|
ข้อมูลค่ะ
การขนส่งสินค้าทางอากาศ (AIR FREIGHT) การขนส่งสินค้าโดยทางอากาศเป็นการขนส่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ประเทศต่าง ๆ มีการพัฒนาสนามบินพาณิชย์ให้ทันสมัยและเพียงพอกับความต้องการ บริษัทสร้างเครื่องบินมีการสร้างเครื่องบินซึ่งมีขนาดใหญ่และสมรรถภาพในการบินสูง สามารถบรรจุสินค้าและบรรทุกผู้โดยสารได้มากขึ้น มีเครื่องมือในการขนส่งอันทันสมัย ครบครัน นอกจากนี้ยังมีการขยายและปรับปรุงบริเวณคลังสินค้าที่ท่าอากาศยาน ให้กว้างขวางทันสมัย เพื่อการขนส่งสินค้าดำเนินไปอย่างสะดวกและรวดเร็วจากผู้ส่ง ที่เมืองต้นทางไปยังเมืองผู้รับปลายทาง บทบาทของการขนส่งทางอากาศกับการค้าระหว่างประเทศ คุณลักษณะที่สำคัญของการขนส่งสินค้าทางอากาศ คือ 1. ความรวดเร็ว การส่งสินค้าทางอากาศนับว่ามีความรวดเร็วที่สุด 2. ความแน่นอน มีตารางการบินที่แน่นอน สม่ำเสมอและตรงต่อเวลา
จากคุณลักษณะดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกโดยตรง คือ
1.ช่วยให้การติดต่อค้าขายระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างรวดเร็ว 2.ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกสามารถลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นการสร้างโกดังเพื่อเก็บสินค้าที่จะ นำเข้า-ส่งออก 3.ช่วยให้สินค้าแบบหรือรุ่นใหม่โดยเฉพาะสินค้าประเภทแฟชั่นส่งไปถึงตลาดในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้พร้อมกัน 4.การบรรจุหีบห่อสำหรับสินค้าทั่วไปที่ส่งทางอากาศมักเป็นแบบง่าย ๆ ช่วยทำให้ ประหยัดวัสดุและค่าขนส่ง 5.ถ้าความนิยมในตลาดต่างประเทศเปลี่ยนแปลงไป ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกสามารถปรับตัว ให้ทันต่อสถานการณ์ของตลาดได้ทันที โดยเฉพาะตลาดที่มีการแข่งขันมาก 6.การขนส่งสินค้าทางอากาศสามารถดำเนินการด้านเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ในการ ขนถ่ายสินค้าจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง
กรณีใดควรใช้การขนส่งทางอากาศ การตัดสินใจเลือกประเภทการขนส่งมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ 1.ลักษณะของสินค้า -เสื่อมสภาพได้ง่าย (เช่น ผักสด ผลไม้สด ดอกไม้) -สมัยนิยม (เช่น แฟชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูป) -เร่งด่วน -มูลค่าสูง 2.ลักษณะของความต้องการ -อยู่ในระหว่างภาวะฉุกเฉิน (เช่น อาวุธสงคราม ยารักษาโรค) -กำลังทดลองตลาด -เป็นฤดูกาล (เช่น ผลไม้) 3.ลักษณะของตลาด -เช่นในประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล การขนส่งด้วยวิธีอื่นอาจไม่ทันต่อเหตุการณ์ ผู้ที่มีบทบาทในการขนส่งสินค้าทางอากาศ 1.ผู้ส่งสินค้าผู้ส่งสินค้าหรือ Shipper หมายถึง ผู้ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในเอกสารกำกับ สินค้า หรือ Air Waybill ที่จะทำการ หรือร่วมทำการขนส่งสินค้าภายใต้เงื่อนไขใน Air Waybill 2.บริษัทการบิน บริษัทการบิน หรือ Carrier หมายถึงบริษัทการบินต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้ง บริษัทการบินที่ออกเอกสารกำกับสินค้า Air Waybill ที่จะทำการหรือร่วมทำการขนส่ง สินค้าภายใต้เงื่อนไขใน Air Waybill 3.ผู้รับสินค้า ผู้รับสินค้า หรือ Consignee หมายถึงผู้ที่มีนามระบุอยู่ใน Air Waybill ซึ่งบริษัทการบินจะต้องส่งมอบสินค้าให้เมื่อถึงเมืองปลายทางตามที่ระบุไว้ 4.บริษัทตัวแทน บริษัทตัวแทน หรือ IATA CARGO AGENT หมายถึงบริษัทที่ได้ รับรองจากสมาคมการขนส่งทางอากาศและแต่งตั้ง โดยบริษัทการบินให้ดำเนินการรับ และออกเอกสารกำกับสินค้า Air Waybill พร้อมทั้งเก็บค่าขนส่งที่เกี่ยวข้องในนามของ บริษัทการบิน 5.ศุลกากร (Customs) ใบตราส่ง/ใบกำกับสินค้า Airway Bill เป็นเอกสารกำกับสินค้าโดยมีหลักฐานในการขนส่งสินค้าที่ทำขึ้นในลักษณะของ สัญญา การขนส่งสินค้าระหว่างผู้ส่งออกกับผู้ทำการขนส่งโดยมีผู้รับสินค้าเป็นบุคคล ที่สามที่ทำให้สัญญาการขนส่งสมบูรณ์ สัญญานี้จะครอบคลุมตั้งแต่จุดรับมอบสินค้า ณ สนามบินต้นทางจนถึงจุดส่งมอบสินค้าปลายทางของสินค้าทุกประเภท
การคิดค่าระวางในการขนส่งทางอากาศ ค่าระวาง คือค่าขนส่งสินค้าที่ผู้ส่งหรือผู้รับสินค้าจะต้องชำระก่อนที่จะส่งสินค้า อัตราค่าขนส่งสินค้าทางอากาศแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้ 1.Minimum Chare/อัตราขั้นต่ำ หมายถึง ถ้าผลลัพธ์ของค่าระวางต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำ ต้องใช้อัตราขั้นต่ำในการคิดค่าระวาง 2.General Cargo Rates หมายถึง อัตราค่าระวางสินค้าทั่วไป แบ่งเป็น 2 ประเภท 2.1 อัตราปกติ Normal Rates เป็นอัตราค่าระวางของสินค้าที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 45 กก. แต่ค่าระวางสูงกว่าอัตราขั้นต่ำ 2.2 อัตราตามจำนวนน้ำหนัก Quantity Rates เป็นอัตราค่าระวางสำหรับสินค้าที่มี น้ำหนักสูงกว่า 45 กก. ขึ้นไปตามจำนวนน้ำหนัก Q45,Q100,Q250 ตัวอย่าง อัตราค่าระวางสินค้าทั่วไป กรุงเทพฯ-ฮ่องกง อัตราขั้นต่ำ 700.00 บาท อัตราปกติ 53.00 บาท/ก.ก. อัตรา ต่อน้ำหนัก 40.00 บาท/ก.ก. 3. Class Rate หมายถึง อัตราค่าระวางสำหรับสินค้าบางประเภท ที่กำหนดไว้สำหรับ สินค้าบางประเภท ซึ่งอาจจะถูกกว่าอัตราค่าระวางสำหรับสินค้าทั่วไป แล้วแต่ข้อตกลง ของสมาคมการบินระหว่างประเทศและรัฐบาลของสายการบิน อัตราค่าระวางประเภทนี้ จะกำหนดให้เพิ่มหรือลดเป็นอัตราร้อยละเท่าใดของอัตราปกติ เช่น สัตว์มีชีวิต ของมีค่า สิ่งพิมพ์ กระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารส่งแบบสินค้า ศพมนุษย์ เป็นต้น ตัวอย่าง อัตราค่าระวางสำหรับสินค้าบางประเภท กรุงเทพฯ ฮ่องกง สัตว์มีชีวิต/ลิง 53.00 บาท / ก.ก. ของมีค่า/ทองคำ 106.00 บาท / ก.ก. สิ่งพิมพ์ 26.50 บาท / ก.ก.
4. Specific Commodity Rate หมายถึง อัตราค่าระวางสำหรับสินค้าทีกำหนดเป็นพิเศษ เป็นอัตราค่าระวางที่กำหนดเป็นพิเศษ สำหรับสินค้าที่มีการส่งออกเป็นประจำ ครั้งละมาก ๆ ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมการส่งออกของประเทศ อัตราค่าระวางประเภทนี้จะมีการกำหนดเป็น หมวดหมู่มีหมายเลขกำกับประเภทของสินค้า จำนวนน้ำหนักขั้นต่ำของการส่งออกแต่ละครั้ง ซึ่งจะถูกกว่าอัตราค่าระวางประเภทอื่นเท่าใดนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่าง รัฐบาลของสายการบินของประเทศที่เกี่ยวข้องและสมาคมการบินระหว่างประเทศ (IATA) ตัวอย่าง อัตราค่าระวางสำหรับสินค้าที่มีการกำหนดเป็นพิเศษ กรุงเทพฯ ฮ่องกง ประเภทสินค้า น้ำหนักขั้นต่อ อัตราค่าระวาง อาหาร( 006) 100 22 บาท / กก. ทุเรียน ลำไย( 007) 100 ,250 22 ,18 บาท / กก. การคำนวณค่าระวาง การคำนวณค่าระวางทางการบรรทุกเป็นไปได้ 2 ลักษณะ 1. คิดจากน้ำหนักรวมที่ชั่งได้ (Gross Weight) 2. คิดจากน้ำหนักปริมาตร (Volume Weight) สูตรการคิดค่าระวาง อัตราค่าระวาง X น้ำหนักสินค้า (ที่ได้จากการเปรียบเทียบ) การคิดค่าระวางต้องนำผล การคำนวณน้ำหนักทั้งสองมากเปรียบเทียบกันแล้วนำน้ำหนักที่ได้จากการเปรียบเทียบ สูงสุดมาคูณกับอัตราค่าระวาง
เครดิตเว็บ pandpbiz
จากคุณ |
:
น้ำและลม
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 54 23:36:08
|
|
|
|
|