ความคิดเห็นที่ 1 ค้นหาดูใน pantip ก็มีกระทู้น่าอ่านเกี่ยวกับการเดินทางขึ้น Taktsang หลายกระทู้ หากสนใจขอให้ลองอ่านเพิ่มเติม และดูรูปสวยๆ ของ Taktsang ในฤดูอื่นๆ กันตามอัธยาศัยครับ ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้ที่ยกอ้างถึงไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=atas&month=06-06-2009&group=1&gblog=5 http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/03/E10308914/E10308914.html จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:20:36

ความคิดเห็นที่ 2 Review: Haven Paro โรงแรมนี้เป็นโรงแรมสัญชาติไทยเจ้าของเดียวกับ Haven ที่หัวหินครับ ตามมาตรฐานของภูฏาน ก็สามารถระบุให้ Haven Paro เป็นโรงแรมระดับห้าดาว สถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน และตัวเมือง Paro ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 - 20 นาทีโดยประมาณ ตัวโรงแรมจะตั้งอยู่บนเนินเขาสูงพอสมควร จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:22:58

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่พูดคุยกับผู้บริหารชาวไทยที่โรงแรม ทำให้ทราบว่าโรงแรมพึ่งเปิดดำเนินการมาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น บางส่วนก็ยังคงมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ อาทิเช่นกำลังจะมีการสร้างสระน้ำอุ่น และปรับปรุงในส่วนของสปา อ้อ โรงแรมยังให้บริการ wifi ฟรีด้วยครับ แต่สัญญาณก็ลุ่มๆ ดอนๆ ต่อติดบ้างเป็นบางเวลา แต่ก็พอใช้โทรศัพท์ได้ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:26:23

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับส่วนของห้องพักนั้น ใช้การตกแต่งไสตล์พื้นเมืองภูฏาน ผสมผสานกับงานก่อสร้างแบบไทยๆ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:30:54

ความคิดเห็นที่ 5 วิวของทุกห้องจะมองเห็นภูเขาครับ ตอนเช้าๆ ก็จะมีหมอกปกคลุมยอดเขาอยู่ตลอด จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:32:10

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนของห้องน้ำทำออกมาให้มีทั้งอ่าง และฝักบัว แช่อ่างไป มองวิวไป ไม่รู้มีชาวภูฏานคนไหนเป็นตากุ้งยิงกันบ้างรึเปล่า (ฮา)  จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:33:55

ความคิดเห็นที่ 7 ในห้องไม่มีโทรทัศน์ครับ ตอนแรกเข้าใจว่าทางโรงแรมคงอยากให้ได้มาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตัดขาดจากทางโลกไปเลย แต่พอถามดูถึงได้รู้ว่าทางโรงแรมก็มีแพลนว่าจะเอาทีวีมาใส่เหมือนกัน แต่ติดที่ว่าจะต้องส่งไปจากประเทศไทย ดังนั้นจึงมีห้องที่มีโทรทัศน์อยู่ไม่กี่ห้องเท่านั้น (ในตอนนี้) พอตกกลางคืนก็เงียบมาก ผลพลอยได้จากการไม่มีโทรทัศน์ดูก็คือนอนหัวค่ำ ตื่นแต่เช้า รู้สึกชีวิตมีคุณภาพมาก จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:37:08

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องขอกล่าวถึงส่วนของอาหารกันบ้าง เนื่องจากเป็นโรงแรมไทย เราจึงมีอาหารไทยรสชาติคุ้นลิ้นให้ได้รับประทานกัน วัตถุดิบบางอย่างหาไม่ได้ในภูฏาน เชฟคนเก่งของเราก็ใช้จินตนาการฟิวชั่นอาหารไทยออกมาได้อย่างถูกปาก อาหารหลายจานที่ผมได้รับประทานที่นี่ ผมก็ได้จดสูตรมาลองทำทานเองที่บ้าน อย่างเช่นผัดบล้อกโคลี่ปลาเค็ม เป็นต้น สำหรับท่านนักเดินทางที่ท้องไม่รับอาหารต่างชาติมากนัก มาพักที่นี่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเลยครับ  บรรยากาศห้องอาหาร ซึ่งมีระเบียงให้สามารถเดินออกไปนอนนับดาวได้ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:41:07

ความคิดเห็นที่ 9 ในโปรแกรม ทางโรงแรมจะจัดให้มีการแสดงพร้อมบาบีคิวด้วยหนึ่งคืน ซึ่งการแสดงก็จะเป็นการร้องเพลงและเต้นรำประจำชาติของภูฏาน รวมถึงมีการระบำหน้ากากที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวภูฏานด้วย ซึ่งในคืนนี้ เราจะได้ทดลองแต่งกายด้วยชุดประจำชาติของภูฏาน สำหรับสุภาพบุรุษ เรียกว่า gho สำหรับสุภาพสตรี เรียกว่า kera จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:42:58

ความคิดเห็นที่ 10 เครื่องดนตรีประกอบการแสดงใช้ไม่กี่ชิ้น มีเครื่องสาย 2 ชิ้น แล้วก็เครื่องเคาะที่ผู้เต้นแต่ละคนจะเป็นผู้เคาะ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:46:18

ความคิดเห็นที่ 11 บรรยากาศโดยรอบของโรงแรมก็มีการนำของกระจุ้กกระจิ้กมาประดับตกแต่งตามมุมต่างๆ ก็น่ารักน่าถ่ายรูปดี จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:50:22

ความคิดเห็นที่ 12 ผ้าผืนนี้ปักเป็นรูปมังกรสายฟ้า สัญลักษณ์ของประเทศภูฏาน จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:51:43

ความคิดเห็นที่ 13 ออกมาเดินเล่นข้างนอกก็พบว่าเป็นวันที่ฟ้าสดใส (ก่อนจะทึมๆ หม่นๆ ไปอีกสองวัน)  จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:55:05

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนที่ออกจะผิดหวังอยู่บ้างก็คือสปา โรงแรมไทยควรที่จะมีความโดดเด่นในการให้บริการด้านสปา แต่สปาของ Haven Paro นั้นอาจจะยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร คาดว่าอาจจะด้วยความที่มีพนักงานสปาเป็นชาวภูฏาน แม้ว่าบางส่วนจะมาเรียนรู้ศิลปะการนวดที่เมืองไทย แต่อีกส่วนหนึ่งก็ไปเรียนรู้มาจากอินเดีย การปฏิบัติงานก็อาจจะยังสู้สปาไทยแท้ๆ ไม่ได้ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 02:56:50

ความคิดเห็นที่ 15 Taktsang Monastery ประวัติความเป็นมา ตามที่คุณ accytu46 ได้กล่าวถึงไปบ้างแล้วเกี่ยวกับตำนานว่าท่านคุรุรินโปเช (Guru Rinpoche หรือ Padmasambhava) ได้เป็นผู้เดินทางมายังหน้าผาที่เป็นที่ตั้ง Taktsang ในปัจจุบัน ตำนานกล่าวไว้ว่า Yeshe Tsogyal ซึ่งเป็นมเหสีของกษัตริย์ Trisong Detsen แห่งฑิเบต ได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธจึงได้แปลงร่างเป็นเสือให้ท่านคุรุรินโปขี่ และพาเหาะเหินมายังถ้ำบนผาเพื่อให้ท่านคุรุรินโปเชใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิ ภาพจิตกรรมฝาผนังที่ Paro Rinpung Dzong แสดงท่านคุรุรินโปขี่หลังเสือ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:05:25

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับการก่อสร้าง Taktsang Monastery นั้น Gyalse Tenzin Rabgye ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่สี่ของภูฏานได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการก่อสร้างขึ้นหลังจากที่ท่านได้เดินทางไปยัง Taktsang ในปี ค.ศ. 1692 ซึ่งก็มีตำนานกล่าวไว้อีกว่าท่าน Tenzin Rabgye นั้น อันที่จริงก็คือท่านคุรุรินโปเชกลับมาเกิดนั่นเอง โดยได้มีเรื่องเล่าว่าท่าน Tenzin Rabgye ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารโดยปรากฏตัวให้เห็นทั้งในถ้ำที่ใช้นั่งสมาธิ และนอกถ้ำในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้อาหารจำนวนน้อยนิดก็พอที่จะเลี้ยงปากท้องของผู้ร่วมเดินทางไปกับท่าน Tenzin Rabgye ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยังมีตำนานอื่นๆ อีกมากเช่นไม่มีผู้ใดในกลุ่มผู้เดินทางได้รับบาดเจ็บจากการพลัดตกเขาเลย แม้ว่าเส้นทางการเดินทางจะแคบและชันมากก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1998 ไฟไหม้ครั้งใหญ่ก็ได้ทำลายอาคารดั้งเดิมตั้งแต่สมัยของท่าน Tenzin Rabgye ไปหลายส่วน รัฐบาลภูฏานจึงได้ทำการบูรณะ Taktsang Monastery กันยกใหญ่ จนมาสำเร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 2005 ภาพถ่าย Taktsang Monastery ที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ โดย Wufgaeng source: flickr จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:20:46

ความคิดเห็นที่ 17 การเดินทาง การเดินทางขึ้น Taktsang Monastery ซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูง 3,120 เมตร นั้น สามารถทำได้โดยการเดิน หรือการนั่งม้าล่อ แต่การนั่งม้าล่อนั้นก็จะไปได้แค่สามในสี่ของระยะทางขึ้นเท่านั้น ซึ่งระยะทางที่เหลือนั้นจะเป็นขั้นบันได ซึ่งในระยะแรกจะเป็นการเดินลงบันได แต่พอลงไปถึงก้นหุบเขาแล้วทีนี้ก็จะต้องปีนขึ้นบันไดกันยาวเหยียดเลยทีเดียว รูปน้องล่อตัวน้อยๆ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:23:19

ความคิดเห็นที่ 18 ในขณะที่ขาลงนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเดิน ถ้าไม่นับตอนที่จะต้องปีนบันไดขึ้นมาจากหุบเขาอีกครั้งแล้ว ก็ถือว่าขาลงไม่กินแรงเท่าขาขึ้น แต่อาจมีปัญหาบ้างสำหรับคนที่เข่ามีปัญหา จากรูปจะเห็นช่วงที่ต้องเดินขึ้นยาวเหยียดก่อนถึงตัววิหาร จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:26:19

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนขาขึ้นผมเลือกที่จะเดิน ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เหนื่อยพอสมควรครับ ทางขึ้นกับทางลงใช้เส้นทางเดียวกัน จริงๆ ผมว่าถ้าไม่ฟิตจริงๆ ก็นั่งม้าล่อขึ้นประหยัดแรง แล้วขาลงค่อยเดินถ่ายรูปก็ได้  แต่สำหรับคนที่คิดว่าอาจจะเดินขึ้นบันไดไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะนั่งม้าล่อขึ้นไปจิบชาร้อนๆ นั่งชมความงามของ Taktsang Monastery ที่โรงน้ำชาซึ่งตั้งอยู่กลางทางก็ได้ แล้วค่อยๆ เดินลงมา ภาพถ่ายบริเวณก่อนถึงจุดพักโรงน้ำชา ซึ่งจะมองเห็น Taktsang ชัดเจน จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:29:18

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับภูฏานแล้ว มองไปทางไหนก็จะเห็นธงมนตราอยู่ตลอด ในรูปเป็นช่วงที่เดินลงมาถึงก้นหุบเขา ก่อนที่จะต้องปีนป่ายขั้นบันไดไปต่อ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:32:39

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้ก็มาถึงบทสรุปแล้วครับกับการรีวิวโรงแรม และการบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางในครั้งนี้ ภูฏานในความรู้สึกส่วนตัวของผมนั้นเป็นประเทศที่ถ้าอยากไป ก็ควรที่จะต้องไปภายใน 5 ปีนี้ครับ เพราะผมเองก็รู้สึกได้ถึงการพัฒนาทางวัตถุ ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วัยรุ่นบางคนเลิกแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ หันมาแต่งตัวตามขวัญใจซุปเปอร์สตาร์เกาหลีที่พวกเขาติดตาม ผมหวังว่าข้อมูลที่ผมรวบรวมทั้งจากประสบการณ์ตรง และได้ไปค้นหาเพิ่มเติมจะพอเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่คิดจะเดินทางไปเยี่ยมชมดินแดนแห่งมังกรสายฟ้าบ้างครับ ขอบคุณ และสวัสดีครับ  ลากันไปด้วยรูป Taktsang จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:37:09

ความคิดเห็นที่ 22 สวยมากครับ อยากไปบ้าง ไม่ทราบจะต้องติดต่อทัวร์ไปยังไงครับ ทราบว่าแพงเอาเรื่องอยู่ แต่ผมว่ามันก็คุ้มค่าที่ได้เข้าไปสัมผัสครับ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าปีหน้าจะไปปีนเขาหิมะที่พม่า หรือ จะไปเที่ยว ภูตาน ดี จากคุณ : vuddiken เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 05:29:15

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ ได้ข้อมูลใหม่ๆเยอะเลย แค่เห็นทางเดินก็เหนื่อยแล้ว ^__^ จากคุณ : dcapar เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 05:33:42

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ^^ จากคุณ : Holly เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:49:29

ความคิดเห็นที่ 25 ตามไปเที่ยวภูฏาน ด้วยคนค่ะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:50:44

ความคิดเห็นที่ 26 บรรยากาศดูดีมากๆเลยครับ การได้ไปพักผ่อนแบบตัดขาดจากวิถีชีวิตเดิมๆบ้าง ก็เป็นความสุขไปอีกแบบ จากคุณ : TeeChoco เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 09:27:31

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : ด.ช.ฤดูร้อน เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 10:15:12

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับรีวิว และภาพสวยๆที่นำมาฝากนะครับบบ........ จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 10:35:07

ความคิดเห็นที่ 29 น่าไปเที่ยวมากเลยครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 12:43:47

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบคุณ vuddiken  การไปเที่ยวภูฏานนั้น ต้องไปกับทัวร์ครับ เนื่องจากรัฐบาลภูฏานจะกำหนดให้นักท่องเที่ยวมีรายจ่ายในการท่องเที่ยวขั้นต่ำ 200usd ต่อคนต่อวัน (จะขึ้นเป็น 250usd ในปีหน้า) ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะรวมทุกอย่างทั้งค่าที่พัก ค่ายานพาหนะ ค่าไกด์ ค่่าอาหารการกิน และรัฐบาลจะหักเงินส่วนนี้จากทัวร์ก่อน แต่ผมเห็นมีหลายบริษัทก็จัดทัวร์ไปครับ แต่ของ haven เขามีทั้งที่พักและทัวร์เลย  การท่องเที่ยวในภูฏานนอกจากไปไหว้พระแล้ว ยังมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูนก เดินป่าด้วยครับ ไกด์เคยเล่าให้ฟังว่าภูฏานมีเส้นทาง trekking ที่ท้าทายติดอันดับโลกอยู่เหมือนกันครับ จากคุณ : tuabigm เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 13:07:11

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพสวยมากๆครับ จริงๆน่าจะรีวิวแบบจัดเต็มก็ดีเลยนะครับ อ่านเพลินมาก จากคุณ : นายเปเล่ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 17:52:44

ความคิดเห็นที่ 32 แวะมาชมและมาตามต่อครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 05:53:45

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยมากค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 08:11:07

ความคิดเห็นที่ 34 สวยยยจังค่ะ...ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ อยากไปบ้างจัง. จากคุณ : wHiTe ShOEs เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 09:36:56

ความคิดเห็นที่ 35 ตามมาชมด้วยคนครับ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 11:29:37

ความคิดเห็นที่ 36 สวยมากคับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : Oshea (Oshea) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 11:59:19