ความคิดเห็นที่ 1 ตามมาชิมไก่เบตงด้วยครับ จากคุณ : Hero11147 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 19:55:32

ความคิดเห็นที่ 2 มาปูเสื่อรอชม ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:15:35

ความคิดเห็นที่ 3 บ้านเกิดเราเอง มารอชมว่าไปที่ไหนบ้าง   เดือนหน้าก็จะกลับไปเยี่ยมคุณแม่และญาติๆ ด้วยโปรหางแดงที่จองตั้งแต่ปีที่แล้ว แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 20:22:09 จากคุณ : ร่างกายต้องการทะเล เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:16:58

ความคิดเห็นที่ 4 เกริ่นอีกนิดว่า ขอได้รับคำขอบคุณเรื่อง การเดินทาง ที่พัก และกิจกรรมบางส่วนจาก เพื่อนๆในกระทู้ก่อนหน้า ที่แตกประเด็นมาคะ (E10506598) และก็มีหาข้อมูลเพิ่มเติมเองบ้างเล็กน้อย และได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆอีกมาก จากคนท้องถิ่นที่นั้นคะ ทุกคน น่ารัก และเต็มใจให้ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและอร่อยๆ คนขับรถ โรงแรม ร้านขายของกินรถเข็น หรือในตัวตลาด หรือแม้แต่จะเป็น จนท.อาสา ก็บอกทางและแนะนำมาเป็นอย่างดี ทริปนี้ พวกเรา 3 คน เป้าหมายของเราคือ ไปให้ถึงเบตง และ "กินข้าวมันไก่เบตงซะ" ถึงจะสบายใจคะ... จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:32:15

ความคิดเห็นที่ 5 รอชมค่ะไม่ได้ไปนานมากๆ จากคุณ : ทะเลดาวอาบแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:33:06

ความคิดเห็นที่ 6 ดีเลยครับ สถานที่นี้ไม่ได้มีคนเที่ยวบ่อย แล้วเที่ยวกันไม่ได้ง่ายๆ ซะด้วย รอชมๆ จากคุณ : tem142857 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:39:30

ความคิดเห็นที่ 7 เนื่องจากตั๋วเป็นตั๋วโปร ต้องทำใจเรื่องตื่นเช้าคะ พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทัน ตอน 6:30 am. เลยไม่ได้กินอะไรกันเลยคะ พอมาถึงหาดใหญ่ตอน 8:00 โดยประมาณ ก็จับรถสองแถวสีฟ้า เพื่อมาลงที่คิวรถตู้บริเวณสถานีรถไฟหาดใหญ่ (คิวรถตู้ OK เบตงอยู่ตรงข้ามโรงแรม แหลมทองหาดใหญ่ ใกล้ๆสถานีรถไฟคะ) แต่ถ้าใครจะนั่ง TAXI จากหาดใหญ่เข้าตัวเมืองก็ได้นะคะ เหมาเป็นคัน คันละ 300 บาทคะ แต่เรา (อิๆ) ในฐานะเด็ก จบ มอ.เก่า มองเวลาและนาฬิกาดูแล้ว น่าจะทันคิวรอบ 9:00 โมง ที่จะไปเบตงแน่นอน จึงขอออกมานั่งรถสองแถวหน้าสนามบิน คนละ 50 บาท เพื่อมาลงในเมืองคะ (เพิ่มเติมข้อมูล จริงๆราคาปกติคนละ 20 บาท สำหรับคนที่ลงหอนาฬิกา และตลาดกิมหยงคะ) และพอมาถึงคิวรถตู้ OK เบตง ก็จัดการยื่น passport ให้กับ จนท.คิวคะ จนท.คิวจะบริการเขียน บัตรขาออกและเข้า ประเทศไทยให้ 1 ใบ (เซ็นชื่อ 2 ที่ ขาออกและขาเข้า) จากนั้น ก็จะต้องเซ็นชื่อที่ บัตร transit malaysia อีก 1 ที่คะ และจ่ายเงินค่ารถ หาดใหญ่-เบตง (ผ่านมาเลเซีย) คนละ 250 บาทเท่านั้นคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:41:30

ความคิดเห็นที่ 8 1. บัตรขาออกและขาเข้าประเทศไทย 2. บัตร transit malaysia 3. passport 4. ค่าใช้จ่ายคนละ 250 บาท สำหรับขาไปคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:43:26

ความคิดเห็นที่ 9 ปาดขวาไปด้วยจ้า จากคุณ : เครียดไปก็เท่านั้น เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:45:21

ความคิดเห็นที่ 10 จากนั้น พอได้เวลา 9:00 am. ปั๊ป จนท.คิวก็จะเรียกผู้โดยสารขึ้นรถตู้คะ ตอนที่เราไป มีผู้โดยสารทั้งหมด 5 คนคะ รวมคนขับด้วยเป็น 6 คนคะ รถตู้ขาไปของเรา (อันนี้ออกตัวก่อนว่า ใน review นี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของพวกเรา พวกเราออกค่าใช้จ่ายกันเองหมด และจะเขียนตามจริง ดังนั้น จะไม่มีการโฆษณาใดๆแอบแฝง ท่านผู้ชมทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการับชมนะคะ) รถตู้ที่เราไป เราว่าสภาพดีมาก แอร์เย็น ไม่เบียด ที่นั่งกว้างขวาง เป็นรถตู้ 9 ที่นั่ง ผู้โดยสาร 2 ท่านแรกนั่งหน้า พวกเรา 3 คนนั่งกลาง แต่พอนั่งไปสักพัก พวกเราก็เริ่มรู้ว่า ไม่มีผู้โดยสารขึ้นมาแล้ว จึงขยายอาณาจักร ^^ ด้วยการไปนอนกลิ้งเกลือก กางแขนกางขาอีก 3 ที่ข้างหลังได้อย่าง สบายใจ นี่แระคะ ข้อดีของการไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว นึกเปรียบเทียบตอนนั่งรถตู้จากเชียงใหม่ ไปปาย คนละเรื่องกันเลยจริงๆคะ ^^ พวกเรานั่งรถใช้เวลาจากหาดใหญ่ ไปที่ด่านประกอบ ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ด่านประกอบ ถนนไม่ค่อยดี และยังมีการก่อสร้างที่ไม่เสร็จเยอะมาก แต่เท่าที่ดูสภาพการณ์ อาคารทุกอาคารที่สร้าง หากสร้างเสร็จจะใหญ่ และคงสวยและดูดีมากๆ ที่ด่านเลยดูกันดารๆนิดหน่อย จนท.ตรวจบัตรขาออก จึงต้องนั่งในตู้ container ที่เห็นเนี่ยแระคะ และผู้โดยสารก็ต้องลงมาและรอต่อคิวเพื่อทำการเดินทางเข้ามาเลยเซียต่อไปคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:50:37

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพที่ด่านประกอบคะ ตอนรอตรวจเอกสารขาออกคะ กันดาร แดดร้อน และมีฝุ่นจากดินแดงนิดหน่อย แต่ทนได้คะ (ศรีทนได้คะ เพราะเคยไปที่ลำบากกว่านี้คะ ^^) จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:53:15

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ด่านนี้ เราไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติมคะ แต่ถ่ายป้ายนี้มาให้ดู เผื่อว่าใครไปอาจจะเจอค่าธรรมเนียมก็ได้คะ เช่นติดวันหยุด หรืออะไรแบบเนี่ยอ่ะคะ พอดีอ่านป้ายแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:55:09

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนภาพนี้ เป็นรถตู้อีกคิวหนึ่ง เป็นเพื่อนเดินทางคะ คือ เบตงทัวร์ เราถ่ายไว้เองแระตอนรอตรวจเอกสาร เพราะคิดว่า มี choice เผื่อเลือกขากลับ ก็ดีเผื่อคิว OK เบตง ไม่มีเวลากลับที่ตรงกับความต้องการของพวกเราคะ และก็จริงซะด้วยคะ ตอนขากลับ พวกเราใช้บริการอีกคิวหนึ่งคะ คือเบตงทัวร์ แต่อย่างที่ออกตัวแต่แรกคะ ว่าจะพูดตามจริงที่เห็นและประสบพบเจอนะคะ สภาพรถ ก็ความใหม่ น้อยกว่า OK เบตงนิดหนึ่งคะ ^^  คือแบบว่า ขาไปรถตู้มีที่บังแดด และแอร์เย็น แต่ขากลับรถตู้ไม่มีม่านบังแดดเลยอ่ะคะ ร้อนเลย แต่ก็การบริการดีทั้งคู่คะไม่แตกต่างกันมากคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 20:58:13

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจาก job ขาออกจากประเทศไทยแล้ว ก็ใช้เวลาแค่ประมาณ 3 นาที คุณก็ต้องลงจากรถ เพราะว่าพอข้ามแดนไทย-มาเลย มาแล้ว คุณก็ต้องมา job และตรวจเอกสาร ที่ฝั่งมาเลย์ ส่วนสภาพก็ ราวฟ้ากับดินคะ ฝั่งมาเลย์ สะอาด และเรียบร้อย เป็นระเบียบแบบในภาพคะ และถ้าหน้าใครไม่เหมือนใน passport แบบเรานะคะ ก็จะต้องมีการ scan ลายนิ้วมือด้วยคะ ^^ ภาพนี้คือตอนรอออกจากไทย ที่ด่านประกอบคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:01:27

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนภาพนี้ก็คือฝั่งมาเลยคะ อิๆไม่ร้อนคะ เพราะอยู่ในที่ร่มแล้วคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:02:31

ความคิดเห็นที่ 16 จากนั้นพอตรวจเอกสารเสร็จ ก็ต้องเดินออกมาตามทางนี้ เพื่อไปขึ้นรถตู้ ที่จะจอดรถรับเราอีกมุมหนึ่งด้านในคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:03:54

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนภาพนี้เก็บภาพมอเตอร์ไซค์ ฝั่งมาเลยเซียมาฝากคะ ถ่ายตอนรอขึ้นรถตู้คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:05:08

ความคิดเห็นที่ 18 และนี่คือบรรยากาศในมาเลยเซียคะ ใช้เวลาเดินทางในมาเลย์เซีย 2 ชั่วโมงคะ หลับไปได้เลยคะ ถ้าใครต้องการการพักผ่อนคะ สภาพภูมิประเทศด้านธรรมชาติคงไม่แตกต่างจากบ้านเรามาก แต่สิ่งที่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือ 1. ถนนดีมากคะ 2. ปักป้ายเป็นระเบียบเรียบร้อยคะ 3. รถวิ่งบนถนนน้อยมากเลยคะ 4. หาสุนัขไม่เจอสักตัวคะ และไม่มีไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงเหมือนเวลาที่เราไปตจว. ตามบ้านของชาวบ้านจะมี ไก่ และมีสุนัข ก็เลยดูสะอาดและเป็นระเบียบกว่าคะ แต่ที่พูดนี้ไม่ได้ชื่นชมว่ามาเลยดีกว่าเรานะคะ เสน่ห์คนละแบบคะ ^^ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:08:03

ความคิดเห็นที่ 19 พอนั่งไปสักชั่วโมงมั๊งคะ จะผ่านอะไรไม่รู้คะ เป็นน้ำ และมีภูเขาล้อมรอบ สวยดีคะ แต่เราถ่ายรูปมุมนั้นมาไม่ทันอ่ะคะ แต่คิดในใจว่า มุมแบบนั้นบ้านเราคงเอามาทำเขื่อนแล้วคะ แต่ที่นั่นดูเหมือนว่ามุมนั้นจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่คะ และมีภูเขาโอบล้อมไว้ คนก็ไม่ค่อยมีคะ เรือก็ไม่มี จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:10:02

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจาก 2 ชั่วโมงผ่านไป ก็จะถึงด่านเบตงอีกครั้งคะ ซึ่งก็ต้องลงจากรถเพื่อตรวจเอกสารขาออกฝั่งมาเลย์คะ รู้สึกว่า คราวนี้ทุกท่านต้องนำกระเป๋าทุกใบที่ไว้หลังรถตู้ ไป scan ด้วยนะคะ หลังจากออกจากมาเลย์แล้ว ก็ไม่ต้องนั่งพิงพนักเลยคะ เตรียมตัวลงจากรถต่อ เพราะคราวนี้ก็จะถึงฝั่งไทย เป็นด่านเบตงคะ ซึ่งพอลงมาแล้ว สภาพของด่าน คนละเรื่องกับด่านประกอบ ราวฟ้ากับดิน ดังภาพคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:15:06 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:13:03

ความคิดเห็นที่ 21 อีกมุมหนึ่ง ของด่านเบตงคะ ที่ด่านนี้ ต่อคิวนานมาก จำได้ว่านับแล้วประมาณ 20 คน สัดส่วนนักท่องเที่ยว สังเกตแล้ว พบว่า Malaysia เยอะกว่าคนไทยคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:16:23 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:14:24

ความคิดเห็นที่ 22 หลังจากออกจากด่านเบตงแล้ว พวกเราทุกคนตื่นเต้นมากคะ ที่ได้มาถึงที่เบตงแล้ว เพราะมีท่านหนึ่งอยากมาเที่ยวเบตงนานมากแล้วคะ ตั้งแต่ 10 ปีก่อน ที่เคยดูเรื่อง โอเคเบตง นั่นแระคะ แต่ก็มาเจอสถานการณ์อันทำให้หวั่นๆไม่กล้าลงไป ประกอบกับโอกาสและระยะเวลาด้วยคะ มาถึงตอนนี้ พวกเรามาถึงเบตงแล้ว ตั้งใจอย่างแรกเลยหลังออกจากด่าน เพราะคนขับถามว่าจะไปลงไหน พวกเรามองหน้ากันแปปหนึ่ง เพราะไม่รู้จะลงไหนคะ เพราะยังไม่ได้จองโรงแรมอะไรไว้เลย ได้แต่หาข้อมูลโรงแรมไว้ กะว่าตายเอาดาบหน้าคะ ต้องมีโรงแรมให้เรานอนแน่นอน สิ่งแรกที่ตอบพี่คนขับฯไป ก็คือ ไปร้านข้าวมันไก่เบตงคะพี่ หิวคะ ตอนนั้นก็เป็นเวลาบ่ายโมงตรงคะ ตั้งแต่ตี 4 พวกเราไม่ได้กินอะไรเลยคะ พี่คนขับก็ทำหน้างงๆนิดหน่อย และก็ปล่อยพวกเราลงฝั่งตรงข้าม ร้านต้าเหยินคะ และบอกว่า ให้น้องเดินเข้าไปซอยนี้นะ น่าจะมีร้านข้าวมันไก่อยู่ แต่พี่ไม่รู้ว่ามัน คือ ข้าวมันไก่เบตงหรือเปล่า พวกเราค่อยมาทำความรู้จัก ถนนในเบตง ในวันที่ 2 และ 3 คะ ว่าซอยนั้นจริงๆก็คือซอยที่มีขายของกินเยอะๆ และตอนเย็นๆ ก็จะขาย ข้าวต้ม บะหมี่ น้ำเต้าหู้ ขนมหวาน and all everything ที่ทุกคนในเมืองมาซื้อกินกัน สังเกตเอาเองคะ เพราะดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ จูงเด็กมาซื้อ และคนสูงอายุมานั่งทานคะ รวมทั้งนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราก็น่าจะไปฝากท้องไว้ด้วยคะ แต่จนแล้วจนรอด พวกเราหิวมากคะ เลยตัดสินใจ เดินเข้าร้านฝั่งตรงข้าม คือร้าน ต้าเหยิน เพราะถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่า ร้านต้าเหยินก็มีไก่สับคะ พวกเรามุ่งหน้า เดินเข้าร้านและสั่งอาหารคะ อาหารที่พวกเราสั่งก็มี 1. ไก่สับ ซึ่งพอเราถามเจ๊ฯ ว่าไก่เบตงเปล่าคะ เจ๊ก็ได้แต่พยักหน้าคะ 2. เคาหยก อาหารขึ้นชื่อของที่นี้คะ (เป็น 1 ในเมนูแนะนำ ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงด้วยนะคะ) ส่วนหน้าตาเคาหยกเป็นอย่างไร จะให้ชมภาพคะ 3. ผักน้ำ (ทำเป็นแกงจืด) ก้ออร่อยดีคะ ไม่ขมด้วย แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 21:26:03 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:21:54

ความคิดเห็นที่ 23 เคาหยกคะ ก็คือหมู 3 ชั้น หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ชิ้นมันใหญ่ และก็มีเผือก รสชาติก็โอเคคะ แต่ครั้งนี้ครั้งแรก ที่เราเคยกินเคาหยกคะ (ไม่เคยได้ยินจริงๆ พับผ่าเถอะ!) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:18:40 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:24:55

ความคิดเห็นที่ 24 ผักน้ำคะ อันนี้เราว่าอร่อยดีคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:28:06

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนข้าวสวยนั้น เจ๊ฯเดินมาบอกว่า เอาโถหนึ่งก็แล้วกันนะ เพราะยังไงก็คิดเป็นหัวอยู่แล้ว หัวละ 15 บาท ปรากฎว่า พวกเราก็กินกันเรียบร้อยทุกอย่าง อย่างที่เห็นในภาพแระคะ ไม่แน่ใจว่าอร่อย หรือว่าหิวนะคะ สรุปค่าใช้จ่ายมื้อนี้ รวมอาหาร รวมข้าว รวมน้ำเก๊กฮวย และน้ำเปล่า ค่าเสียหาย 408 บาทคะ เราว่าไม่แพงนะคะ ก็เป็นราคาที่รับได้คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:32:33

ความคิดเห็นที่ 26 พออิ่มท้องแล้ว สิ่งที่เรามองหาต่อไปก็คือ ที่พักคะ อยากจะบอกแบบนี้คะ เมืองเบตง เป็นเมืองไม่ใหญ่ ในความคิดเรานะคะ ไม่ว่าคุณจะพักที่ไหน คุณจะเดินได้ทั่วถึง (เราเคยไปภูกระดึงคะ เดินเยอะมากเลย แต่มาที่นี้เราว่าเมืองเล็กมาก ภาพความเข้าใจของเรา ว่าหอนาฬิกา อุโมงค์ สนามกีฬาเบตง หรือตลาด จริงๆ แล้วเดินเอาก็ได้คะ) ได้เก็บบรรยากาศด้วย แต่นักท่องเที่ยวมาเลย์ส่วนใหญ่จะชอบเหมาตุ๊กๆ หรือ TAXI พา city tour คะ ราคานะคะ ที่เราสอบถามมา ถ้าเป็น taxi 800 บาท มี city และรวมพาไปถึง ถ้ำปิยะมิตร บ่อน้ำพุร้อน และสวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง ซึ่ง 3 สถานที่หลัง ต้องเหมารถไปคะ เดินไม่ได้คะ นอกนั้น เช่น อุโมง รูปปั้นไก่เบตง หอนาฬิกา ตลาดสด ร้านข้าวมันไก่ ร้านติ๋มซำชื่อดัง อย่างไท้ซี้ฮี (ขออภัยถ้าสะกดผิด) หรือเฮงๆ โรงแรมในเมืองต่างๆ อุโมงค์ สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ วัดพุทธ วัดเจ้าแม่กวนอิม โรงเรียนจงฝา พวกเราใช้วิธีการเดินและเดินคะ ยืนยันได้ว่า ทุกคนเดินได้และไม่เหนื่อยจนเกินไปคะ มาว่าเรื่องราคา city tour กันต่อ ราคา city tour ที่เราลองโบกตุ๊กๆนั้น เค้าคิด 1300 บาทคะ ส่วนที่เราถามที่โรงแรม เค้าคิด 1000 บาทคะ ปล. มีคนท้องถิ่นกระซิบบอกว่า ติ๋มซำที่อร่อยที่สุด คือร้านไท้ซี้ฮีคะ แต่เราไปสายทั้ง 2 วันเลยคะ ซึ่งเค้าหมดแล้ว พวกเราเลยอดกินร้านอร่อยไท้ซีฮีคะ เราก็เลยไปกินร้านเฮงๆแทนคะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 21:42:45 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:40:08

ความคิดเห็นที่ 27 หลังจากนั้น พวกเราก็มาสรุปที่พักของพวกเราที่นี้คะ ไทยโฮเทล แต่จริงๆก็มีเข้าไปดูโรงแรมก่อนหน้า 1-2 ที่ เทียบราคาและความสะอาดแล้ว เลยเลือกที่นี้คะ ส่วน merlin เราไม่ได้ไปดูนะ แต่ก็อยู่ใกล้หอนาฬิกาเหมือนกัน ส่วนศรีเบตง ก็เลยค่อนไปไกลจากหอนาฬิกาหน่อย แต่ก็ใกล้คิวรถ เบตงทัวร์ที่พวกเรานั่งกลับหาดใหญ่ ส่วนคาเธ่ ก็ใกล้ตลาดสด แต่จริงๆแล้วอยากบอกว่าไม่ต้องไปซีเรียสเลยคะ เพราะว่าไม่ว่าคุณจะพักที่ไหน ใน 3-4 ที่ดังๆที่บอกมา คุณก็เดินได้ถึงกันหมดคะ มีอีกที่หนึ่งคือ 25 ชั้น เป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในเบตงแล้วม๊าง อันนี้ก็ใกล้อุโมงค์ คะ มีสระว่ายน้ำด้วย เดี๋ยวจะมีภาพให้ดูคะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 22:26:11 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 21:59:02

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพนี้ มองจากห้องที่พักของพวกเรา ไปทางขวาจะเห็นหอนาฬิกาคะ และตึกที่เห็นสูงๆในภาพ ถ้าจำไม่ผิดก็คือโรงแรม merlin คะ ที่ทราบเพราะพวกเราไปเดินหาจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับแถวนั้น แต่ว่าไม่มีคะ พวกเราก็เลยถือโอกาสเดินขึ้นเขา เพื่อไปชมวิวพิพิธภัณฑ์จากตรงนั้นและเดินเลาะมาเรื่อยๆคะ แต่จริงๆทางเดินนั้นก็จะมาบรรจบ ทางขึ้นอีกทางหนึ่ง ตรงข้างๆอุโมงค์ ซึ่งก็มีร้านติ๋มซำไท้ซี้ฮีแสนอร่อยอยู่นั่นแหละคะ (ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ ไท้ซี้ฮี เปิดเช้ามากตั้งแต่ 6 โมงเท่าที่ถามนะคะ และเวลาปิดนั้นไม่แน่นอน คือแล้วแต่ว่าหมดเร็วหมดช้า บางที 8 โมงแต่บางทีก็ 9 โมง 10 โมง ส่วนเราไป ไป 10 โมงเศษๆทั้ง 2 วันก็เลยอดกินคะ) ใครมีโอกาสช่วยไปทานแทนพวกเราด้วยนะค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 22:28:55 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 22:07:16 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 22:05:47 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:01:22

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนมุมนี้ เป็นฝั่งตรงข้ามห้อง เวลามองไปตรงๆจะเจอพิพิธภัณฑ์เบตง ซึ่งที่นั่นแระคะเป็นที่ที่ดูวิวเมืองเบตง และพวกเราขึ้นไปถ่ายรูปกัน ข้อมูลพวกนี้ พวกเราก็มารู้เอาจากเจ้าหน้าที่น่ารักท่านหนึ่ง ที่พิพิธภัณฑ์นั่นแระคะ บอกแล้วว่าไม่ค่อยรู้อะไรเลย แต่คนเบตงน่ารักคะ ถามอะไรก็ตอบหมดคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:03:41

ความคิดเห็นที่ 30 และนี้คือทางเดินขึ้นเขาเพื่อไปพิพิธภัณฑ์ ข้างโรงแรมเมอร์ลินคะ ตามลูกศรสีแดงคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:10:21

ความคิดเห็นที่ 31 จากภาพด้านบน ถ้าหันหลังกลับมา 180 องศา ตามลูกศรสีแดง เดินไปเรื่อยๆ ก็จะไปบรรจบ ทางขึ้นพิพิธภัณฑ์ตรงข้างอุโมงค์ที่บอกไปก่อนหน้าคะ (แนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากเดินอ้อมคะ) และตึกสุงๆที่เห็นในภาพก็คือโรงแรม 25 ชั้นที่สูงที่สุดในเมือง และมีสระว่ายน้ำอย่างที่บอกไปตอนแรกคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:13:00

ความคิดเห็นที่ 32 นี่คะจุดบรรจบ ทางขึ้นพิพิธภัณฑ์ตรงข้างๆอุโมงค์จะมองไปด้านหลังจะเป็นสี่แยกหอนาฬิกา และเยื้องๆไปทางขวาก็จะเป็นโรงแรมไทยโฮเทลที่พวกเราพักคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:15:09

ความคิดเห็นที่ 33 ทางขึ้นเขาที่จะไปพิพิธภัณฑ์คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:18:01

ความคิดเห็นที่ 34 เอาหล่ะคะ ก่อนที่จะออกนอกลู่นอกทาง ขอกลับมาที่ ความคิดเห็นที่ 27 ต่อคะ หลังจากอิ่มท้องที่ต้าเหยิน และได้ที่พักที่ไทยโฮเทลแล้ว พวกเราก็เข้าไปพักผ่อนที่โรงแรมนิดหน่อย และพวกเราก็ออกมาเดินเล่นคะ ไปอุโมงค์ก่อนเลยที่แรกคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:35:44

ความคิดเห็นที่ 35 พอเดินลอดอุโมงค์มาแล้วก็จะเจอ ป้ายเบตงใต้สุดแดนสยาม เมืองงามชายแดนคะ และรูปปั้นไก่เบตงคะ ไก่ตัวใหญ่ดีคะ มีคนบอกว่า ไก่เบตง จะปีกสั้นๆ เหมือนไม่มีปีกแบบนี้แระคะ และก็จะดูขนร่วงๆ หางก็จะดูไม่ค่อยยื่นๆอ่ะคะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 22:40:20 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:38:31

ความคิดเห็นที่ 36 ไก่เบตงตัวผู้คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:40:50

ความคิดเห็นที่ 37 ไก่เบตงตัวเมียคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:41:51

ความคิดเห็นที่ 38 พอมองนาฬิกาก็ประมาณ ห้าโมงเย็นหล่ะ ได้เวลาหาของกินมื้อเย็นต่อ ซึ่งเดินกลับมาที่หน้าโรงแรมไทยโฮเทล ก็จะมีของกินคะ พวกเราก็แวะซื้ออย่างละชิ้น สองชิ้น ชิมคะว่าคืออะไรกันมั๊ง ดูภาพกันเอาเองนะคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:43:46

ความคิดเห็นที่ 39 ร้านต่อมาก็ขายแฮมเบอร์เกอร์คะ มีเนื้อวัวกับเนื้อไก่คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:44:55

ความคิดเห็นที่ 40 จากนั้นพวกเราก็เดินเล่นลงมาเรื่อยๆ มาที่ตลาดสดคะ เพื่อหาบะหมี่กิน มีคนบอกว่าบะหมี่เบตงอร่อยคะ แต่มาถึงแล้วร้านปิดคะ ก็ไม่เป็นไร ก็ในตลาดในซอย ที่อธิบายไว้ตรงความเห็นที่ 22 อ่ะคะ ก็มีขายบะหมี่เหมือนกัน จริงๆเราก็ลืมถามคนท้องถิ่นที่นั่นนะคะ ว่าซอยที่ว่าเนี่ยเรียกว่าอะไร เพราะว่า เหมือนเข้าได้หลายทางอ่ะคะ หนึ่งในทางเข้าก็จะเยื้องๆกับร้านต้าเหยินที่บอกคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:48:00

ความคิดเห็นที่ 41 ระหว่างที่เดินหาบะหมี่ก็ไปเจอร้านขายกะโป๊ะ (ปลาแผ่น) หน้าตลาดสด ซึ่งเราชอบกินเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยเรียนที่ มอ.หล่ะ เราว่ากะโป๊ะอร่อยดี ที่หาดใหญ่ เรียกกะโป๊ะ แต่คนที่นี้ เรียกปลาแผ่นคะ เพราะบางทีพูด คำว่า กะโป๊ะ เค้าทำหน้างง จนต้องอธิบายกันยืดยาว เค้าถึงได้บอกมาว่าเรียกปลาแผ่นคะ พอดีที่ถามเพราะไปเดินหาซื้อในตลาดสด ว่าจะซื้อกลับบ้านมาทอดกินคะ ซึ่งจะมาเป็นแท่งๆ เหมือนทรงกระบอก และตัดหรือหั่นเอา ตามความต้องการของเราว่าจะเลือกรูปลักษณ์แบบไหน สี่เหลี่ยม ครึ่งวงกลม ทรงกระบอก สามารถทำได้หมด และก็จับทอดคะ ไว้กินเล่น อร่อยดี ข้างนอกจะกรอบ ข้างในจะหนึบนิดๆ อยู่ที่คนชอบคะว่าชอบกรอบมาก กรอบน้อย และเราก็อุดหนุนแม่ค้ามา ซึ่ง 10 บาทขั้นต่ำคะ ถูกมากเลยอ่ะ 10 บาท ก็ให้มาหลายชิ้นนะ ราคาถูกกว่านั่งกินที่ร้านน้ำชาที่หาดใหญ่คะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:52:59

ความคิดเห็นที่ 42 จากนั้น ก็เดินมาเจอทางเข้าอีกทางหนึ่ง ของซอยที่บอกว่ามีของกินเยอะๆนั่นแระคะ พวกเราก็เลยนั่งกินข้าวต้ม โจ๊ก และบะหมี่ที่ร้านนี้ และเห็นที่ร้านขายขนมหวานเยะแยะเลย ท่าทางขายดีด้วย เพราะมีคนมาซื้อตลอดเวลา พวกเราก็เลยชิมขนมหวานด้วย ซึ่งที่นั้น เค้ายังมัดปากถุงด้วยเชือกฟางอยู่เลย ไม่ใส่ถุงพลาสติก เรามองแล้วเราคิดว่า เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ทำให้เรานึกถึงตอนเราเด็กๆเลย ที่เวลาเราไปซื้อน้ำ pepsi ใส่น้ำแข็ง ซื้อขนมหวาน เค้าจะใส่ถุงมัดปากด้วยเชือกฟางให้เรา เนี่ยแระคะ เสน่ห์เบตง ซึ่งกรุงเทพฯหาไม่มีแล้วคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:25:22 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 22:57:09

ความคิดเห็นที่ 43 พอกินอิ่มท้องกันแล้ว ก็ค่ำพอดี พวกเราก็เดินกลับโรงแรมคะ อากาศวันที่ไป คนที่นั่นบอกว่า ร้อนแล้วนะ แต่สำหรับเรา เราว่ามันก็เย็นสบายดี เย็นกว่ากรุงเทพฯหล่ะกัน และนี่คือภาพถ่ายหอนาฬิกา ยามค่ำคืน ที่ทุกๆคนชอบถ่ายกัน ส่วนนกนางแอ่นนั้น ก็เยอะจริงๆคะ อย่างที่เห็นในภาพ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:26:06 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:00:46

ความคิดเห็นที่ 44 จบทริปวันแรกแล้ว พอเช้าวันถัดมา พวกเราก็ไม่เร่งรีบคะ ตื่นสายกันนิดหน่อย ประมาณ 9 โมง พวกเราก็ออกไปตามล่าหาข้าวมันไก่เบตงคะ พวกเราได้รับคำแนะนำจากคนท้องถิ่นว่า ร้านที่เป็นข้าวมันไก่เบตงแท้ และดั้งเดิม อยู่เลย สะพานรัชมังคลาภิเษกไปหน่อย ข้างๆ CAT ถนนสุขยางค์ ถ้าเดินจากหอนาฬิกา ก็ง่ายๆเลย มุ่งหน้าไป ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดเดินไปเรื่อยๆ ประมาณ 10-15 นาที ข้ามสะพานรัชมัคลาภิเษก ไปก็ถึงแล้วคะ แต่โชคร้ายที่สาขา 1 ปิด วันนั้น และสาขา 2 ที่อยู่ตรงข้ามกับ แบงค์อิสลาม ใกล้ๆโรงรับจำนำก็ปิดอีกคะ ^^ พวกเราก็เลยเดินย้อนกลับมาก็มีคนแนะนำอีกว่า ให้ไปกินร้านยินดีโภชนา ซึ่งก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกันแหละคะ เพียงแต่ว่า ร้านยินดีเดินจากหอนาฬิกา จะถึงก่อนคะ ส่วนสะพานรัชมังคลาฯ ก็คือคลองเบตงคะ น้ำใสมากๆคะ เก็บภาพมาฝากคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:20:09

ความคิดเห็นที่ 45 น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ถ้าคลองแสนแสบที่กทม.ได้ครึ่งหนึ่งของที่นี้ก็น่าจะดีนะคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:21:25

ความคิดเห็นที่ 46 ร้านยินดีโภชนาคะ ที่เรามาฝากท้องข้าวมันไก่มื้อเช้าคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:23:19

ความคิดเห็นที่ 47 นี้เป็นน้ำจิ้มฯคะ หน้าตาประหลาดกว่าน้ำจิ้มที่กทม. เลยเก็บภาพมาฝากคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:25:55

ความคิดเห็นที่ 48 หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราเดินย่อยด้วยการไปชมพิพิธภัณฑ์ และจากพิพิธภัณฑ์ ก็มีศาลาด้านบนให้เดินต่อขึ้นไปชมวิว และถ่ายรูปเมืองเบตง ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ที่แนะนำเส้นทาง และลำดับการเยี่ยมชมจุดต่างๆให้เราดังนี้คะ 1.) พิพิธภัณฑ์ (ด้านบนมีทางขึ้นให้ชมวิวและถ่ายรูปได้คะ) 2.) สนามกีฬา 3.) วัดเจ้าแม่กวนอิม 4.) วัดพุทฯ 5.) โรงเรียนจงฝา (ติดกับวัดพุทฯ) ข้อ 1-3 อยู่บนยอดเขาเดียวกัน เดินห่างกันไม่ถึง 5-10 นาทีคะ แต่ข้อ 3-4 นี้ อาจจะเดินไกลหน่อยคะ พอดีเราไม่ได้จับเวลาด้วย แต่ถ้าให้ประมาณก็ประมาณ 15-20 นาทีคะ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเบตง ข้อ 1-5 นี้แระคะ ที่ TAXI,ตุ๊กๆ เรียกว่า city tour อ้อรวมตู้ไปรษณีย์ตู้ใหญ่อีกที่หนึ่ง ราคา 800-1300 บาทตามที่แจ้ง (เพราะแค่ ให้ไป รับ-ส่ง แค่สวนดอกไม้อย่างเดียวก็ 600 บาทแล้วคะ เช็คข้อมูล 2 แหล่งตรงกัน เลยไม่ได้ต่อรองราคาคะ) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:28:32 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:45:09

ความคิดเห็นที่ 49 กบภูเขาเบตงคะ น้ำหนักตัว 2 กก.คะ เห็นครั้งแรก ในภาพถ่ายติดข้างฝาผนัง ที่ร้านต้าเหยินคะ ก็ว่าตัวใหญ่แล้ว พอวันที่ 2 มาเจอตัวจริงในโหลที่พิพิธภัณฑ์ เอ่อ...ตกใจเล็กน้อย กบอะไรตัวใหญ่จริงๆแฮะ ถ้าเจอตัวจริงๆ อาจจะกลัว เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีกบตัวใหญ่ขนาดนี้ ความรู้ใหม่ที่ถ้าไม่มาเบตงก็ไม่เคยได้ยินจริงๆคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:48:03

ความคิดเห็นที่ 50 จุดชมวิวและภาพถ่ายเมืองเบตงคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:50:53

ความคิดเห็นที่ 51 ด้านหน้าพิพิธภัณธ์ และเดินไปอีกนิดหนึ่งก็จะเป็นสนามกีฬาเบตงคะ ตอนถ่ายรูปนี้ชอบมากคะ เพราะมีเวลาตั้งกล้อง พื้นที่กว้างขวาง และไม่มีใครมาบดบังวิวแย่งถ่ายรูปคะ ไม่ต้องเร่งรีบด้วย จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:53:55

ความคิดเห็นที่ 52 ฟ้าใส #1 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:55:39

ความคิดเห็นที่ 53 ฟ้าใส#2 (สนามกีฬาค่ะ) จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:58:21

ความคิดเห็นที่ 54 ฟ้าใส#3 (สระว่ายน้ำ) จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 23:59:30

ความคิดเห็นที่ 55 ฟ้าใส#4 (วัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 00:29:51 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:01:27

ความคิดเห็นที่ 56 จากที่แจ้งไปตอนแรกคะ จากวัดกวนอิม จะเดินไกลหน่อยเพื่อไปวัดพุทฯ แต่ระหว่างทาง ก็จะได้ชื่นชมและเก็บวิวเมืองแบบนี้ได้คะ อ้อ ที่นี้ไม่ต้องกลัวว่าน้ำดื่มจะแพงนะคะ ราคามาตรฐานใน 7-11 คะ มี 7-11 มากกว่า 1 สาขา เท่าที่เห็นก็เห็น 2 สาขาแล้วคะ คือตรงใกล้ๆร้านต้าเหยิน 1 สาขา และที่ติดมาในภาพนี้อีก 1 สาขาคะ ส่วนถ้าอยากกิน pepsi ใส่น้ำแข็งก็ซื้อตามร้านอาแปะที่ขายของชำคะ ได้บรรยากาศดีคะ เพราะเค้าเห็นเราปุ๊ป เค้าจะดีใจที่มีคนมาเยี่ยมเยือนคะ เค้าจะถามเราทันทีว่า มาจากไหน? มาเที่ยวเหรอ? เราจะรู้สึกดีคะ ว่าเค้าให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวคนไทยคะ ที่สำคัญราคาก็ไม่ได้โก่งราคาแบบสถานที่ท่องเที่ยวบางที่ ที่คนเที่ยวเยอะๆ ผู้บริโภคไม่มีสิทธิเลือก เพราะคนขายขายได้อยู่แล้ว เลยขอกำไร ที่นี้ pepsi ใส่น้ำแข็ง 12 บาท ขนมหวานในตลาดถ้วยละ 10 บาท ถ้าเป็นที่อื่นคงขาย 15 หรือ 20 บาทไปแล้วคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:07:41

ความคิดเห็นที่ 57 ระหว่างทางที่เดินไปวัดพุทฯ คุณก็จะเจออะไรแบบนี้ที่คุณยืนมองสักพัก และคิดว่า มันคือขี้ช้าง??? และถ่ายรูป จนมีพี่คนคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมา และบอกว่า มันคือขี้ยาง....และอธิบาย บลาๆ หน่ะเห็นม่ะ คนเบตงใจดีและเป็นกันเองมากมายคะ พวกเราก็ได้แต่ร้อง อ๋อ ขี้ยางหน่ะเอง มิหน่ากลิ่นหอมรัญจวนใจ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:33:27

ความคิดเห็นที่ 58 พอมาถึงวัดพุทฯ จะขอโชว์ภาพมุมอื่นๆ ของวัดพุทฯให้ทุกท่านได้เห็นบ้าง เพราะจริงๆมีมุมถ่ายภาพเยอะ แต่เรามักจะเห็นมุมถ่ายภาพเดิมๆซ้ำๆ กระทู้นี้จึงขอเสนอมุมอื่นๆของวัดพุทฯบ้าง นอกจากมุม top hit ดังนี้คะ ภาพถ่ายพระพุทธรูปมุมไกล จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:36:04

ความคิดเห็นที่ 59 สิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่มาต้อนรับพวกเรา ณ วัดพุทฯ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:37:44

ความคิดเห็นที่ 60 และเหล่าเพื่อนพ้อง ของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรก ก็ยกคณะมาต้อนรับพวกเราคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:39:31

ความคิดเห็นที่ 61 ขอวัดพุทฯมุมนี้บ้างหล่ะกัน จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:42:53

ความคิดเห็นที่ 62 มุมนี้ ก็ดีนะเห็นภูเขา จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:45:10

ความคิดเห็นที่ 63 อีกมุมหนึ่ง จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:46:31

ความคิดเห็นที่ 64 พระพุทธรูปมุมใกล้ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:47:21

ความคิดเห็นที่ 65 หลังจากวัดพุทฯ พวกเราก็ได้เดินต่อไปยังสถานที่ใกล้เคียงซึ่งติดกับวัดพุทฯ คือโรงเรียน จงฝา แต่วันนั้นเป็นวันธรรมดา ซึ่งทำการเรียนการสอนอยู่ รปภ.หน้าประตู เกรงว่าเราจะรบกวนนักเรียน พวกเราจึงตัดสินใจไม่รบกวน ด้วยการไม่เข้าไป และเดินกลับโรงแรม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งก็อยู่บนถนนเส้นเดิมคะ ซึ่งเรามีนัดบ่ายสามโมงกับ TAXI ที่หน้าโรงแรม ตอนนั้นเป็นเวลา บ่ายสองโมงก็มีเวลาอาบน้ำ เก็บข้าวของ เพื่อไปนอนอีก 1 คืน ที่สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตงต่อไปคะ ปล. สถานที่ท่องเที่ยว 1-5 ที่กล่าวมานั้น กินเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความสบายใจและความเพลิดเพลินที่แต่ละท่านจะใช้เวลาไปกับสถานที่ต่างๆ ดังนั้น ของพวกเรา เราอาจจะใช้เวลานานเพราะชีวิตไม่ได้รีบร้อนไปไหน เราจึงแจ้งทางโรงแรมเช็คเอ้าท์เลท จนถึงบ่ายสามโดยจ่ายเงินเพิ่มไปอีก 200 บาท ทั้งนี้หากท่านอื่นๆที่ไป ไม่ต้องการเช็คเอ้าท์เลท ก็อาจจะหลีกเลี่ยงด้วยการไปแต่เช้าก็ได้คะ ทางเดินกลับโรงแรมจะผ่านศาลจังหวัดเบตง ดังภาพคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:56:55

ความคิดเห็นที่ 66 หลังจากเก็บข้าวของ และนัดหมายเวลา TAXI รถเบ๊นซ์มารับหน้าโรงแรมนั้น ระหว่างรอ ก็มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย ขับ big bike มา 4 คัน เก็บภาพมาฝากคะ อ้อ ลืมฝากไว้อีกอย่างคะ พี่ผู้ชายท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ตรง reception ของโรงแรม ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของโรงแรมหรือเปล่า แนะนำให้พวกเราไปกินภัตตาคารแชงการีล่า พี่เค้าบอกว่า คนใหญ่คนโตมาเมืองเบตง ต้องกินภัตตาคารนี้ เห็นว่าอาหารอร่อย แต่พวกเรา นึกถึงแต่ข้าวมันไก่เบตง ไม่ได้นึกถึงเหลา จึงไม่ได้ไป เลยไม่มี comment เรื่อง ภัตตาคารแชงฯมาฝากคะ หากอยากทราบรายละเอียด ของภัตตาคารแชงฯเพิ่มเติม ลองมาสอบถามพี่ผู้ชายที่เคาน์เตอร์โรงแรมนี้ก็ได้คะ เห็นพี่เค้าบอกว่า เค้าเคยเป็นผจก.ภัตตาคารแชงฯมาก่อนคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:04:18

ความคิดเห็นที่ 67 หลังจากขึ้น TAXI แล้ว ราคาที่ตกลงในวันนั้นคือ 800 บาท โดยมีไปสถานที่ดังต่อไปนี้ 1.) ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุด 2.) บ่อน้ำร้อน 3.) แวะกินเฉาก๊วย กม. 4 ที่มีคนแนะนำว่าอร่อย ตรงทางเข้าไปสวนดอกไม้ฯ 4.) อุโมงค์ปิยะมิตร (ตอนแรกฟังชื่อ พร้อมดูภาพในโบชัวร์ที่เป็นป้ายชื่อประตูทางเข้า) เราคิดว่าไม่มีอะไร แต่พอได้ไปแล้วขอบอกว่าใครไปเบตง ควรจะต้องไปคะ เพราะว่า นี้คือ 1 ในประวัติศาสตร์ คอมมิวนิสต์มาเลเซีย หนีมาหลบซ่อนใน พท.ประเทศไทยเรา ใช้คนขุดอุโมงระยะทางยาวเป็นกิโล เพียงไม่กี่เดือน เราเห็นแล้วทึ่ง และที่น่าสนใจกว่านั้น 1 ในคนขุดยุคนั้น ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นไกด์+ดูแลสถานที่ท่องเที่ยวนี้ด้วย เพื่ออธิบายให้นักท่องเที่ยวได้ฟัง ขอเกริ่นไว้เท่านี้ก่อนคะ 5.) สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง เห็นด้วยกับเพื่อนๆใน PB ว่า ไปเบตงควรไปนอนที่นี้สักคืนคะ เพื่อสัมผัสอากาศดีๆยามเช้า และหมอกบนภูเขาคะ ค่าที่พักก็ไม่แพงคะคืนละ 600-650 บาท และไม่ต้องกลัวอดตาย เพราะเค้ามีห้องอาหารที่พร้อมจะทำอาหารให้แขกทานคะ 5 สถานที่นี้ ตกลงราคากับ TAXI 800 บาท และในวัดถัดไป ให้ TAXI มารับพวกเรากลับเข้าตัวเมืองเบตง จากสวนดอกไม้อย่างเดียว 600 บาท รวม 2 วัน 1,400 บาทคะ สิ่งหนึ่งที่เราว่าอาจจะต้องทำใจหน่อย คือเรื่องของค่าเดินทางคะ แต่น้ำมันที่เบตง ลิตรละ 51 บาทคะ แต่ ลุง TAXI บอกว่า รถเบ๊นซ์ลุง เติมน้ำมันมาเลยคะ ลิตรละ 18 บาทเท่านั้น เพราะรัฐบาลมาเลยอุ้มภาษี และ มีแหล่งน้ำมันดิบของตัวเองคะ ราคาเลยถูก เพิ่มเติมอีกนิดว่า เรื่องดังกล่าวคงจริง เพราะตอนนั่งรถตู้ขาไปและขากลับที่ผ่านทางมาเลยเซียนั้น ทั้งคิว OK เบตง และ เบตงทัวร์แวะเติมน้ำมันกลางทางที่มาเลย์ปั๊มเดียวกันเลยคะ ถึงปั๊มนี้ ถ้าใครทนไม่ไหวจริงๆ จะขอเข้าห้องน้ำก็ได้นะคะ ปั๊มนี้มีห้องน้ำไว้บริการคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 02:23:56 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 01:27:06 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 01:18:34 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:15:10

ความคิดเห็นที่ 68 บ่อน้ำร้อน แบ่งเป็ 2 ส่วนคะ ส่วนที่ 1 ให้ผู้คนได้แช่เท้าคะ ถ้าใครชอบแช่น้ำร้อนอยู่แล้วก็คงรู้สึกสบายคะ ส่วนใครไม่ชอบก็ไม่ต้องแช่คะ ก็ไปต้มไข่แทน ส่วนที่ 2 ส่วนต้มไข่คะ 5 ฟอง 30 บาท แต่แม่ค้าไม่ขายแยกให้พวกเราคะ พวกเรากลัวกินไม่หมดเลยไม่ซื้อคะ แต่ถ้าใครไม่เคยต้มไข่กับบ่อน้ำร้อน ก็จะลองต้มไว้เป็นประสบการณ์ก็ไม่เสียหลายคะ ใช้เวลา 7 นาที ไข่ก็จะสุกคะ ปล.ตอนแรกเห็นคนแช่เท้าในบ่อ และเห็นขายไข่ คิดในใจเหมือนกันว่า แช่เท้าไป แช่ไข่ไปในบ่อเดียวกันเนี่ยนะ ^^ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:23:00

ความคิดเห็นที่ 69 ส่วนที่ 2 ที่สำหรับต้มไข่โดยเฉพาะคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:24:26

ความคิดเห็นที่ 70 ไปเที่ยวเบตงด้วยค่ะ ช่วยเก็บเข้าคลังกระทู้ไว้ให้เรียบร้อย จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:32:15

ความคิดเห็นที่ 71 ประวัติอุโมงค์ปิยะมิตรนะคะ ประมาณว่า ปีพ.ศ. 2520 พลเอก ชวลิต ได้ลงมาเยี่ยมเยียน และเปิดโอกาสให้ คอมมิวนิสต์มาเลยเข้าแสดงตัวต่อรัฐบาลไทยและทหารไทย ทางรัฐบาลไทย เลยมอบที่ดินทำกินให้ ผู้ที่อพยพ (แต่ห้ามขายที่ดินทำกินให้คนอื่นประมาณนั้น) เพื่อให้มีอาชีพ และก็ให้ทำบัตรประชาชนคนไทยได้ ดังนั้น ลุงไกด์ที่มาอธิบายจริงๆก็คือคนมาเลย แต่ตอนนี้เป็นคนไทยแล้ว พูดภาษาจีนได้ ภาษาไทยได้ แต่ภาษาไทยอาจจะไม่ค่อยชัด แต่ก็พอเข้าใจ ลุงเค้าบอกว่า เมื่อก่อนก็เป็นจ่าอยู่ในกลุ่มคอมมิวนิสต์เนี่ยแหละ พอรัฐบาลให้บัตรประชาชน ให้ที่ดิน ก็มีหมู่บ้านปิยะมิตร เกิดขึ้น บริเวณละแวกนั้น คนที่ขายของ และคนดูแลสถานที่  ก็น่าจะเป็นคนในหมู่บ้านปิยะมิตรนั่นแระคะ เป็นคนในชุมชน ที่ช่วยกันดูแลสถานที่ท่องเที่ยว และสร้างอาชีพในท้องถิ่น (ค่าเข้าชม คนไทยคนละ 30 บาท ถูกกว่าคนมาเลย) เท่าที่สังเกตนะ ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่เบตง คนไทยจะถูกกว่ามาเลย แต่ถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์คนไทยเข้าฟรีเลย แต่คนมาเลย์จ่ายเงิน เราว่าทำให้คนไทยรู้สึกดีมากๆเลยนะ ที่สวนดอกไม้ก็เหมือนกัน หากเราไม่ได้นอนค้างจะมีค่าธรรมเนียม คนไทย 20 บาท รู้สึกคนมาเลย์จะประมาณ 30 บาท แพงกว่าคนไทยนิดหน่อย จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:37:11

ความคิดเห็นที่ 72 หลังจากจ่ายค่าเข้าชมแล้ว ทางเดินก่อนถึงอุโมงค์ก็จะเป็นป่า แต่ว่าไม่ต้องกังวลสำหรับท่านที่ไม่ค่อยได้เดินป่า เพราะมีคนทำเป็นบันไดเรียบร้อยให้เดินตลอดทาง พอไปถึงอุโมงค์ก็จะมีไกด์ คุณลุงจ่าคอมมิวนิสต์อ่ะคะ มาอธิบาย ว่าอุโมงค์มีทางเข้าออกกี่ทาง ขุดกันกี่เดือน มีที่นอนตรงไหน ห้องอาหารตรงไหน ขนเสบียงยังไง หุงข้าวยังไงให้ควันจากการหุงข้าวเล็ดลอดสายตาเฮลิคอปเตอร์ได้ ให้อำพรางควันไปเป็นหมอกแทน และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่เราจะสอบถามคะ เค้ายินดีเต็มใจอธิบายคะ ถ้าหากพูดจีนกลางกับเค้าได้ คงยิ่งดีกว่าคะ เพราะเค้าดูเหมือนจะถนัดจีนกลางมากกว่า ส่วนตอนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ก็ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะเค้าทำตะเกียงทางเดินเปิดไฟไว้สวยงามมาก แต่เราถ่ายภาพออกมาไม่ดีเท่าไหร่ จึงทำให้เห็นว่าตะเกียงไม่มีแสง แต่จริงๆสวยมากๆ ข้างในก็เย็นๆ ตื่นเต้นๆนิดๆตอนเข้าไป เพราะมีค้างคาว มากวนใจบ้างเป็นระยะ แต่ไกด์บอกว่าไม่เป็นไร เค้าไม่ทำอะไร ส่วนใครตัวสูงก็คงต้องก้มหัวนิดหนึ่ง สรุปโดยภาพรวม อุโมงค์ปิยะมิตรน่าสนใจดี ใครที่ชอบแนวป่า แง่มุมประวัติศาตร์ การพรางตัวในป่า ก็ไม่ควรพลาดนะคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 02:28:04 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:44:19

ความคิดเห็นที่ 73 ทางเดินก่อนถึงอุโมงค์ จะเป็นป่า ใครไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็มีหอบนิดหน่อยคะ แต่ทางเดินเป็นบันไดตลอดทางก็ประหยัดแรงหน่อยคะ ใช้เวลาเดินไปถึงปากอุโมงค์ไม่นานคะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 02:29:08 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:47:19

ความคิดเห็นที่ 74 ในอุโมงค์จะมีตะเกียงตลอดทาง พอเปิดแล้ว สวยงามมาก ถ้านึกไม่ออกว่าสวยแบบไหน ให้นึกถึงแสงของความโรแมนติก เวลาเรานั่งกินข้าวในร้านอาหารแบบนั่นแระคะ คือแบบว่า ถ่ายภาพไม่ค่อยเป็นอ่ะคะ รีบๆด้วย กลัวฝนตก และก็ไม่ได้หยิบขาตั้งกล้องมาด้วย ถ้าใครมีโอกาสไป ลองถ่ายภาพสวยๆ ของอุโมงค์ที่มีตะเกียงจุดตลอดทาง ด้วยแสงไฟเป็นระยะๆ แล้วเอามาโชว์กันบ้าง เราว่าคงกระตุ้นต่อมอยากไปของใครหลายๆคนที่ได้เห็นแน่ๆเลยคะ อ้อในอุโมงค์ก็สะอาดสะอ้านนะคะ ไม่มีกลิ่นปัสสาวะค้างคาว ไม่มีเศษขยะ คือในความรู้สึกเรา เราว่าลุงจ่าคอมมิวนิสต์ และเพื่อนๆคงนำเงินค่าเข้าสถานที่ ที่พวกเราจ่ายกัน ไปคอยปรับปรุงและดูแลสถานที่ให้น่าท่องเที่ยวอยู่เสมอๆคะ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 02:32:27 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:49:15

ความคิดเห็นที่ 75 พอเดินเข้าไปตามทางเดิน ก็จะมีห้องซอยย่อยตามแต่ละจุด เช่นห้องประกอบงานใต้ดิน จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:51:14

ความคิดเห็นที่ 76 พอเดินออกมาจากอุโมงค์แล้ว ก็จะเป็นมุมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่าทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง และจุดสุดท้ายจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็จัดแสดงไว้อย่างเรียบง่าย แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เราจึงไม่ได้ถ่าย ในพิพิธภัณฑ์ก็จะแสดงเรื่องราว ภาพประวัติศาสตร์ ของใช้ต่างๆ เสื้อผ้า ที่ทางคอมมิวนิสต์มาเลย์ใช้กัน และรูปกองกำลังทหารไทย เข้าพบปะกลุ่มคอมมิวนิสต์ มีภาพพลเอกชวลิตสมัยหนุ่มๆ ยืนให้การต้อนรับ พี่ลุงคนขับรถ TAXI บอกว่า เค้าเกิดเบตง เป็นคนเบตง ตอนนั้นเค้าก็โตแล้ว ตอนที่ ทหารมารับคอมมิวนิสต์ออกมา เค้ายังไม่กล้ามาดูเลย เค้ากลัวว่าจะมีการหักหลังกัน เกิดการไม่ไว้ใจกัน และยิงกันอะไรประมาณนั้นอ่ะคะ เพราะเหตุการณ์ก็เพิ่งเกิดเมื่อมี พ.ศ. 2520 เอง หลายๆคนอาจจะเกิดทันก็ได้นะคะ ส่วนภาพนี้ที่เห็น ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้าไปดูใกล้ๆ จะรู้ว่าคือจุดส่งอาหารจากภาคพื้น ลงสุ่อุโมงค์โดยใช้รอก ซึ่งลึกมาก ให้เรากะด้วยสายตานะ เราว่าประมาณ ตึก 3 ชั้น เราว่ามันเจ๋งตรงที่คนขุดเนี่ยแหละ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 02:34:46 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:56:18

ความคิดเห็นที่ 77 และลุงท่านนี้แหละคะที่เป็นทั้งไกด์ และคนดูแลสถานที่นี้ และเคยเป็นจ่าในกลุ่มนี้ แต่เดี๋ยวนี้ลุงเป็นคนไทยหล่ะ ตอนขอถ่ายรูป ลุงยังแซวเลยว่า จะเอาไปออกข่าวช่อง 3 หรือเปล่า (คิดในใจว่า เอามาลง pantip ให้แทนหล่ะกันนะคะคุณลุง) จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:57:39

ความคิดเห็นที่ 78 และนี้คือภาพ TAXI รถเบนซ์ที่พาพวกเรามาเที่ยวคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 01:58:32

ความคิดเห็นที่ 79 จากอุโมงค์ปิยะมิตร พวกเราก็จำเป็นต้องวิ่งย้อนทางเดิมลงมานิดหนึ่ง เพื่อที่จะกลับไปที่แยกทางเลี้ยวที่จะไปสวนดอกไม้ฯ ที่เราขับผ่านมาตอนแรก ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ สัก 5 โมงเย็นได้แล้ว ทางขึ้นขับไปสวนดอกไม้ฯ ก็ต้องขึ้นเขา มีเส้นทางคดเคี้ยวเล็กน้อย พอให้ตื่นเต้นเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้หวาดเสียว เท่ากับที่แม่ฮ่องสอน หรือป่าตอง แต่ก็นั่งชมสัมผัสธรรมชาติ มองนกมองต้นไม้ มองภูเขา มองท้องฟ้าได้ ผ่านไปประมาณ 15 นาที เราก็มาถึง สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง ได้รับข้อมูลมาจากเพื่อนใน PB ที่ให้เบอร์ ผู้จัดการสวนคุณเหว่ยชิงมา ตอนที่อยู่ในตัวเมืองเบตง พวกเราได้โทรบอกคุณเหว่ยชิงแล้ว ว่าพวกเราคนไทย 3 คนจะมาพัก วันนี้ พอพวกเรามาถึง ก็มีป้าคนหนึ่ง พูดไทยได้ แต่ก็ไม่ค่อยชัดเหมือนกัน (ถนัดจีนกลางมากกว่า) แต่ก็สื่อสารกันได้ มาต้อนรับพวกเรา พาพวกเราไปเลือกห้อง ซึ่งห้องที่พวกเรานอน จริงๆนอนได้ถึง 4 คน ดังนั้นพอนอน 3 คนก็ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ และจริงๆราคาคือ 650 บาท แต่คุณเหว่ยชิงให้คิด 600 บาท ก็ต้องขอขอบพระคุณมากๆ อีกครั้ง (ลดให้เอง โดยที่เราไม่ได้ต่อคะ) เราเข้าใจว่า คนที่สวนดอกไม้นี้อยากให้คนไทยมาเที่ยวเยอะๆ ตอนเราไปก็มีทัวร์มาเลยเซียมาลง ประมาณ 40 คนได้ พวกเราเลยรู้สึกว่า พวกเรามาเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะทุกคนพูดจีนกลางกันหมด แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่จะบอกก็คือ พวกเราสนุก และได้บรรยากาศแปลกใหม่มากกว่า เพราะคนทัวร์มาเลย์ที่มาลง ร้องคาราโอเกะที่ห้องอาหารระหว่างที่รอทานข้าวกันด้วยเพลงจีนทุกเพลงล้วนๆ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 02:45:53

ความคิดเห็นที่ 80 ภาพถ่ายหน้าบ้านพักของพวกเรา หลังนี้แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องหนึ่งนอนได้ 4 คน มีห้องน้ำในตัว มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีทีวี (ก็ชัดดี) ไม่มีแอร์ เพราะใช้อากาศธรรมชาติ ที่นอนก็สะอาดดี จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 02:47:44

ความคิดเห็นที่ 81 หลังจากเก็บข้าวของในห้องพัก และเดินเล่นบริเวณรอบๆ สักพักหนึ่ง ก็ไปนั่งรอทานข้าว โดยอาหารได้สั่งไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่มาถึง รายการเมนูแนะนำที่ทาง สวนดอกไม้ฯ มีจะคล้ายๆกับร้านต้าเหยินที่พวกเรากินมาวันแรก เช่น ไก่สับ,เคาหยก,ผักน้ำ,ผักขม,ซุปต้าลี่หว่าง และปลาจีน (ปลาจีนเป็นอีก 1 ในเมนูอาหารแนะนำที่ ในพิพิธภัณฑ์เบตงก็มีบัญญัติไว้ด้วย) พวกเรา เลยตัดสินใจ สั่ง ผักน้ำผัด,ผักขมผัด,ซุปต้าลี่หว่าง และปลาจีนนึ่ง ราคาก็ไม่แพง รู้สึกรวมเบ็ดเสร็จประมาณ 370 บาทเท่านั้น ถ้าจำไม่ผิด ปลาจีนแพงสุด 150 นอกนั้นก็ 120 , 50 , 70 บาทตามมา ภาพนี้คือผักน้ำผัด จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 02:55:16

ความคิดเห็นที่ 82 และนี้คือผักขมผัด (ตอนแรกเราคิดว่าคงเป็นผักโขมป๊อปอาย เพราะเค้าบอกว่าที่นี้ปลูกเอง แต่พอหน้าตาออกมาแบบนี้ พวกเราเลยคิดว่า อาจจะชื่อผักขม มากกว่าผักโขม) แต่ถ้าเปรียบเทียบว่าผักอันไหนอร่อยกว่ากัน ผักน้ำอร่อยกว่า (เพราะไม่ขม) แต่พวกเราก็กินได้ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร     มีมื้อเย็นแล้ว เพิ่มเติมข้อมูลสำหรับมื้อเช้า พอดีมีทัวร์มาลงด้วย ตอนเช้าเข้าใจว่าทางสวนฯคงจัดเป็นบุพเฟ่ต์ให้ทัวร์อยุ่แล้ว ซึ่งลองสอบถามแล้ว ถ้าเราจะไปทานด้วย ก็คิดหัวละ 80 บาท โดยอาหารบุพเฟ่ต์ ก็มีจะ ขนมปัง กาแฟ ผัดหมี่ ผัดผัก ข้าวต้ม กับข้าว อีก 2-3 อย่างเราก็จำไม่ได้ สุดท้าย มื้อเช้าในวันถัดไป เราเดินไปดูก็เยอะอยู่ แต่อยากกินแค่ผัดหมี่ ก็สั่งเป็นจานกับทางห้องครัวก็ได้ เราก็นึกว่า เค้าจะตักเอาผัดหมี่ จากในถาดบุพเฟ่ต์แยกให้เรา 1 จาน แต่ปรากฎว่า เค้าทำให้เราใหม่ ก็ดีเหมือนกันร้อนๆ ราคาก็เพียง 40 บาทต่อจาน (ใส่ปลาหมึกมาให้ด้วย) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 04:24:47 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 02:58:12

ความคิดเห็นที่ 83 ส่วนนี้เป็นภาพ บอร์ดนิทรรศกาล สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จเมื่อประมาณ กุมภาพันธ์ ปี 2553 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:01:40

ความคิดเห็นที่ 84 ภาพบรรยากาศยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก ที่สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง พอดีมีรุ้งกินน้ำ ก็เลยถ่ายไว้ให้ชมคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:04:19

ความคิดเห็นที่ 85 อีกภาพหนึ่งของรุ้งกินน้ำ ยามเย็นที่สวนดอกไม้ฯคะ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:05:00

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพนี้เป็นภาพช่วงเช้า 7 โมงกว่า ของสวนดอกไม้ฯ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:08:38

ความคิดเห็นที่ 87 ภูเขาอีกด้านของสวนดอกไม้ฯ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:11:11

ความคิดเห็นที่ 88 และในเช้าวันที่ 3 ของการเดินทางนั้น พวกเรานัดหมายให้ ลุง TAXI มารับพวกเราตอน 9 โมงตรงเพื่อกลับเข้าเมืองเบตง และขึ้นรถตู้กลับหาดใหญ่ ตอน 11 โมงครึ่ง (การเดินทางผ่านทางมาเลเซีย ให้ตีเวลาเหมารวมไปเลย 4 ชั่วโมงคะ) หลังจากออกจากสวนดอกไม้แล้ว พวกเราก็แวะกิน เฉาก๊วย กม. 4 คะ ที่ร้านก็จะขายอยู่ 2 อย่าง 1.เฉาก๊วย 2. หนมถ้วย (แต่ไม่ใช่ขนมถ้วยแบบบ้านเรา ที่เป็นของหวาน และด้านบนราดด้วยกะทิ) หนมถ้วยของที่นี้ จะเป็นแป้งล้วนๆ และเหนียวมาก เมื่อชิมโดยไม่ปรุงอะไรเลย จะได้รสชาติของแป้งอย่างเต็มที่ (มีกลิ่นเฝื่อนๆของแป้ง อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน) แต่เมื่อใส่กระเทียมเจียว และซอส หรือซีอิ๊วอะไรสักอย่างที่อยู่บนโต๊ะ ลงไป และกินด้วยกัน รสชาติมันดีขึ้นราวฟ้ากับดิน ถ้าไปแล้วลองไปชิม แวะเวียน กันดู เป็นของแปลกอีกอย่าง ที่พวกเราไม่เคยเจอ ส่วนที่ร้านตลอดเวลาที่นั่ง ก็มีลูกค้าละแวกนั้น มานั่งกิน และซื้อกลับเป็นกิโลตลอด (เฉาก๊วยนะ) ราคาเฉาก๊วย ถ้วยละ 10 บาท ราคาหนมถ้วย ถ้วยละ 6 บาท ราคาเฉาก๊วย กลับบ้าน ขายเป็นโล โลละ 30 บาท น้ำเชื่อม ขายต่างหาก โลละ 40 บาท จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:17:35

ความคิดเห็นที่ 89 เฉาก๊วย กม.4 จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:18:17

ความคิดเห็นที่ 90 หน้าตาหนมถ้วย พอใส่กระเทียมเจียวกับซอสอะไรสักอย่างลงไปแล้ว จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 03:19:05