ความคิดเห็นที่ 1 เดินตรงไปจนสุดถนนคนเดิน ถึงสามแยกชนกับประตูทางเข้า Varin Village ที่แง้มไว้เล็กน้อย คนเฝ้าประตูส่องไฟฉายดูว่าใครเดินเข้ามาแต่เช้ามืด ส่องไฟฉายกลับไปทักทายแล้วเดินผ่านโดยไม่มีคำถามใดๆ คงเป็นที่คุ้นชินสำหรับคนเฝ้าประตู ที่นักท่องเที่ยวมักใช้เส้นทางนี้ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวชาวเล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:43:58

ความคิดเห็นที่ 2 เดินไปในความมืดประมาณ 100 เมตรก็ถึงหาดชาวเล หรือ"Sunrise Beach" ปักหลักตั้งกล้องอยู่ที่ชานพักของบังกะโลริมชายหาดหลังหนึ่งอย่างเงียบๆ ไม่รบกวนแขกที่อาจพักอยู่ มองไปทางขวาเห็นเกาะกระและเกาะโต๊ะเสน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:44:19

ความคิดเห็นที่ 3 มองไปทางซ้าย หมู่บ้านชาวเลอูรักลาโว้ย ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:44:39

ความคิดเห็นที่ 4 5.15 น.ฟ้าเริ่มสว่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:44:59

ความคิดเห็นที่ 5 ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหนา ดูท่าว่าวันนี้คงมีฝน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:45:23

ความคิดเห็นที่ 6 การเดินทางมาเกาะหลีเป๊ะครั้งนี้ พลาดการเก็บภาพพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:45:42

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อหมดหวังที่จะได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้น จึงไม่เสียเวลารอที่หาดชาวเลอีกต่อไป ขืนรอต่อ คงพลาดการเก็บภาพพระสงฆ์บนเกาะหลีเป๊ะออกเดินบิณฑบาต จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:46:04

ความคิดเห็นที่ 8 6.39 น. เดินกลับออกมาถึงหน้าทางเข้าถนนคนเดินฝั่งอ่าวพัทยา มองไปทางขวา แถวพระสงฆสามรูปกำลังรับบาตรจากชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะ พระสงฆ์ทั้งสามรูปมาจากวัดหาญทะเล วัดไทยเพียงแห่งเดียวบนเกาะหลีเป๊ะ เดินมาตามถนนคนเดิน จากนั้นเลี้ยวขวารับบาตรไปจนถึงพัทยา 2 รีสอร์ท ก่อนเดินย้อนกลับมาที่บันดาหยารีสอร์ท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:46:27

ความคิดเห็นที่ 9 หยุดรอพระเดินย้อนกลับมาอยู่ที่หน้าดาหยารีสอร์ท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:46:46

ความคิดเห็นที่ 10 จากนั้นเดินตามแถวพระที่หยุดรับบาตรเป็นช่วงๆ ไม่ได้เตรียมของมาใส่บาตร จึงถวายปัจจัยแทน "มาจากไหนละโยม ?" "กรุงเทพฯครับ" "น้ำท่วมหรือเปล่า ?" "โชคดีที่ไม่ท่วมครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:47:06

ความคิดเห็นที่ 11 พระสงฆ์รับบาตรจุดสุดท้ายที่หน้าบันดาหยารีสอร์ท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:47:29

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้นเดินย้อนกลับ เลี้ยวขวาเข้าถนนคนเดินเพื่อกลับวัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:47:48

ความคิดเห็นที่ 13 ตลอดทางของการเดินบิณฑบาต จะมีฝูงสุนัขในแต่ละถิ่นเดินตามส่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:48:09

ความคิดเห็นที่ 14 พระสงฆ์บิณฑบาตบนเกาะหลีเป๊ะ สตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:48:34

ความคิดเห็นที่ 15 7.00 น.กลับที่พักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:49:06

ความคิดเห็นที่ 16 เก็บของเตรียมเช็คเอาท์ออกจากที่พัก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:49:26

ความคิดเห็นที่ 17 7.40 น.รับประทานอาหารเช้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:50:00

ความคิดเห็นที่ 18 ปิดท้ายด้วยกาแฟดำสองถ้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:50:25

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนจากหลีเป๊ะออกเดินทางต่อ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย คุณเคนกับลูกชายสุดหล่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:50:48

ความคิดเห็นที่ 20 คณะสื่อและเจ้าหน้าที่ ททท.ทั้งจากส่วนกลางและตรัง-สตูล มีสุนัขชายหาดขอแจมด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:51:11

ความคิดเห็นที่ 21 9.27 น.เตรียมขึ้นเรือเดินทางออกจากเกาะหลีเป๊ะ ตามกำหนดการเดิม จะเดินทางด้วยเรือเร็วสามเครื่องยนต์ ของทางบันดาหยารีสอร์ทเหมือนสองวันแรก แต่วันนี้มีการเปลี่ยนเรือ เป็นเรือเร็วลำใหญ่กว่าเดิม ชื่อเรือ Andaman Express โดยได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท สตูล ซี.พี.เอส.แทรเวล จำกัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:51:36

ความคิดเห็นที่ 22 และเนื่องจากเป็นเรือลำใหญ่ ไม่สามารถจอดเทียบชายหาดบันดาหยาได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:52:00

ความคิดเห็นที่ 23 จึงต้องนั่งเรือหัวโทงไปขึ้นเรือลำใหญ่อีกทีหนึ่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:52:22

ความคิดเห็นที่ 24 9.35 น.ออกเดินจากจากเกาะหลีเป๊ะ เกาะซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จึงได้รับการยกเว้นจากกฎหมายของอุทยานแห่งชาติ สามารถสร้างบ้านเรือนที่พักและร้านค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:52:42

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนออกเรือ กล่าวขอบคุณและแนะนำคุณภัทธภร กวีรัชต์หรือคุณแอ๋ว ผู้จัดการบันดาหยารีสอร์ท ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในด้านที่พักและเรือสปีดโบ้ทของทางรีสอร์ท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:53:02

ความคิดเห็นที่ 26 และคุณสุภาพรรณ อังสุภานิช หรือคุณแอ๊ะ ผู้จัดการบริษัท สตูล ซี.พี.เอส.แทรเวล จำกัด รวมถึงคุณประภาพรรณ อังสุภานิช หรือคุณอุ๊ ผู้เป็นน้องสาวและรองผู้จัดการฯ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:53:20

ความคิดเห็นที่ 27 สัมภาษณ์คุณสุภาพรรณ อังสุภานิช ผู้จัดการบริษัท สตูล ซี.พี.เอส.แทรเวล จำกัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:53:44

ความคิดเห็นที่ 28 เรืออันดามันเอ็กซ์เพรส เป็นเรือเร็วปรับอากาศ จุผู้โดยสารได้ 116 ที่นั่ง เปิดให้บริการรับส่งผู้โดยสาร ระหว่างท่าเทียบเรือตำมะลัง จังหวัดสตูลและเกาะหลีเป๊ะ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 30 เมษายนของทุกปี วันละหนึ่งเที่ยว จากท่าเทียบเรือตะมะลังเวลา 12.30 น.ถึงเกาะหลีเป๊ะเวลา 12.30 น. และจากเกาะหลีเป๊ะเวลา 9.30 น ถึงท่าเทียบเรือตำมะลังเวลา 11.30 น. นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีแพ็คเกจทัวร์ รถบัสและรถตู้ให้บริการอีกด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:54:05

ความคิดเห็นที่ 29 แอบเข้าไปดูห้องเดินเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:54:30

ความคิดเห็นที่ 30 ที่นั่งด้านหัวเรือ วันที่คลื่นลมแรงจะสะเทือนเล็กน้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:54:48

ความคิดเห็นที่ 31 ขึ้นไปชมทะเล ที่ดาดฟ้าของเรืออันดามันเอ็กซ์เพรส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:55:07

ความคิดเห็นที่ 32 คุณเคนบอกว่า โชคดีที่วันนี้ได้นั่งเรืออันดามันเอ็กเพรสซึ่งใหญ่กว่าเรือเร็วสปีดโบ้ทธรรมดา เพราะวันนี้คลื่นสูงหนึ่งถึงสองเมตร ถ้าเป็นเรือลำเล็ก คงมีหลายคนต้องโอ้กอ้ากให้อาหารปลาที่กราบเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:55:35

ความคิดเห็นที่ 33 10.41 น.เข้าใกล้หมู่เกาะตะรุเตา เริ่มมีฝนตกโปรยปราย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:55:59

ความคิดเห็นที่ 34 ปลายด้านขวาของหมู่เกาะตะรุเตามีเกาะเล็กๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:56:19

ความคิดเห็นที่ 35 มีชื่อเรียกว่า"เกาะหลักเขต" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:56:43

ความคิดเห็นที่ 36 ถือเป็นหลักเขตทางธรรมชาติ แบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย โดยชายแดนทางทะเลคือระหว่างเกาะตะรุเตา และเกาะลังกาวีของประเทศมาเลเซีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:57:07

ความคิดเห็นที่ 37 หมู่เกาะตะรุเตาประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ 51 เกาะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:57:33

ความคิดเห็นที่ 38 มีเกาะรูปร่างต่างๆกัน บางเกาะดูเหมือนปลาวาฬ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:57:57

ความคิดเห็นที่ 39 หมู่เกาะตะรุเตาได้รับการประกาศ ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี พ.ศ.2517 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:58:24

ความคิดเห็นที่ 40 11.14 น.ถึงเกาะตะรุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:58:43

ความคิดเห็นที่ 41 เรือแล่นเลี้ยวซ้ายผ่านอ่าวตะโละอุดังไปยังอ่าวตะโละวาว ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่ ตต.1 เคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพ สำหรับนักโทษกักกันและนักโทษอุกฉกรรจ์ มีหลุมศพนักโทษ 300 ศพ ซึ่งร่ำลือกันถึงความเฮี้ยน จนมีชื่อเรียกว่า"สุสานจีวรปลิว" เพราะแม้แต่พระ ก็ยังไม่สามารถปักกลดจำวัดในบริเวณดังกล่าวได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:59:04

ความคิดเห็นที่ 42 เรือพยายามเทียบท่าเพื่อให้พวกเราขึ้นเกาะตะรุเตา แต่คลื่นที่แรงเป็นอุปสรรคให้ไม่สามารถเทียบเรือได้ สุดท้ายไม่ได้ขึ้นเกาะตะรุเตา ต้องมุ่งหน้าไปยังท่าเรือตะมะลัง จังหวัดสตูลด้วยความผิดหวัง คงได้แต่พูดกับตัวเองดังๆในใจว่า"ฝากไว้ก่อน" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:59:36

ความคิดเห็นที่ 43 ระหว่างเดินทางไปยังท่าเทียบเรือตำมะลัง พนักงานนำของว่างมาแจก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:59:59

ความคิดเห็นที่ 44 ตามมาด้วยเครื่องดื่มกระป๋องทั้งน้ำชาและน้ำอัดลม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:00:28

ความคิดเห็นที่ 45 12.42 น.ถึงอำเภอเมืองสตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:00:52

ความคิดเห็นที่ 46 เรือจอดเทียบท่าเทียบเรือตำมะลัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:01:20

ความคิดเห็นที่ 47 ท่าเรือแห่งนี้ นอกจากเป็นท่าเรือบริการเรือโดยสารและเรือท่องเที่ยวแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:01:47

ความคิดเห็นที่ 48 ยังเป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากรจังหวัดสตูลอีกด้วย เพราะการเดินทางไปยังเกาะลังกาวีของประเทศมาเลเซีย ต้องขึ้นลงเรือที่ท่าเทียบเรือตำมะลัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:02:15

ความคิดเห็นที่ 49 ด้านขวาของอาคารท่าเทียบเรือตำมะลัง มีอาคารทาสีฟ้าสดทั้งหลัง อาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งของ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาสตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:02:44

ความคิดเห็นที่ 50 เกาะหลีเป๊ะ-ตำมะลัง สตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:03:10

ความคิดเห็นที่ 51 ถตู้สองคันมารอรับพวกเราที่ท่าเรือ สื่อหลายคนแยกตัวกลับไปก่อนหน้านี้ บางคนมาแยกกันที่เทียบเรือตำมะลัง จากท่าเทียบเรือตำมะลังใช้ทางหลวงหมายเลข 406 เข้าสู่ตัวอำเภอเมืองสตูลทางถนนศุลกานุกูล(ทล.406) ถึงแยกตัดกับถนนประชาอุทิศและถนนวิเศษมยุรา เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาอุทิศ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสถิตยุติธรรม เลี้ยวขวาตรงข้ามศาลจังหวัดสตูลเข้าร้านน้องณี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:04:16

ความคิดเห็นที่ 52 ออกจากร้านน้องณีเลี้ยวขวา ถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสมันตประดิษฐ์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสตูลธานี(ทล.406) ถึงซอยสตูลธานี 5 เลี้ยวซ้ายไปคฤหาสน์กูเด็น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:05:09

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าซอยมาประมาณ 50 เมตร ทางขวามือตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดสตูล คือที่ตั้งของคฤหาสน์กูเด็นหรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดสตูล เป็นอาคาร 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส อาคารชั้นล่างแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ระเบียง ห้องโถงกลาง ห้องปีก 2 ข้าง และโถงด้านหลัง มีบันไดขึ้นชั้นบนที่โถงกลางและโถงหลัง ชั้นบนแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ มุขด้านหน้า ห้องโถงกลาง และห้องปีก 2 ข้าง ห้องด้านหลัง และดาดฟ้า สร้างขึ้นโดยพระยาภูมินารถภักดี หรือตวนกูบาฮารุตดิน บินตำมะหง เจ้าเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่าง พ.ศ. 2441 - 2459 เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโคโรเนียล สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จปักษ์ใต้ แต่มิได้ประทับแรม ต่อมาใช้เป็นบ้านพักและศาลาว่าการเมืองสตูล จนกระทั่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ. 2484 อาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นกองบัญชาการทหารญี่ปุ่น ใช้เป็นสำนักงานเทศบาล ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดสตูล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 - 2509 เป็นโรงเรียนเทศบาล 1 แล้วจึงใช้เป็นสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ตามลำดับ กรมศิลปากรได้บูรณะปรับปรุงอาคารคฤหาสน์กูเด็นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และดำเนินการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:05:45

ความคิดเห็นที่ 54 คุณสุภาพรรณ อังสุภานิช หรือคุณแอ๊ะ ผู้จัดการบริษัท สตูล ซี.พี.เอส.แทรเวล จำกัด ยังคงตามมาดูแล โดยจัดเตรียมโอเลี้ยงแบบสตูลมาให้พวกเราได้ชิมกัน เป็นโอเลี้ยงรสชาติบางๆ แตกต่างจากโอเลี้ยงรสหนักๆทั่วไป ที่ผสมเมล็ดข้าวโพดและเมล็ดมะขามคั่ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:06:12

ความคิดเห็นที่ 55 ปกติแล้วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะปิดวันจันทร์และวันอังคาร ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และเปิดให้ชมตั้งแต่ 9.00-16.00 น.ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท แต่ทาง ททท.สนง.ตรัง-สตูล ประสานขอให้เปิดให้คณะสื่อทุกแขนงชมเป็นกรณีพิเศษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:06:41

ความคิดเห็นที่ 56 ถอดรองเท้าก่อนเริ่มเข้าชม เริ่มจากหุ่นจำลองคฤหาสน์กูเด็น หรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดสตูล การติดกระจกเงาใต้บันได ทำให้สามารถชมหุ่นจำลองคฤหาสน์กูเด็นได้หลายมุม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:07:05

ความคิดเห็นที่ 57 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดสตูล แบ่งการจัดแสดงและพื้นที่ส่วนบริการรวม 10 ห้อง ดังนี้ ห้องที่ 1 ห้องข้อมูลข่าวสาร เป็นห้องสำหรับบริการหนังสือและค้นคว้าข้อมูล ให้บริการกับคนทั่วไป ห้องที่ 2 ห้องภูมิหลังเมืองสตูล จัดแสดงเรื่องราวภูมิหลังเมืองสตูลด้านต่างๆ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:07:44

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญในอดีตของเมืองสตูล วิถิชีวิตของชนเผ่าซาไก อันเป็นที่มาของบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง"เงาะป่า" ที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในระหว่างการพักฟื้นหลังทรงพระประชวร โดยใช้เวลาเพียง 8 วันเท่านั้น ทรงสอดแทรกคำศัพท์ภาษาก็อย (ซาไก) ซึ่งทรงเก็บมาจากเงาะป่าคนหนึ่ง ชื่อคนัง ไว้โดยตลอด ทรงนำคนังมาชุบเลี้ยงเป็นมหาดเล็ก ชีวิตของคนังรุ่งเรืองสุดขีด และตกต่ำขีดสุดเช่นกัน หลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เพราะไม่ใครเหลียวแล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:08:17

ความคิดเห็นที่ 59 อกจากนี้ยังมีเรื่องราวของเกาะตะรุเตา โดยการจัดแสดงวัตถุโบราณ ที่พบจากแหล่งโบราณคดีในจังหวัดสตูล ตัวอย่างทรัพยากรแร่ และฉากจำลองเหตุการณ์สำคัญของจังหวัดสตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:08:51

ความคิดเห็นที่ 60 ห้องที่ 3 ห้องประชาสัมพันธ์ แจกแผ่นพับประวัติของพิพิธภัณฑ์ รับฝากของ จำหน่ายหนังสือและของที่ระลึก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:09:28

ความคิดเห็นที่ 61 ห้องที่ 4 ห้องวิถีชีวิตชาวสตูล จัดแสดงวิถีชีวิตชาวสตูลในด้านต่างๆ ได้แก่ชีวิตชาวเลที่เกาะหลีเป๊ะ การปั้นหม้อเผาหม้อแบบโบราณที่บ้านย่านซื่อ ชีวิตชาวประมงที่บ้านตำมะลัง เป็นต้น โดยการจัดแสดงด้วยสื่อต่างๆ ประกอบด้วยหุ่นจำลองแสดงภาพวิถีชีวิต และเครื่องฉายวีดิทัศน์พร้อมระบบเสียง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:09:56

ความคิดเห็นที่ 62 ว่าวชนิดต่างๆของสตูล ตรงกลางคือว่าวควาย มีลักษณะคล้ายว่าว Wau Bulan Kite (Moon Kite)หรือว่าววงพระจันทร์ของมาเลเซีย ต่างกันตรงที่ของสตูล ช่วงล่างเป็นรูปหัวควาย แต่ของมาเลเซียเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการแข่งขัน"ชักควาย(ว่าว)"ขึ้นฟ้า ที่สนามบินจังหวัดสตูล ซึ่งนอกจากจะเป็นการแข่งว่าวประเพณีแล้ว ยังมีการแข่งว่าวนานาชาติอีกด้วย ว่าวควายทำจากโครงไม้ไผ่บุด้วยกระดาษ วาดหรือติดลวดลาย มีแอกแหลมติดอยู่ที่ด้านบนของตัวว่าว ซึ่งจะส่งเสียงดังแหวกอากาศ เวลาชักสูงติดลมบน เมื่อสิ้นสุดประเพณีฤดูการของการเล่นว่าว จะเป็นเวลาของการตกปลาในทะเลอันดามัน ที่เป็นสนามท้าทายของนักตกปลา ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:10:26

ความคิดเห็นที่ 63 ภาชนะดินเผาที่ค้นพบในแหล่งโบราณคดีของจังหวัดสตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:10:58

ความคิดเห็นที่ 64 ห้องที่ 5 ห้องจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว ใช้ในการจัดแสดงผลงานนิทรรศการต่างๆ พร้อมการบรรยายหรือการแสดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:11:25

ความคิดเห็นที่ 65 14.39 น.ขึ้นชมชั้นที่สอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:12:00

ความคิดเห็นที่ 66 ห้องที่ 6 ห้องบ้านเจ้าเมือง จัดแสดงอัตชีวประวัติของพระยาภูมินารถภักดี เจ้าเมืองสตูล ผู้สร้างคฤหาสน์กูเด็น ห้องนี้จัดแสดงแบบเครื่องเรือน เป็นข้าวของเครื่องใช้ตามแบบที่พระยาภูมินารถภักดีเคยใช้ แสดงเป็นมุมต่างๆ เช่น มุมห้องนอน มุมพักผ่อน และมุมห้องทำงาน เป็นต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:12:28

ความคิดเห็นที่ 67 พระยาภูมินารถภักดี เดิมชื่อ "กูเด็นบินกูแมะ"เกิดที่ตำบลอลอร์สตาร์ เมืองไทรบุรี เมื่อ พ.ศ.2392 พระยาภูมินารถภักดีคือต้นตระกูล "บินตำมะหงง" ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนเมืองสตูล เริ่มทำงานเป็นเสมียนที่อลอร์สตาร์ เมืองไทรบุรี ต่อมาเป็นพัสดีเรือนจำเป็นข้าราชการผู้ใหญ่เมืองไทรบุรี พระยาไทรบุรีส่งตัวไปปกครองเมืองสตูล ซึ่งเจ้าเมืองสตูลคนเดิมเป็นคนอ่อนแอ ภาวะบ้านเมืองถดถอย ครั้นเจ้าเมืองเดิมถึงแก่อนิจกรรม ไม่มีผู้สืบสกุล เจ้าพระยาไทรบุรีจึงกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสนอชื่อพระยาภูมินารถภักดีขึ้นเป็นเจ้าเมืองสตูล เมื่อ พ.ศ.2443 โดยลงนามในหนังสือราชการว่า "ตนกูมาฮะรุดดินบินกูแมะ" พระยาภูมินารถภักดี เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อแผ่นดินไทย บริหารบ้านเมืองด้วยความจงรักภักดี ราษฎรอยู่อย่างเป็นสุข มีความเจริญก้าวหน้า จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอินทรวิชัย พระอินทรวิชัย พระยาอินทรวิชัยตามลำดับ และแต่งตั้งเป็น มหาอำมาตย์ตรี พระยาภูมินารถภักดีจางวาง กำกับราชการสตูล และได้ออกราชการเมื่อ ปี พ.ศ.2457 รวมดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองสตูลทั้งสิ้น 14 ปี ถึงแก่กรรมเมื่อเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2475 รวมอายุได้ 83 ปี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:13:02

ความคิดเห็นที่ 68 เมืองสตูลหรือเมืองสโตย ได้แยกตัวจากเมืองไทรบุรีอย่างเด็ดขาด ตามหนังสือสัญญาไทย-อังกฤษ เรื่องการปักปันเขตแดน ระหว่างราชอาณาจักรสยามกับมาลายู ซึ่งลงนามกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม รศ.127(พ.ศ.2452) เป็นผลให้ไทรบุรีและเปอร์ลิสตกเป็นของอังกฤษ ส่วนสตูลยังคงเป็นของราชอาณาจักรสยามจนถึงปัจจุบัน พระยาภูมินารถภักดี ได้ใช้กุศโลบายอันแยบยล เพื่อรักษาพื้นที่หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะอาดัง-ราวีและเกาะหลีเป๊ะ ให้ยังคงอยู่กับราชอาณาจักรสยาม มิเช่นนั้น เกาะเหล่านี้คงตกอยู่ในมือของนักล่าอาณานิคมอังกฤษ เหมือนเกาะลังกาวีของมาเลเซีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:13:50

ความคิดเห็นที่ 69 ตู้จัดแสดงกริช กริชถือเป็นศาสตราวุธชนิดหนึ่ง เป็นอาวุธประจำตัว ที่เคยนิยมใช้กันในภูมิภาคใต้ ถือเป็นเครื่องบ่งถึงความเป็นชายชาตรี ฐานะทางสังคม เศรษฐกิจและยศฐาบรรดาศักดิ์ ของผู้เป็นเจ้าของหรือวงศ์ตระกูลด้วย มีความยาวเฉลี่ย 12-16 นิ้ว รูปทรงมีทั้งปลายเรียวแหลม หรือป่องตรงกลาง หรือคดไปมาอย่างที่เรียกว่าคดกริชก็มี ชาวมาลายูถือว่านักรบผู้ใดถือกริชหลายคด ผู้นั้นถือเป็นนักรบผู้ยิ่งยง ด้ามและฝักแกะสลักเป็นลวดลายและตกแต่งด้วยวัสดุมีค่า ขึ้นอยู่กับฐานะของเจ้าของ กริชเคยเป็นอาวุธประจำชาติของชวาและมาลายู และจัดอยู่ในหนึ่งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของกษัตริย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:14:20

ความคิดเห็นที่ 70 ห้องที่ 7 ห้องเรือนชานชาวบ้านสตูล จัดแสดงแบบบ้านจำลองชาวบ้านสตูล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:14:49

ความคิดเห็นที่ 71 โดยจัดแสดงให้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านด้านต่างๆ เช่น ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องนอน ห้องแต่งตัว เป็นต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:15:22

ความคิดเห็นที่ 72 ห้องนอน การตกแต่งห้องนอนของชาวสตูลนั้น จะเป็นไปในลักษณะเรียบง่าย โดยจะประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็นในการนอนเป็นองค์ประกอบหลัก อันได้แก่ที่นอนซึ่งไม่นิยมใช้เตียงนอน หรืออาจใช้เสื่อปูรองนอน ใช้มุ้งผ้าธรรมดา ไม่นิยมใช้มุ้งลวด ในห้องนอนอาจมีที่แขวนเสื้อผ้า แต่ไม่นิยมใช้ตู้เสื้อผ้า เหนือที่นอนมี"เชิง" เป็นชั้นสูงสำหรับวางของที่เคารพหรือเก็บของมีค่าต่างๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:15:52

ความคิดเห็นที่ 73 ห้องครัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:16:20

ความคิดเห็นที่ 74 จัดแสดงเครื่องใช้ในครัวเรือน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:17:02

ความคิดเห็นที่ 75 จากซ้ายไปขวา ครกสีหรือครกตำ หม้อพร้อมเสวียนหม้อ อุปกรณ์สำหรับรองรับหม้อ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อน และสิ่งสกปรกจากก้นหม้อสู่พื้นเรือน ครกบดหรือโม่หิน หินบดสำหรับบดเครื่องน้ำพริก เครื่องยาและอื่นๆ สุดท้ายคือกระด้ง สำหรับร่อนข้าวสารและตากสิ่งของ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:17:24

ความคิดเห็นที่ 76 หม้อเจาะรูสำหรับทำเส้นขนมจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:18:00

ความคิดเห็นที่ 77 กระต่ายขูดมะพร้าว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:18:30

ความคิดเห็นที่ 78 ห้องที่ 8 ห้องรับแขกร่วมสมัยกูเด็น จัดแสดงชุดรับแขกร่วมสมัยคฤหาสน์กูเด็น โดยสร้างขึ้นใหม่ตามรูปแบบเดิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:19:11

ความคิดเห็นที่ 79 บานเกล็ดไม้ของบานหน้าต่าง มีคันชักเปิดปิดบานเกล็ดแยกเป็นอิสระในแต่ละช่อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:19:40

ความคิดเห็นที่ 80 ห้องที่ 9 ห้องวัฒนธรรมชาวไทย-มุสลิมในสตูล ห้องจำลองแสดงภาพโรงเรียนปอเนาะ มุมจัดแสดงห้องละหมาด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:20:16

ความคิดเห็นที่ 81 พิธีนิกะฮ์(แต่งงาน) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:20:44

ความคิดเห็นที่ 82 พิธีการเข้าสุนัตหรือสุหนัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:21:17

ความคิดเห็นที่ 83 และตู้จัดแสดงหุ่นจำลอง แสดงการละเล่นของชาวไทยมุสลิม เช่น ดาระ รองเง็ง สีละ เป็นต้น ห้องที่ 10 ส่วนชั้นดาดฟ้าและ Cafeteria เป็นส่วนจำหน่ายอาหารว่างและเครื่องดื่ม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:21:52

ความคิดเห็นที่ 84 15.08 น.คุณจรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไทย สำนักงานตรัง(ตรัง-สตูล) กล่าวขอบคุณทางพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดสตูล ที่เปิดให้เข้าชมเป็นกรณีพิเศษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:22:16

ความคิดเห็นที่ 85 ก่อนออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดตรัง ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:22:47

ความคิดเห็นที่ 86 เดินไปสุดถนนสตูลธานีซอย 5 เลี้ยวซ้ายไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ถนนเรืองฤทธิ์จรูญ เลี้ยวซ้ายที่แยกต่อกับถนนบุรีวานิช หัวมุมฝั่งขวาคือที่ตั้งของมัสยิดกลางจังหวัดสตูลหรือมัสยิดมำบัง มัสยิดมำบังตั้งอยู่บริเวณมุมถนนบุรีวานิชและถนนสตูลธานี กลางเมืองสตูล ลักษณะรูปทรงของมัสยิด เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ตัวอาคารสีขาว ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบหินอ่อนและกระจกใส ตัวอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนนอกเป็นระเบียง มีบันไดขึ้นหอคอยยอดโดมสีทอง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองสตูลได้ ส่วนในเป็นห้องโถงใหญ่ ใช้เป็นที่ประกอบพิธีละหมาด ชั้นล่างมีห้องใต้ดิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:23:19

ความคิดเห็นที่ 87 15.31 น.โรงเรียนเลิก ภาพนักเรียนยืนล้นออกมานอกรถสองแถว หวนให้นึกถึงรถเมล์สองแถวในกรุงเทพสมัยก่อน ก่อนที่จะมีการบังคับให้เปลี่ยนเป็นรถเมล์เล็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:24:01

ความคิดเห็นที่ 88 ก่อนออกจากคฤหาสน์กูเด็น คุณแอ๊ะ ผู้จัดการบริษัท สตูล ซี.พี.เอส.แทรเวล จำกัด ยังได้มอบขนมขึ้นชื่อของจังหวัดสตูลให้กับทุกคนๆละสองอย่าง อย่างแรกคือขนมบุหงาบูดะ -ขนมบุหงาปบูดะ ก่อเกิดมาตั้งแต่ 100 กว่าปี เป็นขนมในวังและเป็นขนมที่เป็นเอกลักษณ์ ของตำบลเกตรี จังหวัดสตูล เป็นขนมที่มีตำนาน โดยเริ่มจากสตรีชาวบ้านเกตรี เข้าไปเป็นแม่ครัวในวังเจ้าเมืองสตูล ต่อมาเมื่อลาออกจากแม่ครัวในวัง กลับมาอยู่บ้าน ได้นำเอาความรู้ ประสบการณ์ในการทำขนมมาเผยแพร่ให้ลูกหลานชาวตำบลเกตรี จนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และนิยมทำขนมบุหงาปูดะ ในช่วงเทศกาล รายอ งานแต่งงาน และงานประเพณีต่าง ๆ ตั้งแต่นั้นมา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:24:40

ความคิดเห็นที่ 89 ขนมบุหงาบูดะ เป็นภาษาอิสลาม บุหงา แปลว่า ดอกไม้ บูดะ แปลว่าดอกเตย รวมเรียกว่าขนมดอกเตย มีลักษณะสี่เหลี่ยมคล้ายหมอนสีขาว ทำด้วยมะพร้าวทึนทึกและแป้งข้าวเหนียวผสมด้วย น้ำตาลทราย เกลือ น้ำ กลิ่นกะทิ โดยจะทำขึ้นในเทศกาล ฮิดิลรัฎฮา และพิธีแต่งงาน ซึ่งมีความหมายให้คู่บ่าวสาวร่วมเรียงเคียงหมอนรักกันหวานชื่น ไส้มะพร้าวเคี่ยวน้ำตาลมีหลายสี ทำจากสีธรรมชาติ เช่น สีม่วง จากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย ที่มา : http://www.otoptoday.com/wisdom/provinces/south/ %E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%A5/131349471006 และ http://www.thaigoodview.com/node/7144 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:25:21