ขอแสดงความคิดเห็นตามหลักฐาน และแชร์ประสบการณ์ค่ะ
ในฐานะนักท่องเที่ยวและคนรักธรรมชาติคนหนึ่ง
ว่ากันตามหลักฐานปัจจุบัน:
ตามไปอ่านจาก Link ที่รีวิว ที่คห. 143 โพสต์ไว้ให้
เจ้าของกระทู้นั้นก็ได้แจ้งไว้ใน คห.ที่ 33 แล้วนะคะ ว่า
"ภูคิ้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านะครับ ไม่ใช่อุทยาน
ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปครับ
ถ้าจะไปต้องทำเรื่องไปยัง กรมอุทยาน ขออนุญาตเข้านะครับ"
ในกรณีของกระทู้นี้ จากข้อชี้แจงในเอกสารของเขตรักษาพันธุ์ (3 แผ่น)
ทำให้เข้าใจได้ว่า เอกสารที่ทีมงานถ่ายทำ นำมายื่นแก่เจ้าหน้าที่
ไม่ได้ครอบครุมถึงการขออนุญาตเข้าพื้นที่จำเพาะ (ภูคิ้ง) แห่งนี้
การขออนุญาตในลักษณะนี้ ตามระเบียบแล้ว
ต้องขอเป็นลายลักษณ์อักษรเข้าไปที่ กรมอุทยานฯ ค่ะ
และในทางปฏิบัติแล้วไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะไปขอจากเจ้าหน้าเขตฯ
ที่หน้างานเอาเดี๋ยวนั้นแล้วจะเข้าไปถ่ายทำได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถ่ายทำสารคดี ก็ต้องขอขออนุญาตให้ชัดเจน
เพราะมีกิจกรรมแตกต่างต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป
>>> จนท.จะได้ช่วยเหลือเป็นพิเศษ
..............................................................................................................
โดยส่วนตัวแล้ว
เคยมีโอกาสติดสอยห้อยตาม ไปในฐานะบุคคลที่ 3 !!!
(คือไม่ใช้ทั้งเจ้าหน้าที่และไม่ใช่ทีมงานรายการ)
ร่วมเดินทางเข้าไปกับทีมงานสารคดีรายการหนึ่ง (ฉายทางฟรีทีวีทั่วไป)
มีที่หมายอยู่ในพื้นที่ปิดของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งหนึ่ง
เส้นทางไม่ไกลแต่อันตราย ต้องอาศัยอุปกรณ์หลายอย่างและผู้ชำนาญทาง
ซึ่งจุดถ่ายทำนั้น มีลักษณะเฉพาะทางนิเวศวิทยา
เป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหายากขนาดเล็กหลายชนิด
ที่วิวัฒนาการปรับตัวมาจำเพาะ อยู่ได้แค่ในพื้นที่เช่นนี้เท่านั้น
คือ ถ้าระบบตรงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
(เช่น ดิน น้ำ อากาศ พืชพรรณ สิ่งมีชีวิตรอบข้าง ฯลฯ)
จนเสียสมดุลไปล่ะก็ เราก็จะสูญเสียสัตว์/พืชเหล่านั้นไป
(ถ้ากันเทียบตาม scale เวลา การปรับตัวทางธรรมชาติเหล่านี้
กินเวลานานเกินกว่าประวัติศาสตร์ของอารยธรรมของเราซะอีก)
การเข้าไปครั้งนั้น เขตรักษาพันธุ์ฯ ก็ต้องจัดทีมเจ้าหน้าที่จำนวนมาก
+ชาวบ้านไกด์ท้องถิ่นเข้าไปเป็นพิเศษ
เพื่อดูแลทั้งเรื่องการนำทาง ความปลอดภัย ให้ข้อมูล
และอำนายความสะดวกให้แก่ทีมงาน
..............................................................................................................
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากทางรายการเนวิเกเตอร์กระทำการถูกต้องเรียบร้อย
ตามระเบียบการเข้าพื้นที่อนุรักษ์ ก็ควรนำหลักฐานมาแสดงเพื่อชี้แจง
คือ เอกสารอนุญาตจากกรมฯ แจกแจงรายละเอียดการขอเข้าไปถ่ายทำในพื้นที่
ในวันเวลาดังกล่าว (อันที่เอาไปยื่นให้จนท.ภูเขียว ดูนั่นแหละค่ะ)
และหากจะตรวจสอบกันต่อไป เทปรายการครั้งนี้ทั้งหมด
(รวมทั้งอันที่ตัดต่อจะนำมาฉายวันนี้)
ก็ควรเอามาแสดงกันว่าทีมงานได้ขึ้นไปภูคิ้งจริงหรือไม่
ส่วนเรื่องหลักฐานอื่นๆ เราควรอย่าลืมว่า
ในความเป็นจริง ทางชัยภูมินั้นก็จะปรากฏ พยานบุคคลที่เป็นไกด์นำทางทีมรายการเนวิเกเตอร์ขึ้นภูด้วยค่ะ (ส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่และชาวบ้านเหล่านี้รู้จักชื่อ
และหน้าตากันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว บางคนอาจเป็นญาติกันด้วยซ้ำ)
เรื่องการนำทางให้แก่ดารามักเป็นที่รู้กันในหมู่ไกด์
หรือพูดคุยกว้างขวางในหมู่บ้าน จึงไม่น่าแปลกหากเขตฯภูเขียวจะได้รับทราบ
และยื่นหนังสือระงับมาทางสถานีไว้ก่อน
ชื่นชมการนำเสนอรายการดีๆอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างนี้
แต่ก็อยากให้ดำเนินการตามขั้นตอนอันเหมาะสมด้วยเช่นกันค่ะ
ทุกคนจริงใจ ก็ควรตรงไปตรงมา ไม่ลักไก่
ทุกวันนี้ ...ขนาดเหล่าคนทำงานวิจัยอนุรักษ์ธรรมชาติเต็มตัว
ก็ยังต้องขออนุญาตเข้าพื้นที่อย่างละเอียดกว่านี้มากๆค่ะ
.
.
.
ส่วนเราก็ปูเสื่อรอดูเรื่องราวต่อไป ด้วยความเคารพกับทุกฝ่ายค่ะ
ขออภัยหากยาวมากกกกกก...นะคะ