เลือกพักโรงแรมผิด ของฝากหาย ได้แผลที่ระลึกแทน

อยากมาแชร์ประสบการณ์ไปฮ่องกง ครั้งแรกค่ะ ตั้งใจจะพาลูกไปเที่ยว Disney Land และคุณพ่อไปทำธุระนิดหน่อย ไปกัน 5 คน พ่อ แม่ ลูก 2 คน ยาย 1 คน จากที่อ่าน review มา การนั่ง MTR จะเป็นการเดินทางที่สะดวกมากในฮ่องกง แต่เนื่องจาก มีเด็กเล็ก 2 คน และสัมภาระอีกมากมาย กรณีนี้ Taxi คือทางออกค่ะ เจ้าหน้าที่สนามบินให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Taxi ซึ่ง นำครอบครัวเรามาส่งที่ Disney's Hollywood Hotel

         เมื่อมาถึง เบลล์บอยขนสัมภาระเราลงจาก Taxi และถามเราว่ากระเป๋าครบไหม รอเรายืนยันว่าครบก่อนจึงจะให้ Taxi ขับออกไป ประทับใจค่ะ และขออนุญาตแนะนำให้คุณแม่ที่จะพาลูกๆ ไปเที่ยวมาพักที่นี่ เพราะการบริการของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก เตรียมไว้พร้อมสำหรับเด็กๆเลยค่ะ เข้าใจหัวอกแม่อย่างเรา ซึ่งจะวุ่นวายมากทั้งเรื่องสัมภาระ ทั้งเรื่องลูก ทั้งเรื่องห้องพัก ฯลฯ การเที่ยวดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ผ่านไป 2 คืน จนถึงคืนที่ 3 ที่ถึงเวลาคุณพ่อต้องไปทำธุระย่าน ซิม ซา จุ่ย พวกเราต้องเปลี่ยนโรงแรมค่ะ เช่นเดิมเดินทางด้วย Taxi ซึ่งทาง Disney's Hollywood Hotel เรียกมาให้ ก่อนออกเดินทาง เบลล์บอย ส่งกระดาษโน๊ตให้แผ่นหนึ่ง บอกเราว่าถ้ามีของหายให้เอาโน๊ตนี้ยื่นให้กับพนักงานของโรงแรมที่ไปถึงให้เขาประสานงานให้ โน๊ตนั้นระบุ license ของคนขับรถ เวลาที่ออก และโรงแรมต้นทาง อย่างกับเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าเลยค่ะ ของหายจริงๆ

         เมื่อ Taxi มาถึง Hotel Panorama by Rhombus ย่าน ซิม ซา จุ่ย พนักงานโรงแรมผู้หญิงโบกมือให้ taxi เลี้ยวจอดข้างตึก แล้วยกสัมภาระของเราลง ปิดฝาท้ายรถ Taxi แล้วรีบไล่ให้ Taxi ไป เราก็คิดในใจว่ารีบอะไรหนักหนา เราอุ้มลูกคนหนึ่ง ยายจูงหลานอีกคนหนึ่ง แฟนเราจะเดินไปดูว่าของครบป่าว ก็ปิดท้ายรถขับออกไปเสียแล้ว กระเป๋าเราก็โดนขนเข้าไปในโรงแรม ซึ่งพอเราเดินไปถึงพบว่ามีแต่กระเป๋า เดินทาง ส่วนของฝากที่ใส่ถุง disney เป้อุ้มลูกคนเล็ก และสายจูงลูกคนโต ที่อยู่ในถุงแยกต่างหากจากกระเป๋าเดินทางไม่ได้มาด้วย รวมถึงเอกสารที่ใส่ถุงผ้าของแฟนเราด้วย สรุปว่าที่ขนลงมาจาก Taxi มีแต่กระเป๋าเดินทางเท่านั้น ส่วนที่เป็นพวกถุง shopping ถุงผ้า ไม่เอาลงให้เราเลยสักถุงเดียว เหมือนตั้งใจยังไงไม่รู้ แล้วพอแจ้งเจ้าหน้าที่โรงแรม Panorama by Rhombus ก็ตามให้เหมือนกันแต่บอกไม่รับปากนะว่าจะได้ของคืนหรือเปล่า ความรู้สึกเราคือเหมือนทำไปยังงั้นล่ะ แล้วพอเราจะขอคุยกับผู้หญิงที่โบกให้ Taxi จอดข้างตึกและจัดแจงขนกระเป๋าเราลงจากรถ ก็แค่อยากจะถามว่าเห็นถุงเราไหม เพราะบางทีอาจจะลืมไว้ที่โรงแรมเก่า ก็ไม่ยอมให้เราคุย บอกผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยว และแจ้งว่าได้ประสานงานกับศูนย์ Taxi ให้แล้ว รอ คนขับรถ Taxi ติดต่อกลับมา เราก็พยายามบอกนะว่า Taxi คันนี้มีโทรศัพท์มือถือ เพราะระหว่างที่ขับมาส่งเรา คุยโทรศัพท์มือถือตลอดทาง แต่คำตอบที่ได้รับก็คือให้เรารอ รอ แล้วก็ รอ อยู่ในห้องที่โ-ตรเล็ก กลิ่นก็ไม่ดี แฟนเราโทรคุยกับที่ Disney's Hollywood Hotel ด้วยขอความช่วยเหลือ ซึ่งก็เป็นธุระให้เราด้วยนะทั้งที่ เรา check out ออกมาแล้ว ประสานงานให้เราจนได้เลข case จากศูนย์ taxi ในขณะที่ Panorama by Rhombus ประสานงานให้เราได้แค่รอน่ะ จุดจบของเรื่องของแน่นอนอยู่แล้วไม่ได้คืน ทำใจไป

         แต่ยังไม่จบเท่านั้นสำหรับโรงแรม Panorama by Rhombus คืนนั้นขณะที่วุ่นวายกับการตามของที่หาย ลืมไปเลยกับการไปเดินที่ ซิม ซา จุ่ย อยู่ห้องตลอด ขณะที่นอน เราก็รู้สึกคันขา เหมือนโดนยุงกัด คนที่แพ้ยุงจะเข้าใจว่าคันยังไง แต่ก็ไม่มียุงนะ เราก็เลยไปเอาถุงเท้ามาใส่แล้วก็นอนกับลูกคนเล็กซึ่งปูผ้าอีกชั้น ก่อนให้ลูกนอน ตื่นเช้ามาก็ยังคันอยู่ แต่ก็ไม่เอะใจ ไม่โวยวายอะไร จน check out เดินทางกลับไทย คืนนั้นบนเครื่องบินก็ยังคันอยู่ (ปกติเวลาเราโดนยุงกัดก็จะคันนานแบบนี้)

         เช้าที่เมืองไทย เริ่มเห็นเป็นตุ่มแดง แข็งๆ ขึ้นเต็มขาส่วนที่สัมผัสกับที่นอน คั๊น..คันมาก แม่บอกว่าแผลยังกับโดนตัวเรือดกัดเลย ซึ่งเราก็ไม่รู้จักไม่เคยโดน แต่เพื่อนเราเห็น บอกทันทีเลยว่า bed bug bite อยากถ่ายรูปให้ดูแผลนะ แต่เด๋วจะหลอน เอาเป็นว่าเหมือนเป็นอีสุกอีใสตอนใกล้หายที่มีสะเก็ดด้วยน่ะ เพราะมีคนทักว่าเป็นอีสุกอีใสเหรอ ซึ่งเราก็คิดในใจว่าคนอะไรจะเป็นอีสุกอีใสเฉพาะที่ ก็ได้แต่ยิ้มตอบไปว่าแพ้ที่นอนค่ะ เนี่ยผ่านไปครึ่งเดือนแล้วยังคันอยู่เลย อยากให้จำชื่อไว้ให้ดีนะ Panorama by Rhombus

จากคุณ	: ratchaburi
เขียนเมื่อ	: 2 พ.ย. 54 23:28:31