|
"แอร์พอร์ต ลิงก์"ระส่ำ ขาดเงิน-อะไหล่ซ่อม คาดไม่เกิน 2 เดือนอาจหยุดวิ่ง [ย้ายจาก : ]
|
|
"แอร์พอร์ต ลิงก์" ระส่ำ ขาดเงิน-อะไหล่ซ่อม ขอทุนหมุนเวียน 2,000 ล้านบาท ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ได้แค่ 140 ล้าน ระบุผู้บริหาร รฟท.แจ้ง'คลัง'เงินส่วนที่เหลือ โดนปัด คาดไม่เกิน 2 เดือนอาจหยุดวิ่ง เร่ง' ปธ.บอร์ด' รฟท.-รบ.ใหม่แก้ไข ขณะที่ประชาชนด่าขรมการจัดการด้านบริการแย่
แหล่งข่าวจากกระทรวง คมนาคมเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมว่า โครงการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานกรุงเทพมหานคร (แอร์พอร์ต เรล ลิงก์) เปิดให้บริการเต็มรูปแบบวันแรกเมื่อ วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2553 เป็นต้นมาจน ถึงขณะนี้เกือบจะครบหนึ่งเต็ม แต่ปรากฏว่าปัญหาต่างๆ ได้เกิดขึ้นตามมาอย่างมากมายโดยเฉพาะเงินทุนหมุนไม่มีทำให้ขาดสภาพคล่อง
แหล่ง ข่าวระบุว่า ในการตรวจสอบด้านบริหารจัดการภายในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และเป็นบริษัทดูแลโครงการดังกล่าวพบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยที่ ผ่านมา บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จะต้องได้รับ เงินในวงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท ล่าสุด เมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับงบฯมาเพียง 140 ล้านบาท
แหล่งข่าวระบุว่า เงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1,860 ล้านบาทนั้น ทางนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทหารือกับกระทรวงการคลังมาโดยตลอด แต่ได้รับการปฏิเสธ กระทรวงการคลังอ้างว่าจะต้องพิจารณาผลการดำเนินการก่อนที่จะอนุมัติวงเงิน ให้
"ก่อนหน้านี้วงเงินที่จะมาใช้ภายในบริษัท ต้องผ่านทางสถาบันศศินทร์ ผู้รับช่วงดำเนินงานทำให้ขาดความคล่องตัว และสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้สถาบันศศินทร์จะหมดสัญญา งานต่างๆ ต้องโอนเข้าไปยัง ร.ฟ.ท. ทำให้เกรงว่าการทำงานของโครงการนี้อาจจะขาดความคล่องตัวเหมือนกับการบริหาร งานใน ร.ฟ.ท.ที่ยังมีความล่าช้าและอาจจะถูกมองว่ามีความไม่โปร่งใส" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุว่า ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหามีอยู่ 4 ประการคือ 1. อัตรากำลังไม่เพียงพอ เพราะที่ผ่านมาพนักงานลาออกไปประมาณ 80-90 คน และยังไม่รับพนักงานเพิ่ม เนื่องจากไม่มีความมั่นใจถึงความมั่นคงของการทำงานในอนาคต 2. ขาดงบประมาณสนับสนุน 3. การบริหารจัดการที่ไม่มีความสามารถและไม่มีระเบียบวิธีปฏิบัติเป็นของตัวเองในการรองรับการปฏิบัติหน้าที่ 4. ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนอะไหล่สำรองและอะไหล่สิ้นเปลืองต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับรถไฟฟ้า ส่งผลทำให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบากและไม่สามารถบำรุงรักษาได้เพียงพอ
แหล่งข่าวระบุว่า ตามหลักการทำงานจะต้องสำรองอะไหล่ต่างๆ ไว้ประมาณ 10% เผื่อกรณีฉุกเฉินที่อะไหล่บางส่วนชำรุดเสียหายจะเปลี่ยนซ่อมแซมได้ทันที แต่ไม่มีการสำรองเอาไว้เพราะไม่มีงบประมาณ ที่ผ่านมาหากอะไหล่ชิ้นไหนขาดจะดึงมาจากรถไฟฟ้าขบวนสำรองมาเปลี่ยนเพื่อให้ บริการได้ แต่หากขาดแคลนจริงๆ จะทำเรื่องเสนอไปทาง ร.ฟ.ท. ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 เดือนกว่า
"หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเกิดผล กระทบ ต่อการให้บริการของแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เพราะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าคือการนำอะไหล่ในรถไฟฟ้าอีกคันมาเปลี่ยนกับรถ ไฟฟ้าที่จะให้บริการ แต่หากเสียหายพร้อมกันรถไฟฟ้าไม่สามารถให้บริการได้ หากไม่เร่ง แก้ปัญหาคาดว่าภายในระยะเวลา 1-2 เดือนโครงการนี้อาจต้องหยุดให้บริการเพราะกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เรื่องความปลอดภัยในการให้บริการนั้น ได้มีคณะวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ (Independence Consultant Engineering) เป็นผู้ประเมินการทำงานตั้งแต่เปิดให้บริการ และเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ คณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัทไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เรื่องนี้จะต้องรอให้ผู้บริหารของ ร.ฟ.ท.เป็นผู้พิจารณา
"ขณะนี้ พนักงานในบริษัทกว่า 400 คน ขาดความมั่นใจในการทำงาน เพราะสวัสดิ การต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะมีให้กลับไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ก่อนที่จะตั้ง บริษัท พนักงานเตรียมทำหนังสือไปยังนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธาน บอร์ด ร.ฟ.ท. และพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่าง เร่งด่วน" แหล่งข่าวระบุ
ทางด้านประชาชนที่ใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ เป็นประจำแสดงความเห็นถึงการให้บริการโครงการดังกล่าว ส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ว่าการให้บริการยังมีประสิทธิภาพต่ำมาก ขาดการจัดระบบที่ดี ไม่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน
น.ส.วัชรีพร พัฒนธัญญา หนึ่งประชาชน ผู้ใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวว่า อยาก พูดเรื่องนี้มานาน ในฐานะประชาชนที่ใช้บริการทุกวันเคยร่างประเด็นปัญหาแอร์พอร์ตลิงก์เอาไว้ ดังนี้ 1. สถานีกว้างขว้างมากแทบตั้งวงตะกร้อได้ แต่ไม่มีเก้าอี้ให้ผู้โดยสารนั่ง สมควรมีเก้าอี้บริเวณก่อนเข้าชานชาลา เพราะบางทีฝนตกหนักหรือรถไฟหยุดวิ่ง 2. ที่สถานีรามคำแหงบนชานชาลามีเทปกั้นช่องว่างระหว่างแผงกั้นชานชาลา เพราะช่องกว้างเกินไป เข้าใจว่ากลัวเด็กจะตกลงไป แต่แก้ปัญหาชุ่ยมาก เสียเงินสร้างสถานีใหญ่โต แต่ช่องว่างเล็กๆ กลับเอาเทปมากั้น 3. สถานีพญาไทเป็นสถานีต้นทางและปลายทาง แต่ไม่จัดการ บนชานชาลาร้อนมาก และควรมีพื้นที่ให้คนเดินมากกว่านี้ ในช่วงเช้าและเย็น ผู้โดยสารแบกกระเป๋าใหญ่โตพะรุงพะรังขณะที่ข้างนอกยืนต่อแถวรอขึ้นรถแทบจะ เต็มชานชาลา 4. ส่วนรับรองพิเศษของขบวนพญาไทเอ็กซ์เพรสทำได้ตลกมาก แค่เอาเทปมากั้น เอากระถางต้นไม้และพัดลมมาตั้ง โซฟามาวางทำเหมือนจัดงานโรงเรียน คนคิดขาดรสนิยมอย่างแรง ลงทุนสร้างเป็นหมื่นล้านควรให้นักออกแบบตกแต่งภายใน 5. ระบบกั้นทางเข้าออกที่ต้องหยอดเหรียญห่วย ดีเลย์ตลอด 6. ตู้ขายตั๋ว ติดตั้งไว้เยอะๆ ใช้งานไม่ได้ เมื่อใช้งานไม่ได้ไม่ควรเสียบปลั๊กให้ขึ้นจอแดง ถ้าเหรียญหมดตู้แล้วทำไมไม่มาเติม 7. รถวิ่งมาใกล้จะถึงสถานีหัวหมากแล้วทำไมแอร์มันไม่เย็นบ่อยมาก จะตัดแอร์ประหยัดพลังงานหรืออย่างไร ประหยัดพลังงานเป็นเรื่องดี แต่คนยืนแน่นเต็มขบวนช่วงเย็นจนหายใจอึดอัด 8. บัตรสมาร์ทการ์ดเสียและเกิดซ้ำอีกกับเจ้าของคนเดิม รอบแรกพนักงานแจ้งว่าแถบแม่เหล็กของเอทีเอ็มไปลบข้อมูล แต่เมื่อซื้อบัตรใหม่แล้วเปลี่ยนช่องเก็บไม่ให้โดนเอทีเอ็ม บัตรเครดิต คีย์การ์ด ยังเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้น อีก 9. เสียงเปิดปิดรถไฟฟ้าสายซิตี้ไลน์ทำไมถึงดังขนาดนี้ เวลาเปิดปิดแต่ละครั้งสะดุ้งตื่นกันแทบทุกคน มีวิธีทำให้เสียงดังลดน้อยลงกว่านี้ได้หรือไม่ 10. ผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีมักกะสันจะ ต้องแบกลากประเป๋าข้ามถนน และทางรถไฟ เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ หากเร่งแก้ไขทางเชื่อมต่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จะช่วยให้คนใช้บริการที่สถานีมักกะสันเพิ่มมากขึ้น
ที่มา: มติชนรายวัน
แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 12:56:56
จากคุณ |
:
ProTony
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 54 12:07:20
|
|
|
| |