ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีคะพี่น้อย ทีมของตึก confirm แล้วนะคะ ว่าจะออกสำรวจวันที่ 6-10 มิ.ย. คะ พี่น้อยและพี่จ๋อม อย่าลืมมาตามนัดนะคะ แล้วเจอกันคะ ตึกคะ สองสายได้รับการเชิญชวนข้างต้น จาก น้องตึก...ดร.กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง ชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยทรัพยากรประมงชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสาคร (ที่พวกเราชาว SOS รู้จักกันดีในนาม "แม่หมูน้ำ" สมาชิก SOS รุ่นแรกๆ) ให้ไปเฝ้าติดตามวาฬแกลบหรือบรูด้า (Bryde's Whale) ฝูงหนึ่ง ที่เข้ามาหากิน อยู่ในบริเวณท้องทะเลนอกชายฝั่ง จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี โดยร่วมไปกับทีมนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลทีมงานของน้องต ึกอีกหลายท่าน ที่จะออกทำการสำรวจในระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน 2554 สองสายตอบรับคำเชิญของน้องตึกด้วยความยินดี...แต่ด้ว ยภาระกิจที่มีมากมาย เราจึงขอน้องตึกเดินทางไปร่วมสำรวจวาฬบรูดร้าด้วยเพี ยงวันอังคารที่ 7 มิถุนายน นี้ เพียงวันเดียวเท่านั้น เช้าวันนัด...เราก็ออกจากกรุงทพฯแต่เช้า หลังจากแวะซื้ออาหารและขนมนมเนย ที่ปั๊มน้ำมันแถวแสมดำ เราก็รีบตรงดิ่งไปที่ท่าเรือบ้านบางตะบูนที่ได้นัดหม ายไว้กับน้องหนึ่ง ผู้ช่วยน้องตึกซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการสำรวจครั้งนี้ โดยใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมืองของรพช. เส้นทาง คลองโคน-บางตะบูน-บ้านแหลม แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 19:22:37 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:21:35

ความคิดเห็นที่ 2 รถตู้เก่าๆของเราวิ่งออกจากถนนพระราม 2 เลี้ยวซ้ายตรงปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านบางโคน เข้าสู่ถนนสองเลนเล็กๆที่คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามป่าชาย เลน บ่อกุ้ง นาเกลือ และบ้านเรือนผู้คนที่อยู่กันห่างๆ ไม่นานนัก...เราก็ถึงสะพานข้ามลำน้ำบางตะบูน น้องหนึ่งบอกเราว่าไม่ต้องข้ามสะพาน แต่ให้เราเลี้ยวลงถนนก่อนถึงสะพาน แล้วก็จะถึงบ้าน "ไต๋จำรูญ"  เจ้าของและกัปตันเรือที่เราจะใช้ออกไปสำรวจวาฬบรูด้า แต่ถนนแยกนั้นมองแทบไม่ออกว่าเป็นถนน คุณสายน้ำจึงขับรถผ่านขึ้นสะพานไป และกว่าจะรู้ตัวว่าหลง รถก็ถึงกลางสะพานซะแล้ว คุณสายน้ำต้องแล่นไปหาที่กลับรถที่ปลายสะพานอีกข้างหนึ่ง แล้วย้อนกลับข้ามสะพานแล้วเลี้ยวเข้าบ้านไต๋จำรูญที่ อยู่ติดลำน้ำข้างสะพานนั่นเอง จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:24:25

ความคิดเห็นที่ 3 ที่บ้านไต๋จำรูญ.... น้องตึกและคณะคอยเราอยู่แล้ว หลังจากทักทายและทำความรู้จักกันด้วยความยินดี ก็ถึงเวลาขนของลงเรือๆเล็กสีส้มสะอาดเอี่ยม ของไต๋จำรูญ ที่จอดเทียบท่าอยู่แล้ว เรือเริ่มแล่นออกจากท่าสู่อ่าวบางตะบูน ท่ามกลางบรรยากาศที่สดใส แสงแดดแผดจ้า ลมรำเพยมาเอื่อยๆ ลำน้ำบางตะบูนมีริ้วคลื่นเล็กๆวิ่งไล่กันอยู่ข้างเรือ ข้างร่องน้ำปักเสาแสดงอาณาเขตของผู้ได้รับอนุญาตจากกรมประมง ให้ทำมาหากินเลี้ยงหอยแมงภู่ หอยแครง เลี้ยงปลา หรือทำโพงพางจับปลา.... บ้านพักกลางทะเล หรือ "กระเตง" ปลูกอยู่ในเขตรั้วเหล่านั้น ตลอดเส้นทางที่เราผ่านไป...เห็นแล้วก็อยากจะขึ้นไปนอ นเล่นสงบๆสักคืนสองคืน... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:26:41

ความคิดเห็นที่ 4 ตำบลบางตะบูน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี สำหรับชื่อของตำบลบางตะบูนไม่ปรากฏแน่ชัดว่า ตำบลบางตะบูนเป็นมาอย่างไร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะตั้งชื่อตามไม้ชายเลนชนิดหนึ่ง ชื่อ "ต้นตะบูน" ซึ่งมีอยู่ในบริเวณที่ตั้งตำบล ชาวบ้านจึงใช้ชื่อต้นไม้เป็นชื่อของตำบลเรื่อยมาว่า "ตำบลบางตะบูน" ตำบลบางตะบูนในอดีตขึ้นอยู่กับอำเภอเขาย้อย ต่อมา พ.ศ. 2481จึงได้มาขึ้นตรงกับอำเภอบ้านแหลม และมีคนปกครองคือ ท่านขุนตะบูน บางตะบูนอยู่ห่างจากอำเภอเมืองเพชรบุรีไปทางทิศเหนือ ประมาณ 14 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3176 หรือสายเพชรบุรี-บางตะบูนฝั่งตะวันตก โดยมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ใกล้เคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลบ้านแหลม ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อ่าวไทย ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลบางครก ขอบคุณข้อมูลจาก....http://th.wikipedia.org จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:29:33

ความคิดเห็นที่ 5 ชาวบ้านและชาวเมืองออกเรือมาเย่อปลากันสนุกสนาน..... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:30:34

ความคิดเห็นที่ 6 โพงพางจับปลา...ภูมิปัญญาชาวบ้าน จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:31:59

ความคิดเห็นที่ 7 สมาชิกที่ร่วมลงเรือไต๋จำรูญ คือ น้องตึก น้องหนึ่ง น้องสุรชัย น้องตอง น้องตู่ น้องเต่า และสองสาย ก็นั่งกันเรียบร้อย ชมนกชมไม้สองฝั่งน้ำกันอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:34:13

ความคิดเห็นที่ 8 ออกเรือไปได้สักพัก...น้องตึกก็หยิบแฟ้มประวัติของวาฬบรูด้าแต่ละตัวที่ได้พบในอ่าวไทย รูปตัว ก. ในเขตจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ เพชรบุรี มาอธิบายให้ฟัง ว่าวาฬแต่ละตัวชื่ออะไร มีลักษณะอย่างไร มีการพบกี่ครั้ง วันเวลาเท่าไร พฤติกรรมแต่ละครั้งที่ได้เห็นเป็นอย่างไร...ฯลฯ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:37:40

ความคิดเห็นที่ 9 หากยังไม่ทราบว่าวาฬเป็นเพศอะไร...ก็จะเรียกว่า "เจ้า" ไว้ก่อน เช่น เจ้าบันเทิง เจ้าจ๊ะเอ๋ เจ้ายิ้มหวาน ฯลฯ แต่ถ้าเห็นว่ามากับลูก ก็จะเรียกว่า "แม่" เช่น "แม่ข้าวเหนียว" และ ลูกชื่อ "เจ้าส้มตำ" ซึ่งเพิ่งได้เห็นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นี้ ขณะพาท่านอธิบดีกรมทรัพยกรทางทะเลและชายฝั่ง มาชมและท่านก็ตั้งชื่อให้ เป็นต้น สายชลฟังแล้วก็ยิ้มไป และได้แต่หวังจะได้เห็นทั้ง "เจ้า" และ "แม่" ทั้งหลาย ที่ได้เห็นภาพและทราบประวัติมาจากน้องตึก.... เพี้ยง....ขอให้ได้เห็นวาฬหลายๆตัวด้วยเถิด.....เจ้า ประคุ๊ณ.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:45:27

ความคิดเห็นที่ 10 เรือเริ่มแล่นพ้นปากแม่น้ำบางตะบูน เข้าสู่ทะเลอ่าวไทย....เสาไม้ โพงพาง และกระเตง เริ่มหายไปจากสายตา ริ้วน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นคลื่นน้อยๆ กระแทกเข้าใส่เรือเบาๆ แต่ก็เล่นเอาน้ำกระเด็นเป็นฝอยเล็กๆเข้ามาในเรือ ให้เราต้องรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋า น้องตึกบอกว่า...เมื่อวานได้เห็นวาฬบรูด้าตัวแรกแถวๆ ริมรั้วไม้เลี้ยงหอยด้านนอกสุดนี่เอง ว่าแล้วน้องตึกก็ออกไปนั่งที่หัวเรือ สอดส่ายสายตาไปในทะเลที่วาฬโผล่มาให้เห็นเมื่อวานนี้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:46:35

ความคิดเห็นที่ 11 สายชลนั่งมองน้องตึกที่นั่งอยู่หัวเรือ แล้วก็ได้แต่นึกชื่นชม ในความน่ารักและความเก่งของดอกเตอร์สาวจาก มหาวิทยาลัยริวกิว ประเทศญี่ปุ่น ผู้ชำนาญการด้านสัตว์ทะเลหายาก ทั้งพะยูน โลมา และ วาฬ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551...น้องตึก ซึ่งขณะนั้นกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้ส่งเรื่อง "การพบวาฬกลุ่มบรูด้า (Bryde’s whale) ในน่านน้ำไทย" และ "การล่าหัวกะโหลกวาฬบรูด้า ตอนที่ 1 และ 2" มาให้คุณสายน้ำนำลงใน "ห้องสรรพชีวิตในท้องทะเล" ของ SOS ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีมาก มีผู้เข้าคลิ๊กอ่านมากมาย นับเป็นคุณูปการที่เป็นประโยขน์ต่อผู้อ่านมาก ในเรื่องเกี่ยวกับวาฬบรูด้า ที่น้องตึกได้เขียนขึ้นนั้น ทำให้เราได้ทราบว่า... "วาฬบรูด้า เป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในวงศ์บาลีนน็อบเทอริดี (Balaenopteridae) เป็นวาฬไม่มีฟันขนาดกลาง โดยมีซี่กรองที่เรียกว่าบาลีน (baleen plate) สำหรับกรองอาหารจำพวกลูกปลา หรือกุ้ง จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:48:01

ความคิดเห็นที่ 12 วาฬบรูด้าพบแพร่กระจายทั่วโลกในน่านน้ำเขตอบอุ่น เขตกึ่งร้อนและเขตร้อน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการศึกษาการแพร่กระจายประชากรข องวาฬกลุ่มบรูด้านี้ ได้พบว่ามีความแตกต่างกันในด้านของพันธุกรรมและสัณฐา นวิทยาของรูปร่างภายนอกและลักษณะของหัวกะโหลก ปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกันคือ วาฬอิดิไน (Balaenoptera edeni) ซึ่งเป็นชนิดที่เรารู้จักกันดีอยู่ก่อนแล้ว, วาฬบรูดิไอ (Balaenoptera brydei) และวาฬโอมูไร (Balaenoptera omurai) อิดิไน มีขนาดยาวลำตัวสูงสุด 13.7 เมตร อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียแ ละตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนบรูดิไอ มีขนาดใหญ่กว่ามีความยาวสูงสุด 14.6 เมตร พบแพร่กระจายทั่วโลก จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:49:29

ความคิดเห็นที่ 13 โอมูไร B. omurai มีขนาดเล็กที่สุดมีขนาดความยาวสูงสุด 12 เมตร (ในเรื่องของความยาวนี้ เอกสารแต่ละเล่มอาจให้ข้อมูลแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็จะอยู่ในระหว่างประมาณ 11-15 เมตร) ซึ่งตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ใช้ในการศึกษาได้มาจากด้านตะ วันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกและตะวันออกของมหาสมุทรอินเด ีย วาฬกลุ่มนี้มีน้ำหนักตัวสูงสุด 20-25 ตัน ตั้งท้องนานประมาณ 1 ปี ลูกแรกเกิดมีความยาวประมาณ 4 เมตร จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:50:43

ความคิดเห็นที่ 14 แม่หมูน้ำยังไม่มีรูปของ วาฬบรูดิไอ แต่โดยทั่วไปส่วนหัวจะมีสันตรงกลางเพียงสันเดียวเช่น เดียวกันกับวาฬโอมูไล วาฬบรูด้าในประเทศไทย เคยถูกแยกไว้เพียงชนิดเดียว คือ อิดีไน (B. edeni) แต่พวกเรานักวิจัยต่างก็มีข้อสงสัยตลอดเวลาว่าลักษณะ ของซี่โครงคู่แรกนั้นแตกต่างกันเป็น 2 แบบ คือ หัวเป็น 2 แฉก หรือเรียกว่า bifurcate rib ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่ซี่โครงคู่แรกที่อยู่ชิดกับกระ ดูกคอและส่วนหัวที่แม้ว่าตัวอย่างจะเน่าหรือขาดหายไป บางท่อน แต่กระดูกซี่โครงคู่แรกนี้มักจะยังติดอยู่กับซากเสมอ ๆ ทำให้เราระบุได้ง่ายในเบื้องต้นว่าเป็นวาฬชนิดอิดิไน และอีกส่วนที่เราตั้งข้อสังเกตคือจำนวนสันที่หัว เราจึงคาดว่ามันอาจเป็นข้อแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นได้ใ นสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ในส่วนของหัวกะโหลกนั้น เรายังไม่มีความรู้ละเอียด และยังไม่ได้มีการศึกษาเรื่อง DNA ในวาฬกลุ่มนี้ในเมืองไทย" "เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 นักวิจัยชาวญี่ปุ่น คือ Dr.Tadasu K. Yamada จาก National Museum of Science and Nature ได้นำทีมงานเข้ามาศึกษาวิจัยชนิดของวาฬบรูด้า จากลักษณะของหัวกะโหลกโครงกระดูกในประเทศไทย และ DNA ร่วมกับสถาบันฯ ภูเก็ต (ที่เราต้องออกตามล่าหัวกะโหลก ในเรื่องตอนที่ 1 และ 2) Dr.Yamada และ ทีมงานได้ทำการศึกษาวิจัยวาฬกลุ่มบรูด้าในประเทศต่าง ๆ มาหลายปีแล้ว เช่น จีน ไต้หวัน พม่า อินเดีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อาฟริกาใต้ และไทย การสำรวจหัวกะโหลกวาฬบรูด้าในไทย พบว่าตัวอย่างทั้งหมดประมาณ 50 กว่าตัวที่เก็บไว้ตามสถานที่ราชการและวัด สามารถแยกออกเป็น 2 ชนิด โดยที่วาฬอิดิไน (B. edeni) และวาฬโอมูไล (B. omurai) พบได้ทั้งสองฝั่งทะเลของไทยคือฝั่งทะเลอันดามันและอ่ าวไทย น่าสังเกตว่าตัวอย่างหัวกะโหลกในอ่าวไทยตอนบนจาก จ.นครศรีธรรมราชขึ้นไป และชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตัวอย่างเกือบ 100% เป็นชนิด อิดิไน" อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่.... http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1350.0 http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1295.0 http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1333.0 หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดทราบจากน้องตึกว่า ในปี 2539 นักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้แยกวาฬ โอมูไล หรือ โอมูร่า (B. omurai) ออกจากกลุ่มวาฬบรูด้า หลังจากได้ศึกษาทางสภาพสรีรวิทยา สภาพโครงกระดูก และพันธุกรรม (DNA) อย่างละเอียดแล้ว อ่านข้อมูลได้จาก http://www.dmcr.go.th/dmcr2009/News/data/241.html จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:55:25

ความคิดเห็นที่ 15 โดยสรุป...วาฬบรูด้าที่เราจะได้เห็นที่นี่ จะเป็นพันธุ์ อิดีไน (B. edeni) ทั้งหมด... เมื่อรู้จักลักษณะและชนิดของวาฬบรูด้าที่เราจะได้เห็ นแล้ว...สองสายก็ตั้งหน้าสอดส่ายสายตามองหาวาฬบรูด้า ตามน้องตึกและทีมงานไปด้วย เราเริ่มสังเกตเห็นน้ำทะเลที่ปากอ่าวบางตะบูนใสกว่าใ นแม่น้ำที่เราแล่นเรือผ่านมา แต่เริ่มมีแพลงก์ตอนลอยฟ่อง น้ำทะเลจึงออกสีเขียวๆเหมือนมรกต ใต้ผิวน้ำมีแมงกะพรุนตัวใหญ่ขนาดหัวคน ไหลไปตามกระแสน้ำมากมาย ปลากะตักตัวขนาดนิ้วก้อยเป็นร้อยเป็นพัน กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำอยู่หยอยๆ แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 22:28:53 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:57:23

ความคิดเห็นที่ 16 มีไม่น้อยที่กระโดดขึ้นมาบนเรือของไต๋จำรูญ ดีดถูกแขนขาของเรา แล้วก็ไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นเรือ นัยว่าปลากะตักที่กระโดดขึ้นมาบนเรือนั้น กว่าเราจะกลับไปถึงบ้านไต๋จำรูญ เราจะได้ปลากระตักแดดเดียว ไว้กินกับข้าวต้มได้เต็มจานทีเดียว แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 22:29:29 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:58:13

ความคิดเห็นที่ 17 ปลากะตักที่มีอยู่มากมายที่นี่นี่เอง ที่เป็นตัวดึงดูดให้วาฬบรูด้า ว่ายเข้ามาหากินในน่านน้ำแถบนี้ตลอดทั้งปี แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 22:30:13 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 19:59:01

ความคิดเห็นที่ 18 น้องตึกหรือน้องแม่หมูน้ำของเรา บอกสายชลว่า วิธีที่่จะสังเกตว่าวาฬบรูด้าหากินอยู่ตรงไหน ให้สังเกตนกนางนวลสีขาว ที่เมื่อไรรวมฝูงวนเวียนอยู่ตรงบริเวณใด เราก็จะเห็นวาฬหากินอยู่บริเวณนั้น ทั้งนี้เพราะนกนางนวลขี้โกง ชอบพุ่งลงไปจิกปลากระตักจากปากของวาฬมากิน ขณะที่วาฬใช้ปากแทงหรือช้อนปลาหากินตามวิสัย.... ที่นี้ก็สนุกค่ะ...เพราะสายชลนั่งมองฟ้าหานก สลับกับมองน้ำหาวาฬ คุณสายน้ำก็คงจะทำอย่างนี้เหมือนกัน ในไม่ช้าก็ควักยาดมออกมาจ่อจมูก เพราะมึนทั้งเรือโยกและมองขึ้นๆลงๆจนเมา.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:00:01

ความคิดเห็นที่ 19 เวลา 11 โมงเศษ....เรือแล่นผ่านดอนหอยหลอด ไปได้เล็กน้อย ก็มีเสียงจากน้องๆทีมสำรวจว่า "นู่นนน....วาฬขึ้นแล้ว...." สายชลกระโดดผลึงไปยืนอยู่หัวเรือ พยายามจ้องมองไปยังจุดที่น้องชี้มือให้ดู อู้ฮู้ววว...ไกลออกไปจนเกือบถึงวัดที่ตั้งอยู่เมืองส มุทรสงครามนู่นนนน....เห็นฝูงนกบินโฉบไปมา แต่ไม่เห็นวาฬเลยค่ะ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:01:44

ความคิดเห็นที่ 20 และแล้ว...เราก็เห็นเหมือนกรวยสีดำ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอยู่ไกลๆ...สักพักก็ผลุบหายไป มาแล้วค่ะ....มาแล้ว....วาฬบรูด้ามาแล้ว.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:02:50

ความคิดเห็นที่ 21 หัวเรือร้อนฉ่า...บนหลังคาเรือก็คงร้อนอย่างกับไฟ แต่พวกเราที่ถือกล้องกันอยู่ ต่างก็พรูเข้าประจำที่มั่น รั่วกล้องแบบไม่ต้องยั้ง ทั้งๆที่วาฬยังอยู่ไกลมากๆ... น้องตึกรีบนำแฟ้มจดรายละเอียดการพบเห็นวาฬขึ้นมาจดเว ลา...จุดที่พบ...ลักษณะเด่นของวาฬที่เห็นจากกล้องส่อ งทางไกล ที่อยู่ในมือของน้องทีมงานที่อยู่บนหลังคาเรือ พอเรือเข้าใกล้วาฬบรูด้าเข้าไปเท่าไร ใจเราก็เต็นระทึกมากขึ้น พยายามลุ้นให้น้องวาฬยกหัวฮุบปลาโชว์หน่อย ผลปรากฏว่าน้ำตรงบริเวณที่น้องวาฬอยู่ลึกเพียง 5 เมตรเศษ ในขณะที่น้องวาฬตัวยาวกว่า 5 เมตร น้องวาฬก็เลยตั้งหัวไม่ได้ เพราะไม่สามารถใช้หางตีน้ำยกตัวขึ้นได้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:03:46

ความคิดเห็นที่ 22 เวลาผมไปเที่ยวหัวหินหรือชะอำ ขากลับผมจะไม่ค่อยวิ่งเส้นเพชรเกษมเท่าไหร่ จะวิ่งเส้นชะอำ - ปึกเตียน - หาดเจ้าสำราญ - บ้านแหลม - บางตะบูน - คลองโคน - พระรามสอง นี่แหละครับ ขับรถชมวิวทุ่งนา นาเกลือสองข้างทางไปเรื่อย และผมก็ชอบจอดรถถ่ายรูปบรรยากาศยามเย็นตรงสะพานปากน้ำบางตะบูนครับ แต่อ่านกระทู้แล้วก็เพิ่งทราบว่า ที่นี่มีปลาวาฬบรูด้าให้ได้ชมด้วย น่าตื่นเต้นนะครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:05:10

ความคิดเห็นที่ 23 น้องวาฬจึงต้องเอียงข้างกินปลาอย่างนี้... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:08:17

ความคิดเห็นที่ 24 อย่างนี้ปลากะตักก็คงเข้าปากไม่ได้มาก ในการฮุบเหยื่อแต่ละครั้ง....นกนางนวลเอง ก็เข้าไปกินปลาจากปากวาฬได้ยาก ต้องคอยเก็บเศษปลา ที่เหลือรอดจากปากวาฬกิน นกก็คงไม่ค่อยสนุกเท่าไรนะคะ เพราะบินออกมาจากฝั่งตั้งไกล แต่ได้กินปลานิดเดียว แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 54 10:47:39 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:09:42

ความคิดเห็นที่ 25 หลังจากฮุบเหยื่อเข้าปากจนพอใจแล้ว...วาฬบรูด้าก็จะผ ลุบหายไป ไม่นานก็โผล่หัวขึ้นมาหายใจพ่นน้ำเป็นฝอยขึ้นฟ้า จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:11:14

ความคิดเห็นที่ 26 ลักษณะของครีบหลังของวาฬ เปรียบเหมือนลายนิ้วมือ ที่ใช้บอกเอกลักษณ์ที่ใช้ประกอบในการติดตามวาฬฝูงนี้ ต่อไปค่ะ หากมีตำหนิหรือไม่มีตำหนิ..น้องตึกก็จะจดบันทึกไว้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:11:55

ความคิดเห็นที่ 27 จากวาฬตัวแรก...เราได้เห็นวาฬอีก 6 ตัว โดยคู่หนึ่งเป็นแม่ลูกกัน เราถ่ายภาพคู่ของแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้เลย และภาพวาฬตัวอื่นๆก็ถ่ายชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เหตุเพราะไม่ชำนาญการถ่ายภาพในเรือที่โยกเยกไปมา กะจังหวะไม่ถูก มืออ่อนแรงจากเลนส์ที่หนัก และฝีมือก็ไม่ค่อยจะมี... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:13:23

ความคิดเห็นที่ 28 อย่างนี้ต้องมีรายการแก้มือ.... สองสายเลยขอน้องตึก กลับมาดูวาฬอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และเมื่อน้องตึกเปิดโอกาสให้พาชาว SOS มาเพิ่มได้ สายชลเลยขอชวนน้องๆที่พอจะลางานได้ตามไปสมทบด้วยอีก 3-4 คน ซึ่งน้องตึกก็ใจดียอมให้ไปได้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:15:00

ความคิดเห็นที่ 29 ในวันรุ่งขึ้น...สองสาย น้องกุ้ง น้องก้อย น้องย้ง และน้องน้ำผึ้ง ก็นั่งรถตู้ไปลงเรือไต๋จำรูญ พร้อมกับทีมงานของน้องตึก เช่นเคยค่ะ...น้องใหม่ถูกรับน้องด้วยการรับฟังคำบรรย ายจาก น้องสุรชัย ตากล้องมือหนึ่งของทีมงาน แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 20:16:55 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:16:11

ความคิดเห็นที่ 30 * จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:17:30

ความคิดเห็นที่ 31 น้องตึกกลัวน้องๆจะภูมิไม่แน่น เลยมาช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้อีกรอบ.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:18:04

ความคิดเห็นที่ 32 เราออกจากท่าเรือตอนเกือบสิบโมงเช้า เมื่อถึงปากอ่าวก็หวังจะได้เห็นน้องวาฬรออยู่ แต่ก็หามีวี่แววไม่ เรือผ่านดอนหอยหลอดที่เมื่อวานน้องวาฬมาหากินอยู่หลา ยตัว แต่ก็ไม่เห็นวี่แววอีก จนเที่ยง...เราเลยตัดสินใจทานข้าวกัน ก่อนที่วาฬจะมาทำให้เราตื่นเต้นจนทานข้าวไม่ลงเหมือน เมื่อวานที่สายชลมีอาการทานข้าวไม่ลง ข้าวยังไม่ทันเรียงเม็ดดี...เสียงน้องสุรชัยก็ตะโกนบอกมาจากหลังคาเรือว่า "วาฬๆ.....โผล่ที่หน้าวัดโน่น" เท่านั้นเอง...วงก็แตก เราต่างหามุมถ่ายภาพกันตามถนัด สายชลอยู่ที่หัวเรือ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:20:23

ความคิดเห็นที่ 33 คุณสายน้ำอยู่ที่โคนหัวเสาหลังคาเรือ.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:21:38

ความคิดเห็นที่ 34 น้องๆทีมงานอยู่บนหลังคาและหัวเรือ สลับกับสายชล... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:22:59

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนน้องตึก และหนุ่มสาวชาว SOS หลบอยู่ในร่ม ใต้หลังคาผ้าสแลน... วาฬมาจริงๆ ...... กำลังอ้าปากรองรับอาหาร แต่ดูเหมือนน้ำจะไม่ลึกมากนัก วาฬจึงไม่สามารถดีดตัวขึ้นมาสูงได้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:27:18

ความคิดเห็นที่ 36 นกนางนวลบินว่อน...วุ่นวาย... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:30:32

ความคิดเห็นที่ 37 น่าไปดูจริงๆครับ แต่เที่ยวลักษณะนี้น่าจะมีระบบ safety ด้วยชูชีพนะครับ จากคุณ : miroslav เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:31:32

ความคิดเห็นที่ 38 นกบางตัวกล้าหาญชาญชัย บินไปจิกปลาในปากวาฬ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:32:00

ความคิดเห็นที่ 39 ลักษณะการหากินแบบนี้  ชาวบ้านเรียกว่า "แทงปลา" จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:35:38

ความคิดเห็นที่ 40 อย่างนี้เรียกว่า "ฮุบปลา".... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:37:06

ความคิดเห็นที่ 41 วาฬว่ายไปมาสักครู่ ก็มาโผล่อ้าปากค่อนข้างใกล้เรือของพวกเรา... ตกใจหมดเลย.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:39:09

ความคิดเห็นที่ 42 ตัวด้านนี้ยังโชว์ไม่เสร็จ...อีกข้างหนึ่งของเรือ มีอีกตัวกำลังอ้าปากกรองกินอาหารอยู่ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:40:34

ความคิดเห็นที่ 43 ปากกว้างมากกก.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:43:28

ความคิดเห็นที่ 44 พอหุบปาก ก็ทิ้งตัวลงไป .... โผล่ขึ้นมาพ่นน้ำ แล้วว่ายน้ำหาอาหารต่อไป จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:44:34

ความคิดเห็นที่ 45 หายไปสักครู่ ก็จะขึ้นมาอ้าปากกรองอาหารอีก จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:45:30

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นเส้นกรอง Baleen Plate ชัดมาก..... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:49:31

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าจำไม่ผิด ตัวนี้ชื่อ 'คุณบันเทิง"... เขาให้ความบันเทิงมาก คือไม่ยอมไปไหน วนเวียนอยู่รอบๆเรือเราอยู่นาน จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:55:29

ความคิดเห็นที่ 48 ฮุบ...ฮุบบบบบ.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:56:17

ความคิดเห็นที่ 49 เราวิ่งเรือเพื่อตามดูวาฬตัวอื่นๆไปเรื่อยๆ .... วันนี้ แม้วาฬจะไม่ได้อยู่รวมกัน แต่ก็หากินอยู่ไม่ไกลจากกันนัก ตามดูกันจนบ่าย 3 พบวาฬถึง 6 ตัว และก็ตัดสินใจหันเรือกลับเข้าฝั่ง ซึ่งต้องใช้เวลาวิ่งถึง 2 ชั่วโมง วิ่งไปได้สักพัก พวกเราก็เห็นวาฬอีกตัวหนึ่ง กำลังหากินอยู่ที่หน้าโป๊ะข้างหน้า... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 20:58:25

ความคิดเห็นที่ 50 เจ้าตัวนี้ เพลิดเพลินในการฮุบปลากินมาก... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:00:34

ความคิดเห็นที่ 51 กินเท่าไร...ก็ไม่อิ่มสักที... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:02:13

ความคิดเห็นที่ 52 ขณะเดียวกัน...ที่อีกด้านหนึ่งของเรือ วาฬอีกตัวกำลังว่ายน้ำหากินอยู่เช่นเดียวกัน เลือกไม่ถูกเลยว่า จะหันไปถ่ายรูปตัวไหนดี จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:03:43

ความคิดเห็นที่ 53 แต่ตัวที่อยู่หน้าโป๊ะ โชว์ได้สนุกกว่า คือ เด้งขึ้นมา อ้าปากงับปลา แล้วทิ้งตัวลง แล้วก็เด้งขึ้นมาใหม่ บางครั้งเด้งชนิดต่อเนื่องถึง 10 ครั้งเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะปลาที่เข้าไปในปากไม่มากพอก็เป็นได้ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:05:13

ความคิดเห็นที่ 54 ว้าวววววว น่าตื่นเต้นมากเลยครับ อยากไปเห็นกับตาตัวเองจัง จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:06:32

ความคิดเห็นที่ 55 อู้วววว....ยืดเหนียงใต้คางได้ใหญ่มากกก... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:06:38

ความคิดเห็นที่ 56 ในจังหวะที่วาฬตัวนี้ ดีดตัวขึ้นมาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น พวกเราบนเรือส่งเสียงร้องเชียร์ไปตามจังหวะดีดตัวของ วาฬไปด้วยอย่างครึกครื้น.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:08:30

ความคิดเห็นที่ 57 1...2...3...4....5....6...7.... ฮุบบบบบบบ....... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:10:49

ความคิดเห็นที่ 58 เราขยับเรือเข้าไปใกล้ ก็ยังไม่มีท่าทีตื่นกลัว คงกำลังกินอาหารเพลินและยังไม่อิ่มนั่นเอง.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:11:50

ความคิดเห็นที่ 59 สุดยอดมากคร๊าบบบ อยากเห็นแบบนี้ซักครั้งในชีวิตเหมือนกัน จากคุณ : KapomMan เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:16:09

ความคิดเห็นที่ 60 วาฬมาพ่นน้ำใกล้ๆเรือเรา...พวกเรายกมือขึ้นปิดจมูก  เพราะได้กลิ่นเหมือนปลาหมักจนเน่า ลอยตามลมมา ไต๋จรูญบอกเราว่า "วาฬมันผายลม".... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:17:22

ความคิดเห็นที่ 61 ไต๋จำรูญขยับเรือตามไปเรื่อยๆ จนน้องหนึ่งต้องร้องบอกว่า พอแล้ว กลับเข้าฝั่งกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน ไต๋จึงยอมวิ่งกลับเข้าบางตะบูน แต่พอหันไปมองที่ด้านหลัง วาฬอีกตัวกำลังผลุบๆโผล่ๆ เหมือนจะยั่วว่า แน่จริงก็หันกลับมาตามดูฉันสิ .... อะไรทำนองนั้น โดยสรุปแล้ว....วาฬที่เราได้เห็นทั้งสองวันนั้น ทั้งหมดเป็น Bryde's whale (Balaenoptera edeni) โดยสังเกตว่าจะเห็นสัน 3 สันที่หัวได้อย่างชัดเจนค่ะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:18:00

ความคิดเห็นที่ 62 ภรรยา และลูก รวมทั้งผมก็อยากเห็นครับ แต่กลัวไปแล้วไม่เจอ จากคุณ : tan_www เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:21:41

ความคิดเห็นที่ 63 เรือต้องใช้เวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงจึงจะถึงบางตะบูน ความร้อนของอากาศ ทำให้รู้สึกเหนื่อยและเพลีย พวกเราจึงเลือกที่จะพักผ่อนตามอัธยาศัย มุมใครมุมมัน เรือถึงบ้านไต๋จำรูญเอา 6 โมงเย็น เข้าห้องน้ำทำธุระ แล้วถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็ที่ระลึก ต้องขอขอบคุณน้องตึกและน้องๆในทีมทุกคน ที่ยอมให้เราร่วมติดเรือไปกับทีมสำรวจด้วย แถมยังคอยอธิบายให้ความรู้ต่างๆอีกมากมาย ถ้ามีโอกาส ต้องขอรบกวนอีกนะคะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:23:01

ความคิดเห็นที่ 64 เชิญอ่านเรื่อง และ ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่... http://www.saveoursea.net/forums/showthread.php?t=1567 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:25:57

ความคิดเห็นที่ 65 สวยมากครับ  น่าไปชมเหลือเกิน  ขอบคุณครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:32:06

ความคิดเห็นที่ 66 ปีนี้ ม่ะทันเห็น ปีหน้า จะขอไปชม มั่งคร้าบ... จากคุณ : NuHongKillU เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:41:26

ความคิดเห็นที่ 67 คุณDavid_kop คะ....ช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน เป็นช่วงที่วาฬบรูด้ายังขึ้นมาหาอาหารแถวอ่าวรูปตัว ก อยู่ ถ้าว่างลองหาทางเช่าเรือไปดูวาฬได้นะคะ ของให้โชคดีค่ะ ................................................. คุณ miroslav คะ...เห็นด้วยว่าควรจะต้องใส่เสื้อชูชีพค่ะ  ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ................................................. คุณแมลงภู่บนหูกระต่าย....ขอให้ได้เห็นวาฬอย่างที่อยากเห็นนะคะ ................................................. คุณ KapomMan คะ...ขอบคุณค่ะ ขอให้โชคดีได้ไปเห็นวาฬนะคะ ................................................. คุณ tan_www คะ....การจะได้เห็นหรือไม่ คงแล้วแต่บุญกรรมและจังหวะค่ะ สายชลกลับไปดูอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ วันแรกได้เห็นวาฬ 4-5 ตัว แต่อีกวันหนึ่ง ไม่เห็นสักตัวเดียวค่ะ.. จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:41:52

ความคิดเห็นที่ 68 คุณเล็กทาโร่....ขอบคุณมากค่ะ ไปชมวาฬในบ้านเรา ถูกกว่าไปเมืองนอกมากมาย เสียแต่ร้อนมากๆค่ะ ขนาดใส่หมวก ใช้ผ้าคลุมตัว แขนขาและหน้าของสองสายยังดำปี๋เลยค่ะ ...................................... คุณ NuHongKillU คะ....ยังไม่สายเกินไป ที่จะไปชมวาฬ นะคะ ช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน วาฬยังวนเวียนหาอาหารอยู่ทางอ่าวไทยตอนบนค่ะ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:46:19

ความคิดเห็นที่ 69 สามารถไปชมได้ทั้งปีเลยหรอคะ ไปช่วงไหนได้บ้างคะ  น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : LIttLe kIddIe whaLe เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 21:51:21

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ LIttLe kIddIe whaLe คะ....วาฬไม่ใช่สัตว์ประจำถิ่น เขาจะหากินไปเรื่อยๆ ตามแนวชายฝั่งที่มีอาหารอุดมสมบรูณ์ค่ะ  ซึ่งวาฬตัวหนึ่งจะกินอาหารประมาณ 10 กิโลกรัม และเมื่อบริเวณนั้นอาหารหมดก็จะไปหาที่อื่นต่อ ปัจจุบันที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลฯ ประเมินว่า มีวาฬอยู่ในอ่าวไทยตอนเหนือ 20 ตัว ตัวใหญ่ที่สุดน่าจะมีขนาดยาว 15 เมตร หนักราว 40 ตัน ตัวเล็กที่สุดคือวาฬแรกเกิดยาว 4 เมตร  จะชมได้ในช่วงวันที่ไม่มีพายุฝน ลมทะเลนิ่งๆ  ซึ่งน่าจะเห็นได้มากในช่วงหน้าร้อนนะคะ แต่ความจริงแล้ว...ช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงน้ำเบียด ซึ่งหมายถึงน้ำจืดจากแม่น้ำไหลลงปากอ่าวเป็นจำนวนมากนั้น เราจะสามารถเห็นวาฬบรูดาได้ง่ายและอยู่ใกล้ชายฝั่ง  อย่างไรก็ตาม ในเดือนอื่น ๆ ก็สมารถเห็นวาฬบรูด้าได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่มากเท่าก็ตาม แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 54 22:53:39 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 22:09:11

ความคิดเห็นที่ 71 ในการเข้าไปเที่ยวชมวาฬนั้น...ห้ามส่งเสียงรบกวน หรือสร้างความรำคาญให้วาฬด้วยการขับเรือไล่ตาม หรือเร่งเครื่องยนต์เรือด้วยความเสียงดัง เพราะจะรบกวนการสื่อสารด้วยเสียงของวาฬนะคะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 22:12:02

ความคิดเห็นที่ 72 อยากไปมั่ง :D จากคุณ : วัชเจียเหว่ย เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 22:41:00

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณสำหรับ รีวิว มากๆ ด้วยค่ะ น่าตื่นเต้นจริงๆ...อยากไปได้เห็น กับตาตัวเอง.... จากคุณ : DangCola เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 23:34:41

ความคิดเห็นที่ 74 อยากไปดูจัง ขอบคุณ รีวิว ดี ๆ  ครับ จากคุณ : นายฟ้าใส เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 54 23:56:51

ความคิดเห็นที่ 75 น่าสนใจมากเลยค่ะ วาฬตัวใหญ่ดีจัง ขอบคุณที่พาไปชมค่ะ จากคุณ : Pat :o) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 08:35:58

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณค่ะ เยี่ยมไปเลย ดูผาดๆจากรูปเหมือนวาฬกินนก จากคุณ : powerploy เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 08:42:31

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณมากค่ะ คุณวัชเจียเหว่ย...คุณ DangCola....คุณ นายฟ้าใส...คุณ Pat :o)...คุณ powerploy... การไปชมวาฬ ที่กำลังฮุบกินอาหาร  เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าตื่นเต้นมากๆค่ะ ระหว่างนั้น เราลืมสิ่งอื่นๆหมด ได้แต่เฝ้าดูวาฬและกดชัตเตอร์กล้องได้แบบไม่ยั้ง ขนาดแดดแผดกล้าแทบเผาเนื้อตัวให้มอดไหม้ เราก็ยังไม่รู้สึกรู้สมเลยล่ะค่ะ นกนางนวลที่บินโฉบกินปลากะตักทั้งที่อยู่ในปากวาฬและอยู่รอบๆตัววาฬ ทำให้การชมวาฬมีสีสันขึ้นอีกมากค่ะ เราต้องคอยลุ้นว่า นกที่มัวแต่จ้องจะกินปลา จะบินพ้นปากวาฬที่หุบเข้าหุบออก ก่อนจะทิ้งตัวผลุบหายไปใต้น้ำหรือไม่....ตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะค่ะ... แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 54 10:46:05 จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 10:45:07

ความคิดเห็นที่ 78 เคยมีนกที่มันบินไม่พ้นปากปลาวาฬบ้างมั้ยอ่ะครับ ปลาวาฬมันคงงาบลงท้องไปไม่ทันรู้ตัว แสดงว่าก้นอ่าวไทยของเรายังอุดมสมบูรณ์มากจริงๆ อดหวั่นใจไม่ได้หากโครงการถมทะเลของพรรคการเมืองหนึ่งเกิดขึ้นจริง มันจะนำความพินาศให้กับสิ่งแวดล้อมของอ่าวไทยมากแค่ไหน จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 11:38:48

ความคิดเห็นที่ 79 กระทู้ดีๆ มัก "ตกเร็ว" เสมอ ขอบคุณนะคะ สำหรับภาพ และความรู้ จากคุณ : Ratanawadee เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 11:48:45

ความคิดเห็นที่ 80 บรรยายได้น่าติดตามมากค่ะ รูปก็สวย ขอบคุณนะคะที่เอามาให้ชม เอ แล้วการที่คนไปดูกันเยอะๆนี่จะไปเป็นการรบกวนเค้ารึเปล่าคะ ไม่อยากให้เค้าต้องหนีไปหากินที่อื่น ^_^ จากคุณ : love vintage เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 12:14:40

ความคิดเห็นที่ 81 คุณ David_kop คะ...นกเร็วมากค่ะ เท่าที่ไปดูวาฬมา ยังไม่เห็นนกติดอยู่ในปากวาฬเลยค่ะ แต่ถ้าติดอยู่จริง วาฬคงต้องอ้าปาก ปล่อยนกออกมานะคะ เพราะเห็นทีจะกลืนนกเข้าไปลำบากค่ะ เท่าที่ทราบจากนักวิชาการ...ในระยะสองปีที่ผ่านมา มีวาฬเข้ามาหากินในอ่าวไทยตอนบนมากขึ้น แสดงว่าอาหารวาฬ (ปลากะตัก ตัวเคย และแพลงก์ตอน) ต้องสมบูรณ์มากขึ้นค่ะ ช่วงที่ไปก็เห็นมีปลากะตัก แมงกะพรุน และแพลงตอนมากมาย จนน้ำเป็นสีออกแดงๆค่ะ ......................................... คุณ Ratanawadee ขา...กระทู้ของ Scuba ในห้อง Blue Planet ตกเร็วมาก เพราะทางทีมงาน ให้ที่ไว้นิดเดียว ผิดกับห้องเล็กอื่นๆ ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันค่ะว่าเป็นเพราะอะไร อย่างไรก็ตาม ติดตามอ่านและชมภาพได้ใน "คลังกระทู้" ได้นะคะ ขอบคุณเช่นกันค่ะที่กรุณาเข้ามาเป็นกำลังใจ... .......................................... คุณ love vintage คะ...ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ค่อยมีกำลังใจกลับมาเล่าเรื่องในห้องนี้หน่อย.. การที่มีผู้ไปชมวาฬมากๆนั้น หากไต๋เรือและผู้ไปชมวาฬ ไม่มีจิตสำนึกที่ดี ไปแล่นเรือไล่ต้อนวาฬ เข้าใกล้วาฬมากเกินไป หรือส่งเสียงเอะอะโวยวาย ให้วาฬตกใจหรือรำคาญแล้ว   ก็คงจะเป็นการรบกวนวาฬอย่างแน่นอน ไม่ว่าเรือหรือคนจะมากหรือน้อยก็ตามค่ะ  ทางไต๋เรือที่พาไปชมวาฬที่บางตะบูน ได้รับการบอกกล่าวต่อกันมา ให้รักษาระเบียบวินัย ทั้งในการบังคับเรือ และการควบคุมผู้ที่ไปชมวาฬให้อยู่อย่างสงบ ไม่ไปรบกวนวาฬจนเลยเถิด เพราะหากวาฬหนีไปอยู่ที่อื่นเสียหมด ก็เสมือนเขาทุบหม้อข้าวตัวเองนะคะ อย่างไรก็ตาม...สายชลก็อยากให้ทางการที่เกี่ยวข้อง ออกกฎระเบียบในการไปชมวาฬ และควบคุมดูแลให้ทั้งเรือและคนที่ไปชมวาฬ รักษากฎระเบียบให้เข้มงวดด้วยค่ะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 12:41:58

ความคิดเห็นที่ 82 ชอบกระทู้นี้มาก ๆ ค่ะ (ขอบคุณค่ะ) จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 13:50:16

ความคิดเห็นที่ 83 อยากรู้ว่าปลาวาฬรับประทานนกนางนวลหรือป่าว จากคุณ : want_ted เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 14:07:16

ความคิดเห็นที่ 84 สวัสดีครับ พี่สองสาย ต้นปีที่แล้วผมก็ไปมาเช่นกัน ถึงสองรอบผิดผวังไป 1 วันตามหาไม่เจอ แต่วันที่สองก็ได้ถ่ายรูป ประทับใจเหมือนกัน และเห็นด้วยต่อการออกกฏ ต่อการออกไปดูเจ้าบูลด้านะครับ ทุกวันนี้ เรือประมงลำไหนก็ออกได้ ถ้าคนเรือรู้งานหน่อยก็จะทิ้งระยะห่าง 100-300m รอบที่ผมเจอผมเคยเห็นเรือบางลำไล่กวดวาฬไปติดๆ ทำให้เค้าตกใจและหนีไปไกล จากคุณ : Moopupae เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 16:16:47

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ BROWN STITCH ขา...ขอบคุณมากๆค่ะ จะหาเรื่องดีๆมาลงให้อ่านอีกนะคะ ................................... คุณ want_ted คะ....นกคงไม่อร่อยสำหรับวาฬมั้งคะ วาฬเลยชอบกินแต่ปลาตัวเล็กๆ ลูกปลาและลูกสัตว์น้ำอื่นๆ ที่รวมๆเรียกว่าแพลงก์ตอนค่ะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 16:19:07

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีค่ะ น้อง Moopupae....ดีใจที่น้องได้เห็นวาฬบรูด้าในทะเลไทยแล้วเช่นกันค่ะ เขาน่ารักมากๆนะคะ แหม...น่าจับไต๋เรือที่ไล่กวดวาฬมาลงโทษจริงๆเลยนะคะ  อยากให้คนพวกนี้ ไปดูตัวอย่างจาก "ไต๋จำรูญ พงษ์พิทักษ์" ที่เป็นเจ้าของเรือที่พาคณะเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯ ไปทำงานเป็นประจำ จริงๆเลยค่ะ ไต๋จำรูญ ถือว่าเป็น "เฒ่าทะเล" ที่ชำนาญในการตามรอยวาฬบรูด้ามาก และเขาจะรู้ทางที่ปลาจะว่ายว่าจะไปทางไหน อย่างไร ฉะนั้น เราจึงไม่เคยเห็นเขาแล่นเรือตัดหน้าวาฬ หรือไล่กวดตามวาฬอย่างกระชั้นชิด แต่จะวิ่งช้าๆห่างๆ ขนานไปกับปลาตลอด อย่างน้อยก็ 100 เมตร นอกเสียจากบางครั้งลอยลำอยู่ วาฬจะว่ายมาข้างๆเรือ หรือลอดใต้ท้องเรือ ให้เราได้เห็นอย่างใกล้ชิดค่ะ ภาพที่ได้มาทั้งหมด ต้องใช้เลนส์ซูมทั้งนั้นค่ะ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 16:45:51

ความคิดเห็นที่ 87 สวยมากค่ะ ขอบคุณ อยากไปดูจัง จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 20:11:15

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากค่ะ...น้องกุ้ง (คิดถึงจัง) บางตะบูนใกล้นิดเดียวค่ะ อยากไปเมื่อไรก็เมื่อนั้น...ถ้าอากาศดีๆ ช่วงนี้จะมีเรือออกไปดูวาฬกันมากขึ้นแล้วค่ะ จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 20:54:28

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 21:55:00

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณสำหรับรีวิวมากๆค่ะ  จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 54 22:58:37

ความคิดเห็นที่ 91 ว๊าวๆๆๆ สิงหาถึงกันยา งัน ช่วงนี้ วันฟ้าใสๆ ก็ไปได้ ใช่ไหมคร้าบ........ จากคุณ : tuman47 เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 54 15:23:57

ความคิดเห็นที่ 92 อยากไปชมมากกกๆๆๆ ค่ะ รู้สึกดีใจที่เมืองไทยก็สามารถเห็นวาฬได้โดยไม่ต้องไปถึงเมืองนอก พลาดโอกาสที่จะไปชมวาฬมาหลายปี ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีโอกาสโชคดีได้เห็นวาฬชัดๆในธรรมชาติแบบนี้มั้ย .. ขอบคุณภาพดีๆ ที่นำมารีวิวให้ได้ชมนะคะ ^^ จากคุณ : Blue Whale เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 54 20:38:13

ความคิดเห็นที่ 93 ขออภัยที่ตอบช้าค่ะ...เมื่อเย็นเพิ่งกลับจากไปดำน้ำเก็บขยะและตัดอวนที่ชุมพรมาค่ะ ขอขอบคุณ คุณ digimontamer...คุณ สาวหน้าใส...คุณ tuman47...คุณ Blue Whale เช่นกันค่ะ ช่วงนี้ถ้าอากาศดีๆ ทะเลไม่มีคลื่นลม ก็ไปชมวาฬได้ค่ะ คุณ tuman47 ขอให้คุณ Blue Whale ได้ไปชมวาฬในเมืองไทยสมใจนะคะ วาฬบ้านเราน่ารักและกันเองมากกว่าของเมืองนอกมากมายค่ะ ถ้าโชคดี วาฬจะมาให้เราได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดมากๆ ขนาดละอองน้ำที่เขาพ่นออกมา ปลิวมาถูกหน้าตาเนื้อตัวเรา  พร้อมกับได้กลิ่นผายลมของเขาเลยทีเดียวนะคะ.... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:30:50

ความคิดเห็นที่ 94 สวัสดี ถ้าจะรบกวนขอรูป วาฬบรูด้ามาลงแมกกาซีน แล้วให้เครดิตคุณสายชล ไม่ทราบว่าจะยินดีหรือเปล่าคะ ยังไงรบกวนหลังไมค์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : khorbfaa เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:07:22

ความคิดเห็นที่ 95 ตอบไปให้ทราบหลังไมค์แล้วค่ะ คุณ khorbfaa... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 16:44:33

ความคิดเห็นที่ 96 วันนี้...ได้กลับไปดูวาฬบรูด้า ที่บางตะบูนอีกครั้ง โชคดีมากค่ะ ที่ได้เห็นวาฬบรูค้าถึง 11 ตัว ดีใจและสนุกสุดๆค่ะ วาฬที่เจอ...เป็นคู่แม่ลูก 4 คู่ และมาแบบโดดๆอีกสาม เข้าใจว่าตัวหนึ่งที่ชื่อ "เจ้าเมษา" จะเป็นตัวผู้ พยายามจะไล่ลูกที่ชื่อ "ท่าจีน" ซึ่งตามติดแม่ ที่ชื่อ "แม่สาคร" ออกไป เพื่อผสมพันธุ์ แต่ไปๆมาๆ...กลายเป็น "แม่สาคร" กลับตามไล่สี "เจ้าเมษา"  ไม่สนใจลูกตัวเองเลยล่ะค่ะ... จากคุณ : สายชล เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:21:58

ความคิดเห็นที่ 97 ถ่ายรูปได้สวยมาก ๆ เลยครับพี่น้อย โอกาสหน้า ถ้ามีเวลาว่าง ขอเชิญร่วมทริปอีกนะครับพี่ จากคุณ : น้องหนึ่ง (ไมโครไลท์) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:57:53