Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เตือนภัยกันอีกสักที Business Air ติดต่อทีมงาน

มอสกิโต้ ..ยืมลอคอินเพื่อนมาค่ะ

เคยโพสต์ไว้เมื่อเดือนตุลาคมปีนี้แหละ

วันนี้เห็นมีคนถามเรื่อง Business Air คืออะไร ดีไหม.. จึงเอาประสบการณ์มาโพสต์กันอีกหน (เพราะกระทู้เก่าไปกับน้ำแล้ว)

ใครจะไปสายการบินนี้ ตัดสินใจดีๆนะคะ เพราะล่าสุดที่ได้ยินข่าว การดีเลย์ไฟลท์เกาหลีและญี่ปุ่นยังมีอยู่เป็นระยะ.. และอย่าหลงกลทัวร์ถูกๆที่จัดไปสายการบินนี้ อย่าเห็นแก่เงินแค่ไม่กี่พันเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายค่ะ


มีเรื่องเล่าขานเป็นนิทานให้ฟัง.. คุณผู้อ่านฟังแล้วร่วมพิจารณาไปด้วยกัน เมื่อท้ายจะได้ตั้งคำถามที่พยายามหาคำตอบมาหลายวัน..แต่ก็ยังหาไม่เจอ

เรื่องมีอยู่ว่า..เรากับเพื่อนหมู่คณะซื้อทัวร์ไปเกาหลี ไม่ว่าจะหาที่ไหน ใครๆก็ลง 8B บินกับที่นี่กันทั้งนั้น ..ประเมินแล้วน่าจะมาจากราคาถูก และเพราะเราไปเป็นหมู่คณะจึงให้ทัวร์จัดทริปให้พวกเรามาเลยเป็น private group

หลายที่ไม่ว่าที่ไหนก็จัดโปรแกรมไม่ต่างกันนัก แต่สิ่งที่เรามักเตือนกับเพื่อนเราเสมอก็คืออย่าบิน 8B เลยเพื่อนจ๋า ข่าวมาจากหลายทางว่าทั้งดีเลย์และเครื่องไม่ได้ใหญ่ ใหม่กิ๊กอะไรเลย.. แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด.. เพื่อนไม่ยอมเปลี่ยนสายการบิน เราจึงต้องจำใจตามแต่เพื่อนจะว่ากันไป..

แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้..

ขาไป ทัวร์นัดเราสี่ทุ่มตรงเพื่อเช็คอินและผ่านด่านตม. กำหนดเครื่องออกคือ 00.25 น. เมื่อคณะพร้อมกันที่หน้าเคาท์เตอร์เช็คอินตอนสี่ทุ่ม ก็พบว่าเครื่องดีเลย์

“เธอใจเย็นๆนะ เรามีเรื่องจะบอก..เครื่องดีเลย์ง่ะ”

ตอนเพื่อนบอกแบบนั้น เราก็สวนพรวดไปทันที “กรูว่าแล้ว..” และนอยด์แด๊กไปตามระเบียบ เพราะเรื่องนี้เราเตือนเพื่อนไปแล้ว แต่เพื่อนบอกว่าแจ๊กพอตคงไม่เกิดกับเราหรอก..เปล่าเลยเพื่อน มันไม่ใช่แจ๊กพอต เพราะมันเป็นประจำของสายการบินนี้ที่จะดีเลย์ เครื่องน้อยทำให้ต้องใช้งานตลอดเว เครื่องล้าเพราะเก่า มันก็อยากจะอู้กันบ้าง

..เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ยังไม่ทราบว่าเครื่องจะขึ้นได้เมื่อไหร่ จะให้ไปพักโรงแรม 5 ดาวแถวสนามบินก่อน

โหลดกระเป๋าเสร็จจนขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อขนคนไปโรงแรมห้าดาวแล้ว ก็ยังไม่มีคำตอบว่าเครื่องจะขึ้นได้เมื่อไร

กระทั่งมาถึงโรงแรมห้าดาวดังว่า.. มองไปคล้ายโรงแรมจิ้งหรีด เข้าไปห้องพักยิ่งรู้สึกว่า ..อ่า เหม็นสีหึ่ง เพดานเตี้ย แอร์ไม่เย็น ประตูออกระเบียงลอคไม่ได้..กระนี้แล้วท่านว่าสามดาวก็ไม่ไหวนะท่านนะ แต่ก็ช่างเถอะ มันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งนอนแค่คืนเดียว

จะสังเกตได้ว่ากระทั่งมาถึงโรงแรมแล้ว เราก็ยังไม่รู้เวลาเครื่องออก จนขึ้นห้องมาแล้วไกด์จึงโทรมาบอกว่าจะปลุกตอนตี 3 ออกจากโรงแรมตี 4..เครื่องจะขึ้นได้ตอนตี 5 ..โอ้แม่เจ้า ดูเวลาแล้วยังไงมันก็ไม่ใช่อ่ะจอร์ช.. ชั่วโมงเดียวมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมตัวออกได้น่ะ ตูไม่เชื่อ! มันต้องดีเลย์อีกแหงๆ หันไปบอกคุณเพื่อนว่า.. ไม่มีทางแหงแซะ..

แล้วมันก็เป็นจริงดังว่า..ไปนั่งรอหน้าเกทจนถึงตี 5 สิบนาที จึงเพิ่งมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าเครื่องกำลังไปบินเทสต์ คาดว่าจะออกได้ตอน 7 โมงเช้า...เฮ้ย!

หลายท่านเริ่มโวยว่าแล้วไปบินเทสต์กลับมาจะสามารถดูแลชีวิตเราได้เหรอ เกิดมันไม่ปลอดภัยเล่า..จะให้รอเรื่อยเปื้อยรึ

“ก็ไม่เป็นไรค่ะทุกท่านมีประกันชีวิตอยู่คนละล้าน” เป็นคำตอบจากไกด์ที่อาจจะปากไวกว่าสมอง..

เลยเจออาจุมม่าแด๊กขมองน้อยๆเข้าให้ “ชั้นอยากใช้เงินเองว้อย ไม่ได้อยากตายให้ใครเอาเงินไปใช้” กดไลค์ระรัวกันเลยทีเดียว

หลังจากนั้นความมึนงงก็บังเกิดแก่ผู้โดยสาร บางส่วนหมดความอดทนเดินไปเข้าส้วม หาอะไรรับประทานกันก็เยอะ..

แต่กลุ่มเราบางคนยังนั่งแสดงความเบื่อหน่ายออกนอกหน้าอยู่ที่เกท (เฮาง่วงและอยากไปเกาหลีแล้วโด้ย) กลายเป็นว่าพอนั่งไปนั่งมาเจ้าหน้าที่คงสงสาร ให้คูปองมากินข้าวกินปลา (เผื่อพวกแกจะเลิกกดดันเดี๊ยนกันซะที ไปๆให้พ้นเกทเถอะไป๊)

7 โมงเช้า..เครื่องขึ้นโดยกัปตันอากิระ..สวยงาม พนักงานดูแลดี น่ารักซะไม่มี.. ขึ้นลงตะกุกตะกักบ้างไม่เป็นประเด็น ถึงที่หมายเมื่อเวลาบ่ายสามเกาหลี.. ฟิน!

คราวนี้ก็มาตุ้มๆต่อมๆตอนขากลับว่ามันจะดีเลย์อีกหรือไม่..

ตัดตอนการท่องเที่ยวด้วยสภาวะเร่งรีบ (เพราะต้องอัดตารางวันแรก และตัดตารางวันแรกทิ้ง..ไปเกือบทั้งวัน คิดดูเถอะไปถึงนามิตอนห้าโมงเย็นจะเหลืออะไรให้ถ่าย หน้าหนาวก็มืดตึ้ดตื๋อแล้วแหง่บๆๆ)

วันกลับ..มาถึงสนามบินตามเวลาผ่านตม.เข้าสู่ด้านในประตูเปิดตรงเวลาดีมาก เอาเฟ้ยๆ ได้กลับบ้านแล้ว

แต่ก้าวแรกที่เหยียบขึ้นเครื่องก็อุทานเป็นภาษาบ้านนอกของพม่าว่าชิกหอยด๋อยแด๊กแล้วเฮาอิเครื่องนี่มันเก่ากว่าเครื่องขามาอีกนะเว๊ยเฮ้ยคะ น่าจะเป็นเครื่องเก่าเครื่องโละของประเทศใดสักประเทศ ซื้อมามือสี่มือห้าเข้านั่น ที่วางแขนดุกดุ๋ย ที่ใส่กระเป๋าเหนือหัวค่อกแค่กเหมือนจะหล่นลงมาได้ตลอดเว .. แต่เอาน่ามาตรงเวลา ก็ขึ้นบินได้น่าจะปลอดภัย..ไม่ต้องไปบินเทสต์เล่นอีก เราคิดไว้อย่างนั้น...ซึ่งมันเป็นความคิดที่น่าจะผิดถนัด!

ณ ขณะเตรียมจะเชิดหัวความระทึกก็มา..กับปิตันอาจจะระเบิดการเผาผลาญเครื่องยนต์หนักมือไปนิดเราจึงรู้สึกว่าเครื่องยนต์มันดังน่ากลัวไปน๊า ไม่เป็นไร สุดท้ายก็ไต่ระดับแบบมึนงงขึ้นไปจนได้

ขณะบินผ่านน่านน้ำเกาหลี มุ่งไปไต้หวัน ฮ่องกง ผ่านน่านน้ำจีนกำลังจะเข้าเขตเวียตนาม (ทั้งหมดนี่เดาล้วนๆ เพราะบนเครื่องไม่มีบอกอะไรเลยว่าเราถึงไหนกันแล้ว แต่กะจากเวลาก็น่าจะประมาณนั้น เพราะมันผ่านมาแค่สองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น)

เครื่องผ่านเขตอากาศแปรปรวนตลอดเวลา สั่นไหววูบวาบวุ๊บวับวิ้งๆ (วิ้งจริงๆเพราะมึนจนเรียกว่าเมาเครื่อง) พยายามข่มตาให้หลับก็หลับไม่ได้..เพระ..

มันมีเสียงระเบิดปึ้ง! และกลิ่นไหม้อบอวลไปทั่ว..

ใช่แล้ว ท่านอ่านไม่ผิด อะไรระเบิดไม่รู้ รู้แต่ว่าแอร์เลิ่กลั่ก ผู้โดยสารปอดแตกแหกกันหมดแล้ว ตื่นกันทั้งลำ นาทีนั้นถ้ากระโดดออกจากเครื่องได้คงมีหลายคนอยากสละเรือบิน

แอร์ (รู้สึกลำนี้จะมีแต่สาวกับสาวแตกเลยเรียกรวมเลยละกัน) เดินเปิดที่เก็บกระเป๋าทั้งหมด ไล่ดมกลิ่นที่เปิดกระเป๋าก็ยังไม่มีข้อสรุป (ตอนแรกคิดว่าเป็นซองขนมระเบิด จะขอเปิดกระเป๋าผู้โดยสารทั้งหมด) แต่หัวหน้าแอร์คงเดินไปแจ้งกับปิตัน แล้วก็ได้คำแนะนำให้แงะไฟดูกัน.. ส่วนไฟที่ไว้ใช้อ่านหนังสือบนเครื่องนั่นแหละค่ะ แงะอยู่หลายที่ แจ๊กพอตมันมาแตกตรงที่ดันมาแงะตรงหัวเพื่อนในกรุ๊ปเราแล้วหน้ากากออกซิเจนหล่นลงมาโพละตรงหน้าพอดีนั่นแหละ..

เหตุการณ์ตอนนั้นเหมือนอีกหนึ่งฉากของหนังฆาตกรรม..

สายยางออกซิเจนสีเหลืองนวลตาพร้อมถุงออกซิเจนที่มีรอยคล้ำเมือกสีดำเคลือบอยู่ริมขอบ แอร์คนสวยแสยะยิ้มให้แก่ผู้โดยสารแล้วสาวสายสีเหลืองนั้นรวบพันเก็บไว้ตามเดิม..

เพื่อนสาวของดิฉันได้แต่อุทานในใจ.. หมู่เฮาคงตายด้วยเชื้อไวอากาก้าในถุงออกซิเจนก่อนที่เครื่องจะตกตายห่านกันทั้งลำเรือกระมังคะ

หลังจากตรวจจนทั่วก็ยังหาสาเหตุมิได้ว่ามันเกิดระเบิดอะไรขึ้น..นั่งด้วยใจระทึกมาจนเกือบถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นสองชั่วโมงกว่าเชียวนะคุณ คิดดูว่าระทึกแค่ไหนที่ต้องนั่งดมกลิ่นเหม็นไหม้เจือจางในอากาศจนเกือบชินจมูกน่ะ.. ตอนที่แอร์ออกมาไหว้ขอบคุณเป็นตอนที่เหลืออีกครึ่งชั่วโมงล้อเครื่องจะแตะรันเวย์ เราจึงค่อยใจมามากขึ้น

ทันทีที่เห็นแผ่นดินเกิด..คนนั่งริมหน้าต่างเริ่มกระสับกระส่าย.. กลิ่นไหม้มันจางๆเกือบหายไปแล้ว แต่เสียงฝนและภาพละอองน้ำฝนมันชัดจนเห็นท่วมไปทั่วแล้ว..

อ้าว แล้วรันเวย์จะรอดเรอะ???

สุวรรณภูมิเป็นพื้นที่ต่ำ อาจไม่รอด

เราได้แต่ให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆ ไม่เป็นไร เราต้องไม่ตาย ผ่านเหตุระเบิดพลีชีพมาแล้วจะมาตายตอนเครื่องจะถึงประเทศไม่ได้นะ..อายเขา

ได้แต่ภาวนาอย่างนั้นเองล่ะค่ะ..สุดท้ายเมื่อล้อแตะพื้น ก็ได้แต่สวดมนต์กันอยู่ในใจทั้งสิ้นสิ่ง.. คาดว่าจะเป็นกันทุกคน

แต่พอล้อแตะพื้นปุ๊บ เครื่องบินก็แฉลบแว่บๆๆ สามแว่บ ก่อนจะกลับมาตั้งลำตรงได้ดังเดิมและลดความเร็วลงจนวิ่งในระดับเกวียนได้..

เท่านั้นเองที่แทบทุกคนในเครื่องถอนหายใจเฮือกออกมาพร้อมกัน

“ถึงบ้านแล้วเว้ย...!!!” หลายคนตบมือ แต่เราตะโกนขึ้นว่า “เฮาได้กลับไปช่วยแม่วิดน้ำแล้ว!”

จบการเดินทางด้วยใจระทึก.. พร้อมกับคำถามในใจที่ไม่ต้องหาคำตอบอีกต่อไป..เพราะจะไม่บินกับ 8B อีกเด็ดขาด..

คุณว่า..อะไร..ระเบิด?

จากคุณ : ลอนทราย
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 09:28:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com