ความคิดเห็นที่ 1 ภาพจากส่วนหนึ่งของตึกเค้ก ในโรม จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:35:20

ความคิดเห็นที่ 2 รอชมครับ... จากคุณ : ทิ้งถ่วง เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:42:25

ความคิดเห็นที่ 3 พวกเรา 4 คนคือนักเดินทางที่ต้องการไปสัมผัสกับความสวยงามของประเทศต่างๆ อย่างแท้จริง มันอาจจะยากลำบากแต่ก็ไม่ถึงกับแสนสาหัส  มันอาจจะ เข้วงคว้าง เพราะเรากำลังยืนอยู่ในโลกใบใหญ่ แล้วก็พยายามไปให้ถึงสิ่งสวยงามของประเทศนั้นๆ ถึงแม้จะเมื่อยเท้า หิวน้ำ หิวข้าวบ้าง แต่มันก็เป็นรสชาติของชีวิต รสชาติที่เราสามารถปรุงแต่งให้เข้มข้นขึ้นได้ด้วยตัวเอง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:45:37

ความคิดเห็นที่ 4 การเที่ยวในแบบฉบับของเรามันก็ไม่ใช่การเที่ยวแบบ ชะโงกทัวร์ แต่ว่าเราต้องศึกษาประวัติของประเทศนั้นๆ มาก่อนที่จะออกไปเห็นด้วยตาจริงๆ เราต้องใช้เวลาเตรียมตัวกับการอ่านประวัติและศึกษาความสำคัญของสิ่งน่าสนใจ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่เราได้อ่านประวัติศาสตร์ เรียนรู้ที่มาของมันจะทำให้การเที่ยวของเราสนุกและมีแก่นสารมากขึ้น ไม่ได้เที่ยวเพราะว่าต้องการสร้างProfile แต่อย่างใด ความสนุกของการเดินทางคือการศึกษาแต่ละย่างก้าวด้วยตัวเอง การที่เราไปยืนอยู่ประเทศนึง แล้วหมุนตัวมองไปรอบๆ พร้อมกับบอกกับตัวเองว่า “ไปทางไหนดีหว่า?” หรือบางที่รู้ว่าต้องไปทางไหนแต่เมื่อไหร่จะได้เห็นก็ไม่รู้ ขึ้นรถไฟ ต่อรถบัส นั่งเครื่องบิน ไกลแสนไกลกว่าจะได้เจอมัน แต่ก็เป็นความตื่นเต้นที่ทัวร์ที่ไหนก็ให้ไม่ได้ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:48:49

ความคิดเห็นที่ 5 พวกเรา เป็นนักเรียนไทยในสวีเดน แล้วก็ออกเดินทางท่องเที่ยวยุโรปเพราะได้วีซ่าแบบเชงเกน เราก็เลยวางแผนเที่ยว มากกว่าเรียนซะอีก จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:50:36

ความคิดเห็นที่ 6 เพื่อนหลายๆ คนสงสัยว่าทำไมเราถึงได้ไปเที่ยวมากมายหลายที่ขนาดนี้ หลังบ้านมีบ่อน้ำมันหรอ หรือแม่ปั้มเงินใช้เอง ต้องขอบอกเลยว่าหลังบ้านมีบ่อปลากัด แล้วแม่ก็ไม่ได้ปั้มเงินเอง แต่ตอนอยู่สวีเดนรู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกันเค้าก็ไปกันทั้งนั้น เลยไม่ได้คิดอะไรมาก บางคนไปมากกว่าเราด้วยซ้ำแถมอยู่นานกว่าเราด้วย อยู่กันเป็นเดือนๆ เลยก็มี ทริปเราเป็นทริป Economic บางคนก็ขับรถกันไปเองได้ความรู้สึกไปอีกแบบ แต่ของเราส่วนใหญ่จะไปด้วยรถไฟ เพื่อไปยังเมืองต่างๆ เคล็ดลับการเที่ยวของพวกเรา ก็มีแค่ใจ กับ ปากที่คอย ถามๆๆๆๆ แล้วก็ถาม ถามไปตลอดทาง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:51:32

ความคิดเห็นที่ 8 เราเริ่มเดินทางกันวันที่ 17 ธันวา เป็นช่วงหน้าหนาว สวีเดนหิมะตกหนามาก แต่ที่อิตาลี่แดดร้อน แต่ลมหนาว ฉะนั้นการเลือกเสื้อผ้าเลยงงๆ เล็กน้อย เพราะตอนกลางวันแดดร้อนแต่ว่าตอนเย็นก็หนาวใช่เล่นเหมือนกัน เราเอาบูธ เสื้อคลุมแขนยาวไม่หนามาก แล้วก็ jacket หนาๆ 1 ตัวไว้คลุมตอนเย็น ส่วนตอนกลางวันก็ถอด jacket ออก เหลือเสื้อคลุมแขนยาว กับเสื้อด้านไหน 2 ตัว จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:53:46

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อพร้อมแล้ว จากสวีเดนมุ่งหน้าสู่โรมประเทศอิตาลี่ โดยสายการบิน Ryan air ซึ่งเป็นสายการบินสุดฮิปของนักเรียนไทยที่มาเรียนสวีเดน เพราะราคามันถูกมากกกกกกกก แต่ก็แล้วแต่จังหวะและโอกาสนะ ถ้าจองล่วงหน้านานหน่อยก็จะถูกมาก แต่โดยทั่วไปแล้วสายการบินนี้เป็นสายการบินราคาถูก ไม่รู้ว่าถูกที่สุดรึเปล่าแต่ก็สามารถเอาเราจาก Stockholm (Skavsta) (NYO) to Rome (Ciampino) (CIA) ด้วยราคา 378.22 SEK คิดแบบง่าย ตีเป็น 400 SEK ไปเลยแล้วกันอันนี้รวมภาษี ค่าธรรมเนียมอะไรทุกอย่างแล้วนะ 400 โครน คิดเป็นเงินไทยก็ไม่เกิน 2,000 บาทเห็นราคาแล้วอยากบินไปให้ถ้วนทั่ว “บร๊ะเจ้าอ่าไรกานนี่“ตั๋วเครื่องบินคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจออกเดินทางกันอย่างง่ายดาย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:55:18

ความคิดเห็นที่ 10 ทว่าถึงอิตาลี่จะต้องมาเจอชายหนุ่มรูปงามเหมือนเดวิดที่ไมเคิลแองเจโล่ได้ปั้นเอาไว้ ดังนั้นภาระกิจในการมาเยือนอิตาลี่ในครั้งนี้คือ การตามหาพี่เดวิด “ ใครหนอ? จะเป็นพี่เดวิดของพวกเรา” จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:55:57

ความคิดเห็นที่ 11 พูดยังไม่ทันขาดคำ ณ สายการบินสุดฮิปของพวกเรา ทันใดนั้น เราก็เจอหนุ่มรูปงาม ตัวสูง ขายาว ผมหยักโสกสีน้ำตาลทองยาวประมาณติ่หูบน อกผาย ไหล่ผึ่ง หน้าตึงคอตั้ง ก้มตัวไปหยิมกระเป๋า เห็นกล้ามเนื้อที่มือและแขนขึ้นอย่างชัดเจน โอ้แม่เจ้า………….. นี่มันพี่เดวิดชัดๆ เจอแล้ววววววววว พวกเราเจอแย้วววววว ทันใดนั้นพวกเราต่างจับจ้องไปที่พี่เดวิดและเดินตามกันเป็นระยะ เหมือนพวกโรคจิต แต่ก็ต้องผ่าน ต.ม โน่นนี่ ทำให้พวกเราคลาดกับพี่เดวิด แต่พอออกมารอรถไป Rome Centrum เหมือนปะเนื้อคู่ เราเจอพี่เดวิดอีกครั้ง รอรถคันเดียวกันกับพวกเรา แอร๊ยยยย ยื่นใกล้กันด้วยยย หลังจากนั้นพวกเราก็สวมแว่นดำแล้วแอบมองพี่เดวิดกันเป็นระยะ ยื้อแย่งกันมาเป็นของตัวเองโดยที่พี่เดวิดเค้าไม่รู้ตัวเลยซักนิด จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 13:57:39

ความคิดเห็นที่ 12 เรารอรถบัสเพื่อจะไปยังตัวเมืองของโรมจุดมุ่งหมายหลักของเรา รสบัส Terravision ชื่อคล้ายโทรทัศน์ เราจองบัสคันนี้จากในเว็บไซค์ของ Ryan air อ่ะแหละ อันที่จริงเราว่าไม่ต้องจองก็ได้มั่ง เพราะเห็นก็มีคนไปซื้อที่แถวราคาก็ไม่ต่างกันแถม ไม่ต้องยืนรอรถเทเลวิชั่นไรนี่ด้วยมีตั้งหลายคันให้เลือก แต่เราจองแล้ว+ดวงสมพงษ์กับพี่เดวิดทำให้เราต้องยืนรอ ราคาบัสตอนที่เราไปมัน 4 Euro ก็ประมาณ 168 บาท จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:01:02

ความคิดเห็นที่ 13 นั่งรถไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ เกือบสองชั่วโมง ดูบ้านเรือนผู้คนไปเรื่อย รถในอิตาลี่ส่วนใหญ่เค้านิยมขับรถคันเล็กๆ ประโยชน์คือจะได้จอดสะดวก คนที่นี่จอดรถกันแบบว่า ฟุตบาทไม่แคร์ เบียดแบบห่างกันไม่เกินมิล ทำได้งัยไม่รู้ มืออาชีพมาก และสุดท้ายหลังจาก ดูวิวบ้างหลับบ้าง มองผมพี่เดวิดบ้าง เราก็มาถึง โรม จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:02:07

ความคิดเห็นที่ 14 สิ่งแรกที่ทำคือหาของกิน แบบว่าหิวมากแล้วตอนนั้นการใช้เงินไรก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง อิตาลี่ใช้เงินยูโร คืออยากจัดหนักให้กับท้องตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะกินอะไร เหลือบไปเห็นพิซซ่า เอาว่ะมาถึงอิตาลี่น่าจะได้กินพิซซ่าแบบแท้ๆ ต้นตำหรับกันซักที แล้วพวกเราก็ตรงดิ่งไปที่ ร้านที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุด ถ้ามองเข้าสถานีรถไฟร้านจะอยู่ขวามือ เป็นร้านเก่าๆ อับๆ ไม่มีคน เราก็คิดว่ามันไม่น่าจะแพงเท่าไหร่ ราคาหน้าร้านดูดพวกเราเข้าไปด้วยราคา 1.30 Euro โอ้วถูก จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:04:08

ความคิดเห็นที่ 15 แต่พอเข้าไป เราก็งงๆ เลือกหน้าพิซซ่าไม่ถูกเอาอันไหนดีหว่า คนขายก็ชักสีหน้าเร่งพวกเรา ก็เลยจิ้มเอาอันนี้ แล้วเค้าก็ถามเอาเท่าไหร่ เอออออ “เอาเท่าไหร่ไรว่ะก็ตัดมาดิขายเท่าไหนอ่ะ” แต่ว่าพิซซ่าที่นี่เค้าขายตามน้ำหนัก เราบอกเอาเท่าราคาหน้าร้านเค้าก็บอกว่าแค่นี้เองนะมันน้อยมาก เออ เราก็เห็นว่ามันน้อยจริงเลย ให้เค้ากระเทิบมีดที่จะหั่นออกไปนิดส์นึง สรุปโดนไปเกือบสามยูโร จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:05:17

ความคิดเห็นที่ 16 คนขายถามอีกจะกินวันนี้หรือพรุ่งนี้ พูดจาแดกดันกันจัง มีหน้ามาถามอีกนะเพิ่งมาอิตาลี่ครั้งแรกใช่มั้ย? เพราะพวกเรางงกับการใช้เหรียญยูโรมากๆ “ถ้าชั้นเคยมาแล้วชั้นไม่กลับมาร้านแกอีกแน่ๆ ไอบ้า เอ้ย!” จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:06:44

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วพวกเราก็มานั่งที่โต๊ะกินพิซซ่าหน้าหืนๆ  จากนั้นเราก็กางแผนที่ ด้วยความที่ไม่เคยไปเที่ยวไหนมาก่อนแผนที่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แผนที่ทั้งหลายสามารถเอาได้ที่ Information ที่สนามบินหรือในสถานีรถไฟ แต่พวกเราเป็นพวกมีความมั่นใจสูง กินเสร็จออกไปหน้าร้านไม่ถามใครทั้งสิ้นเดินลูกเดียว พร้อมกระเป๋าลากของพวกเรา ลากกันไป ลงฟุตบาทเอ้าเป๋าคว่ำ ไฟแดงให้คนข้ามก็เร้าใจเหลือเกิน ให้เวลากันน้อยไปมั้ย ลากไม่ทันถึงครึ่งเขียวแล่ว ตอนนี้ขอบอกว่าร่างกายเหนื่อยมากแต่ต้องเดิน เจอไรถ่ายรูปหมดกลัวพลาด จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:08:26

ความคิดเห็นที่ 18 เป้าหมายแรกของเราในโรมคือ นครวาติกัน เพราะพวกเราจอง Hostel กันไว้ที่นั่น แล้ววาติกันกับสถานีรถไฟมันก็ไกลกันง่ะ เราเดินมาซักพักใหญ่ถ่ายรูป รถ ต้นไม้ ใบหญ้ากันมาเรื่อย จนรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง เลยถามคนแถวนั้น จะไปวาติกันไปงัยคร่ะ? แล้วคนนั้นก็ชี้กลับไปจากทางที่เราเดินมา เล่นเอาหอบเกือบรับทาน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:09:19

ความคิดเห็นที่ 19 เดินหานครวาติกัน ถามทางคนไปเรื่อยเพราะกลัวพลาดอีก คนแถวนั้นก็ชี้ตรงไปๆ โอเคตรงๆนะอย่าเลี้ยวนะ และในระหว่างที่เรากำลังพุ่งตรงไปข้างหน้า เราแอบเหลือบไปเห็นอะไรใหญ่ๆ อยู่ทางซ้าย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:10:09

ความคิดเห็นที่ 20 เห้ย! นั่นมันโคลอสโซนี่หว่า อ่าวววว เจอแย้วววววววววว ใครจะบอกให้เราตรงไปก็ช่างแต่ตอนนี้ขอไปซ้ายก่อนเหอะ โอ้มายก้อดดดดด มันใหญ่และอลังการมากเลย มันประทับใจบอกไม่ถูก ในที่สุดเราก็ได้มาเห็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:10:57

ความคิดเห็นที่ 21 ก้าวแรกกับการผจญภัย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:12:13

ความคิดเห็นที่ 22 สนามกีฬาโคลอสเซียม (colosseum) สนามกีฬาโรมันเก่าแก่กว่า 2000 ปี จุได้ถึง 50,000 คน ยิ่งใหญ่อลังการอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอฟังเบื้องหลังแล้วก็เกิดความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันสำหรับ gladiator ให้คนสู้กับสัตว์ หรือสัตว์สู้กับสัตว์เอง คือแบบมีพวกเชลยศึกและนักโทษที่นำมาต่อสู้กับสัตว์ตายเป็นหมื่นๆ คน และสัตว์ป่าที่จับมาจากทวีปแอฟริกาและเอเชียตายเป็นหมื่นๆ ตัว สร้างซะยิ่งใหญ่เพื่อดูคนตายต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ ป่าเถื่อนที่สุด จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:13:25

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วพวกเราก็ไม่รอช้ากับการถ่ายรูปเพราะกลัวแสงจะหมด เอากันซะมันส์ พื้นที่นี้ข้าจอง เราขึ้นไปยืนบนกำแพง หันหน้ามองเจ้าโคลอสโซ ทางซ้ายคล้ายๆ กับสถานีรถไฟที่เราเดินมาเลยอ่ะ ฮือๆๆ เดินอ้อมกันทำไมเนี่ย คือเดินออกจากร้านพิซซ่า ถ้าเราไปซ้ายแล้วตรงไป เรื่อยๆ เราจะไม่ต้องอ้อมกันขนาดนี้ หรือมาทางขวาก็ได้ แต่จำไว้มาโรม ตรงไป! อย่าเลี้ยว เลี้ยวเมื่อคุณเจอมันแล้วเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:17:04

ความคิดเห็นที่ 24 มุมที่เราเจอโคลอสโซ เป็นมุมสูงอยู่บนเขา จากนั้นเราก็เดินลงไปข้างล่างถ้าใครต้องการ เข้าไปด้านในของโคลอสโซ และถัดไปทางขาวถ้าหันหน้าเข้าโคลอสโซ จะเจอประตูชัยจักรพรรดิคอนสแตนติน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:18:19

ความคิดเห็นที่ 25 ประตูชัยจักรพรรดิคอนสแตนติน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:19:00

ความคิดเห็นที่ 26 ประตูชัย (arch) พวกโรมันนิยมสร้างประตูชัยเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ ชนะทีก็สร้างที ที่เห็นอย่างน้อยๆ ก็มี 3 ประตู   ประตูนี้อยู่ในสภาพดีที่สุด มีชื่อว่า Arch of Constantine สร้างโดยจักรพรรดิคอนสแตนติน ผู้ที่ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งปัจจุบันคือเมืองอิสตันบูลในประเทศตุรกี จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:20:31

ความคิดเห็นที่ 27 ประวัติหรือที่มา เก๋มากแต่อยากให้ ทุกคนศึกษาด้วยตัวเอง เราพึ่งหนังสือของ หมอ กฤษดา ศิรามพุช เค้าไม่ได้เล่าถึงประวัติโดยตรง แต่ว่า ให้แง่มุมที่ดีกับเรามาก ให้เราคิดว่าก่อนจะตัดสินใจเชื่อประวัติศาสตร์อะไรก็ช่างให้มองสองแง่ ให้มองทั้งดีและร้ายของเจ้าของประวัตินั้นๆ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:21:28

ความคิดเห็นที่ 28 ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมาก เหมือนเราหาจิ๊กซอว์ แล้วลำดับเรื่องราว พร้อมออกไปสัมผัสกับสิ่งๆ นั้นด้วยตาของเราจริงๆ มันจะทำให้การมาเยือนของเรา เป็นเรื่องยิ่งใหญ่กว่าที่คุณเที่ยวแล้วไม่รู้ประวัติอะไรของมันมาเลย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:22:15

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วถ้าคุณศึกษา คุณก็จะรู้ว่าประเทศในแถบยุโรป เค้ามีความเกี่ยวพันธ์ กันมาตั้งแต่ในอดีต พอคุณเจอสิ่งนี้คุณก็จะคิดถึง ประเทศนั้นๆ ที่เค้ามีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาด้วย มันแล่นเข้ามาในหัวเราตลอดเวลา ที่เราได้มาเห็นมันด้วยตาของเราเอง เหมือนหลุดเข้าไปในประวัติศาสตร์ แล้วคุณก็จะรู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณขณะนี้ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:23:03

ความคิดเห็นที่ 30 พอเดินลงข้างล่างเข้าไปใกล้โคลอสโซ เราก็จะเจอกับถนนสายหลักซึ่งจะสังเกตุได้ว่าจะมีร้านขายของกิน ของที่ระลึกเต็มไปหมด ถนนสายนี้ถ้าเราย้อนไปในอดีตมันต้องเป็นอะไรที่รุ่งเรือง เหมือนอย่างที่เราเห็นอยู่แน่ๆ เลย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:25:28

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วเราก็เดินเจอซากปะหรักหักพัก เสาหินอ่อนแบบโรมัน อยู่เต็มพื้นที่แห่งนี้ไปหมด มันก็คือโรมันฟอรั่ม (Roman forum) เป็นเขตเมืองเก่ายุคโรมัน ตรงจุดนี้เป็นเป็นศูนย์กลางทุกด้านของกรุงโรมโบราณ ปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการประชุมทางการเมือง การปกครอง มีโบสถ์วิหารสำหรับบูชาเทพเจ้าของโรมัน มีตลาดร้านค้า อาคารที่สำคัญต่างๆ มากมาย ปัจจุบันส่วนใหญ่เหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่ก็ยังเห็นเค้าลางของความยิ่งใหญ่ ที่สำคัญตรงนี้สามารถชมได้ฟรี จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:26:25

ความคิดเห็นที่ 32 บางทีเพื่อนก็กรีดตาให้แรงไปนะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:27:49

ความคิดเห็นที่ 33 พวกเราอยู่กับถนนสายนี้กันพักใหญ่ เพราะว่ามันสวย เหมือนโดนมนต์สะกด ตกหลุมรักเข้าให้แล้วไงหล่ะ ถนนสายนี้ดีมาก เค้าไม่ให้รถเข้าผ่านเยอะเพราะกลัวจะไปทำลายความสวยงามของสถานที่และวัตถุโบราณ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:28:44

ความคิดเห็นที่ 34 เดินมาจนสุดถนนเราก็จะเจอ Monument to Vittorio Emanuele II อนุสาวรีย์นี้เป็นสถานที่สำคัญอันหนึ่งของโรมที่คนโรมไม่ได้ชื่นชนมากซักเท่าไหร่ ตั้งฉายาให้ว่าเครื่องพิมพ์ดีดงี้ เค้กแต่งงานงั้น เดิมทีตึกเค้กอันเนี่ยสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการรวมประเทศ ปัจจุบันใช้เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับทหารนิรนามที่เสียชีวิตในสงคราม ห้ามนั่งเด็ดขาดภายในบริเวณนี้ โอเค? จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:29:51

ความคิดเห็นที่ 35 ตึกเค้ก หรือ ตึกเครื่องพิมพ์ดีด ที่คนอิตเลี่ยน เค้าเหน็บกัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:31:04

ความคิดเห็นที่ 36 เรามีเวลาไม่มากตอนนี้ก็เริ่มเย็นเต็มที ยังไม่ถึงที่พักเลย หลุดเข้าไปในอดีตนานไปหน่อย ไม่ได้แล้วๆ ต้องเร่งแล้ว ถามทางคนไปเรื่อย เค้าก็บอก ตรงไปๆ ตรงไปอีกแระ แล้วเราก็ตรงไป จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:32:40

ความคิดเห็นที่ 37 อันที่จริงเค้าแนะนำว่านั่ง Tramp ไปได้ 1 Euro หรือถ้าใครจะซื้อ Roma Pass 23 Euro มันสามารถใช้ได้ 3 วันนับตั้งแต่เวลาที่ตอกบัตร สามารถใช้ได้ ทั้ง Bus, Tramp, Subway แต่พวกเราเป็นทริปอีโคโนมิค ไม่ขอแนะนำ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:33:17

ความคิดเห็นที่ 38 แต่เดินไปเรื่อยๆ เริ่มไม่ไหวแล้วเราต้องไปให้ถึงที่พักก่อน แบตกล้องหมด แบตคนก็ใกล้จะหมดแล้ว ขอซื้อน้ำ แก้กระหายกันซะหน่อย เออลืมบอกตั้งแต่กินพิซซ่า ยังไม่ได้กินน้ำกันเลยนะ พวกเราซื้อน้ำอัดลมขวดลิตร แบบหุ้นกันมันถูกกว่าง่ะ ราคาก็ประมาณ 2.5 Euro ซื้อขวดเล็กขวดเดียวก็ 1 กว่าแล้วอ่ะ แล้วก็ซื้อขนมปังแบ่งๆกัน Economic ม่ะล่ะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:34:47

ความคิดเห็นที่ 39 ลำพังกระเป๋าก็ทุลักทุเลยังมีขวดน้ำ ถุงขนมมาเป็นภาระอีก พอเดินออกไปกลางถนนใหญ่ เดินข้ามสะพานสู่หอศิลป์ ในอดีตคือ Castle Sant' Angelo สุสานของจักรพรรดิ แต่ว่าตอนนี้เค้า เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ของ ไมเคิลแองเจโล ไปซะแล้วแหละ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:35:33

ความคิดเห็นที่ 40 สะพานสู่หอศิลป์ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:36:30

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ว่าเราเดินข้ามสะพานถัดไป เพราะว่าที่พักอยู่ทางนั้น การจองที่พักไว้ก่อนแล้วหาเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แต่ถ้าไม่จองก็เสี่ยงไม่มีที่นอนอีกอ่ะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:37:31

ความคิดเห็นที่ 42 ฟ้าก็มืดลงๆ ในที่สุดเราก็หาเจอ Hotel Colors หรือโรงแรมสี เข้าไปข้างในมัน สีสมชื่อจริง แดง เขียว ฟ้า ส้ม เหลือง แสบตาไปหมด concept ง่ายๆ แต่ก็ดูสวยดี เราจองโรงแรมนี้จากเว็บ Hostelbookers.com โรงแรมสีเป็นโรงแรมที่ราคาถูกที่สุด 10 Euro นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราเลือก จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:38:33

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนใหญ่จองในเว็บจะเก็บแค่ค่าธรรมเนียม 10% ของราคาที่จ่าย แล้วเราก็ไปจ่ายเงินสดหรือการด์แล้วแต่โรงแรมนั้นๆ พอถึงโรงแรมสี ร่างเราก็เหมือนแหลกสลาย ทุกคนถอดรองเท้าออก กลิ่นอับในรองเท้าแสดงถึงระยะทางที่เราเดินมา มันเหม็นมากกกกกกกกกกกก เรียกว่า เน่าได้เลย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:39:37

ความคิดเห็นที่ 44 เช้าของวันที่ 19 ธันวา พวกเราตื่นขึ้นมา ณ นครวาติกัน เป็นประเทศเอกราชที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:42:20

ความคิดเห็นที่ 45 พวกเราอาบน้ำ กินไรเสร็จ ก็มุ่งหน้าไป มหาววิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่สร้างโดย จักรพรรดิคอนสแตนติน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:43:42

ความคิดเห็นที่ 46 ประตูเข้าทางด้านหน้าวิหารแห่งนี้มี 5 ประตู แต่ที่เปิดให้คนเข้าออกอยู่ประจำมี 4 ประตู ประตูขวาสุดเป็นประตูศักดิ์สิทธิ์เชื่อกันว่าใครได้เดินผ่านประตูนี้ เข้าวิหารไปจะสามารถไถ่บาปได้ แต่เดิมเคยเปิด 100 ปีต่อครั้ง โดยองค์สันตะปาปาทรงเปิดเอง ต่อมาได้มีการเปิดให้น้อยลงหน่อยเป็น 50 ปีต่อครั้ง แล้วลดเหลือ 25 ปีต่อครั้ง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:44:28

ความคิดเห็นที่ 47 ลานกว้างที่พวกเรานั่งอยู่นี้ เรียกว่า Piazza San Pietro สร้างเป็นรูปวงรีล้อมรอบด้วยเสา 284 ต้น บนหลังคามีรูปปั้นของนักบุญ 96 องค์ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:45:42

ความคิดเห็นที่ 48 กลางลานมีเสาโอบิลิสก์ (Obelisk) อายุเก่าแก่กว่า 2000 ปี ที่เชื่อว่าเป็นที่ฝั่งศพนักบุญปีเตอร์ ลานแห่งนี้ในช่วงพิธีสำคัญทางคริสต์ศาสนาจะเป็นที่ชุมนุมของศาสนิกชนจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ที่เราเห็นกันในโทรทัศน์นั่นแหละ จุดนี้เลย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:46:19

ความคิดเห็นที่ 49 จะเข้าไปในตัวโบสถ์ต้องตรวจเชคละเอียดและก็ต่อแถวยาวมากในช่วงเทศการณ์ เราว่าเราก็ไปช่วงเทศกาลนะ แต่ก็ไม่เห็นต่อแถวยาวเท่าไหร่เลย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:46:59

ความคิดเห็นที่ 50 ข้างในมันโอ่อ่า อลังการเป็นที่สุด เราจะเห็นปรัมพิธี ที่สวยงามมากๆ พวกเราเม่อมอง ตั้งแต่บนเพดาน ลงมาที่พื้น เสาทุกต้น กำแพง ประตู มันมีรายละเอียดมากมายไปหมด มันสวยมันเยอะมันอะไร จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:47:34

ความคิดเห็นที่ 51 St Peter จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:48:54

ความคิดเห็นที่ 52 ก่อนออกเราก็เห็นคนมุงดูรูปสลักอะไรซักอย่าง เอ้า! นั่นมันรูปสลักตอนที่เรียนวิชาสังคม คุณครูบอกว่ารูปสลักเนี่ยเป็นรูปสลักที่สวยมาก พริ้วไหวราวกับมีชีวิตแล้วเราก็ได้มาเห็นด้วยตาของเราเอง ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นคือไม่รู้มาก่อนว่ามันอยู่ในวิหารนี้ โอ้ยโชคดีจริง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:50:16

ความคิดเห็นที่ 53 Pieta จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:50:57

ความคิดเห็นที่ 54 จริง รูปสลักนี้ชื่อว่า ปีเอต้า (Piata’) ถูกตั้งไว้ ณ ส่วนที่เป็นโบสถ์เล็กสไตล์ฝรั่งเศส (French Chapel) ที่เรียกว่า Chapel of the Madonna della Febbre ในมุมหนึ่งของ มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ (St. Peter's Cathedral) จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:52:08

ความคิดเห็นที่ 55 คำว่า Piata’มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า ความสงสาร คือเป็นรูปพระแม่มารีประคองร่างพระเยซูที่เอาลงมาจากกางเขน รูปสลักนี้เป็นผลงานของ มิเคลัน เจโล หรือ ไมเคิลแองเจโล่ ยอดศิลปิน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:52:46

ความคิดเห็นที่ 56 นอกจากความวิเศษของตัวผลงานแล้ว รูปสลักชิ้นนี้ยังเป็นผลงานชิ้นเดียว ที่ไมเคิลแองเจโล่สลักลายเซ็นต์ของเค้ากำกับไว้อีกด้วย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:53:18

ความคิดเห็นที่ 57 หลังจากนั้นเราก็เดินออกจากวิหารเซนต์ปีเตอร์ ถ่ายภาพอะไรมาทั่ว แล้วเราก็จะไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Musei Vaticani) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้พลาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะที่แห่งนี้เป็นที่ที่มิเคลันเจโล หรือ ไมเคิลแองเจโล่ได้ประกาศศักดาเอาไว้ให้โลกต้องตะลึง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:53:54

ความคิดเห็นที่ 58 ด้วยภาพเขียนชิ้นเอง ที่เค้าเองได้ลบคำสพประหม่าของคนที่ไม่เชื่อว่าเค้าจะเป็นจิตรกรได้ เค้าคนนี้คือหนึ่งในจิตรกรเอก ผู้ให้กำเนิดยุคใหม่ของศิลปะบาโร้คซึ่งต่อจากสมัยไฮเรอเนซอง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:55:02

ความคิดเห็นที่ 59 Michelangelo Merisi da Caravaggio ไมเคลิแองเจโล่ , มิเคลันเจโล หรือคาราวัคโจ เค้าคือคนคนเดียวกัน ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรเค้าคนนี้ก็คือศิลปินเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในนครวาติกัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:55:28

ความคิดเห็นที่ 60 ไมเคิลแองโจโล่ใช้เวลาอยู่นานในการรังสรรค์ภาพวาดพื้นเพดานวิหารซิสทิน ตามที่โป๊ปจูเลียส ร้องขอ ถึงแม้ว่าการร้องขออันนี้จะเป็นความท้าทาย แต่ไมเคิลแองเจโล่ก็ตบปากรับคำ และทุ่มเทให้งานชิ้นนี้อย่างเต็มที่ ถึงขั้นไม่ยอมกินไม่ยอมนอนกันเลยทีเดียว แถมไม่ยอมให้ใครได้เห็นภาพวาดอันนี้ก่อนถึงแม้จะเป็นพระสันตปาปาก็เหอะ แล้วในที่สุดวันที่แขกผู้มีเกียรติหลายท่านรวมถึงศิลปินคู่อริอย่างบรามันเต้และราฟาเอลด้วย เมื่อผ้าที่บังรูปภาพทั้งหมดถูกเปิดออก ทุกคนก็ถึงกับตะลึงในความสวยงามของมัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:57:03

ความคิดเห็นที่ 61 The last Judgement จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:58:29

ความคิดเห็นที่ 62 อีกภาพหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากๆเช่นเดียวกันคือการภาพการสร้างสรรค์ (The creation) ภาพเฟรสโก้ที่คุ้นตาแต่แฝงรหัสบางอย่างเอาไว้ ภาพที่ดูเหมือนกับกายวิภาคของสมองถ้าลองสังเกตุกันให้ดี แต่กว่าคนจะรู้เรื่องนี้ก็หลังยุคของเจ้าของภาพวาดนานพอสมควรเลยทีเดียว จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:59:08

ความคิดเห็นที่ 63 The Creation จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 14:59:51

ความคิดเห็นที่ 64 แหงนมองไปซะจนปวดคอ มันเยอะ มันยิ่งใหญ่มันอะไรไปหมด แต่เตือนไว้อย่างที่นี้เค้าไม่อนุญาตให้ใช้แฟลชนะจ้ะ และในห้องก็มืดซะ คนก็เยอะกว่าจะได้ภาพสวยๆนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันนะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:00:39

ความคิดเห็นที่ 65 เราให้เวลาอยู่ในนครวาติกันเต็มๆ เลยหนึ่งวัน เพราะแค่เดินที่ Museum อันนี้ก็ครึ่งค่อนวันแล้ว แต่ก็คุ้มค่าจริงๆ น่ะ ถึงแม้จะเสียเงินคนละ 8 euro ก็ตามที (ราคานักเรียน) ทางลงจะเป็นบันไดวนๆ เราว่าลงทางเก่าที่มาก็ได้นะเราว่าเหนื่อยน้อยกว่า แต่ถ้าอยากได้ feel เหมือนพวกเราก็เหนื่อยหน่อย แต่ทุกคนที่ไปก็ต้องเก็บภาพบันได้อันนี้มา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:02:51

ความคิดเห็นที่ 66 วันที่ 20 ธันวา ตะลุยโรมกันต่อไป วันนี้เราจะไปกันที่ Trevi Fountain,  Piazza Navona, Spanish steps และก็ Pantheon จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:04:14

ความคิดเห็นที่ 67 Spanish step  เป็นย่านที่พวกวัยรุ่นหนุ่มสาวมานั่งแฮงก์เอาท์กัน คล้ายสยามบ้านเรา รอบๆ นี้เต็มไปด้วยห้างหรูๆ ขายสินค้าเครื่องประดับมียี่ห้อดังๆ ราคาแพงทั้งหลาย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:06:00

ความคิดเห็นที่ 68 บันไดนี้วัยรุ่นโรมเค้าแฮงค์เอ้าท์กันเราก็ขอนั่งบ้างไรบ้างแล้วกัน จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ เดินลงไปตามย่านช้อปปิ้งเรื่อยๆ ดูแต่ตามืออย่าต้องของมันแพง พอเดินไปจนสุดทาง แล้วก็ถามผู้คนไปตลอดว่าน้ำพุเทรวี่ไปงัย แล้วก็ชี้ตรงไปอีกเช่นเคย และแล้วเราก็ได้ยินเสียงน้ำ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:06:58

ความคิดเห็นที่ 69 น่าสนุก  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:08:17

ความคิดเห็นที่ 70 Trevi Fountain น้ำพุเทรวี่ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโรม เราเห็นดาราคู่รักถ้ามาโรมจะต้องมาถ่ายรูปคู่กับมัน หรือรายการสารคดีท่องเที่ยวต่างๆ ก็มาเยือนไม่ขาดสาย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:08:20

ความคิดเห็นที่ 71 ใครมาที่นี้ก็ต้องไปโยนเหรียญที่น้ำพุแห่งนี้เพื่อให้ได้กลับมาอีกครั้ง เคล็ดลับในการโยนคือให้หันหลังให้น้ำพุ ถือเหรียญด้วยมือขวา แล้วโยนข้ามไหล่ซ้าย เขาว่ากันว่าถ้าโยนลง 2 ครั้งจะได้แฟนเป็นชาวอิตาลี เราโยนไปแล้วแหละ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหรือว่าได้แฟนเป็นคนอิตาเลี่ยน แต่อย่างหลังดูจะยาก เอาเป็นว่าขอให้ได้กลับมาอีกก็พอ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:09:14

ความคิดเห็นที่ 72 เดินตรงไปต่อกันที่ Pantheon วิหารแพนทีออน เป็นอาคารขนาดใหญ่ ที่มีสภาพสมบูรณ์ดีที่สุด บริเวณภายนอกรอบๆ เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม มีนักดนตรี ออกมาขับขานบทเพลงที่เราฟังไม่รู้เรื่องแต่ว่ามันก็เพราะดี ไม่รู้ความหมายแต่ฟังแล้วได้อารมณ์ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:09:59

ความคิดเห็นที่ 73 ดูด้านนอกเหมือนจะเป็นวิหารธรรมดา แต่พอเข้าไปข้างใน เราก็จะเจอกับสถาปัตยกรรมอันชาญฉลาดของมนุษย์ ถึงแม้ว่าในอดีตจะไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างในปัจจุบัน แต่คนในยุคนั้นก็ฉลาดหลักแหลมมากเลยทีเดียว จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:10:44

ความคิดเห็นที่ 74 ด้านนอก Pantheon จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:12:14

ความคิดเห็นที่ 75 เนื่องจากภายในเป็นโดมที่มีขนาดใหญ่มาก ชาวโรมันจึงทำเป็นช่องเปิดตรงกลางเพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาถึง ซึ่งถ้าฝนตกน้ำฝนก็เข้ามาได้ด้วย แต่บริเวณที่เปียกถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด   และความฉลาดของคนโรมันอีกอย่างก็คือ หลังคาของวิหารถูกออกแบบไว้อย่างพิเศษ ไม่เพียงเฉพาะเพื่อความสวยงามเท่านั้นแต่ว่าการออกแบบหลังคาเช่นนี้มีเหตุผลคือทำให้มันไม่พังถล่มลงมา การทำเช่นนี้จะทำให้น้ำหนักของเพดานเบาลง ปัจจุบันวิหารแพนทีออน ข้างในมีหลุมศพของกษัตริย์ผู้ที่เคยปกครองอิตาลี จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:13:24

ความคิดเห็นที่ 76 Pantheon ศิลปะอันชาญฉลาด แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 55 21:39:15 จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:14:17

ความคิดเห็นที่ 77 ไปต่อกันที่ Piazza Navona Piazza Navona จัตุรัสนาโวน่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแพนทีออนมากนักที่นี่เป็นศูนย์รวมของสารพัดสิ่ง ทั้งร้านอาหาร นักดนตรี นักมายากลข้างถนน ศิลปินวาดรูปเหมือน และที่สำคัญคือไมเคิลแองเจโล่ของเราก็ชอบมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:15:28

ความคิดเห็นที่ 78 Pizza Novana จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:18:55

ความคิดเห็นที่ 79 เดิมทีที่ตรงนี้เป็นสนามกีฬาไว้แข่งม้า ตรงกลางจตุรัสปัจจุบันนี้ มีอนุสาวรีย์ของนักปรัชญา “จิออดาโน่ บรูโน่” ช่วงศตวรรษที่ 16 ช่วงนั้นอิตาลียังคงเป็นสังคมที่เรียกว่าเป็นคริสต์แบบสุดโต่ง จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:20:15

ความคิดเห็นที่ 80 จิออดาโนถูกเผาทั้งเป็น ณ จตุรัสแห่งนี้ เพราะความคิดเห็นของเค้าบ้าบอ เช่น เค้าคิดเห็นว่า ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ใช่โลก เป็นต้น ซึ่งความคิดแบบนี้เป็นอะไรที่คนยุคนั้นรับไม่ได้ ถือเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:20:53

ความคิดเห็นที่ 81 หนังสือของจิออดาโน่ถูกขึ้นทะเบียนไว้ใน “รายการหนังสือต้องห้าม” อนุสาวรีย์ของจิออดาโน่ ถูกจัดทำขึ้น โดย Ettore Ferrari ที่ตั้งใจให้อนุสาวรีย์ของจิออดาโน่ หันหน้าไปทางนครวาติกัน เป็นการประกาศว่าต่อแต่นี้ อิตาลี ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎศาสนาจักรอีกต่อไป และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นและพูดในสิ่งที่ตนอยากจะพูดได้โดยเสรี ณ ถนนสายนี้จะเจอจตุรัส The Fountain of four rivers มีสัญญลักษณ์ของแม่น้ำ 4 สายเป็นตัวแทนของ 4 ทวีป จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:21:48

ความคิดเห็นที่ 82 ถามว่าการเที่ยวในโรมจบแค่นี้หรอ ต้องขอบอกเลยว่าไม่ แต่พวกเราอยากเก็บไว้มาเที่ยวอีกครั้ง(ข้ออ้าง) อันที่จริงเพราะค่าโรงแรมไม่ไหวแย้ว เก็บไว้เที่ยวที่อื่นดีกว่า ไงต้องกลับมาที่โรมอีกแน่นอน แต่ตอนนี้เอาไว้ก่อนเนื่องจากงบจำกัด แต่ถ้าใครที่งบเหลือหรือคิดจะตรงดิ่งมาที่นี่ที่เดียว ที่โรมเค้าก็มีอะไรอีกตั้งมากมาย จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:22:35

ความคิดเห็นที่ 83 มาโรมครั้งเดียวไม่พอจริงๆ มันมีอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ไปไม่หวาดไม่ไหว แต่ว่าเราต้องของพักกับโรมไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันแล้ว และคงได้พบกันอีก I LOVE ROMA จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:25:23

ความคิดเห็นที่ 84 สิ่งที่ทำให้พวกเราเสียวไส้ก็คือ เราไม่รู้อะไรเลย ระหว่างทางการขึ้นลง รถไฟ เราขึ้นผิด และทำผิดกฎ จนโดนไล่ลงจากรถไฟ ในขณะที่เราจะไปต่อยังเมือง ฟิเรนเซ่   แล้วจะมา Review ความสวยงามของ Ferienze กันต่อน่ะค่ะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 15:27:48

ความคิดเห็นที่ 85 ประเทศอิตาลี่ เล็งไว้มานานแล้ววว ลูกๆชอบกินพิซซ่าเตาถ่านกับเปเน่ครีมซอส ที่ร้านอาหารอิตาลี่แถวพัทยา  ไม่รู้ว่าอาหารอิตาลี่แท้ๆนี่อร่อยเข้มข้นถึงชีสสสมั๊ยค๊าา จากคุณ : อยากไปอลาสก้า เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 16:30:26

ความคิดเห็นที่ 86 ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ... เจ้าของกระทู้สวยน่ารักจังค่ะ... รูปถ้าให้ใหญ่อีกหน่อยก็จะดีนะคะ .... จากคุณ : ป้าปุ๊ (thai orchid) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 18:06:10

ความคิดเห็นที่ 87 หลงรักโรมเช่นกันค่ะ..และชอบศึกษาประวัติศาตร์เพื่อความรู้และอรรถรส และแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวเหมือนกัน มันทำให้ตื่นเต้นหรือ amezing เมื่อได้มีโอกาสไปพบ สัมผัสจริงๆค่ะ จากคุณ : audray เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 21:43:55

ความคิดเห็นที่ 88 บรรยายไดดีดี และน่าติดตามมากครับ แม้ภาพจะน้อย แต่อ่านแล้วจินตนาการได้ดีเลยทีเดียว แต่งหน้งสือแนวท่องเที่ยวได้เลยนะผมว่า แต่ขอภาพประกอบเยอะหน่อยเท่านั้นเอง 55555+ จากคุณ : stevyboy26 เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 22:45:45

ความคิดเห็นที่ 89 ภาพคุณ audray ไปตอนไหนค่ะนั้น ดูวิหารในวาติกัน คนเยอะจัง ของเราไปไม่ต้องต่อคิวไรเลย สบายๆ ไปช่วงคริสต์มาสด้วย คนน้อยอ่ะงงเหมือนกัน จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 54 14:42:50

ความคิดเห็นที่ 90 ต้องขอโทษมาตอบช้านะคะ จขกท .... เราไปเมษายน พอดีวันนั้น โปป เสด็จค่ะ เราก็ไม่ทราบล่วงหน้าแต่ถือเป็นโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่งได้เจอ โปป ตัวจริงเสียงจริง.. เราก็ไม่ได้ต่อคิวนานมากนะคะ ตอนเข้าไปในมิวเซี่ยมก็ต่อคิวประมาณครึ่ง ชม เอง จากคุณ : audray เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 08:07:52

ความคิดเห็นที่ 91 อ่านแล้วอยาก backpack ไปเที่ยวโรมเลยค่ะ อานเพลินแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย จากคุณ : นิวลี่ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 17:04:38

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอนเม้น มีกำลังที่จะเขียนเยอะเลย อยากให้สิ่งที่เขียนเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอเที่ยวให้สนุก ไม่หลง ไม่พลาด จะได้เก็บรูปสวยๆ มาฝากเยอะๆ น่ะค่ะ จากคุณ : อาหลาซิ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 21:26:27