Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เตือนภัยโดนกระชากกระเป๋าที่โฮจิมินท์ ติดต่อทีมงาน

วันนี้เราอยู่โฮจิมินห์ซิตี้เป็นวันที่ 2 หลังจากทำใจกับเล่ห์กลโกงของแท็กซี่จากสนามบินมาแล้วก็ดันมาเจอเหตุการณ์แย่ ๆ วันนี้เข้าอีก คือเมื่อตอนหัวค่ำเราออกไปหาข้าวกินกับแฟน ขากลับเดินมาตามฟุตบาท แต่บางช่วงฟุตบาทมีแต่มอเตอร์ไซค์จอดแน่นเดินไม่ได้ ต้องเลี่ยงลงมาเดินข้างล่าง แค่ไม่ทันไรที่ลงมาเดิน ไอ้มอเตอร์ไซค์คนนึงมีคนซ้อนสอง บึ่งมาทางด้านหลังฉวยสายกระเป๋า (ซึ่งเราสะพายเฉียงไหล่) กระชากอย่างแรง ดึงเราวิ่งตามไปหลายก้าวร้องตะโกนลั่นจนหกล้มกับพื้นถนน แฟนเราพยายามวิ่งตามรถมอเตอร์ไซค์ แต่พอเราล้มเขาเลยต้องหยุดกลับมาช่วย ผลคือเข่าถลอก แขนที่โดนสายกระเป๋าครูดแดงห้อเลือด

คนเห็นเหตุการณ์กันหลายคน ส่วนใหญ่ทำท่าเหมือนธุระไม่ใช่ แฟนพยายามถามหาตำรวจ แต่ทุกคนทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่นั่ง ๆ ยืน ๆ กันแถวนั้นแท้ ๆ  จนผู้หญิงคนนึงที่พอพูดภาษาอังกฤษได้เขาเข้ามาถามบอกกับคนพวกนั้นว่าให้โทร. แจ้งตำรวจให้หน่อย นั่นแหละถึงได้มีบางคนยอมควักโทรศัพท์มากดอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ เรากับแฟนพยายามขอให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยอยู่รอตำรวจเพื่อเป็นพยานและอาจจะช่วยแปลความให้ แต่เขาก็ออกอาการว่ามีธุระอยู่พอดีต้องรีบไป ก็เข้าใจนะ แล้วคิดว่าเขาไม่ได้แล้งน้ำใจหรอก ก่อนไปเขายังบอกว่าตำรวจพูดภาษาอังกฤษได้ (ซึ่งไม่จริงเลย)

รอตำรวจอยู่ราวห้านาทีก็ขี่มอเตอร์ไซค์มา ถามชื่อโรงแรมที่เราพักก่อนเลยเป็นอันดับแรก แทนที่จำถามว่าเกิดอะไรขึ้น แฟนเรายื่นนามบัตรของโรงแรมให้ ตำรวจรับไปดูแป๊บนึงแล้วพูดจับความได้ว่าให้เรากลับไปที่โรงแรม แล้วพาเจ้าของโรงแรมไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เสร็จแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับ ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที

เรากับแฟนช่วยกันนึกว่าในกระเป๋ามีของสำคัญอะไร เท่าที่นึกออกก็มีพวกเครื่องสำอางนิดหน่อยแล้วก็โทรศัพท์มือถือ ส่วนเงินกับพวกเอกสารจะฝากไว้ที่เป้สะพายหลังของแฟนอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว นับว่ายังโชคดี ไม่งั้นหากเป็นพวกเอกสารคงต้องวุ่นวายกันทั้งคืนแน่ (พาสปอร์ตอยู่กับทางโรงแรม)

ตัดสินใจกันว่าจะไม่ไปโรงพัก เพราะเสียเวลาและคงไม่ได้เรื่องราวอะไร เจ้าของโรงแรมเขาคงไม่อยากมายุ่งด้วย (เพราะหลังจากกลับมาเล่าให้เขาฟังแล้ว เขาก็ทำท่าแค่ว่ารับรู้ แล้วพูดแต่ว่า ต้องระวัง ๆ ) ตอนนี้เสียความรู้สึกกับประเทศนี้มาก ๆ ค่ะ ทั้งที่มาเที่ยวเป็นประจำ นี่ก็มาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ 3 ครั้งแรกไปฮานอย มีครั้งนี้แหละที่มาลงโฮจิมินห์

ก็ขอเตือนเพื่อน ๆ  ใครที่กำลังจะไปเวียดนามหรือไม่ว่าประเทศไหน ๆ ก็ตาม ต้องระวังให้ดีเรื่องการเดินสะพายกระเป๋าข้างแล้วเดินริมถนน เราเองก็ระมัดระวังอยู่พอตัว ที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่เคยเกิด แต่ครั้งนี้โดนเข้าเต็ม ๆ  แม้ว่ามูลค่าของในกระเป๋าจะน้อยและไม่มีเอกสารสำคัญ แต่สิ่งที่เสียไปแล้วไม่รู้ว่าจะได้กลับคืนมาอีกหรือเปล่าคือเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อคนในประเทศนี้ เรามีคนเวียดนามที่รู้จักหลายคนที่เป็นคนดี แต่เจออย่างนี้ครั้งเดียวทำให้ภาพของคนดี ๆ เกือบหายไปจากสมองเราเลย อาจต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่

เห็นหลาย ๆ คนเดินข้างถนนสะพายกระเป๋าแพง ๆ  บางคนถือไอโฟน เดินคุยกันไม่ระมัดระวัง วันนี้ไม่โดนก็คงไม่คิดอะไร แต่หากโดนเข้าไปก็ต้องมาเสียใจว่าไม่น่าประมาท นี่เรายังโชคดีแค่โดนกระชากกระเป๋า เคยเห็นข่าวคนโดนทุบหัวจนล้มฟุบก่อนฉวยทรัพย์สินมีค่าไปด้วย แย่มาก ๆ

แถมท้ายอีกอย่างเรื่องแท็กซี่ ถ้าเพื่อน ๆ จะขึ้นแท็กซี่ที่มีมิเตอร์ ก่อนอื่นเลยให้ดูตัวเลขมิเตอร์ของเขาก่อนว่ามันอยู่ในจุดเริ่มต้นหรือเปล่า (ไม่แน่ใจว่าเขาเริ่มที่เท่าไหร่ น่าจะ 30,000 ดอง) ถ้ามันเกินก็บอกเตือนเขาก่อน เพราะเราโดนมาตอนขึ้นจากสนามบินเข้าเมือง ไม่ทันสังเกตตัวเลข เห็นว่าเป็นแท็กซี่มิเตอร์ แถมมีเจ้าหน้าที่ทางสนามบินมาถามจุดหมายปลายทางแล้วเขียนบอกคนขับก่อน จึงดูค่อนข้างน่าเชื่อถือ ปรากฏว่าพอนั่งมาได้หน่อย แฟนเราสังเกตว่าตัวเลขมันเยอะแบบแปลก ๆ คือขึ้นหลักแสนกว่าทั้งที่ออกรถมาไม่ถึงสิบเมตร ทีแรกเขาชี้ให้ดูเรายังคิดกันว่าหรืออาจเป็นหลักหมื่น คือพยายามนับเลขศูนย์กันซึ่งมันเยอะจริง ๆ  แล้วแท็กซี่คันนี้มิเตอร์วิ่งเร็วมาก ไม่กี่นาทีตัวเลขมันวิ่งจี๋ถึงหลักสี่แสน แฟนเราร้องถามคนขับแต่เขากลับทำมึนแล้วพูดแต่ภาษาเวียดนามยาวเหยียด เหมือนจะพยายามอธิบายอะไรก็ไม่รู้ พอสี่แสนเจ็ดแฟนก็ร้องตะโกนเลยว่าให้จอด คนขับทำหน้างง เรากับแฟนช่วยกันบอกให้มันจอด ตรงนั้นที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้านั่งไปจนถึงฟามงูเหล่าก็น่าจะถึงหลักล้าน (ตกประมาณสองพันบาท) วันที่เรามาโฮจิมินห์วันแรกเรานั่งมา 10 usd หรือประมาณแสนนิด ๆ เท่านั้น (หลายคนมาถูกกว่านี้ด้วยซ้ำไป) ไปดาลัดกลับมาด้วยเครื่องบินต้องลงตันเซินหยัดอีกครั้ง พอเที่ยวนี้เจอดีเลย

พอรถจอด คนขับทำเป็นงงว่าเกิดอะไรขึ้น แฟนเราไม่ยอมจ่ายในราคานั้นเพราะโกงเห็น ๆ (ยืนยันว่าจะไม่จ่าย) แต่จะพูดอะไรมันก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจจะให้จ่าย แต่สุดท้ายมันก็บอกว่าเอาสองแสน แฟนเราเลยโยนให้มันไปด้วยความโกรธบวกสมเพช แล้วเราก็ไปยืนเคว้งกลางเมืองจุดไหนก็ไม่รู้ของโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งมองจากเครื่องบินลงมานั้นกว้างใหญ่มาก โชคดีเรานึกถึงข้อมูลที่เคยอ่าน ว่าถ้าจะนั่งแท็กซี่ในเวียดนาม ต้องเลือกของบริษัท Vinasun หรือ Mailinh เท่านั้น (ทีแรกก็ไม่ทันนึกถึง เพราะมัวไว้ใจคนของสนามบิน) เดินมาพักนึงก็เห็นแท็กซี่ของวีนาซันปรี่เข้ามาจอด เรากับแฟนรีบขึ้นไป คราวนี้ค่อยยังชั่วหน่อย คนขับดูนิสัยดี พาไปส่งถึงที่ในราคาหกหมื่นเจ็ดพันดอง ซึ่งระยะทางดูเหมือนจะไกลกว่าที่แท็กซี่จากสนามบินมาถึงจุดที่เราลงเสียอีก

สรุปว่าแม้เป็นแท็กซี่มิเตอร์ก็อย่าไว้ใจ จะให้ดีลองสอบถามคนพื้นที่ก่อนก็ได้ว่าราคาจากนี่ไปนี่ควรอยู่ที่เท่าไหร่ หรือเหมาราคาไปเลย (ถามด้วยว่ารวมค่าทางด่วนค่าอะไรต่อมิอะไรอีกไหม เอาเสียให้พร้อม ไม่งั้นตกลงราคานี้ พอขึ้นทางด่วนหรือจ่ายด่านอะไรก็ไม่รู้แล้วจะมาเอาที่เราอีก)

ขอบ่นเพียงเท่านี้แหละค่ะ

จากคุณ : guppies
เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 21:41:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com