ความคิดเห็นที่ 1 2. ถึงด่านหนองคายก็เตรียมพาสปอร์ต ให้พร้อม แล้วก็เขียนใบเข้าเมือง-ออกเมืองให้เรียบร้อย (อันนี้เขาให้มาที่ด่านนะคะ) แล้วก็ไปยื่นที่เจ้าหน้าที่ค่ะ เมื่อผ่านไปแล้วก็ไปเสียค่ารถบัสข้ามไปที่ด่านฝั่งลาวอีก 15 บาท ระหว่างที่ข้ามฝั่ง มองไปที่ริมโขง ช่วงนั้นเหมือนชายหาดริมทะเลเลยค่ะ เพราะมีเต้นท์ มีห่วงยาง มีคนมาเล่นน้ำ สังสรรค์กันยาวเหยียด (เพิ่งรู้จริงๆนะคะ) พอไปถึงด่านลาวทุกอย่างดูเหมือนฝัั่งไทยมากๆยกเว้นแค่ตัวภาษาเขียนที่ใช้ ถึงทำให้รู้ว่าเราเข้าเขตประเทศลาวแล้ว ---!เย้ พอมาถึงก็เขียนใบขาเข้า ขาออกของฝั่งลาวค่ะ และเพิ่งรู้อีกว่า มีอาชีพรับจ้างเขียนใบพวกนี้ด้วย แต่ไม่ได้ลองใช้บริการนะคะ แล้วก็เสียค่าธรรมเนียมนั่นนู้นนี่อีก2-3ด่าน ไม่รู้ว่าค่าอะไรเหมือนกันค่ะ เพราะตอนนั้นอยากไปให้ถึงรถตู้ไวๆแล้ว พอหลุดมาได้แล้วก็โทรหาตัวน้องที่ขับรถตู้ค่ะ ต้องขอบคุณสมาชิกห้องบลูท่านหนึ่งด้วยนะคะ ที่มาให้ข้อมูลและช่วยแนะนำรถตู้ให้นะคะ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปติดต่อที่ไหนเหมือนกันค่ะ เพราะน้องเขาชำนาญทางมาก ขับจนเหมือนทางกลับบ้านเลยค่ะ พอเจอตัวน้องเขาแล้วก็ไปแลกเงินตรงธนาคารแถวนั้นค่ะ มีหลายธนาคารทีเดียว เรทก็ประมาณ266-267 กีบ ต่อ 1 บาทค่ะ เรทไม่ต่างกันมาก พอได้เงินมาถึงกับอึ้งทีเดียวเพราะแลกไป2พันได้กลับมาเป็นแสน โฮะๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 23:56:03

ความคิดเห็นที่ 2 3. เริ่มออกเดินทาง เราบอกน้องคนขับว่า ไปที่ประตูชัยกันก่อนเลย(มุ่งมั่นกันมากๆค่ะ จนลืมว่าควรจะไปที่พระธาตุหลวงด้วย เสียดายมากเพราะขากลับมีความผิดพลาดนิดหน่อยค่ะ) ก่อนไปประตูชัย น้องพาแวะที่ตลาดค่ะ เหมือนห้างบ้านเรานี่แหละค่ะ แต่ย่อมกว่า เพราะเท่าที่ถามน้องบอกว่าไม่มีร้านสะดวกซื้อแบบเซเว่นหรือห้างสรรพสินค้านะคะ มีแต่ร้านขายของชำทั่วไปและตลาดค่ะ แล้วหนุ่มก็เลยขอประเดิมเบียร์ลาวกันแต่หัววัน ส่วนสาวๆก็หาอะไรกินรองท้องไปก่อนเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้า+เที่ยงกันเลยค่ะ และที่สำคัญวันนั้นที่ตลาดร้านอาหารก็ปิดอีก   น้องก็เลยจะพาไปกินร้านเฝอสุดอร่อยค่ะ แต่ก่อนจะไปก็แวะประตูชัยก่อน เราแค่เดินถ่ายรูปรอบๆค่ะ เพราะถ้าขึ้นไปชมวิวด้านบนเสียเงิน แถมแดดแรงด้วยเลยถ่ายรูปกันสักพักแล้วก็ที่ร้านเฝอกันค่ะ ระหว่างทางได้เห็นบ้านเมืองในเมืองหลวงเวียงจันทน์ ดูสะอาด สงบเรียบร้อยมากค่ะ เป็นบ้านใหญ่ๆโตๆซะเยอะ รวมทั้งสถานที่ราชการด้วย และที่ทำให้เรานึกได้ก็คือ ลาวยังปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อยู่ค่ะ จะเห็นธงประเทศและธงค้อนเคียวประดับอยู่ในหลายๆบ้านเลย แต่เราก็ไม่รู้สึกแปลกแยกอะไรนะคะ หรือเพราะเราคุ้นเคยกับคนลาวก็ไม่รู้ แถวสื่อสารกันรู้เรื่องด้วย เลยตัวเมืองมานิดหน่อยก็แวะเข้าร้านเฝอค่ะชื่อร้านแม่พิมพ์ เข้าไปในซอยเล็กๆ แต่เหมือนจะเป็นร้านเจ้าดังเลยค่ะเพราะมีคนมากินหนาตาอยู่ทั้งๆที่เป็นวันหยุด รวมทั้งทราบมาว่า คนลาวจริงๆแล้วไม่นิยมกินอาหารกันที่ร้านเท่าไหร่นะคะ มีเมนูเด็ดก็คือเฝอเนื้อและเฝอหมูค่ะ มีเครื่องเคียงเป็นผักสดและน้ำจิ้มในถ้วยลักษณะคล้ายๆที่จิ้มหมูสะเตะค่ะ เหมือนเป็นถั่ว น้ำตาล เครื่องแกง กระทิผสมๆกัน กลมกล่อมดีค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:14:19

ความคิดเห็นที่ 3 4. พออิ่มก็ลุยกันต่อค่ะ ออกเดินทางประมาณบ่าย 2 สู่วังเวียง ระหว่างทางเป็นถนนราดยาง มีขรุขระบางช่วงค่ะ แต่ก็เป็นถนนทางราบค่ะไม่มีเขาอะไร ข้างทางเป็นทุ่งนา และฝูงควาย รวมทั้งผ่านเส้นทางหมู่บ้านมากมายค่ะ ยิ่งห่างตัวเมื่องไปเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เคียงกับสภาพชนบทบ้านเราเข้าไปทุกที ทีนี้รถขนส่งสาธารณะจะเก่าค่ะ ส่วนผู้มีอันจะกินก็มีรถใหม่ใช้กัน ส่วนใหญ่จะเป็น kia และ hyundai ซะเป็นส่วนมากค่ะ ระหว่างทางเจอแอ่งน้ำนึงขดเขียวเป็นสันดอน สวยงามมากค่ะ มองเผินนึกว่าสนามกอล์ฟซะอีก ยิ่งตอนเย็นๆมีแดดสะท้อนน้ำ ยิ่งทำให้ประทับใจมากค่ะ  จนประมาณ5 โมง เราก็มาถึงวังเวียงซะที ทีนี้ก็ไปหาที่พักที่แรกที่เราจองไว้กันค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:24:29

ความคิดเห็นที่ 4 5. เมื่อมาถึงที่พักจริงๆ แอบอึ้งเหมือนกันค่ะ เพราะไม่มีรีวิวเลย ส่วนมากเป็นฝรั่งที่ไปพักค่ะ บรรยากาศเลยธรรมชาติมาก เปิดโล่งมาก และท่าทางจะเสียงดังในยามค่ำคืน แล้วก็ไม่เหมาะกับเราที่เหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อนให้เต็มที่หลังจากนั่งรถมากว่า20 ชม. มากๆ แถมมีปัญหาเรื่องการจองที่ไม่ได้ประสานงานกันให้ดีด้วย เราก็เลยขอลาค่ะ เราเดินหาในซ้อยวัดธาตุ ที่ติดริมฝั่งแม่น้ำซองไปเรื่อยๆบรรยากาศยามเย็น สงบเงียบไม่วุ่นวายเลย เห็นบอกว่านี่เป็นช่วงโลว์ด้วยค่ะ เพราะน้ำในแม่น้ำแห้งขอดไปเยอะแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะพอควรนะคะ เดินเรื่อยๆจนมาถึงบ้านพักสร้างใหม่เอี่ยมเลยค่ะ เข้าไปถามเข้าไปดูห้องแล้ว ราคาถูกมากๆ เรามา10คนก็เลยจองไว้ 3ห้องค่ะ เป็นห้องเตียงทวินส์ + ฝูกเสริม ห้องละ 3 คน ตกคนละ 90กว่าบาทเองต่อคืน  แต่เป็นพัดลมนะคะ แต่ถ้าเปิดแอร์ก็บวกอีกนิดหน่อยค่ะ สักคนละ160-170บาทได้ ชื่อเรือนพักสุขสมบูรณ์ค่ะ ได้คุยกับลุงเจ้าของบอกว่าเพิ่งเปิดมา4เดือนเอง ยังไม่ได้ทำเว็บจองอะไรยังไงเลย ส่วนมากที่มาก็เป็นชาวต่างชาติที่มีคนรู้จักแนะนำมาอีกทีค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:42:33

ความคิดเห็นที่ 5 6.เช้ามาก็ตื่นมาเดินเล่นรอบๆกันค่ะ ทันใส่บาตรเพราะกันด้วย (อยู่บ้านไม่เคยตื่นทัน) เป็นเมืองที่น่าประทับใจมากค่ะ นึกถึงตอนไปปายเมื่อสักเกือบ10ปีก่อนเลย  แต่ก็เริ่มน่ากลัวตรงที่มีการสร้างที่พักและสถานที่เอาไว้รองรับชาวต่างชาติผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จนรู้อดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าวังเวียงจะเปลี่ยนหน้าตาไปขนาดไหน จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:49:46

ความคิดเห็นที่ 6 7.เดินข้ามฝั่งแม่น้ำไปเรื่อยเปื่อยเลยค่ะ แล้วก็ไปหยุดถ่ายรูปเจ้าตัวในรูปนี้กันอยุ่นานสองนานเลย เพราะมันน่ารักมากกก จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:54:07

ความคิดเห็นที่ 7 8.เดินถ่ายรอบๆจนหนำใจก็แวะหาอะไรกินที่แผงลอยขายแซนวิช เบอเกอร์ และโรตีค่ะ (เรียกว่าเปิดกัน 24 ชม.เลย) เมนูแซนวิชขนมปังฝรั่งเศสอร่อยมาก อยากกินอีกเลยค่ะ ทีนี้พออิ่มก็เตรียมแพคกระเป๋าและเช็คเอาทืออกจากที่พักเลยค่ะ ทีนี้เราจะนั่งรถอีก 6 ชม. ไปหลวงพระบางกันแล้ว จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:58:38

ความคิดเห็นที่ 8 9. แต่ก่อนจะไปถึงหลวงพระบาง เราแวะที่ถ้ำจังกันก่อนค่ะ เป็นถ้ำที่จัดว่าเป็นสถานที่เที่ยวของทั้งคนลาวและชาวต่างชาติค่ะ แต่ที่เจอวันนั้นเหมือนจะไม่เจอฝรั่งเลยน้า .... จากวังเวียงไปนิดหน่อยก็มาถึงถ้ำค่ะ เสียค่าเข้าด้วยแต่ไม่ได้จดมาว่าเท่าไหร่นะคะ -*- ปากถ้ำสูงขึ้นไปหลายเมตรเลยค่ะต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไป ก่อนขึ้นก็เสียค่าธรรมเนียมด้วย ตามรูปเลยค่ะ พอเข้าไปข้างใน รู้สึกว่าเย็นขึ้นเลยค่ะ หินงอกหินย้อยสวยงามทีเดียว แต่น่าเสียดายว่าไม่ได้รับการดูแลและสร้างทัศนคติที่ดีในการท่องเที่ยว เพราะหินข้างใน90กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นหินที่ตายแล้วค่ะ ไม่มีงอกออกมาใหม่เลย นักท่องเที่ยวจับหินจนเป็นเรื่องปกติเลย แถมขีดเขียนกันไว้เต็มไปหมด  แอบเคืองจริงๆ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 01:07:25

ความคิดเห็นที่ 9 10.พอแวะถ้ำเสร็จแล้ว เราก็เดินทางกันอย่างจริงจังค่ะ ระยะแรกเราค่อยๆขับไต่เนินเขาเล็กๆ พร้อมๆกับจะเห็นเทือกเขาหินปูนยอดแหลมเต็มไปหมดเลยค่ะ น่าจะเป็นเทือกเดียวกับที่เห็นที่วังเวียง สวยงามแปลกตาดีจังค่ะ แถมถนนก็เลาะไปตามที่ราบแคบๆระหว่างเขาด้วยจึงเห็นความใหญ่โตอลังการชัดเจนมากๆค่ะ ขับมาสักพักเมื่อความสูงขึ้นมาเรื่อยๆเรามาแวะที่ พูกูมค่ะ เป็นจุดชมวิววและร้านอาหารด้วย (แต่เราจนและไม่มีเวลาเลยถ่ายรูป ชมวิวว และเข้าห้องน้ำ จึงเดินทางกันต่อค่ะ) จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 01:14:28

ความคิดเห็นที่ 10 11.ระหว่างทาง ขึ้นๆลงๆเขาตลอดค่ะ น้องก็นิ่มมาก เข้าโค้งแต่ละทีๆไม่มีหลุดเลย น้องบอกว่า6ชม.นี้ก็ขึ้นเข้า6ลูกค่ะ ลูกละชม. แต่ลูกที่3กับ4 จะโหดสุดค่ะเพราะทางคดมาก  แถมบางช่วงมีทางเป็นหลุมด้วย โชคดีอีกอย่าง คือที่สัญจรไปมามีน้อยค่ะ แต่ก็ต้องเปิดกระจกและปิดแอร์ด้วยเพราะต้องขึ้นเขาค่ะ แต่ในช่วงสงกรานต์ก็ต้องระวังนะคะ เพราะมีกองกำลังซุ่มโจมตีเป็นระยะๆค่ะ อาวุธครบมือเลย 555555555 นั่นได้แก่ กองกำลังสาดน้ำสงกรานต์ของเด็กๆตามหมูบ้านค่ะ มีหลายชอตเหมือนกันที่เราปิดกระจกกันไม่ทันเลยได้เล่นน้ำสงกรานต์กันนิดๆหน่อยๆค่ะ อีกอย่างที่พบเห็นได้ตามทางบนเขาคือ กองทหารอาสาค่ะ จะเป็นหนุ่มชาวบ้านถือปืนประจำจุดต่างๆระหว่างทางบนเขา อาจจะมีโบกไม้โบกมือบ้าง เพื่อขอปันยาเส้นยาสูบ แต่คนพวกนี้เป็นคนดูแลเราระหว่างทางค่ะ เพราะน้องคนขับเล่าว่าสมัยก่อนมีการดักปล้นรถ และชิงทรัพย์ที่ถนนเส้นนี้บ่อยครั้ง ก็เลยต้องมีหนุ่มๆพวกนี้มาคอยประจำตามริมถนนเช่นนี้ค่ะ ตกเย็นประมาณ 4โมงเย็นค่ะ เราก็มาถึง หลวงพระบางตรงเวลา6ชม.เปะๆ แต่ที่นี่สาดน้ำเล่นดินหม้อกันกระจายค่ะ พอๆกับบ้านเราเลย เราก็ได้แต่เสียว่าจะโดนมั้ยเนี่ย ไม่พร้อมจะเปียกจริงๆ เราวนหาที่พักกันค่ะ อยุ่ในซอยริมแม่น้ำโขงเลย เดินออกมานิดเดียวก็ถึงริมโขงแล้ว ชื่อวันวิสาเกสต์เฮ้า รายนี้ไม่มีปัญหาค่ะเพราะจองผ่านเว็บจองและจ่ายเงินผ่านบัตรไปแล้ว ห้องพัก5ห้องเตียงคู่ ห้องพัดลมค่ะ  ภายในนี่คือบ้านของเจ้าของเลยค่ะ แล้วแบ่งซอยห้องให้คนพักและสำหรับครอบครัวอยุ่ รู้สึกได้ว่าเราเป็นสมาชิกครอบครัวเลยค่ะ ยิ่งวันที่14-15ที่เรามาถึง เป็นวันที่ครอบครัวมาบายศรีสู่ขวัญรวมญาติกัน เลยได้เห็นบรรยากาศแบบสงกรานต์จริงๆที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วที่นี่ค่ะ พอเช็คดินเสร็จเราก็เดินหาที่กินมื้อเย็นเลยค่ะ หิวมาก.... ก็เลยเดินไปริมโขง พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำเลยค่ะ บรรยากาศดีมาก ต้นไม้ใหญ่ รวมถึงบ้านเรือนเก่าๆย่านนั้น ถ้ามาในช่วงสงบๆคงจะโรแมนติกมากๆเลย แต่เราดันมาช่วงสงกรานต์มันเลยอึกทึกเป็นพิเศษเช่นนี้ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 01:36:46

ความคิดเห็นที่ 11 12.คืนนั้นไปเดินตลาดมืดกันต่อค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่เพราะของเหมือนๆกันไปหมด ถ้านึกภาพแบบไนท์บาซ่าออก ก็จะเป็นประมาณนนั้นค่ะ แต่ที่นี่จะขายแบบกะดินเอา ร้อนและเหนื่อยๆกันคืนนั้นก็เลยกลับกันค่ะ แต่ไปถึงก็4-5ทุ่มแล้ว และตอนเช้ามีนัดกันว่า "ต้องตื่นตี 4 ครึ่งเพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียวกันนะ" ทำไมถึงต้องตี4ครึ่ง เพราะเราถามพ่อค้าในตลาดมืดมาค่ะว่า เขาตักกบาตรกันกี่โมง พี่เขาก็ตอบมาว่า ตี5!  ฮ่าๆๆๆ สภาพก็เลยอย่างที่เห็นในรูปค่ะคือเรียกว่าเราออกมารอพระนานเป็นชั่วโมงเพราะพระท่านมาตอน 6 โมงค่ะแต่ข้อดีก็คือเราไม่ต้องไปแย่งที่ด้วย เพราะตอนก่อน6โมงนิดหน่อย มีทัวร์มาลงที่ถนนที่ตักบาตรเยอะเลยค่ะ มองไปรอบๆตรงสี่แยกถนนเจ้าฟ้างุ้ม เรียกว่ามีแต่นักท่องเที่ยวซะเป็นส่วนมาก ส่วนคนลาวเองก็มีค่ะแต่ที่อยุ่แถวๆนั้นก็จะตั้งร้านขายของกันอยุ่ พอดีช่วงที่ไปในวันสงกรานต์นั้นมีการเปิดให้สี่แยกตรงนั้นขายของกันได้ค่ะ ส่วนของใส่บาตรก็มีแม่ค้ามาขายเป็นชุดๆมีทั้งเสื่อปูและอุปกรณ์ตักบาตรพร้อมเลย ตอนตักเสร็จเขาก็มาเก็บไปค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 01:47:10

ความคิดเห็นที่ 12 13.บรรยากาศช่วงเช้าคึกคักมากค่ะ ยิ่งเดินไปที่ตลาดเช้าและริมโขง คนจะยิ่งเยอะเป้นพิเศษเลย ส่วนตลาดเช้าจะได้เจอของแปลกตาหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งพืชผัก อาหาร ขนมต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ลองนะคะ ฮ่าๆๆ เราเองไปหม่ำเฝอกับน้องอีก2คนค่ะ อิ่มแปร่แต่เช้า ส่วนอีกกลุ่มไปหม่ำโจ๊กกับกาแฟ ปาท่องโก๋ริมโชงค่ะ คนเยอะเลย พออิ่มก็กลับที่พักอาบน้ำ เตรียมไปเที่ยวกันค่ะ นัดน้องคนขับไว้8โมงเช้า ไปเที่ยวรอบเมืองกัน ที่แรกที่ไปคือวัดวิชุนค่ะ มีพระธาตุหมากโมที่นี้ด้วย และถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นพระธาตพูสีด้วยค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 01:53:20

ความคิดเห็นที่ 13 14.ในวัดวิชุน ในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางประทานพรบ้าง ปางห้ามญาติบ้าง ส่วนมากเป็นท่ายืนที่อยุ่ด้านหลังพระประธานเยอะเลยค่ะ บางรูปผุกร่อนไปก็มี อาจจะเพราะทำด้วยไม้ด้วยจึงอยุ่ในสภาพนี้ ถ่ายรูปพักหนึ่งก้ออกเดินทางไปวัดเชียงทองค่ะ วัดที่เรียกว่าเป็นวัดคู่เมืองหลวงพระบางเลย วัดนี้อยุ่ริมโขงค่ะ แต่อยุ่บนเนินนขึ้นไปอีก ได้รับการดูแลบูรณะอยู่ในเกณฑ์ดีเลยค่ะ สมกับชื่อวัดเชียงทองจริงๆเพราะประดับประดาไปด้วยทองแทบจะทุกส่วน มีแต่ด้านหลังค่ะที่นิยมทำเป็นกระจกสีประดับบนพื้นปูน สวยงามเป็นเอกลักษณ์มากค่ะ แต่เราก็ชื่นชมกันได้ไม่นาน เพราะไม่มีไกดืและไม่ได้ศึกษากันมาก่อนนั่นเองว่ามีความเป็นมาอย่างไร พอถ่ายรูป ไหว้พระ สรงน้ำพระเสร็จ ก็ไปต่อที่พระราชวังหลวงค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:02:52

ความคิดเห็นที่ 14 15.มาถึงพระราชวังหลวงแล้วค่ะ ที่สะดุดตาอย่างแรกคืออาคารที่เหมือนโบสต์สีทองอร่ามติดรั้ววังเลยค่ะ พอเข้าไปก็รู้ว่าเหมือนท้องพระโรงของพระราชวังในไทย ที่เอาไว้ทำพิธีราชาภิเษกเลย สวยงามอร่ามตาเช่นเคย และส่วนต่างๆก็เน้นการทำจากไม้ค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงละครพระลัก พระรามนะคะ และตรงกลางระหว่าง 2 ที่นี้ก็คือ ตัวพระราชวังค่ะ แต่เขาห้ามถ่ายรูป สาวๆที่นุ่งสั้นกันมามีผ้านุ่งให้ใส่นะคะ สนนราคา 400 กีบ และค่าฝากรองเท้า 200กีบ ค่ะ ภายในพระราชวัง เป็นนิทรรศการของเจ้ามหาชีวิต หรือกษัตริย์และพระราชินีของลาวในสมัยก่อนค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:18:23

ความคิดเห็นที่ 15 มาต่อให้จบค่ะ อิๆ หลังจากใช้เวลาอยู่ในพระราชวังหลวงหลายชม. ก็นั่งหลบแดดกันตรงถนนแนวต้นตาลที่ปลูกเรียกอยู่ด้านหน้าค่ะ เพราะวันนั้นร้อนมากจนพาลจะหมดแรงเอาง่ายๆเลย พอมีแรงแล้วก็ข้ามไปวัดความอึดกันที่พระธาตุพูสีที่อยู่ตรงข้ามพระราชวังกันต่อเลยค่ะ เราเสียค่าธรรมเนี่ยมนิดหน่อย (ลืมอีกแล้ว) แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปไปน่าเกิน15นาทีนะคะ ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่อย่างต้นลีลาวดีอายุคงเป็นร้อยปีเลยค่ะ เพราะลำต้นใหญ่มาก จนขึ้นไปถึงยอดเขาที่มีพระธาตุอยู่ เราเข้าไปกราบพระพุทธรูปด้านบนแล้วก็ออกมาที่ระเบียงชมวิวตรงพระธาตุค่ะ จากจุดนี้เราจะมองเห็นวิวตัวเมืองหลวงพระบางได้รอบเลย ตั้งแต่สนามบินจนถึงริมแม่น้ำโขงเลยค่ะ พอชื่มชมวิวแบบร้อนๆกันเรียบร้อยแ้วก็เดดินลงมาข้างล่างเพื่อไปกันต่อเลย แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:37:07 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:24:06

ความคิดเห็นที่ 16 17. ทีนี้เราออกจากตัวเมืองและแวะกินเฝอกันนอกเมืองค่ะ เรียกว่าทริปนี้กินเฝอทุกวันเลย เมื่อเติมพลังแล้วเราก็ไปต่อที่น้ำตกตาดกวางสีค่ะ ที่นี่เป็นเหมือนอุทธยานทางธรรมชาติที่เป็นที่นิยมของลาวเลยค่ะ แหล่งบันเทิงของคนลาวส่วนมากที่เราไปเจอก็คือสถานที่เช่นภูเขาน้ำตกพวกนี้แหละค่ะ เพราะสามารถนำอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอลเข้าไปนั่งกินกันได้ด้วย นอกจากเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรมเนียมตรงประตูแล้ว ก็ไม่มีใครคอยตรวจตราอะไรค่ะ ร้องรำทำเพลงกันได้เต็มที่ ยิ่งวันที่เราไปเป็นวันหยุดสงกรานต์ คนทั้งลานจอดรถ ร้านค้า นักท่องเที่ยวที่ส่วนมากก็คือคนลาวทั้งนั้นค่ะ ลูกเล็กเด็กแดง หนุ่มสาว ครอบครัว มากันหมด นั่งกันเต็มเนิน เต็มพื้นที่ของน้ำตกเลยค่ะ ไม่นับที่อยู่ตรงชั้นน้ำตกนะคะ ขึ้นไปเดินกันแบบไม่กลัวอุบัติเหตุเลย เราพยายามไต่ความสูงของชั้นน้ำตกขึ้นไปค่ะ แต่ค่อนข้างชันแล้วก็ลื่นมาก (ไม่มีใครพร้อมปีนเข้าสักคน เตรียมมาเล่นน้ำกันอย่างเดียว) เลยหยุดอยุ่ตรงประมาณชั้น2ได้ ไม้ไหวกันแล้ว มีสิทธิ์กลิ้งลงเขากันได้เลยค่ะ เลยส่งแนวหน้าขึ้นไปดูว่าชั้นบนมีที่นั่งพักนั่งเล่นน้ำไหม ..... หายไปหลายนาทีพร้อมกับถอดเสื้อหอบแฮ่กๆมาเลย ผลก็คือลงมานั่งมองน้ำตกกันด่านล่างค่ะ แล้วก็นั่งกินไก่ย่างส้มตำกันให้หมด ไม่เป็นภาระต่อไป .... และก็มองหาที่เล่นน้ำซึ่ง....ไม่มีเลยค่ะ คลาคล่ำไปด้วยคน เราเลยตัดสินใจว่า ... กลับเถอะ แต่ถ้ามาในยามสงบ น้ำตกนี้คงจะสวยงามมากเลยค่ะ ป่ายังสมบูรณ์ ต้นไม้ใหญ่ๆเต็มไปหมดเลย แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:52:38 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:36:39 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:29:00 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:24:26

ความคิดเห็นที่ 17 18 พอกลับมาก็บ่าย3บ่าย4แล้วค่ะ ไม่รู้จะไปไหน รอบๆๆๆเมืองก็ยังสาดน้ำ ปะดินหม้อกันไม่หยุด ก็เลยคิดว่า เลาะๆซอยที่พักเราไปหาที่นั่งตามร้านริมโขงดีกว่า ตอนแรกทำใจดีสู้เสือเดินเข้าใกล้แหล่งสาดน้ำค่ะ แต่พอเข้าไปเริ่มใกล้เกิดอาการกลัวเปียกกันขึ้นมาเลยล่าถอยมาหาร้านเกือบๆสุดซอยไม่ห่างจากที่นั่งกินเมื่อคืนค่ะ นั่งกันจนพระอาทิตย์ลับไปแล้ว นั่งกินชิวๆบรรยากาศดีมากค่ะ อาหารรสชาติดีเลยค่ะ แต่ที่กินมา2วัน ไม่มีเมนูปลาอย่างที่คิดเลยค่ะ มีแต่หมู ไก่ เนื้อซะส่วนมาก นั่งเอื่อยเฉื่อยกันจนค่ำเลยย้ายก้นออกจากร้านค่ะ คิดว่าคงสาดน้ำกันจนกลับบ้านไปแล้วเลยกล้าเดินออกไป แฮะๆๆ เดินไปตลาดมืดอีกทีค่ะ เพื่อหาซื้อของฝาก (ก็ไม่มีอะไรให้ติดมือกลับเลยนี่ค่ะ) สุดท้ายก็ได้เสื้อยืดสกรีนกันมาคนละตัวสองตัวค่ะ แล้วเราก็กลับที่พักกัน แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:52:10 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 11:43:50 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:24:47

ความคิดเห็นที่ 18 19 หลังจากหมดพลังกันไปเมื่อวาน คืนนั้นก็เลยได้นอนกันเต็มที่ เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ยิงยาวกลับให้ทันด่านปิดค่ะ ตอนเช้าเราตื่นมาตอน 6โมงกว่าเพื่อจะออกเดินทางกันตอน 7 โมงค่ะ ปรากฏว่าเดินออกมากินกาแฟ กินปาท่องโก๋กันตอนเช้าหน้าปากซอย เราได้เห็นภาพการตักบาตรข้าวเหนียวแบบที่ไม่เสียบรรยากาศเลยก็วันนี้แหละค่ะ เพราะวันก่อนเรียกว่ามีแต่นักท่องเที่ยวที่ตักกันอยู่ตรงสี่แยกถนนเจ้าฟ้างุ้ม แล้วก็มีแต่คนจ้องจะถ่ายรูปเดินกันเต็มเลย แต่วันนี้เราอยู่เกือบสุดถนนเลยค่ะ แล้วคนที่มารอตักบาตรก็นุ่งซิ่นห่มผ้าสไบตามแบบสาวลาว รวมทั้งคุณย่าคุณยายชาวลาว นั่งรอตักบาตรกันอย่างสงบไม่จอแจเหมือนวันก่อนเลยค่ะ  คนที่ถ่ายรูปก็ไม่ค่อยมีค่ะ รู้สึกดีขึ้นเป็นกองเลย หลังจากอิ่มแล้วก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อค่ะ พร้อมที่จะเจอเขา 6 ลูกที่ทำทุกคนเมารถกันมาแล้วในขามา ดังนั้นสำหรับคนที่เมารถพกยาแก้เมามาด้วยนะคะ เพราะทางโค้งเยอะมาก ถึงจะขับดีแต่จำนวนโค้งก็ทำให้มึนได้เลยค่ะ โชคดีที่เรานั่งหน้า แล้วก็มีเหตุให้ไม่สามารถหลับได้ค่ะ เพราะข้างทางถนนตามแนวสันเขาในยามเช้าของที่นี่ **** สวยมากค่ะ ***** ได้เห็นทะเลหมอกเต็มๆตามตลอดระยะทางของเขา 3 ลูกแรกค่ะ สวยงามมาก มีบางช่วงที่หมอกลงจัดเหมือนหน้าหนาวเลย แต่ยังดีที่เป็นตอนกลางวันและพอมองเห็นบ้างนะคะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 12:07:23 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 12:01:48 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:25:16

ความคิดเห็นที่ 19 20 วิ่งทำเวลากันจากหลวงพระบาง วังเวียง จนถึงเวียงจันทน์ 9 ชม.เป๊ะค่ะ แต่แอบเคืองน้องคนขับอ่ะมีนัดก็ไม่บอก ไม่แวะกินข้าวกลางวันกันเลย พอมาถึงเวียงจันทน์หิวมากไส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย แต่ไหนๆก็จะถึงด่านแล้วก็เลยไม่ได้บ่นอะไร ขากลับบนี้น้องเขาพามาถนนใหม่ค่ะ เหมือนถนนเลี้ยงเมืองเลยเพราะแทบไม่มีคนใช้ มีแต่ทุ่งนากับควาย แต่ถนนดีมากค่ะเป็นพื้นคอนกรีตยาวหลายกิโลเลย ใช้เวลาผ่าเมืองเวียงจันทน์มาถึงด่านลาวภายในเวลาไม่กี่ชม.เองค่ะ แต่เรามาถึงด่านเร็วเกินไปหละมังเนี่ย เพราะเพิ่ง 4โมงเย็นเอง! ตอนนั้นร้อนมากแล้วก็รู้สึกอยากข้ามไปฝั่งไทยเต็มทีแล้ว ทั้งอาหารการกิน ทั้งความสะดวกแบบไทยๆ เราก็เลยสะโหลสะเหลไร้เรี่ยวแรงกันขึ้นรถบัสข้ามแดนกลับไทยค่ะ พอมาถึงด่านก็ตกลงกันว่าไปหาที่กินกันก่อนเถอะ ไม่ไหวแล้ว ก็เลยต่อรองกับสกายแลปคันใหญ่แถวนั้นว่าแนะนำร้านอาหารหรือแหน่งกินที่สะดวกๆใกล้ๆขนส่งให้ที พี่เขาก็เลยพาไปที่ร้านแหนมเนืองชื่อดังของหนองคายค่ะ (จำชื่อไม่ได้ด้วยน่าจะชื่อร้านแดงมั้งค่ะ ร้านใหญ่เลย) ตอนนั้นอะไรก็ได้ขอแอร์และอาหารค่ะก็เลยนั่งพักเหนื่อยและสั่งแหนมเนืองมา3ชุด ฟาดเรียบภายใน30นาที อร่อยและอิ่มสมกับการกินมื้อแรกของวันเลยค่ะ พออิ่มก็เลยออกมานั่งพักที่ริมโขงค่ะ เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าหนองคายเป็นจังหวัดที่น่าอยู่มากเลย ยิ่งริมน้ำที่จังหวัดพัฒนาให้เป็นเหมือนลานเอนกประสงค์ริมน้ำนี่แบบว่าน่าพักอีกสัคืนจริงๆ แต่เราทำไม่ได้ค่ะต้องกลับรถรอบ 2 ทุ่มวันนี้ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 12:21:41 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:25:37

ความคิดเห็นที่ 20 21. ทีนี้จากที่ถามพี่คนขับสกายแลปว่า จากร้านกับขนส่งไกลไกลกันไม่กี่กิโลค่ะ เราเลยดูแผนที่ตรงริมโขงแล้วก็เดินแบกกระเป๋ากันไปเรื่อยๆผ่านตรอกผ่านวัดจนไปโผล่ที่ขนส่งค่ะ แล้วก็นั่งรอเวลาอีก 2ชม. กว่าจะขึ้นรถ ระหว่างนั้นก็ไปแอบส่องรถวีไอพีมา (อยากนั่งกันใจจะขาด) แต่เราจองได้แค่รถ ป.1ค่ะ คนละ500บาท ที่นั่งไม่กว้างเท่าขามา และที่สำคัญ -------------- แอร์ไม่เย็นค่ะ โชคดีที่รถไม่ติดจนถึงโคราช แต่นรกของจริงกำลังมาเยือนค่ะ เพราะรถเริ่มติดมาประมาณ9โมงได้ ตอนออกจากหนองคายไม่ได้เอะใจว่าแอร์ไม่เย็น แต่ตอนรถติดตรงนั้นหายใจพะงาบๆแล้วค่ะ จริงๆคนขับคงอยากเอาเข้าอู่ซ่อมนานแล้วแต่ระหว่างทางที่ขับมาน่าจะมีอู่ซ่อมที่โคราชเพียงอู่เดียวคนขับเลยลากยาวมาถึงจนได้ จำได้ว่าสภาพตอนทุกคนลงมาจากรถนี่แบบไม่ไหวกันแล้วจริงๆ นั่งรถเหนื่อยเลยค่ะ ซ่อมกันสักชม.ได้มั้งคะ เราจึงเริ่มออกเกินทางด้วยแอร์เย็นฉ่ำ หายใจคล่องปอดขึ้นมา ระหว่างทางจากโคาราชนี่ไม่ติดเลยค่ะหรือจะติดก็ติดนิดเดียว เราตัดสินใจลงกันที่หน้าฟิวเจอร์รังสิตค่ะแล้วก็โบกแท็กซี่กันกลับบ้าน สนนราคาก็ 600บาทรวมค่าทางด่วนโทลเวย์ค่ะ ------------------สุดท้ายรวมค่าใช้จ่ายคร่าวๆทริป 4วัน4คืน ก็ประมาณ 4500-5000บาทค่ะ ตอนนี้ถ้ามีโอกาสกลับไปอีกก็อยากไปนะคะ เป็นเมืองที่น่าอยุ่น่าท่องเที่ยวจริงๆ แต่มีข้อแม้อย่างเดียวคือ ไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะ ช่วงสงกรานต์เนี่ย เฮ้อออ....ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ขอบคุณคณะผู้ร่วมทริป สมาชิกที่ให้คำแนะนำในห้องบลู ทุกคนด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 12:33:49 จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 02:25:57

ความคิดเห็นที่ 21 ค่ารถตู้ รวมแล้วเสียหายเท่าไรครับ เคยไปคนเดียวขึ้นรถเองเจ็บตัวมาก 55+ จากคุณ : เสื้อตัวเก่า-กระเป๋าใบเดิม (เสื้อตัวเก่า-กระเป๋าใบเดิม) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 07:57:37

ความคิดเห็นที่ 22 ลาว ยังมีธรรมชาติให้ดูมากมาย ขอบคุณค่ะสำหรับรีวิว จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 08:59:16

ความคิดเห็นที่ 23 สวยมากครับ  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 09:24:23

ความคิดเห็นที่ 24 เดี๋ยวจะตามไปเที่ยวครับ จากคุณ : สญญตา เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 09:52:14

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ รูปสวยมากครับ เสียดายผมอดไปช่วงสงกรานต์ จากคุณ : เชร็ค 3 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 10:13:04

ความคิดเห็นที่ 26 * ตอบ คุณเสื้อตัวเก่า-กระเป๋าใบเดิม เหมาวันละ3000 บาท 4 วัน หารกัน 10 คนค่ะ ก็ตกคนละ 1200 ค่ะ โชคดีที่ที่พักไม่แพงไม่งั้นงบอาจจะบานกว่านี้เยอะค่ะ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 10:57:54

ความคิดเห็นที่ 27 สุดยอดเลยน้องปุ้ย จากคุณ : 1 ในนั้น (ntt007) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 11:06:33

ความคิดเห็นที่ 28 มาลงด้วยคน นะ ชอบรูปนี้ที่สุด จากคุณ : ntt007 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 11:09:24

ความคิดเห็นที่ 29 สุดยอดค่ะ สวยมาก ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะค่ะ ที่เอาสิ่งดี ๆ มาแชร์กัน จากคุณ : koynaja (koynaja) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 11:18:02

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 23:52:32

ความคิดเห็นที่ 31 คราวหน้า รอรีวิว ที่ญี่ปุ่นนะครับ ^^ จากคุณ : Getbackers02 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 14:13:51

ความคิดเห็นที่ 32 จ๊ะ แต่พี่เหนื่อยอะน้อง งื่ออออ จากคุณ : kakaman เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:35:55