 |
++จับตา อนาคต "เวิ้งนาครเขษม" ชุมชนหรือทุนจีนจะได้ไป++
|
 |
พอดีอ่านเจอข่าวนี้ในไทยรัฐออนไลน์ เห็นแล้วคิดถึงอดีตสมัยเรียนที่ต้องเดินผ่านไปมาเวิ้งนี้ 5 ปีเต็มๆ
++++++++++++
กู๊ดบายประวัติศาสตร์ ทุนนิยมโกยเงิน แปลงร่าง'เวิ้งนาครเขษม'
กลายเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทยไปทันที หลังจากที่มีการประเมินราคาที่ดินเวิ้งนาครเขษมขายให้กับเอกชน เพื่อนำไปสร้างเป็นศูนย์การค้าขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ด้าน อ.วิศิษฐ์ เตชะเกษม ซินแสชื่อดัง และชาวเวิ้งนาครเขษม สู้ราคา หวังซื้อตัดหน้าก่อนนายทุน เพื่อรักษาและพัฒนาเวิ้งให้เหมือนเดิม ก่อนถูกรื้อจนไม่เหลือประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี
เกือบ 100 ปีที่พื้นที่เวิ้งนาครเกษมนั้น ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมของความ เจริญ ความบันเทิง การค้าขายในยุคที่เมืองไทยกำลังรับความศิวิไลซ์ เข้ามาในประเทศช่วงแรก เวิ้งนาครเขษมจึงเปรียบเสมือนพื้นที่ ประวัติศาสตร์อีก 1 แห่ง ที่สามารถบอกเล่าอดีตของชุมชน เชื้อชาติ และประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี แต่บทบาทของเวิ้งนาครเขษมที่เคย เป็น กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นศูนย์การค้าขายส่งขนาดใหญ่ เฉกเช่นคลองถม ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน มาซื้อขายของละเมิด ลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย ซึ่งเหมือนเป็นการละลายประวัติศาสตร์อย่าง ไม่มีชิ้นดี
เวิ้งนาครเขษม นอกจากจะมีความผูกพันต่อชาวเวิ้งมาหลายรุ่น เป็นที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้คนในชุมชนจนมีหลักปักฐานถึงทุกวันนี้ ได้แล้ว ก็ยังมีเรื่องราว เรื่องเล่า มีคุณค่าทางจิตใจ
แต่ตอนนี้เวิ้งนาครเกษมกำลังถูกนำไปตีราคาเพื่อขายให้กับนายทุน เพืื่อรื้อถอนอาคารในพื้นที่เวิ้งนาครเกษมให้กลายเป็นศูนย์ขายส่งแห่ง ใหม่เหมือนกับคลองถม โดยตีราคาขั้นต้นของเวิ้งที่ 4,700 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นทำให้ชาวเวิ้งกว่า 440 หลังคา เรือนออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เพื่อรักษาสภาพของพื้นที่นี้ ให้เป็นเหมือนเดิม โดยรวมตัวกันยื่นเสนอราคาประเมินพื้นที่ถึง 4,800 ล้านบาท เพื่อรักษาเวิ้งนาครเขษมไว้เหมือนเดิม
"ตอนแรกเลยคือทางสำนักงานบริพัตรเขาจะเสนอขายที่ดินแปลงนี้ ให้กับเอกชนเข้ามาประมูล โดยตั้งราคาเริ่มต้นที่ 4,700 ล้านบาท ซึ่งก็มีเอกชนหลายแห่ง ที่มีเงินทุนจากประเทศจีนเข้ามาเสนอราคา และมีแนวโน้มว่าเขาจะรื้อเวิ้งออกหมด เพื่อสร้างเป็นศูนย์การค้า แผงให้เช่าแบบคลองถม ชาวเวิ้งเลยเห็นว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็อยากจะซื้อมาไว้เองดีกว่า ตอนนี้ก็รวบรวมกันซื้อประมาณ 97% แล้ว เราก็จะไปยื่นเอกสารที่สำนักงานบริพัตร เพื่อยื่นเสนอเงื่อนไข การชำระเงินจำนวน 4,800 ล้านบาท มากกว่าราคาที่ทางสำนักงานตั้ง ไว้ตอนแรก"
ตอนนี้ทางชาวเวิ้งเสนอราคาที่มากกว่าไปแล้ว แต่ทางบริพัตรขอยืด เวลาต่อไปก่อน ซึ่งทุกครั้งที่ยืดเวลา ราคาที่ดินก็ขึ้นเดือนละ 500 ล้าน บาท ทำให้มูลค่าของเวิ้งเป็น 5,500 ล้านบาทแล้ว และอาจมีเอกชน ปั่นราคาสูงมากกว่านั้นถึง 6,000 ล้านบาท เพราะมีเงินทุนหนาจาก ประเทศจีน ซึ่งเขาต้องการที่นี้อยู่แล้ว
ตอนนี้ถือว่าเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทยแล้วขณะนี้ เพราะมันเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพมาก อยู่ในเขตไชน่าทาวน์ อีกทั้งยังมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในย่านนั้น สามารถสร้างศูนย์การค้าขายส่งที่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้ ในส่วของชาวเวิ้งเอง ถ้าสามารถซื้อกลับ คืนมาได้ในราคา 4,800 ล้านบาทตามที่เสนอไป เราก็จะปรับปรุงเวิ้งให้ ดีกว่าเดิม ทั้งเรื่องทัศนียภาพ สายลงดิน ทำโครงสร้างให้แข็งแรงมี หลังคาคลุมให้คนที่มาเดินสบายขึ้น รวมถึงการสร้างอาคารจอดรถรวม เพราะตอนนี้เวิ้งไม่มีที่จอดรถ ต่อมาก็จะพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัย เพราะที่นี่ มันเป็นประวัติศาสตร์ ลูกหลานชาวเวิ้งทุกคนเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากที่ นี่มาทั้งนั้น
แต่ก่อนหน้าที่เราไม่ได้พัฒนาก็เพราะเราเหลือสัญญาเช่าแค่ปีเดียว เลยไม่กล้าทำอะไร แต่ถ้าซื้อได้มาเป็นของเราเองก็จะทำอย่างที่บอก
ซึ่งถ้ามองในหลักทางเศรษฐศาสตร์ ที่นี่สร้างอาคารได้ 178,000 ตาราง เมตร ทำให้มีมูลค่าทางอาคาร 16,000-20,000 ล้านขึ้นไป ยังไงถ้าเขา ทำจริงๆ 4-5 ปีก็มีกำไรแล้ว แต่เขาทำได้ก็ไม่ได้ดูแลรักษาอะไร ได้กำไร เขาก็ไป และขายทิ้งต่ออีก มีนายทุนคนใหม่ เขาไม่สามารถรักษาจิต วิญญาณที่มีอยู่เดิมได้ ซึ่งผมเชื่อว่าเงินทุนที่จะเข้ามาซื้อเป็นของต่าง ชาติ ส่วนถ้าได้ไปจะเป็นชื่อของใครก็ต้องดูที่ผู้ถือหุ้น เท่าที่ทราบก็คือ ของจีน แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการถูกรื้อจนประวัติศาสตร์หายไปหมด"
เวิ้งนาครเขษมจะยังคงสภาพเดิมหรือไม่นั้น อีกไม่นานก็คงได้ข้อสรุป
+++++++++++++++++++++
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่...แหะๆๆ ของไทยรัฐมัน copy มาวางลำบากง่ะ http://www.thairath.co.th/content/life/189296
จากคุณ |
:
เสียงลมหนาว
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ค. 54 11:18:15
|
|
|
|  |