Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'พัฒน์พงศ์ไนท์บาซาร์' กลบตำนาน...บาร์อะโกโก้ ติดต่อทีมงาน

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20111002/110685/พัฒน์พงศ์ไนท์ฯกลบบาร์อะโกโก้.html


=======================================================




สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง...สัจธรรมที่สะท้อนความเป็นไปของสรรพสิ่ง จากอดีตที่เคยเฟื่องฟูแต่ปัจจุบันอาจเสื่อมถอย !!

หากเอ่ยถึง "พัฒน์พงศ์" หลายคนคงนึกภาพ ...คลับ-บาร์ อะโกโก้ เซ็กส์โชว์ รวมถึงการค้าบริการทางเพศ ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างถูกอกถูกใจจนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก จนถูกนำมาเสียดสีในบทเพลง "เวลคัมทูไทยแลนด์" ของคาราบาว ยิ่งตอกย้ำถึงความเฟื่องฟูในยุคนั้นของถนนย่านนี้เป็นอย่างดี

แต่วันนี้ หากคุณได้ลองย่ำเท้าท่องราตรีย่านพัฒน์พงศ์อีกครั้ง ความคิดของคุณอาจเปลี่ยนไป เพราะจะตื่นตากับสินค้ามากมาย ทั้งสินค้ายอดฮิต ยอดนิยม ตลอดจนสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง แต่ราคาสบายกระเป๋า ซึ่งพ่อค้าแม่ค้านำมาตั้งแผงจำหน่าย ตั้งแต่พลบค่ำจนดึกดื่น อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า สนนราคา ตั้งแต่ 99-1,000 บาท ทำให้สองฝั่งถนนตั้งแต่หัวถนนสีลม แถมแตกแยกย่อยไปตามซอยเล็กซอยน้อย คลาคล่ำไปด้วยร้านรวงต่างๆ ละลานตา

ขณะที่สถานบันเทิงเจ้าถิ่นกลับตั้งอยู่เป็นสัดส่วนบนถนนพัฒน์พงศ์ซอย 1 และพัฒน์พงศ์ซอย 2 จะให้บริการเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติระดับวีไอพีอย่างชาวญี่ปุ่น ส่วนซอยจารุวรรณ หรือรู้จักกันในชื่อ "พัฒน์พงศ์ซอย 3" หรือ "สีลม ซอย 4" ที่เป็นย่านให้บริการเฉพาะลูกค้าเกย์ ย่านผับบาร์ก็รองรับลูกค้าบางตา จะมีหนาแน่นก็แค่ช่วงวันสุดสัปดาห์เพียงเท่านั้น

“ต้องเข้าใจก่อนว่ากลุ่มลูกค้าที่มาเที่ยวเมืองไทยนั้นแยกชัดเจน คือกลุ่มที่เป็นเด็กวัยรุ่นต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ และกลุ่ม 5 ดาวมาเป็นครอบครัว จากที่ได้สัมผัสกับลูกค้าชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย พบว่าส่วนใหญ่ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวพัฒน์พงศ์นั้น เป็นลูกค้าวัยรุ่น จะไม่มีกลุ่มลูกค้า 5 ดาวเลย กลุ่มลูกค้าระดับ 5 ดาวนั้นจะเน้นออกไปธรรมชาติ จะปฏิเสธเรื่องสถานบันเทิง” โชคชัย อุดมลาภ ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท อรัญญา ทัวร์ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับย่านพัฒนพงศ์

โชคชัย บอกอีกว่า ระยะหลังๆ กลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นเริ่มน้อยลง แต่กลุ่มลูกค้า 5 ดาวที่มีมากขึ้น จึงทำให้สถานบันเทิงย่านพัฒน์พงศ์เปลี่ยนไป เริ่มจากมีร้านอาหารมาเปิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงบ่าย และมีตลาดนัดกลางคืนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของลอกเลียนแบบที่ใหญ่ที่สุด ทั้งแผ่นซีดี ดีวีดี และสินค้าเลียนแบบ กระเป๋า เสื้อผ้า ฯลฯ

“ผมไม่ได้หมายความว่า บาร์อะโกโก้จะหมดไป แต่สิ่งที่เห็นคือชาวต่างชาติให้ความนิยมน้อยลง ดูได้จากวันธรรมดาแทบไม่มีนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาเดินดูสินค้าและจับจ่ายซื้อของเป็นส่วนใหญ่” โชคชัย กล่าว

ขณะที่ "ประสงค์" ผู้บริหารบาร์แห่งหนึ่ง ในซอยพัฒน์พงศ์ ยอมรับว่า ตั้งแต่ช่วงที่มีการชุมนุมประท้วงทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในผับ-บาร์ย่านพัฒน์พงศ์ก็ลดน้อยหายลงไป ขณะที่ผับบาร์ที่เงินทุนไม่หนาพอก็เซ้งร้าน หรือขายร้านหนีไปทำธุรกิจอย่างอื่น ที่เหลืออยู่จึงมีแต่ผับบาร์เจ้าใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้าเท่านั้น บางแห่งก็เปิดให้บริการเฉพาะคืนศุกร์กับเสาร์เท่านั้น ขณะที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เดินมาเลือกซื้อของมากกว่าใช้บริการผับบาร์เหมือนแต่ก่อน

"ชวนันท์" แม่ค้าแผงลอยที่ปักหลักขายสินค้าให้แก่ชาวต่างชาติย่านพัฒน์พงศ์ บอกว่า ขายสินค้าประเภทเสื้อผ้าที่นี่มานานกว่า 15 ปีแล้ว เห็นการเปลี่ยนแปลงของย่านนี้มาโดยตลอด อย่างชาวต่างชาติที่มีอายุและเดินทางมาเที่ยวแบบครอบครัวมีมากขึ้น สมัยก่อนนั้นแทบไม่มีให้เห็น มีเพียงกลุ่มวัยรุ่นมาเที่ยวผับบาร์ รวมถึงซื้อบริการทางเพศ แต่ปัจจุบันเขาเหล่านั้นเดินทางมาเพื่อจับจ่ายใช้สอย ทั้งรับประทานอาหาร ซื้อสินค้าในยามราตรี  

“กระแสความนิยมในการมาจับจ่ายซื้อของที่ย่านนี้เริ่มมานานแล้วราว 4-5 ปีก่อน แต่พอมีปัญหาการเมืองมันก็กระทบบ้าง จน กทม.ต้องปิดถนนสีลมให้เป็นถนนคนเดิน ซึ่งมันก็ดีและกระเตื้องขึ้นมา พ่อค้าแม่ค้ารายใหม่พยายามที่จะเข้ามาขายของ จนบางครั้งจะต้องเซ้งแผงกันระยะยาว อย่างของฉันก็หลักแสนเหมือนกัน” ชวนันท์ กล่าว

ขณะที่ สุรพล พิทักษ์ลิ้มสกุล นายทะเบียนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และผู้บริหาร บริษัท แอคคอร์ด ทราเวิล เซอร์วิส จำกัด บอกว่า พัฒน์พงศ์กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จากที่เคยขึ้นชื่อเรื่องการบริการขายเซ็กส์ แต่ปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น ขณะเดียวกันสถานที่ท่องเที่ยวลักษณะนี้ทั่วโลกก็กำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นกัน ดูได้จากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศทางแถบยุโรป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สถานบริการ บาร์-อะโกโก้ลดน้อยลง แล้วมีตลาดนัดกลางคืนมาแทนที่ นับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะดีขึ้น

"นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เขาไม่ได้ต้องการเดินทางมาที่นี่เพื่อเที่ยวผับบาร์ บางกรุ๊ปเองปฏิเสธด้วยซ้ำที่จะเที่ยวสถานที่แบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้พัฒน์พงศ์ไม่ตายคือ คนที่มาเที่ยวต้องการมาดูวิถีชีวิตของเรา อย่างเราไปบ้านเมืองเขาเราก็ต้องการอย่างนั้นเช่นกัน อีกอย่างพัฒน์พงศ์เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทาง จะไปไหนมาไหนก็สะดวก และชาวต่างชาติเชื่อมั่นว่า ย่านพัฒน์พงศ์เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่าย่านอื่นๆ" สุรพล ทิ้งท้าย

 
 

จากคุณ : Marcopy
เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 11:27:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com