคนเลยนิยมซื้อ แต่ถ้าเกิดผู้โดยสารเดินทางไม่ได้ ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ตัวเองตัดสินใจซื้อตั๋วประเภทนี้แล้วครับ เพราะฉะนั้นการจองตั๋วทุกครั้งต้องดูตัวเองด้วยครับว่าจะจองแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเราเอง ---ถ้ามีกำหนดว่าจะเดินทางแน่นอน เลือกไปเลยครับตั๋วโปรโมชั่นต่างๆที่เลื่อนไม่ได้เพราะมันจะถูก ---แต่ถ้าสองจิตสองใจเว่าจะเดินทางได้หรือไม่ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเดินทางได้ไหม อย่าเลือกตั๋วแบบ โปรโมชั่นเด็ดขาด เพราะมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย จากคุณ : DNADNA เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:28:49

ความคิดเห็นที่ 27 คห. 25 เพราะว่า ตั๋วที่คุณไม่คิดจะเดินทาง ยังมีอีกหลายชีวิตที่เขาต้องการไงครับ ปล.ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไปที่สายการบินจะขายตั๋วที่ผู้โดยสารปฏิเสธการเดินทางได้เสมอไปนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 00:36:05 จากคุณ : DNADNA เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:34:45

ความคิดเห็นที่ 28 คห 25 แล้วควรจะขายที่นั่ง ที่ได้มาจากการ No Show อย่างไร อย่างที่ผมบอกไปแล้วใน คห. 19 ว่า .... การที่ตั๋ว Stand By นั้นราคาแสนแพงด้วยเหตุผลหลายประการประการหนึ่งคือ สายการบินต้องการจะให้คนมาซื้อตั๋วล่วงหน้า ไม่ใช่มาหวัง No Show ( เพราะสายการบินก็ไม่รู้ว่า จะมีคนมา รอ Stand By มากน้อยแค่ไหน) ดังนั้นถ้าขายราคาถูก ๆ คนก็จะไม่ซื่อตั๋วก่อน แต่มาซื่้อเอาแบบหน้างาน Go Show ยกตัวอย่าง ในอดีตมีสายการบินในไทยสายหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าเป็นสายการบินราคาประหยัด ในตอนแรก ๆ ก็มีแคมเปญหนึ่งออกมาชื่อว่า "All seats All flights one price Go Show ทุกที่นั่ง ทุกเที่ยว ราคาเดียว ไม่ต้องจอง".... ก็คือว่า ขายตั๋ว Go Show ถูกกว่า ตั๋ว(ในเที่ยวบินเดียวกันนี่แหละ)ที่ซื้อล่วงหน้า (มีจริง ๆ นะช่วงปี 2546-2547) แล้วก็โฆษณาเชิญชวนว่าอยากบินเมื่อไรนับหนึ่งสอง ไปบินได้เลยไป Go Show ( ด้วยแรงจูงใจที่ตั๋วจะถูกกว่า) ... แต่ถ้าใครไม่อยากเสี่ยงก็ยอมเสียตังค์เพิ่มอีกนิดซื้อไปล่วงหน้าจะได้การันตีว่ามีที่นั่งในไฟลท์นั้นจริง ๆ เผื่อคนจะมาเยอะแล้วไฟลท์เต็ม จริง ๆ แล้ว ไอเดียของเจ้าของสายการบินนี้เขาก็สร้างสรรค์ดีนะครับแต่ว่า ...... ในที่สุด "ทุกที่นั่ง ทุกเที่ยว ราคาเดียว ไม่ต้องจอง"  ก็ต้องเลิกไปครับ เพราะว่ามันไม่สอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจอย่างที่สายการบินอื่น ๆ เขาทำกันตามปรกติ (ก็คือว่า มัวมาหวัง Go Show บางทีก็กลายเป็นหวังลม ๆ แล้ง ๆ) จึงไม่ค่อยมีสายการบินไหนขายตั๋วหน้าเค้าเตอร์ (ที่บางครั้งได้มาจากตั๋ว No Show) ในราคาถูก ๆ เพราะคนก็จะมาหวัง Go Show หน้าเค้าเตอร์ ---- หรือว่าจะให้เงินนั้นไปตกอยู่กับ คนที่ทิ้งตั๋ว อย่างนี้ก็กลายเป็นว่าตั๋วนั้นก็เหมือนตั๋วที่คืนได้นั่นแหละ ....เพราะคนที่ได้เงินคืนไป เงินก็คือเงิน ไม่ว่ามันจะมาจากกระเป๋าของคน Stand By หรือกระเป๋าสายการบิน ค่าก็เท่ากัน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีปัญหาอีกว่า แล้วถ้า มี No Show 3 คน มีคนซื้่อตั๋วหน้าเค้าเตอร์ Stand By 1 คน .... แล้วเงินจะคืนใคร ....หรือคืนเท่า ๆ กัน .... ใครจะต้องเอาเงินไปคืน ถ้าสายการบินต้องมาคอยดำเนินการทีหลังอีกนี่ก็มีกระบวนการตามมาอีกมากมาย (ซึ่งธุรกิจเขาไม่ทำให้เมื่อยอยู่แล้ว ยกเว้นจะโดนบังคับ) จากคุณ : เจเค..LSKY เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:47:01

ความคิดเห็นที่ 29 No Show จิ๊บๆมีแทบทุกสายการบินอยู่เเล้ว แต่ OverBooking นี่สิ ทุเรศกว่าเยอะ จากคุณ : CK-ONliNE เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 00:54:17

ความคิดเห็นที่ 30 เราคิดว่า  จขกท คงจองไว้แบบ เสียเงินระบุเก้าอี้นั่ง   เลย อยากให้ที่นั่งข้าง ๆ ว่างจะได้นั่งสบาย อืม.....ขี้เกียจตอบ   เพราะเพื่อน ๆ ช่วยตอบแล้ว   ป.ล.  ถูกใจที่คุณ เจเค..LSKY ตอบจริงๆ   เคลียร์มากๆ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:15:34

ความคิดเห็นที่ 31 อ่าน คห. 29 เลยเพิ่งนึกออก .... อยากจะเสริมจาก คห. 23 (ในตอนท้าย) ของผมเองด้วยว่า ที่บอกไปว่าสายการบินปรกติมีการขายตั๋วทั้งแบบคืนได้และคืนไม่ได้ แต่โลวคอสต์มักจะมีแต่เงื่อนไข คืนไม่ได้ ..... สายการบินสองประเภทนี้ก็ต่างกัน ในเรื่องนโยบายการทำ Over book ด้วย เพราะว่าสายการบินปรกติ มีตั๋วประเภทที่ยืดหยุ่นมากกว่าจึงมีการทำ Over Book แต่สำหรับโลวโคสต์นั้นส่วนมากตั๋วจะไม่ยืดหยุ่น โลวคอสต์ส่วนใหญ่เลยไม่มีการทำ Over Book เพราะเขาก็เข้าใจว่าการที่ผู้โดยสารมาซื่้อตั๋วเขาซึ่งก็คงรู้เงื่อนไขแล้วว่าตั๋วนั้น ไม่ยืดหยุ่น แสดงว่าผู้โดยสารจะตั้งใจว่าจะเดินทางในเที่ยวนั้นจริง ๆ (จริง ๆ แล้วยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกเช่น การที่สายการบินทั่วไป จองก่อน แล้วค่อยมาออกตั๋วได้ แต่โลวคอสต์ จองแปลว่าจ่ายเงินและยืนยันตั๋วเลย ...เรื่องนี้ก็ทำให้นโยบาย Over Book ต่างกัน) แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 01:40:43 จากคุณ : เจเค..LSKY เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:32:33

ความคิดเห็นที่ 32 กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว เคยซื้อตั๋วรถไฟ ตู้นอนแอร์ ชั้น สอง จากกรุฃเทพ ไปยะลา แต่ตัวไปขึ้นที่นครปฐม โดนนายตรวจตั๋วดุเอาเลย ว่า คราวนี้โชคดี ที่นั่งไม่หลุด ปกติ ถ้าเลยบางบำหรุ มาแล้ว เค้าจะปล่อยตั๋ว คือจะบอกว่า  รถไฟ ก็เป็นเช่นนี้ รถทัวร์ ก็เช่นกันค่า จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:42:42

ความคิดเห็นที่ 33 เพื่อนเคย stand by ตั๋วนะคะ เพราะซื้อทีหลังแล้วตั๋วเต็ม ทั้งๆที่ใน กลุ่ม มีคน no show 1 คน ซึ่งเราบอกเจ้าหน้าที่ว่า มีไม่มาแน่ๆ 1 คน ให้อีก 1 นึงซื้อตั๋วแทนที่คนนั้นเลยได้ไหม เรามีสำเนาเอกสาร ว่าเพื่อนอีกคนนึงไม่มาแน่ๆ ให้เค้าดูด้วย (แบบว่าต้องไปให้ได้อ่ะค่ะ) สรุปว่ายังไงก็ไม่ได้ค่ะ ต้องรออย่างเดียว จน counter ปิดแล้วนั่นแหละ ถึงจะซื้อได้ แล้วก็ซื้อราคาเต็มด้วย ซึ่งแพงมว้าก แพงกว่าตั๋วของเรา 10 เท่า แต่เรากับเพื่อน เข้าใจค่ะ จากคุณ : มือปราบแมว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 09:03:31

ความคิดเห็นที่ 34 ดีแล้ว   น้ำมันแพง ที่นั่งจะได้เต็มๆ     ในแง่ใช้ทรัพยากรได้เต็มที่   แพงนะ    อาหาร เครื่องดิ่ม ก็ load ไว้เต็มพิกัดแล้ว   ในแง่คนรอ   คน waiting list อุตส่าห์ นั่งรอ เพราะ ไปธุระจริงๆ  จะได้ไป จากคุณ : พิจารณ์รัฐกิจ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 09:41:14

ความคิดเห็นที่ 35 #21 ตั๋วที่รีฟันด์ได้ เปลี่ยนเที่ยวได้ก็มีครับ ถ้าคุณจะซื้อเขาก็ขายให้ อยากขายด้วยเพราะมันแพงกว่าตั๋วเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย แต่ตอนซื้อคุณจะเลือกซื้อแบบนี้หรือเปล่า หรือเลือกแบบราคาต่ำที่สุด จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 09:47:48

ความคิดเห็นที่ 36 เจ้าของกระทู้เคยได้ยินคำว่า      "สันดานพ่อค้า"  หรือเปล่าจ๊ะ อะไรที่เป้นเงินเขาแหก กฏได้อะจ๊ะ จากคุณ : shungwan เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 09:54:27

ความคิดเห็นที่ 37 สรุปว่า 1.สายการบินเอาตั๋ว no show ไปขายต่อ ไม่ผิดครับ เพราะลูกค้าไม่มาเช็คอินตามเวลาที่กำหนด 2.สายการบินจะไม่คืนเงินค่าตั๋วที่ลูกค้าซื้อไว้แล้วไม่ได้เดินทางก็ไม่ผิด ถ้าได้ระบุไว้ในเงื่อนไขก่อนที่ลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อแล้ว ส่วนลูกค้าจะอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่เกี่ยวกับสายการบิน จากคุณ : ไม่ได้กลัวแต่เกรงใจ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 10:45:31

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนจองตั๋ว...ผู้โดยสารก็รับทราบเงื่อนไขต่างๆ ไปแล้ว จะมาอ้างว่า "ไม่รู้" ไม่ได้นะครับ ถ้ากฎของสายการบินไม่เป็นธรรม...คุณก็แค่ไม่ยอมรับเงื่อนไข แล้วไปใช้บริการสายการบินอื่นที่มีเงื่อนไขที่คุณรับได้...ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : Into the Groove เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 11:18:06

ความคิดเห็นที่ 39 เบื่อเงื่อนไขการออกตั๋วสายการบิน เอาให้มันเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้รึไง จะได้พยายามอ่านมั่ง (เพราะไม่เคยอ่าน แต่โชคดียังไม่เคยมีปัญหา) ใครเคยอ่านจนหมดกระดาษที่ปริ้นออกมามั่งช่วยชูจั๊กกะแร้หน่อย ผู้น้อยจะขอแสดงความนับถือ จากคุณ : narupol เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:54:32

ความคิดเห็นที่ 40 ยืนยัน #32 ครับ รถไฟก็ขายตั๋ว No Show เหมือนกันครับ ตั๋วต้นทางกรุงเทพ สายใต้จะขึ้นได้เฉพาะ กรุงเทพ-สามเสน-บางซื่อ-บางบำหรุ เท่านั้น เลยจากนั้นแล้วก็ถือว่า No Show แล้ว จากคุณ : meam เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 00:56:11

ความคิดเห็นที่ 41 ดีกว่าบางสายการบินครับ ลูกค้าเที่ยวเช้ากับเที่ยวบ่าย น้อย เลยเอาไปรวมกันที่รอบบ่าย แล้วมาบอกว่ารอเอกสารการบิน ผมเจองี้มา2ครั้ง เลยเลิกใช้บริการ และไม่คิดจะกลับไปใช้อีก ถ้าไม่จำเป็น จากคุณ : little2u เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 21:03:15