แชร์ประสบการณ์การขอ visa ท่องเที่ยวอเมริกา ละเอียดยิบทุกขั้นตอน แบบฉบับ คนมีปัญหาเยอะ (เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยปัญหาต่างๆ)

สวัสดีคะ วันนี้ไปสัมภาษณ์ visa USA มาผ่านแล้วคะ จะมาขอเล่าประสบการณ์ ให้เพื่อนๆฟังนะคะ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆเลยคะ

เริ่มจากขั้นแรก เราก็กรอก DS 160 ก่อนคะ ตอนแรกกะจะไปกับน้องชายสองคนหนะคะ ก็กรอกไปโดยที่ยังไม่ได้อัพโหลดรูปคะ (เพราะยังไม่ได้ถ่าย ตอนนั้นน้องชายยังไปเที่ยวเยอรมันอยู่) เพราะจะรอถ่ายรูปพร้อมกันคะ เนื่องจากเห็นว่าเอารูปถ่ายไปวันสัมภาษณ์ได้เลย (แนะนำรีบกรอก DS 160) ให้เสร็จก่อน เพื่อที่จะได้รับมาจองวันสัมภาษณ์ได้ เราก็ไปย้ายทะเบียนบ้านมาไว้บ้านเดียวกับน้องคะ จากนั้นก็ไปซื้อพินที่ไปรษณีย์ ราคาประมาณ สามร้อยกว่าบาท รออีก 1 วันทำการ ถึงจะเริ่มใช้งานพินได้คะ
(ใครมีบัตรเครดิตแล้ว/ เป็นคนทำงานนานๆทีลางานได้ที แนะนำซื้อพินผ่านบัตรเครดิตคะ)

จากนั้นก็มาถึงหน้าจองวันสัมภาษณ์คะ เห็นหลายคนสงสัยกันมาก(ตอนนั้นตัวเองก็สงสัย) ว่าต้องกดข้อมูลใหม่ทุกครั้งที่ Login เลยหรอ คำตอบคือจริงคะ เราก็กดๆไป คิดว่าปิดเทอมทั้งที เรื่องแค่นี้จองได้อยู่แล้ว มุ่งมันมากคะ จองกันทั้งวันทั้งคืนทุกช่วงเวลา ไม่ทำงานทำการ ไม่อ่านหนังสือ กินข้าวหน้าคอม พอผ่านไปสักสองอาทิตย์เริ่มไม่ไหวคะ เหอๆ เริ่มคิดแล้วว่ามันจะคุ้มกับเวลาที่เสียไปไหมเนี่ย เริ่มพยายามหาข้อมูลคนรับจ้างจองคะ แต่ก็ยังไม่เจอใครรับจ้างทำ พินแบบกลุ่ม + ราคาแพงจริงๆคะ ไม่ไหวแฮะ จนสุดท้ายผ่านไปเป็นเดือน แม่ก็บอกว่าให้เลิกทำเถอะ เสียเวลา ปิดเทอมทั้งทีไปทำกิจกรรม ไปคณะบ้างอะไรบ้าง แม่ก็บอกว่าให้จ้างเอเจนซี่ไปเลย ถ้าอยากไปจริงๆ แต่สุดท้ายเราก็ยังไม่ยอมคะ เพราะรู้สึก่วาราคามันแพงเกินไปจริงๆ T_T

ตอนนั้นสุขภาพจิตเสื่อมโทรมมากคะ ไปคณะที  advisor ถามว่าได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า อ่านหนังสือดึกหรอ เครียดหรือเปล่า เริ่มฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย (ชอบมีคนโพสต์ว่าเขียวแล้วจ้า แต่ตอนนั้นเป็นจังหวะที่เราไปกินน้ำ ไปเข้าห้องน้ำ ติดธุระ พอดีกลับมาไม่ทัน ก็จะเครียด เสียดาย และหงุดหงิดคะ) เริ่มออกห่างจากสังคม และเครียดมากๆคะ (ไม่ได้เว่อร์นะคะ ตอนนั้นเพื่อนที่สนิทๆและคนในครอบครัวเริ่มแนะนำว่าให้เลิกทำเถอะ นึกย้อนกลับไปก็ตกใจสภาพตัวเองตอนนั้นเหมือนกัน)

สุดท้ายผ่านไปเดือนกว่า งานที่คณะเริ่มเยอะคะยอมแพ้ ตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์คะ จะพยายามเช็คเว็บ pantip อย่างเดียวพอคนโพสต์ว่าเขียวค่อยไปกดคะ ถ้าต้องทำธุระนอกบ้านก็ใช้ iphone refresh pantip บ่อยๆแทน (จนเพื่อนๆรุ้กันหมดว่าทำวีซ่าอยู่)
สุดท้ายก็คือ กดไม่ทันสักรอบเหมือนเดิมคะ = = T_T
(ส่วน advisor ของดิฉันเริ่มเปรยๆเรื่อง admit !!(สภาพหนูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ T_T แอบกลัวนิดๆคะ เริ่มพยายามทำใจไม่เครียด เพราะที่นี่เค้าดูพูดจริงทำจริงคะ เพื่อนในกลุ่มช่วงสอบก็ admit เรื่องเครียดเหมือนกัน))

ผ่านไปสองเดือนเพื่อนที่ไป work เริ่มกลับมา ส่วนใหญ่เพือ่นที่ไป work กลับมาด้วยสถานะโดน terminate visa ทั้งนั้นเลยคะ (ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการเท่าไร) พอถามเพื่อนบอกว่า ก็ทนไม่ไหวลาออกจากงานบ้าง เปลี่ยนงานเองบ้าง เราก็งงๆถามเค้าว่าอ้าวแล้วโดน terminate นี่ไม่กลัวเสียประวัติหรอ แล้วทำไมโดน terminate แล้วเพิ่งจะกลับมา เค้าก็บอกว่า ยังไงขอวีซ่าท่องเที่ยวยากมากคะ ไม่มีทางได้ไป เค้าก็เลยไม่สนใจกะจะไปเที่ยวอยู่แล้วคะ โดน terminate ก็ช่างมัน = =!!
ดิฉันเริ่มตกใจปนเครียดคะ ว่าวีซ่าท่องเที่ยวนี้มันยากขนาดนี้ขนาดเพื่อนยอมไปทำอย่างงั้นกันแทนเลยหรอ T_T

จนสุดท้ายผ่านไปสองเดือนคะ(จะเปิดเทอมอยู่แล้ว) มาได้ contact คนรับจองทึ่สุดท้ายราคาโอเคหน่อย พอจะจ้างไหว และรับทำพินกลุ่ม (ตอนนั้นมีคุณพ่อมาทำด้วยอีกคนเป็นสามคนคะ เพราะเราไปบ่นๆว่ากดยากมาก มาทำพร้อมกันเลยยุ่งทีเดียวดี) ตัดสินใจจ้างไป วันสองวันก็ได้คะ !! (แอบตกใจว่าซะงั้นมาก รู้อย่างนี้ถ้าเจอคนนี้ตั้งแต่แรกก็ดีสิ แอบเสียดายเวลาคะ)

ทีนี้ใน DS 160 แพลนเที่ยวเดิมเลยวันสัมภาษณ์มาเป็นเดือนแล้วคะ ก้เลยไปถ่ายรูป จากนั้นก็มากรอก DS 160 ใหม่ เปลี่ยนทริปการเดินทางและผู้ร่วมเดินทางใหม่ (คือทัวร์เก่าเลยไปนาน ต้องหาทัวร์ใหม่แทน และการเอารูปถ่ายจริงไปวันสัมภาษณ์ค่อนข้างเสี่ยงคะ เพราะถ้ารูปไม่ผ่านมาตรฐาน เค้าจะไล่ไปถ่ายใหม่ทำให้เสียเวลา +เสียวกลับมาไม่ทันต้องไปจองวันใหม่ และแอบเปลืองเงินคะ)

จากนั้นเราก็เอ้อระเหยลอยชาย เอ๊ยไม่ใช่ รีบไปขอเอกสารต่างๆจากมหาวิทยาลัยและธนาคาร ช่วงนั้นมีค่ายรับน้องที่คณะพอดีก็ต้องไปนอนค้างที่คณะ แอบเครียดนิดหน่อยเรื่องสัมภาษณ์จะผ่านไหม

สุดท้ายมารู้ตัวอีกที เอ๊ะวันนั้นเรากรอก DS 160 กันใหม่ ยังไม่ได้ไปแก้เลขในหน้า confirm วันจองนี่นา อ้าวเลยวันสิ้นสุดการแก้ไขแล้ว ทำยังไงดี อ้ากเครียดๆๆ ตกใจมากคะ รุ้สึกผิดมาก เหมือนเป็นเพราะเรา ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะเราจะทำให้คุณพ่อโดน reject หรือเปล่า etc. เพราะตอนแรกเป็นคนยืนกรานเองคะ ว่าจะทำเองไม่ผ่านเอเจนซี่
เพื่อนๆก็บอกกันคะ ว่าวันเดินทางยังผ่านมาตั้งนานแล้ว แกไปแบบนั้นเค้าคิดว่าจริงๆแกแค่เอาทัวร์มาอ้างจะหนีวีซ่า(เพราะทัวร์ทริปนั้นเลยวันไปแล้วยังมาขอ) โดน reject ชัวร์ T-T
เลยยังไม่กล้าไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมคะ กำลังชั่งใจอยู่ว่า จะไปสัมภาษณ์ดีไหม แต่ก็กลัวอีกคะว่าถ้าไม่ไปสัมภาษณ์จะมีปัญหาอะไรไหม ส่งอีเมล์ไปถามทางสถานทูตแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบคะ

พอถึงวันสุดท้ายของการมีโอกาสจ่ายเงินตอนนั้นคือดึกๆวันพฤหัส โชคดีมากคะมาเจอกระทู้ถามเรื่องการแก้ไข DS 160 ตอนเลยวันสิ้นสุดการแก้ไขไปแล้วคะ ก็ดีใจหน่อยคะ พวกพี่ๆเค้าจะไปสัมภาษณ์ วันศุกร์ต่อมา เราก็ยังไม่ไปจ่ายเงินคะ ทำกิจกรรมที่คณะไป รอพี่เค้าอัพเดตไปว่าไปสัมถาษณ์แล้วเป็นไงบ้างด้วยความลุ้นแทนคะ (วันนั้นช่วงสิบโมงเว็บ pantip ปิดให้บริการพอดี) จนบ่ายๆเข้าเว็บได้เจอพี่ๆสองคน (คุณ ลมหนาว และ VegasFocus) มาอัพเดตคะ ว่าจนทบอกว่า
ให้เอาใบ confirm ใหม่ใช้ได้เลย วัน confirm การจองแค่ใช้ตอนเข้าสถานทูตคะ เย้ๆๆๆ เราก็รีบไปจ่ายเงินทันที (พอดีในคณะมีไปรษณีย์)

วันเสาร์ไปกินข้าวกับน้องที่จะไปทุนเรียน  MIT ค่ะ น้องเค้าเพิ่งไปสัมภาษณ์มาสดๆร้อนๆ ถึงแม้ I 20 จะยังไม่มี = = เนื่องจาก ทุนจองวันให้รวมกันคะ ให้คนไปจองเองและ cancel มา แต่เอาจริงๆคน จองไม่ได้เลย เค้าก็ให้สัมภาษณ์คะ ของน้องเค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร รอ I 20 มาค่อยมายื่นใหม่คะ เค้าก็แนะนำดิฉันว่าให้เอาผลงานพวกงานวิจัยที่เคยทำไปด้วย ดิฉันก็แอบตกใจขอวีซ่าท่องเที่ยวนะ + อ่าน pantip มานานคิดว่าไม่เกี่ยวคะ ต้องเชื่อมั่นๆ 555
จากการที่น้องเค้าเล่าทำให้คิดเองว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าวันสัมภาษณ์เอามาเปิดเขียวน้อยเพราะบางทีจะมีกลุ่มจองวันสัมภาษณ์ที่เป็นหน่วยงานจองไว้ไปแล้วอย่างนี้หนะคะ ทำให้มีวันสัมภาษณ์ว่างมาเปิดให้ได้น้อยลงไม่รุ้เกี่ยวหรือเปล่า

วันอาทิตย์จัดเอกสาร ที่เอาไปก็มี
1 สำเนาบัตรประชาชน
2 สำเนาทะเบียนบ้าน
3 ใบรับรองความเป็นนิสิต ฉบับภาษาอังกฤษ
4 Transcript ฉบับภาษาอังกฤษ
5 สัญญาการใช้ทุนหลังเรียนจบ (สุดท้ายไม่ได้แปลคะ)
6 ใบจบ ม.ปลาย
7 ใบเข้าร่วมการประชุมที่อินโดนีเซียคะ เผื่อเค้าถามว่าไปอินโดนีเซียทำไม เพราะเห็นเพื่อนคนอินโดแนะนำมาคะ เนื่องจากเขาเล่าว่า ตัวเค้าไม่ผ่าน พอถามเหตุผล จนทตอบว่า เพราะนามสกุลคุณอิสลามเกินไป (แต่จริงๆตัวเค้าเป็นคริสต์+งงเหมือนกันว่าเหตุผลนี้เกี่ยวอะไร) เค้าก็แนะนำว่าเอาหลักฐานไปด้วยดีกว่าว่ามาประชุมวิชาการ (เพื่อนคนอียิปต์ก็เล่าเคสคล้ายๆกันให้ฟังคะ)
8 statement คุณแม่คะ (คุณแม่เป็น sponsor)
ก้ไปขอใบรับรอง statement + ย้อนหลังหกเดือนจากธนาคารมาคะ ขอมาสามชุดเผื่อไม่ได้สัมภาษณ์พร้อมกัน
9 ใบเกิด และใบเปลี่ยนชื่อ
10 โบรชัวร์ทัวร์คะ

เอกสารน้องชายก็คล้ายๆกันคะ ส่วนของคุณพ่อเพิ่ม

1 ใบรับรองการทำงาน ฉบับภาษาอังกฤษคะ
2 ใบลางาน (ที่บริษัทออกให้เป็นภาษาไทยเลยต้องแปลเองคะ ใครที่เคสคล้ายๆกันต้องการตัวอย่างใบลางานฉบับภาษาอังกฤษถามได้นะคะ)
3 โฉนดที่ดิน ทะเบียนสมรส
4 Book bank ตัวจริงของคุณพ่อเองคะ

วันสัมภาษณ์
มีนัดสัมภาษณ์ 7.15 คะ เราก็ตื่นสักประมาณ ตีห้า  แต่ว่า......
รถติดคะ OMG ทำไมมันติดจัง งงมากคะ เริ่มกระหืดกระหอบ จนกระทั้ง 7.30 ก็ยังอยู่บน Taxi เริ่มเครียดกันเองว่าเค้าจะให้สัมภาษณ์ไหมนี่ สุดท้ายวิ่งข้ามสะพานลอยถึงหน้าสถานทูตถึงประมาณ 7.45 คะ
ไปถามพี่เสื้อชมพูเค้าให้ไปต่อท้ายแถวรอบ 8.00 คะ ก็ดีใจหน่อย รอต่อแถวไปเรื่อยๆคะ
เจอคนมาถามพี่เค้าเหมือนกันว่าลืมเอาพาสปอร์ตมา รอบ 7.15 เข้าช้าสุดได้กี่โมงเค้าบอกว่า ถ้า โชว์อัพแล้ว ช้าสุดได้ 10 โมงคะ

พอเข้าไปเราก็ผ่านการตรวจกระเป๋า ฝากของก็ไม่มีอะไรคะ ฝากไว้ด้วยกันหมดเลยสามคน
จากนั้นก็เข้ามาต่อแถว (จะแอบบอกว่าตอนผ่านเครื่องตรวจอาวุธเค้าให้ผ่านประตูทีละคนไม่ต้องรอกัน จะบอกว่าประตูหนักมากเปิดไม่ออกคะ 55555)
ระหว่างต่อแถวก็กรอกใบสีฟ้าที่พี่ รปภ ให้มาไปพลางๆคะ บรรยากาศข้างในเป็นริมสระน้ำจะไม่ร้อนคะ รอไปสักพัก ก็จะมาเจอพี่เสื้อชมพูสองคนจัดเอกสารให้คะ ถ้าเป็นพินกลุ่ม ก็เดินไปหาพี่เค้าพร้อมกันเลยนะคะ จะได้ได้บัตรคิวใบเดียว สัมภาษณ์พร้อมกันไม่ตื่นเต้นดีคะ

เอกสารที่พี่เค้าเอาไปนะคะ ของดิฉันกับน้องก็มีแค่ ใบรับรองความเป็นนิสิต ส่วนของคุณพ่อก็แค่ใบรับรองการทำงานคะ ใบลางานเค้าไม่เอาคะ ไม่รุ้ทำไม จากนั้นก็นั่งรอเรียกคิวคะ

พอเค้าเรียกคิวแล้วเราก็มาต่อแถวอีกครั้งคะ จะมีช่วงคนไทยสามช่องคน เบอร์ 1 2 3 เราได้ช่องเบอร์สามคะ ก็เป้นอย่างที่คุณ ลมหนาว และ VegasFocus บอกหนะคะ เค้าให้เก็บใบ confirm วันนัดไปเลยตั้งแต่ด่านพี่เสื้อชมพู เค้ายิงบาร์โค้ดจากใบ confirm DS 160 ใบใหม่คะ ด่านนี้ก็ไม่มีอะไรคะ เค้าก็ถามแค่ว่าเคยเปลี่ยนชื่อไหม มีญาติอยู่ที่นั่นหรือเปล่า จากนั้นก็ให้ scan นิ้วคะ พร้อมกับชมว่า กรอก DS 160 ครบถ้วนดี คนข้างหลังจะได้ไม่ต้องรอ จากนั้นเค้าก็ให้บัตรคิวมาคะ บอกว่าให้เดินเข้าไป รอสัมภาษณ์ช่อง 11 ได้เลยเราก็เดินเข้าไปแบบงงๆคะ เพราะคนที่มาก่อนหน้าพวกเราก็ยังต้องนั่งรอเรียกบัตรคิวกันอยู่ข้างนอก
พอเข้าไปแล้วด้านข้างๆก็มีคนรอสัมภาษณ์ซ้อนกันหลายแถวคะ แต่ว่าช่อง 11 ที่พี่เค้าบอกให้เราเดินไป มีคนรอแถวเป็นแถวเดียวคะ ตอนนี้มีอยู่หน้าเรา 1 คนเองคะ ก็เลยเดาเอาเองว่าเป็นเพราะว่าเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษหรือเปล่า ระหว่างรอคิวก็รีบมองหา แหม่มคนที่โด่งดังและเป็นที่รำลือกันในหลายๆบอร์ดมานานคะ แต่...ไม่เจอคะ เพราะว่าแปปเดียวก็ต้องเข้าช่องสัมภาษณ์แล้วคะ เป็นผู้ชายฝรั่งช่องเบอร์ 11 คะ

เรา+พ่อ+น้อง : Good morning (พนมมือไหว้)
กงสุล ก็ให้ scan นิ้วคะ ทั้งสามคนเลย (พูดไทย)
กงสุล : คุณ....(พ่อ) ทำงานอะไรครับ
พ่อ : เป็น engineer ครับ
กงสุล : (ดูใบรับรองการทำงาน ) บริษัทไทยหรือต่างชาติครับ
พ่อ : ไทยครับ
กงสุล : ถอดใบรับรองการทำงานออกจากคลิปส่งคืน มาดู ของน้องกับเรา ถอดใบรับรองความเป็นนิสิตส่งคืน
ตอนนั้นตกใจ ทำไมเค้าไม่ถามอะไร + เห็นคืนเอกสารกลัวไม่ผ่าน
กงสุล : ไปวันไหนครับ
พ่อ : 28 นี้ครับ
กงสุล : อาทิตย์นี้หรอคะ
พ่อ : ครับ
กงสุล : สรุปทั้งสองคนจะเป็น....หรอครับ ภูมิใจไหมครับ แล้วก็ยิ้มๆหัวเราะๆ (เอาพาสปอร์ตใส่ซองไปวางไว้ข้างหลัง แอบโล่งอก)
พ่อ : หัวเราะ ครับ
กงสุล : สอดใบสีฟ้ากลับมา เอาไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ด้านนอกครับ
พ่อ+เรา+น้อง : ขอบคุณครับ/คะ (ไหว้)

รีบเดินออกมาจ่ายเงินที่ไปรษณีย์คะ ไม่รุ้ว่าได้กี่ปีแต่ได้ก็ดีใจแล้วคะ ^^
จากนั้นก็เดินออกจากสถานทูตคะ ขากลับผ่านมารับของกลับ (ยังคงเปิดประตูไม่ออกคะ น้องต้องมาเปิดให้ = =)เก็บของเรียบร้อยเดินออกมาคะ (ประตูนอกสุดก็เปิดไม่ออก T_T)

ดูเวลาตอนออกมาแล้ว 9.45 นับว่าเร็วมากเลยคะ

ยังไงก็ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกคนในบอร์ดนี้นะคะ ทั้งคำแนะนำต่างๆ คำถามต่างๆ และชอบอ่านประสบการณ์สัมภาษณ์มากคะเพราะรู้สึกว่ามีประโยชน์ทำให้เราเตรียมตัวตอบคำถามไปก่อนได้และ ทำให้ไม่ตื่นเต้นวันจริงคะ
ขอบคุณ คุณ ลมหนาว VegasFocus ที่ช่วยแนะนำเรื่องกรอก DS 160 ผิด
ขอบคุณพี่ๆอีกหลายคนที่รู้จักกันผ่านบอร์ดนี้ ช่วยดูเอกสารให้ทางอีเมล์ ช่วยแชร์ ช่วยคุยปรึกษาปัญหากันไปตลอดระหว่างการทำวีซ่า

ขอโทษทีคะที่เขียนยาวไปหน่อย ยังไงเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการขอวีซ่านะคะ หรือจะส่งอีเมล์มาคุยกันก็ได้คะ ^^
Desi_gal9@hotmail.com

แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 54 08:47:14

จากคุณ	: เดซี่เกิร์ล
เขียนเมื่อ	: 24 พ.ค. 54 08:46:19