ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาชมความสวยของสกลนครครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 20:40:30

ความคิดเห็นที่ 2 อ๊ายยยย ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ จะไปสกลนคร ต่อด้วยนครพนม ศุกร์ - เสาร์ -อาทิตย์นี้พอดีเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลและรูปสวยๆๆ นะคะ จากคุณ : maxsun เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 20:42:56

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากที่ผมกับเพื่อนไปเที่ยวชม ถ้ำเสรีไทย , ทางผีผ่าน  และ ผานางเมินกันแล้ว วันนั้นก็ไปนั่งกินข้าวแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยก่อนกลับก็ได้คุยกันไว้ว่าวันถัดไปจะไปเที่ยววัดถ้ำขามกัน พอถึงเช้าวันใหม่ ผมก็ตื่นนอนตอนเช้าตามเวลาเดิมคือประมาณตี 5 แปรงฟัน ล้างหน้าเสร็จก็ปั่นจักรยานฝ่าลมหนาวเพื่อสิ่งนี้ครับ ....องค์พระธาตุเชิงชุม ตอนเช้า ตอนที่แสงฉากหลังสีน้ำเงิน ตัดกับแสงสีส้มของหลอดไฟ อยากได้แสงสวยๆ ต้องมาให้ถูกเวลา คนที่ชอบการถ่ายภาพส่วนใหญ่ จะรู้กันดีในเรื่อง ถูกที่ ถูกเวลา แต่บางครั้งเวลาและโอกาสไม่เอื้ออำนวย ก็ขอให้ได้ถ่ายมาเป็นพอใจแล้ว จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 20:52:42

ความคิดเห็นที่ 4 เหลือบไปเห็นดวงจันทร์เสี้ยว กับดาว ยังส่องแสงเลยรีบเปลี่ยนเลนส์เพื่อให้ได้ภาพนี้มา จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:00:59

ความคิดเห็นที่ 5 อีกมุมนึง แต่ภาพนี้ถ่ายตอนใกล้จะค่ำแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 55 21:03:22 จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:02:24

ความคิดเห็นที่ 6 ต่ออีกมุมนึง ตอนเช้าๆครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:04:15

ความคิดเห็นที่ 7 ประตูวัด เปิดรอให้คุณไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปีทุกวันไม่มีวันหยุดครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:05:36

ความคิดเห็นที่ 8 เอ้า ...แถมให้อีกมุมนึง จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:08:46

ความคิดเห็นที่ 9 ตามไปไหว้พระธาตุด้วยคนค่ะ จากคุณ : เอ เองค่ะ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:09:23

ความคิดเห็นที่ 10 พอถ่ายจนหมดแสงทไวไลท์แล้วผมก็ปั่นจักรยานไปแถวประตูเมือง ที่จริงก็ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกิน แต่พอเห็นคนรอใส่บาตร ก็เลยจอดแล้วรอถ่าย แต่ได้ไม่กี่ภาพ เพราะตอนเช้าๆแสงยังไม่ค่อยสว่างทำให้ภาพเบลอหมดแถมคนที่ยืนรอใส่บาตรก็มองมาที่เรากันหมด ก็เลยต้องหยุดถ่ายแล้วปั่นจักรยานเล่นไปเรื่อยๆ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:13:46

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากหาของกินหลายอย่างจนพอใจแล้วก็ปั่นจักรยานกลับมาบ้าน ช่วงที่รอเพื่อนมารับก็ถ่ายเล่นๆแถวๆรอบๆตัวบ้านก่อน ผมชอบบรรยากาศแถวที่พักนี้มาก เพราะอยู่ใกล้บึงหนองหารมีลมพัดตลอด บวกกับเป็นช่วงหน้าหนาวด้วย เลยทำให้ติดใจ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:22:21

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพนี้น้องหมาขอ ยิ้มสู้กล้องซะด้วย ถ่ายได้ภาพเดียวก็เล่นตัวไม่ยอมให้ถ่ายอีกเลย จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:23:43

ความคิดเห็นที่ 13 พอเพื่อนผมมารับหน้าบ้านแล้วก็ออกเดินทางกันเลย เป้าหมายคือ วัดถ้ำขาม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ระยะทาง...จำไม่ได้แล้ว มาถึงวัดก้ต้องขึ้นบันไดครับ เพราะลานจอดรถอยู่ตีนเขา ส่วนวัด อยู่บนยอดเขา เดินไม่ไกลมาก แค่หอบนิดหน่อยตามประสาอดีตวัยรุ่น จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:27:20

ความคิดเห็นที่ 14 นี่ครับมาวัดถ้ำขามถ้าเห็นสิ่งนี้อยู่ตรงหน้า แสดงว่ามาถึงแล้ว จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:28:58

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าไปข้างในพระธาตุก้จะเห็น ผม เล็บ ของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ตั้งอยู่ในตู้กระจก ให้เราได้ชมกัน จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:31:37

ความคิดเห็นที่ 16 ชมเสร็จแล้วก็ออกมาถ่ายด้านนอก มุมนี้ที่จริงเค้ามีลวดหนามวางกั้นกันคนไม่ให้เข้าไปนะครับ เพื่อกันคนตก แต่ผมก็แอบฝ่าฝืนจนได้แบบว่าอยากถ่ายพระธาตุให้หมดทั้งองค์  ขนาดนอนถ่ายแล้วก็ยังเก็บฐานมาไม่หมด แถมหัวเข่าขวาดันโผล่มาในภาพอีก จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:34:42

ความคิดเห็นที่ 17 ผมชอบท้องฟ้าช่วงหน้าหนาวของที่นี่จริงๆ  จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:35:50

ความคิดเห็นที่ 18 ซูมมาให้ชมใกล้ๆกันอีกภาพนึง จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:36:43

ความคิดเห็นที่ 19 นี่ครับ โขดหินมุมขวานั่นคือหน้าผาตรงที่ผมไปนอนถ่ายองค์พระธาตุ เข้าใจแล้วใช่มั้ยครับว่าทำไมถึงต้องกั้น ถ้าพลัดตกลงไปละก็... จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:39:06

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากถ่ายภาพรอบๆองค์พระธาตุแล้วผมกับเพื่อนก็ลงมาด้านล่าง เพื่อมาชม กุฏิที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เคยพัก ก่อนจะถึงกุฏิต้องเดินลอดหินก้อนนี้ด้วยครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:42:05

ความคิดเห็นที่ 21 พอเดินลอดหินมาก็จะเจอสิ่งนี้ด้านซ้ายมือครับ พระนอน แกะสลักจากหินก้อนนี้เลย คนทำคงเก่งน่าดู ส่วนที่เห้นด้านหน้าคือทางขึ้นกุฏิหลวงปู่เทสก์ครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:44:51

ความคิดเห็นที่ 22 อีกมุมนึง จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:46:25

ความคิดเห็นที่ 23 พอเข้าไปข้างในกุฏิก็จะเจอ กับหุ่นรูปเหมือนหลวงปู่เทสก์ ตอนที่เห็นครั้งแรกบอกตรงๆเลยว่าผมตกใจครับ ตกใจไม่ใช่เพราะกลัว แต่ตกใจเพราะคนปั้น ปั้นได้เหมือนและดูมีชีวิตชีวามาก จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:48:17

ความคิดเห็นที่ 24 หลังจากนั้นพวกเราก็ออกมาเดินชมกันรอบๆกุฏิหลวงปู่เทสก์ครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:49:17

ความคิดเห็นที่ 25 อีกมุม จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:50:16

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาที่องค์พระธาตุวัดถ้ำขาม ต้นไม้ตรงกลางภาพที่เห็นนั่นคือต้นมะขาม เห็นเค้าบอกไว้ว่าคือที่มาของชื่อวัดนี้ครับ และใต้พื้นหลังคาคอนกรีตที่เห็นในภาพจะมีห้องโถงใหญ่ๆอีกห้องนึงซ฿่งผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเค้าเรียกว่าห้องอะไร จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:53:31

ความคิดเห็นที่ 27 นี่ครับห้องโถงที่ผมบอกไว้ ห้องนี้จะมีต้นมะขามซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด อยู่ตรงกลางห้อง และมีสังกะสีหุ้มอยู่ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:55:00

ความคิดเห็นที่ 28 ขนาดหุ้มไว้แล้วนะ คนก็ยังเข้าไปยืนลูบๆคลำๆกันอยู่นั่นแหละ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:56:45

ความคิดเห็นที่ 29 ลูบไปคลำมาจนเป็นเช่นที่เห็นนี่แหละ...นี่แหละมนุษย์ นี่ถ้าไม่มีสังกะสีหุ้มไว้ป่านนี้เปลือกไม้ก็ไม่เหลือ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 21:58:49

ความคิดเห็นที่ 30 ห้องโถงนี้มีภาพเก่าๆแขวนไว้ให้เราได้ชมกันด้วยครับ เป็นภาพที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จมารดน้ำศพหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 22:01:14

ความคิดเห็นที่ 31 และภาพนี้ เป็นภาพที่สะกดใจผมมาก ผมหยุดมองภาพนี้อยู่นานมาก บรรยายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน เสียดายผมถ่ายภาพที่แขวนไว้มาแค่ 2 ภาพ ถึงวันนี้ยังเสียดายไม่หาย คืนนี้ขอหยุดแค่ภาพนี้ก่อนครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาโพสต์ภาพที่เหลือให้ชมกันอีก ต้องมีธุระให้ทำอีกหลายอย่าง ขอบคุณทุกท่านที่คอมเม้นต์ และ เข้ามาชมครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 22:05:08

ความคิดเห็นที่ 32 แวะมาแจกกิ๊ฟสำหรับรูปบ้านเกิดพ่อเรา /สวยทุกรูปเลยค่ะ จากคุณ : PassioninLove เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 22:08:20

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาเที่ยวต่อภาค 2 ค่ะ จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 00:24:33

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : low batt เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 00:44:35 A:49.49.92.201 X: TicketID:329936

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับภาพที่ประทับใจนะครับ โดยเฉพาะ คห.ที่ 31 ซึมซับความรู้สึกดีๆอยู่นานครับ จากคุณ : จิ้งจอกหลงกรุง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:06:57

ความคิดเห็นที่ 36 หลังจากเกินเที่ยวชมภายในวัดถ้ำขาม แล้วพวกเราก็มุ่งหน้าไปหาเพื่อนอีกคนนึงซึ่งบ้านเค้าอยู่ใกล้ถนน สกลนคร-อุดรธานี เพื่อนผมเปิดร้านรับถ่ายภาพตามงานต่างๆ พอได้เจอกันพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ต่างๆ แล้วเค้าก็ชวนพวกผมไปเที่ยววัดป่าอุดมสมพร ผมก็ตกลงเลยครับ ที่จริงไม่ได้อยู่ในโปรแกรมหรอกแต่พอรู้ว่าอยู่ใกล้ๆก็อยากไป วัดป่าอุดมสมพร เป็นที่ที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ละสังขาร ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบละสังขารปีที่ 35 ของหลวงปู่ฝั้น น่าเสียดายอีกเหมือนกันที่ผมถ่ายภาพที่นี่มาไม่เยอะ เนื่องจากมัวแต่นั่งคุยกับเพื่อนที่ซึ่งไม่ได้พบเจอและได้ยินข่าวคราวเลยตลอด 10 ปี  ภาพนี้เป็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:47:57

ความคิดเห็นที่ 37 ออกจากพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฝั้นพวกเราก็ไปส่งเพื่อนแล้วก็มุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อที่วัดคำประมง วัดแห่งนี้จะมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย เนื่องจากวัดแห่งนี้เป็นที่พึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไม่ว่าเจ็บมาจากทิศไหน ก็จะมุ่งหน้ามาที่นี่ สถานที่รักษาโรคมะเร็งที่นี่เรียกว่า อโรคยาศาลวัดคำประมง ผมคัดลอกมาให้อ่านตามนี้ครับ  สำหรับ “อโรคยศาลวัดคำประมง” นั้นเริ่มต้นมาจากการที่พระอาจารย์ปพนพัชร์อาพาธเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก  ในปี พ.ศ.2539  ขณะนั้นท่านกำลังสร้างวิหารหลังใหญ่  ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ  ได้รับการดูแลจากแพทย์โดยการฉายแสงและเคมีบำบัดติดต่อกันไปทั้งวันทั้งคืน  โดยไม่หยุดเป็นอาทิตย์  เลือดไหลไม่หยุด  วันสุดท้ายปวดมากบอกไม่ไหวแล้ว  พอทำสมาธิจนสว่างพยาบาลและแพทย์คิดว่าพระอาจารย์สิ้นแล้ว  พยาบาลช่วยจนฟื้นกลับมา  ต่อมาท่านกลับมาอยู่วัด  เลือดก็ยังออกอยู่เรื่อย  สุดท้ายนั่งสมาธิตั้งแต่ตี 3 - 6 โมงเช้า  อ่านตำราสมุนไพรจนหมด ก็ได้สูตรยามะเร็งให้แม่ชีไปหาตัวยามาจนครบ  แล้วต้มยาฉันควบคู่ไปกับการนั่งสมาธิ  ฉันแก้วแรกหายใจโล่ง  ตอนเช้าฉันข้าวได้  จึงได้รู้ว่าสมุนไพรสูตรนี้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งได้แน่นอน  พอฉันครบ  5  หม้อ  เลือดก็ไหลน้อยลง  หมอนัดติดตามผลทุก 3 เดือน และ 6 เดือน  เมื่อไปสแกนตรวจร่างกายก็ไม่มีเซลล์อะไรที่เป็นมะเร็งอยู่เลย         หลังจากนั้น  ในปี พ.ศ.2547 - 2548  ผู้ป่วยโรคมะเร็งมาหาพระอาจารย์หามกันมาดึกๆดื่นๆ ไม่รู้จักกันก็มาหา  พระอาจารย์ได้เห็นความทุกข์ทรมานจากโรคนี้แล้ว  จึงอธิษฐานจิตว่าจะช่วยคนจึงสร้างอโรคยศาลด้วยเงินบริจาค  สร้างเสร็จภายใน 2 ปี  เป็นจำนวนเงิน  10  กว่าล้านบาท  จนเป็น “อโรคยศาล วัดคำประมง” ในปัจจุบัน  อ้างอิงจาก   เอกสารประกอบการพิจารณาเสนอให้ ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วท.ด.) สาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน  เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือพระอาจารย์ ปพนพัชร์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:04:19

ความคิดเห็นที่ 38 อีกมุมนึง จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:04:56

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อออกจากวัดคำประมงแล้วเราก็เดินทางกลับสกลนครกัน พอเพื่อนผมมาส่งผมที่บ้านแล้วเค้าก็กลับบ้านเค้าไป ผมก็ยังอยากถ่ายภาพอีก และดูเวลาแล้วก็ยังพอทันถ่ายดวงอาทิตย์ตก นึกอยู่พักนึงว่าจะไปถ่ายที่ไหนดี ที่ไม่ไกลมาก ก็เลยปั่นจักยานออกมาแถวๆโรงพักพอเหลือบไปเห็นแท็งค์น้ำแฟลตตำรวจผมก็เลยเดินเข้าไปขออนุญาตพี่ตำรวจที่นั่งอยู่แถวนั้น เค้าก็อนุญาตครับ  ปีนขึ้นมาทันตะวันกำลังจะลับหลังเทือกเขาภูพานพอดีเลย จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:10:10

ความคิดเห็นที่ 40 เช้าวันใหม่ผมก็ออกจากบ้านมาแต่เช้าอีก วันนี้ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนกับเพื่อน อยากให้เค้ามีเวลาอยู่กับแฟนบ้าง ผมปั่นจักรยานมาแถวๆประตูเมือง เพื่อมาถ่ายสะพานขอม และ ต้นไม้กลายเป็นหิน จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:24:22

ความคิดเห็นที่ 41 สะพานขอม กับ ต้นไม้หิน ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:30:11

ความคิดเห็นที่ 42 สะพานขอม สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และน่าเสียดายมากที่เค้ารื้อสะพานแห่งนี้ แล้วมาสร้างใหม่เพื่อไม่ให้ขวางทางแนวจราจร พอสร้างใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม ใครอยากดูภาพสะพานแบบของเดิมไปตามลิ๊งค์นี้ครับ http://www.oknation.net/blog/plardeakdee/2011/09/19/entry-1  รู้ทั้งรู้ว่ามีเพียงแห่งเดียว แต่ก็ยังไปรื้อ แถมสร้างใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในขณะนั้นเค้าใช้อะไรในการตัดสินใจ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:36:27

ความคิดเห็นที่ 43 ศิลาแลงที่นำมาใช้ทำสะพานก็ไม่รู้ว่าใช่ของเดิมหรือเปล่าถ้าของเดิมก็ลองส่องดีๆนะเออ วันนี้หวยจะออกซะด้วย จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพนี้ต้นไม้กลายเป็นหิน อายุประมาณ 10 ล้านปี มีผู้ใจดีบริจาคมาให้ ใครเกิดรุ่นเดียวกับต้นไม้นี้บ้างช่วยหลังไมค์มาด้วย เดี๋ยวจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งให้ฟรีๆนะเออ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:44:58

ความคิดเห็นที่ 45 ตามไปเที่ยวชมเมืองสกลต่อครับบ............. จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:48:49

ความคิดเห็นที่ 46 ประตูเมือง ดูกันชัดๆ  ตรงกลางคือ พระพุทธองค์แสน ซ้ายมือรูปภาพคือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขวามือของรูปภาพ คือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:52:25

ความคิดเห็นที่ 47 รูปดาวที่แขวนไว้ตามจุดต่างๆในเมืองสกล เพื่อเชิญชวนให้ไปเที่ยวงานคืนแห่ดาว ที่บ้านท่าแร่ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:54:15

ความคิดเห็นที่ 48 ผ่านมาหลายปี สกลนคร ยังสวยเหมือนเดิม จากคุณ : ดอกไม้กับความเหงา เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:34:12

ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อถ่ายแถวประตูเมืองเสร็จแล้วผมก็ปั่นจักรยานมาเที่ยวที่วัดป่าสุทธาวาสทันที พอถึงวัดก็ไม่รอช้า ถ่ายทันที ตำแหน่งของที่ตั้งโบสถ์หลังนี้ ในอดีตเคยเป็นที่เผาร่างของ " หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต " จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:46:30

ความคิดเห็นที่ 50 พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:51:27

ความคิดเห็นที่ 51 สมุดประจำตัวของหลวงปู่มั่น จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:52:01

ความคิดเห็นที่ 52 พระที่หลวงปู่มั่นใช้กราบไหว้ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:52:48

ความคิดเห็นที่ 53 ของใช้ต่างๆของหลวงปู่มั่นที่จัดแสดงไว้ในตู้กระจก จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:53:26

ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ผมมาเที่ยวสกลนครครั้งแรก แล้วพี่ชายผมพาผมมาเที่ยวที่วัดป่าสุทธาวาส พาเข้ามาดูพิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่มั่น ผมเกิดความประทับใจขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นของใช้ต่างๆของหลวงปู่มั่น และยิ่งได้เห็นอัฐิธาตุของหลวงปู่มั่นทำให้ผมเกิดความศรัทธาต่อหลวงปู่มั่น จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:57:02

ความคิดเห็นที่ 55 นี่ก็ใช่ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:57:26

ความคิดเห็นที่ 56 อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:57:57

ความคิดเห็นที่ 57 ซูมให้ดูกันใกล้ๆ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:58:21

ความคิดเห็นที่ 58 ห่างจากพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น มาไม่ไกลก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่หลุยให้เราเข้าไปกราบไหว้ด้วย จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:00:02

ความคิดเห็นที่ 59 พิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่หลุย ก็อยู่ภายในวัดป่าสุทธาวาสเหมือนกัน  รูปเหมือนหลวงปู่หลุยครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:01:28

ความคิดเห็นที่ 60 ของใช้ของหลวงปู่หลุย จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:04:07

ความคิดเห็นที่ 61 ปาดดดด จากคุณ : pairnuan เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:23:42

ความคิดเห็นที่ 62 พอถ่ายเสร็จก็กลับมานั่งพักผ่อนที่บ้าน ยังไม่ทันได้นอนเลยเพื่อนก็โทรมาอีก บอกว่าแฟนไม่อยู่จะชวนไปเที่ยวกัน จะไปไหนก็บอกมาเลยเดี๋ยวพาไป ผมก็เลยบอกว่าอยากไปดูพระธาตุนารายณ์เจงเวง ถ่ายมาก็เยอะเหมือนกัน แต่ความกระหายที่จะถ่ายมันลดลงไปเยอะไม่เหมือนช่วงที่มาถึงสกลนครวันแรกๆ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:36:02

ความคิดเห็นที่ 63 ทางเข้าองค์พระธาตุ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:36:42

ความคิดเห็นที่ 64 หลังจากนั้นผมก็มาเที่ยวต่อที่วัดป่าภูธรพิทักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับราชภัฏสกลนคร กุฏิที่เห็นนี้เดิมเคยเป็นกุฏิที่พักของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:52:50

ความคิดเห็นที่ 65 หลวงปู่ฝั้น อาจาโรได้จำพรรษาที่วัดป่าภูธรพิทักษ์แห่งนี้เป็นเวลา 9 ปี จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:57:32

ความคิดเห็นที่ 66 หลังจากถ่ายภาพที่นี่เสร็จผมก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านต่อ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนอีกเลย เพราะต้องการอยู่ติดกับบ้านบ้าง เพราะตั้งแต่มาถึงสกลนคร แทบจะไม่อยู่ติดบ้านเลย ต้องหาเรื่องออกไปเที่ยวถ่ายภาพตลอด ภาพนี้ยืนถ่ายที่ดอนกระโจ ผมไปยืนดักรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่เช้า ดงต้นไม้ที่เห็นข้างหน้าผมไม่รู้ว่าชื่อเกาะอะไร แต่เป็นเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งในบึงหนองหารครับ จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 13:01:18

ความคิดเห็นที่ 67 ภาพสุดท้ายของกระทู้ โพสต์หมดแล้วครับ กว่าจะหมด กระทู้ก็ลงไปไปเยอะพอสมควร ยังไงก็ขอเชิญชวนไปเที่ยวเมืองสกลนครกันบ้างนะครับ เป็นเมืองที่เงียบสงบ อากาศดีมากๆอีกที่นึง ผมไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะมีโอกาสไปเที่ยวถ่ายภาพแบบนี้อีก เพราะเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน เลยต้องรอแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้นเอง ทิ้งท้ายด้วยภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอนกระโจ ซึ่งอยู่ริมบึงหนองหารอีกใบนึงครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชม และคอมเม้นต์ให้นะครับ ถ้ามีใครดูกระทู้ผมแล้วไปเที่ยวสกลนครแม้เพียงคนเดียว ผมก็ถือว่าผมได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่เคยอาศัยอยู่เกือบสองปี แห่งนี้แล้วนะครับ  จากคุณ : kamol673 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 13:07:46