Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์ประสบการ ขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตอิตาลีค่ะ ติดต่อทีมงาน

อนิสงค์จากหางแดงเปิดรูทใหม่ ไปปารีส (เคแอล-ปารีส) ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

เราก็เลยจัดไป จองทันใด 4 คน หมดไปคนละ 5050 บาท (ตั๋วขาเดียว เคแอล-ปารีส) เลือกบินกลับจากโรม-กทม ด้วยอิยิปต์แอร์

ใครจะวาอิยิปต์แอร์ห่วยยังไงเราก็ยังรักประเทศนี้อยู่เลยได้มาในราคา13490 บาท
ซึ่งถือว่าเสี่ยงมาก เพราะตั๋วหางแดง วีซ่าไม่ผ่าน ก็ได้ภาษีคืนมาจิ๊ดเดียว

อุปสรรคใหญ่่หลวงอยู่ที่วีซ่า แต่เราก็ต้องรอจนถึงเดือน พ.ค. เพราะเราสามารถขอวีซ่าได้ก่อนเดินทางแค่ 3 เดือนเท่านั้น พอนับๆ แล้วก็ลองโทรดูว่าน่าจะเข้าข่ายโทรไปจองคิววีซ่าอิตาลี โทรวันที่25 พ.ค. 54 ได้คิววันที่ 3 สิงหาคม 54 (โอ้แม่เจ้า... ถึงตรงนี้ใครคิดจะไปขอวีซ่าอิตาลี คงรู้นะ่ว่าต้องทำยังไง)

ตอนจองระบุไปเลยว่าขอวีซ่าท่องเที่ยวเดินทางไปกลับพร้อมกัน 4 คน (ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าข้อนี้ช่วยให้เราได้วีซ่าง่ายขึ้นมาก)

4 สาวจะไปตะลุยยุโรปรอบนี้ 20 วัน รวมวันบินไปกลับด้วย ก็กังวลเรื่องวีซ่ากันมากมาย พยายามเตรียมเอกสารให้ครบที่สุด ไม่อยากมีอะไรผิดพลาด

ทั้ง 4 คนเคยเดินทางมาบ้าง แต่เป็นแถบเอเชีย อย่างฮ่องกง อินเดีย สิงคโปร์ฯลฯ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะมีผลบ้างไหม

เอกสารก็มีดังนี้

1. รูปถ่ายพื้นหลังสีขาวเท่านั้น ขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ ใบหนึ่งแปะบนแบบฟอร์ม อีกใบ เขียนชื่อนามสกุล เลขพาสสปอตไว้ด้านหลังด้วย เน้นรูปที่เห็นใบหน้าชัดๆ

2. พาสสปอต
3. ใบรับรองการทำงาน
ตัวเราทำงานอิสระ เป็นนักเขียนไม่มีเงินเดือน อาศัยให้สำนักพิมพ์ออกใบรับรองให้ว่าทำงานที่นี่นะ จะลาไปเที่ยว แต่ไม่ได้ระบุเงินเดือน

4. หลักฐานการเงิน - มีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในการท่องเที่ยวครั้งนี้
ทริปของเรา 20 วัน คำนวนได้ราวๆ 1แสนบาน
5. หลักฐานประกันภัยการเดินทาง
6. ใบจองที่พัก(ยื่นไปครบทุกคืน)
7. แผนการเดินทาง - ทำการตีตารางเรียร้อย วันที่เท่าไหร่ อยู่เมืองไหน ไปเที่ยวไหน นอนที่ไหน ขึ้นรถไฟ,เครื่องบิน เที่ยวที่เท่าไหร่ กี่โมง ใส่อย่างละเอียด
8.แบบฟอร์ม(โหลดได้จากในเนท) กรอกให้เรียบร้อย ติดรูปมาเลย
9. ค่าวีซ่า 60 ยูโร ณ วันนั้นคือ 2580 บาท ไม่มีเงินทอนเตรียมไปให้ครบ

เรียงเอกสารเสร็จ หนาเป็นปึ้งๆ กันเลยทีเดียว พอถึงวันเราก็พร้อมลุย

สถานทูตอิตาลีเปิดสำนักงานชั่วคราวที่อาคารออลซีซั่น ไปก่อนเวลานัด 30 นาที แล้วพอไปถึงเพิ่งจะรู้ว่่า วันหนึ่งๆ เขารับแค่ 30 คิวเท่านั้น (มิน่าคิวถึงยาวนานมาก)

คิวของเรา 9.30 น. เรียกว่าฝ่ารถติด กทม. มากลางกรุงกันแทนไม่ทัน พอไปถึงมีคนเข้าแถวรออยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไร เขาเรียกตามคิว

พอเข้าไปด้านในต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้ที่ตู้ ห้ามเอาเข้าไป แล้วเขาจะให้เราไปนั่งรอที่ด้านใน เพือรอยื่นเอกสาร ระหว่างรอ แอบมีตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งที่ไปยื่นวีซ่าด้วยตัวเอง (เราเคยไปยุโรปมาแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ไปกับทัวร์ ส่วนเพื่อนอีก 3 คนยังไม่เคยไป)

พอถึงคิว เจ้าหน้าที่เปิดดูเอกสารแล้วส่งคืนกลับมาเยอะมาก อย่างสมุดบัญชีธนาคารที่ถ่ายเอกสารไป(ถือตัวจริงไปด้วยเผื่อเขาขอดู) ยื่นไปหลายเล่มมาก เพื่อให้จำนวนครอบคลุมกับงบประมาณ 1 แสนบาทในทริปนี้ ที่เขียนลงไปในแบบฟอร์มขอวีซ่า แต่เจ้าหน้าที่กลับส่งคืนมาให้ เลือกเก็บไว้แค่บัญชีเดียว ทำเอาเรางงมาก เพราะบัญชี้นั้นไม่ได้มีเงินมากอะไร ขนาดบัญชีที่ทิ้งเงินฝากไว้เฉยๆ หลักแสนเป็นปี ๆ เขายังคืนกลับมาเลย เล่นเอางง

ของเพื่อนเราก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ซีเรียสกับจำนวนเงินสักเท่าไหร่ ทั้งที่เราเข้าใจมาตลอดว่าบัญชีที่ยื่นไปควรจะมีเงินไม่ต่ำกว่าจำนวนเงินที่จะใช้ในทริปนั้นๆ (ไม่งั้นคุณจะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยว มันส่อแววว่าจะหนีเข้าเมืองนี่นา) แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย

แล้วก็ติดปัญหาที่เพื่อนเราอีกคน ยังเรียนอยู่(ภาคค่ำ) ที่จริงก็ทำงานแล้ว แต่เป็นงานอิสระ(ขายรถมือ2) เลยเลือกจะยื่นใบรับรองนักศึกษา + หนังสือรับรองที่พ่อเขียนมาว่า เป็นพ่อของนางสาวนี้ๆๆ นะ และยินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ให้ (ซึ่งที่จริงเพื่อนเราไปด้วยเงินของตัวเอง) แต่กลับลืมไปเสียสนิทว่าคนรับรองคือพ่อ ต้องมีหนังสือรับรองการทำงานของตัวเองด้วย ไม่งั้นสถานทูตจะรู้ได้ไงว่ามีเงินส่งให้ไปเที่ยวแน่

เป็นอันว่าเอกสารขาดไป แถมบัญชีที่ยื่นไปยังมีเิงินน้อยจนน่าตกใจ และไม่ได้มีเงินหมุนเข้าออกเท่าใดนัก

นาทีนั้นกะว่าจะคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าจะขอยื่นเอกสารเพิ่มวันหลัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ถามอะไรพวกนั้น ถามแค่ว่าจะไปไหนบ้าง ก็บอกไปว่าไปประเทศอะไรกี่คืน และอยู่อิตาลีนานสุดกี่คืน เขาก็จดไว้ที่หัวกระดาษแบบฟอร์มวีซ่า

ใช้เวลายื่นเอกสารไม่กี่นาที ทุกอย่างก็เรียบร้อย แถมเจ้าหน้าที่ยังใจดีบอกว่า ของพวกเราไม่ได้รีบ (ยื่น 3 สิงหา แต่เดินทางตุลาโน้น) เลยให้เรารอ 2 อาทิตย์(ปกติราว 1อาทิตย์) เพราะทางสถานทูตมีคนที่พิจารณาให้วีซ่า 2 คน ตอนนี้คนหนึ่งไปต่างประเทศ ขอให้เรารอคนนี้กลับมาดูให้ เพราะจะใจดีกว่า (มีงี้ด้วย-*-) หรือว่าถ้ามีการเรียกเอกสารเพิ่มอะไรจะติดต่อกลับมา

เราก็กลับมาด้วยอาการไม่ค่อยสบายใจ เพราะเพื่อนเราเอกสารขาดเยอะ เพื่อนก็ออกแนวทำใจ เออถ้าไม่ผ่านเอาไว้ค่อยยื่นใหม่แล้วกัน(ปลอบใจตัวเอง)

2อาทิตย์ผ่านไป เราโทรไปถามว่าของเราได้รึยัง เจ้าหน้าที่ตอบว่าพรุ่งนี้ให้มมารับได้เลย ไม่ได้บอกว่าผ่านไม่ผ่าน แต่น้ำเสียงเหมือนจะฆ่าคนได้ในพริบตา เราเลยรีบวางสายก่อนดีกว่า -*-

วันไปรับวีซ่า เขาจะนัดมารับวันละ 30 คนอีกเช่นกัน นักเวลาบ่าย 2 ที่เดิม พอไปถึง ถึงได้รู้ว่ามีการนัดมาสัมภาสษ์วีซ่าด้วย จะแยกไปอีกห้องหนึ่ง พอเราไปถึงเขาจะถามเลยว่ามารับเล่ม หรือมาสัมภาสณ์ (ส่วนมากคนที่โดนสัมภาสณ์ มักจะเป็นพาสปอตหน้าขาว) พอบอกว่ามารับเล่ม ก็จะได้บัตรคิวมาแล้วเข้าไปนั่งรอ ห้องเดิมทกับวันที่มายื่นวีซ่า

พอถึงคิว เขาก็หยิบพาสปอตมาให้เลย เจ้าหน้าที่จะเปิดดูอีกครั้งพร้อมกับถามว่าเราเดินทางวันไหน เพื่อให้ตรงกับวันแรกที่อนุญาตให้เข้ายุโรปได้ ไม่ได้ขอดูตั๋วตัวจริงในวันรับแต่อย่างใด

และก็ไม่น่าเชือเพราะเราได้วีซ่ามาครบทุกคน อย่างง่ายดายทั้งที่เอกสารไม่ครบ บัญชีที่ยื่นก็มีเงินนิดเดียว แถมยังได้มาเกินกว่าที่ขอไว้ถึง 15 วัน

แต่เราเข้าใจว่าส่วนสำคัญที่ทำให้วีซ่าง่ายขึ้นก็คือ
1. ตั๋วเครื่องบินคอนเฟิร์มหมดแล้วทั้งไปกลับ
2. จองที่พักครบทุกคืน กรอกรายละเอียดครบหมดทั้งที่อยู่เบอร์โทร (จากบุคคกิ้งดอทคอม)
3. แผนการเดินทางแบบละเอียด ให้เห็นว่าเราจะไปเที่ยวจริงๆ ไม่ได้คิดจะไปทำงานที่นั่น

ท้ายนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงอยากแบ่งปันประสบการณ์ สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะไปเที่ยวยุโรป แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ เรื่องวีซ่า แค่อยากจะบอกว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แม้แต่ไม่ได้ทำงานมีเงินเดือนประจำก็ยังขอวีซ่าผ่านได้ไม่ยากเลยค่ะ

ลองไปสัมผัสอิตาลีสักครั้งแล้วคุณจะหลงรัก ^___^

แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 21:11:48

 
 

จากคุณ : meaw-angle
เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:01:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com