 |
เรื่องเงิน ใช้ thb และเป็น yen ที่เมืองไทยดีที่สุดแล้วครับ กรณีมี usd ติดตัวอยู่แล้ว ก็ถิอซะว่าเป็นเงินสดสำรองเวลาฉุกเฉิน เพราะเอา usd ไปแลก yen ที่ญี่ปุ่น ก็หมายความว่าเราเสียหลายต่อเกินไป เพราะจาก thb > usd > yen ไม่คุ้มครับ
ปล.ผมเองมี usd eu yen เป็นเงินสดสำรองติดกระเป๋าทุกครั้งเวลาเดินทางไปต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เอาออกมาใช้ครับ
ส่วนเรื่องการใช้เงินสด หรือ cr.card ในญี่ปุ่น ก็แล้วแต่ความสะดวกนะครับ เพราะมันก็ไม่ต่างกัน ใช้บัตร cr.card ซ์อของ ราคาของก็ไม่ได้แตกต่างจากเงินสด แค่มีอัตราความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนตอนกลับมาแล้วเท่านั้นเอง ว่ามันจะสูงขึ้น หรือต่ำลง เท่านั้นเอง ก็ต้องดูแนวโน้มกันเองละครับตอนรูดการ์ด 555
ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ทานข้าว ประเภทต่ำกว่าพันเยน ก็จ่ายเงินสดไปเอะครับ แต่ถ้าสูงกว่าพันเยน ซื้อของจะรูดการ์ ก็ไม่มีร้านไหนว่าอะไร ถ้าร้านนั้นรับบัตรเครดิต
ส่วนเรื่อง london tube ผมใช้รถไฟใต้ดินครั้งแรกก็ที่ london นั่นละครับ ตั้งแต่สมัยที่สถานีบางสถานียังใช้บันไดเลื่อนไม้อยู่เลย ^_^
london underground ผมถิอว่าค่อนข้างง่ายครับ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เข้าใจระบบทั้งหมดแล้ว เพราะข้อดีของมันคือ ทุกเส้นทางเป็นของบริษัทเดียว ดังนั้นการเปลี่ยนรถไฟจึ่งไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ที่ paris ภายในสถานียังวุ่นวายมากว่าที่ london
ส่วนในญี่ปุ่น ที่ยาก คือ จำนวนเส้นทาง ความซับซ้อนเส้นทาง และของตัวสถานี และก็มีปัจจัยเรื่องรถไฟของหลายบริษัท ที่ให้บริการครับ แต่ที่เค้าออกแบบมาแบบนี้ มันดันกลายเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดไปเลย ดีกว่าของ london หรือ paris มากครับ
ผมเคยเจอ bome warn สองครั้งใน london ที่พิคาเดลี่ และอีกปีที่ วิคตอเรีย เรียกว่าอัมพาตไปทั้ง london เพราะทุดคนต้องย้ายไปใช้รถเมล์กันหมด ต่างกับที่ญี่ปุ่น สถานีไหนมีปัญหา ใช้ไม่ได้ เป็นของบริษัทไหน เราก็แค่เปลี่ยนไปใช้รถไฟของอีกบริษัทหนึ่งแทน เพราะเส้นทางวิ่งมันใกล้เคียงกัน พอออกนอกเขตมีปัญหาก็เดินไปอีกหน่อย ก็สามารถกลับไปใช้เส้นทางเดิมที่ต้องการได้
ทั่นอาจารย์อยู่แค่ kyoto , osaka ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าคุ้นเคยกับรถไฟ london อยู่แล้ว ปัญหาก็จะมีแค่สถานี kyoto และสถานี osaka เท่านั้นครับ ที่มันค่อนข้างใหญ่ และซับซ้อน รวมถึงมีเส้นทางรถไฟแยะจนตาลาย 555
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 54 08:51:50
จากคุณ |
:
SkyBox
|
เขียนเมื่อ |
:
12 มิ.ย. 54 08:49:47
|
|
|
|
 |