เพิ่งมาเห็นกระทู้นี้ครับ
งั้นขอตอบเลยละกัน ถ้าเป็นที่พักแถวอรัญประเทศ ผมเคยพักอยู่ 2 ที่ (แต่ไม่หรูหรานะ เพราะผมเน้นกินเน้นเที่ยวมากกว่า) สถานที่พักจะอยู่บริเวณตลาดรถไฟทั้งคู่เลย ตรงบขส.ที่รถตู้จอดน่ะครับ
โรงแรม Aran Mermaid Hotel ที่พักถือว่า ใช้ได้ ถ้าเทียบกับราคา คืนละประมาณ 900 บาท (บวกลบไม่เกินนี้) มีอาหารเช้าให้
อีกที่เป็นเกสต์เฮ้าส์ ราคาคืนละ 380 บาท ไม่มีอาหารเช้า เป็นบ้านตึกแถวเอามาทำห้องเอง
ส่วนสถานที่กิน ผมเคยกินอาหารญวนที่ร้านยายต๊าม สอบผ่านเลย โดยเฉพาะน้ำจิ้ม เมนูประจำร้านก็พวกขนมเบื้องญวน ปอเปี๊ยสดและทอด ปากหม้อ แหนมเนือง เป็นต้น (บรรยากาศในร้านจะมีรูปดาราและบุคคลที่เป็นรู้จักในสังคมที่เคยมาทานเพียบ) ร้านอยู่ตรงแยกคลังวิทยา เข้าไปทางถนนมิตรสัมพันธ์ (อ้อ แถวนั้นมีร้านอินเตอร์เน็ตด้วย ผมแอบแวะไปเล่นหลายครั้ง)
ร้านแมกไม้ จุดเด่นของร้านนี้อยู่ตรงการตกแต่งครับ จัดร้านซะเหมือนอยู่ในป่าเขาใหญ่เลย ผมชอบ แต่แอบมียุงเยอะเหมือนกัน อาหารที่รู้สึกว่า เข้าตา ก็คือ เนื้อเป็ดราดซอสมะขาม น่ะครับ สำหรับเมนูอย่างอื่นก็เฉยๆนะ
สถานที่ท่องเที่ยวทางแทบอรัญ ผมขอแบ่งเป็นอำเภอที่อยู่ทางตะวันออกนะครับ จะมี 4 อำเภอได้แก่ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด สถานที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างจะห่างกันมากนะ หลักใหญ่ใจความก็มี...
อุทยานแห่งชาติตาพระยา จุดเที่ยวก็มีป่าสลัดไดและเขายักษ์ ทางเดินเข้าเป็นทางเดียวกัน ถนนให้รถวิ่งเป็นดินลูกรังนะครับ ต้องขับระวังนิดนึง ยิ่งช่วงหน้าฝนด้วย เจ้าหน้าที่จะให้จอดรถตรงทางเข้า แล้วก็เดินเข้าป่าประมาณ 1 กิโลเมตร เดินจุดนี้พยายามอย่าใส่รองเท้าแตะนะ มีสิทธิ์จมลงดินเพราะทางลื่นและเป็นโคลนเลน บรรยากาศจะชื้นๆหน่อย เวลาเดินให้ระวังแมงมุมชักใยขวางใบหน้าเราด้วย ใยหนาและเหนียวกว่าปกติเชียวแหละ (ส่วนตัวแมงมุมก็ใหญ่อย่างกับนิ้วหัวแม่โป้งแน่ะ) ระหว่างทางเท้าเข้าป่าสลัดไดและเขายักษ์จะมีรอยเท้าของสัตว์เยอะแยะ เช่น เก้งหรือกระทิง เป็นต้น อีกที่นึงก็คือ จุดกางเต็นท์ แต่ต้องวิ่งเลยขึ้นไปอีกประมาณ 4-5 กิโลเมตรเห็นจะได้ แต่ขอบอกว่าเลยว่า ผีเสื้อเยอะทีเดียว บินกันว่อนตลอดสองข้างทาง (แม้แต่ในห้องน้ำแถวจุดกางเต็นท์ ยังมาบินเป็นเพื่อนเวลาเราฉี่เลย)
จุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติตาพระยา สวยและประทับใจครับ คิดไม่ถึงว่า บริเวณนี้จะมีจุดชมวิวที่สวยเกินคาด จริงๆมานั่งแช่ปิกนิครับลมทั้งวันยังได้เลย ผมว่า ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว คงบรรยากาศดีสุดๆ ชอบครับ ไปยืนมองตรงผาหินยักษ์ดูผืนป่าไกลสุดลูกหูลูกตากันโลดดด...
ละลุ เป็นแกรนด์แคนย่อนเมืองไทยเลย เรียกว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับร้อยนับพันปีแล้ว โดนลมโดนฝนเซาะจนเป็นสภาพอย่างที่เห็น จากถนนใหญ่เข้าไปค่อนข้างลึกเหมือนกัน พอถึงหมู่บ้าน เส้นทางถนนจะซับซ้อนเล็กน้อย จะมีชาวบ้านแถบนั้นคอยดูแลเรื่องการท่องเที่ยวอยู่ครับ
ปราสาทหินสด๊กก๊อกธม เป็นร่องรอยอารยธรรมที่น่ามาเยี่ยมเยือนสักครั้งนะ สวยดีครับ เท่าที่เห็น มีการบูรณะซ่อมแซมเสร็จไปเยอะแล้ว
ปราสาทเขาน้อยสีชมพู จุดเด่นอย่างแรกก็คือ เดินกันให้เมื่อยตุ้มเลยครับ บันไดขึ้นเขาประมาณ 3-4 ร้อยขั้นได้มั้ง ขึ้นมาแล้ว เราจะเห็นร่อยรอยตัวปราสาทบนยอดเขาที่ค่อนข้างหายไปเยอะนะ แต่ยังเหลือปรางค์องค์กลางกับเนินอีกสองข้างอยู่
ตลาดเช้าแถวตัวปราสาทเขาน้อยสีชมพู ตอนช่วง 6-7 โมงเช้า ตลอดเส้นทางถนนคึกคักดีครับ มีคนเขมรข้ามชายแดนมาซื้อของฝั่งไทยให้เพียบ ผลหมากรากไม้ เนื้อสัตว์ ของกินของใช้เยอะแยะ ราคามิตรภาพอีกตะหาก (คนเขมรจะนั่งรถฝั่งไทยที่มารับจากด่านตรวจไปตลาดเช้าในราคาคนละ 20 บาทครับ)
จุดผ่อนปรนบ้านหนองปรือ ตรงนี้ก็มีขายข้าวของให้ชาวบ้านและคนเขมรเยอะเช่นกัน ปลาดุกจะเยอะพอสมควร ตัวเล็กตัวใหญ่ก็โลละ 50 บาทหมดครับ บรรยากาศคึกคักอีกเช่นกัน (อ้อ ถนนเลียบชายแดนแถวนี้ เมื่อก่อนมีคนเขมรแอบข้ามมาปล้นสะดมกันบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วนะ)
ถ้าเพชรโพธิ์ทองและถ้ำหาดทรายแก้ว เราจะเข้าถ้ำไปดูประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจนเหมือนผลึกแก้วและเหมือนใบโพธิ์ที่ประปรายไปทั่ว แต่จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การโรยตัวจากที่สูง ณ ภูเขาติดชายแดนเขมรครับ ผมไปโรยตัวมาแล้ว สนุกดี มีโรยทั้งหมด 3 ผา คือ 1. ปีนเขาไปโรยตัวจากหน้าผา สูงประมาณ 25 เมตรได้ 2. ปีนเขาไปโรยตัวจากปล่องเหว(ที่เป็นผาคู่) ตรงนี้สูงกว่าหน้าผาแรก จุดนี้ผมชอบบรรยากาศที่ชวนลึกลับ เหมือนมีมนต์เสน่ห์ แต่ก็เย้ายวนไปในตัว หวาดเสียวด้วยอะ เพราะด้านล่างมองไม่ค่อยเห็นพื้นเท่าไหร่ มีต้นไม้ปกคุลมเยอะ ทิวทัศน์ชวนให้นึกถึงยุคจูราสิกปาร์คที่หุบป่าตาดจังหวัดอุทัยธานีเหมือนกันแฮะ (เพียงแต่ไม่มีใบตาดนะ) ประทับใจครับ 3. จากจุดที่ 2 เราจะโรยตัวจากปากรูบนภูเขา แล้วลงที่เพดานของถ้ำกันต่อ อันนี้เป็นอะไรที่ Unseen Thailand ทีเดียว คนหาก็ช่างหาซะเหลือเกิน เพราะจากปากรูบนภูเขาก็สูงอยู่แล้ว แถมโรยตัวเกาะผนังจากบนเขาในถ้ำ แล้วมาห้อยโตงเตงกลางอากาศชวนระทึกอีก มองไม่เห็นเท่าไหร่เพราะในถ้ำมันมืดๆ แต่ได้ฟีลมากครับ เรียกว่า ปีน 3 จุดนี้ ได้อารมณ์ 3 หนุ่ม 3 มุมเลย
ถ้ำเขาศิวะ จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ถ้ำน้ำครับ เป็นอะไรที่ Amazing ไทยแลนด์อีกเช่นกัน ทุกคนต้องใส่ชูชีพ แล้วลอยตัวเข้าถ้ำ บางช่วงน้ำตื้นก็เดินได้ บางช่วงน้ำลึก ต้องลอยคอและอาศัยทักษะการว่ายน้ำหรือเกาะๆกันเข้าไป(เหมือนตอนไปถ้ำมรกต จังหวัดตรังอย่างนั้นแหละ) สนุกและตื่นเต้นดี เพราะบรรยากาศในถ้ำมืดสนิท แต่แปลกที่อากาศหายใจสะดวกและสดชื่นมาก แถมน้ำเย็นเจี๊ยบเลย เราจะมีไกด์เปิดไฟฉายส่องทางให้ตลอด ในน้ำมีปลาด้วยนะเออ แต่ทางเดินต้องระวังหินก้อนใหญ่ๆที่จมอยู่ใต้น้ำด้านล่างด้วย กระแทกทีเนี่ย เจ็บเลยแหละเพราะมันมองไม่เห็น แถมบางช่วงก็ลื่นจนตัวเซจะล้มจมน้ำเอา หินงอกหินย้อยก็ดูแปลกตาดีครับ แถมยังมีน้ำตกด้วย อีกอย่างก็คือ ในตัวถ้ำ เราสามารถปีนผนังถ้ำขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อชมวิวบนเขาได้ แต่ทางมันแคบและมืด ต้องระวังตัว (แต่เค้าไม่ให้ขึ้นหรอกเพราะอันตราย แต่อนาคตอาจเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวจุดนี้ครับ) ที่สำคัญก็คือ อย่าลืมไปกินน้ำที่ไหลจากหินย้อยบนผนังถ้ำจากภูเขาด้วยนะ ไกด์บอกว่า มันเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่กลั่นกรองมาจากเขาด้านบน สะอาดแน่นอน (แถมบางคนเชื่อว่า รักษาโรคได้ด้วย) พอเดินมาถึงปลายถ้ำจะเป็นทางตัน แต่มีเรื่องลึกลับว่า เราสามารถดำลงอุโมงค์ลงไปข้างใต้ต่อได้ แต่ยังไม่เคยมีใครพบทางออกเลย เพราะมันมีแต่จะดำลึกลงไปเรื่อยๆ แม้แต่นักประดาน้ำจากจังหวัดชลบุรีที่เคยมาพิสูจน์ความลึกนี้ ยังไม่พบทางออก เพราะถังอากาศหมดเสียก่อน มันมีความพิศวงอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ด้านล่างและยังไม่มีใครหาคำตอบได้ (สำหรับทางออก เราต้องย้อนกลับมาทางเดิมนะครับ)
แล้วก็ตลาดโรงเกลือ อันนี้คงไม่ต้องเท้าความอะไรมากแล้ว
ผมอยากแนะนำจุดอื่นๆเพิ่มเติมในอีกหลายอำเภอของจังหวัดสระแก้วนะ แต่ขอแนะนำแค่นี้ก่อนแล้วกันเพราะลำพังแค่นี้ ก็เที่ยวไม่หมดแล้วล่ะ ^^
ตบท้ายด้วยภาพจากถ้ำน้ำที่ถ้ำเขาศิวะกันครับ ภาพนี้เป็นจุดที่มีน้ำตกในถ้ำนั่นเอง
จากคุณ |
:
ตี๋หล่อมีเสน่ห์
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มิ.ย. 54 11:33:22
|
|
|
|