ความคิดเห็นที่ 1 ออกเดินทางจากท่าเรือทับละมุ ด้วยเรือสปีดโบท บริษัทนี้ ชื่อยาวเรียกยาก แต่โลโกน่ารักดี รูป"เต่าตกใจ" จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:48:11

ความคิดเห็นที่ 2 นักท่องเที่ยวจะมีด้ายสีๆผูกข้อมือ เพื่อให้ไกด์จำได้ว่าเป็นลูกค้าของตัวเอง หน้าตาฝรั่งดูคล้ายๆกันไปหมด จำยาก บางบริษัทใช้สติกเกอร์ติดที่เสื้อ แต่บางทีก็ติดยากและสูญหาย เพราะบางคนใส่แต่บิกินีทั้งวัน ลงเล่น้ำก็หลุดหายหมดแล้ว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:51:09

ความคิดเห็นที่ 3 ลืมรูป จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:53:35

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนลงเรือ ไกด์จะนำป้ายแนะนำการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดสำนึกในการรักษาธรรมชาติ มีข้อห้ามหลายอย่าง ที่ไม่ควรทำ ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ไว้ เพราะนักท่องมาจากหลายประเทศ ร้อยพ่อพันแม่ บางคนกำมีสำนึกที่ดี บางคนก็ไม่ได้เรื่อง ผู้ประกอบการที่มีสำนึกที่ดีควรต้องชี้แจงให้นักท่องเที่ยวทราบก่อน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:56:28

ความคิดเห็นที่ 5 ประมาณ ชั่วโมงเศษ ก็มาถึงเกาะ 8 ที่มีหินเรือใบที่เป็นสัญญลักษณ์ของสิมิลัน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:58:07

ความคิดเห็นที่ 6 ในแต่ละวัน นักท่องเที่ยวมาที่ที่เกาะสิมิลัน โดยเฉพาะที่ เกาะ 4 วันละไม่น้อย กว่า 300 คน ในช่วงเทศกาลก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่านั้น จนอาจจถึง 1,000 คน สิ่งที่เดขึ้นตามมาก็คือปริมาณขยะที่นักท่องเที่ยว ได้สร้างขึ้น ขยะที่สามารถ Recycle ได้ ทางอุทยานจะรวบรวม แล้วขนกลับฝั่ง ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็รวบรวมขนกลับฝั่งด้วย จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:02:57

ความคิดเห็นที่ 7 .. แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 16:06:54 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 16:06:39 จากคุณ : theerapat เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:06:22

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงแม้ว่า จะช่วยกันขนกลับขึ้นฝั่งในแต่ละวันไปบ้างแล้ว ขยะบนเกาะก็ยังมากมาย ในแต่ละวัน ขยะสดจากเศษอาหาร มีมากกว่า 200 กก/วัน ในอดีตที่ผ่านมา การกำจัดขยะของหมู่เกาะสิมิลัน ใช้วิธํการฝังกลบ ซึ่งผลก็คือขยะจำนวนไม่น้อยย่อยสลายไม่ทัน และส่งกลิ่นเหม็น และยังปล่อยแก๊สชีวภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ มีเธน ซึ่งส่งผลต่อชั้นบรรยากาศ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:07:59

ความคิดเห็นที่ 9 ตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ^^ จากคุณ : Wini2524 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:12:23

ความคิดเห็นที่ 10 ในปัจจุบัน สิมิลัน ใช้วิธีการย่อยสลายขยะสดด้วยจุลินทรีย์ ช่วยให้ขยะย่อยสลายได้เร็วขึ้น และไม่มีกลิ่นเหม็น นอกจากนั้น ยังไม่เกิดก๊าซมีเธนที่มีผลกระทบต่อบรรยากาศ การใช้ระบบย่อยสลายด้วยชีวภาพ สามารถกำจัดขยะ ได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:16:08

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการขยะ จะขุดหลุมลึกประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ 1.5 เมตร จากนั้นเอาขยะสดจากครัวและโรงอาหารเทลงไป จากนั้น เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ที่เหมาะสม ใส่ลงไป เมื่อก่อนจะมีการกลบและปิดปากหลุม แต่ปัจจุบัน ไม่กลบหลุม เนื่องจาก จุลินทรีย์บางชนิดจะมีการย่อยสลายที่รวดเร็วเมื่อมีอากาศ หรือออกซิเจน และขณะเดียวกันก็มีจุลินทรย์บางชนิด ที่ไม่ต้องการออกซิเจน การย่อยสลายขยะจึงทำได้รวดเร็วกว่า การฝังกลบ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:21:24

ความคิดเห็นที่ 12 เชื้อจุลินทรีย์ จากการศึกษาและวิจัยของ ดร.นิรันดร์ สิงหบุตรา มีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่จำเป็นต่องการย่อยสลายสารอินทรีย์ ระหว่างที่จุลินทรีย์กำลังย่อยสลายนั้น ขยะที่เป็นแป้ง จะมีกลิ่น เหมือนขนมปังอบใหม่ๆ ออกมา ส่วนที่เป็นเนื้อสัตว์ จะมีกลิ่นเหมือน ไส้กรอก แต่กลิ่นทั้งสองแบบจะหายไปเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 48 ชั่วโมง ขยะจำนวนมาก จะเป็นอาหารชั้นดีของแมลงชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แน่นอนว่า แมลงวันด้วย แมลงวันจะใช้บ่อขยะนี้เป็นแหล่งอาหารและวางไข่ แต่เมื่ออยู่ในช่วงหนอนแมลงวัน มันจะกินจนตัวอ้วนใหญ่ มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้วซึ่งใหญ่กว่านอนแมลงวันปกติ หนอนแมลงวันเหล่านี้จะค่อยๆตายไปโดยไม่กลายเป็นดักแด้ แมลงวันรุ่นใหม่ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:28:24

ความคิดเห็นที่ 13 สิมิลันมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเรื่องการเข้าออก และการจอดเรือสปีดโบท ที่สร้างความหวาดเสียวแก่นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำอยู่หน้าหาด ทางอุทยานก็เลยทำทุ่นไข่ปลา เพื่อกำหนดเขตเล่นน้ำ และเขตเข้าออกของเรือ และมีการทำทุ่นเพื่อจอดเรือให้ห่างออกจากชายหาดออกไป เพื่อไม่ให้หน้าหาดที่มีพื้นที่ไม่มากนัก ไม่เกิดความแออัด แบบนี้ก็เข้าทีดีเหมือนกัน เพราะสมัยก่อนจะเห็นเรือ สปีดโบท จอดทิ้งสมออยู่ริมหาดเต็มไปหมด เวลาถ่ายรูปแล้วไม่ค่อยสวย ^^ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:07:31

ความคิดเห็นที่ 14 บริเวณหน้าหาด มีพื้นที่มากพอที่นักท่องเที่ยวจะเล่นน้ำได้ ไกลออกไป จะเป็นทุ่นสีขาวสำหรับจอดเรือเล็ก ฐานทุ่น เป็นคอนกรีตหนัก 3 ตัน จอดเรือขนาดเรือสปีดโบทได้ ไกลออกไปเป็นแนวทุ่นสีแดงสำหรับเรือขนาดใหญ่ เช่น เรือทัวร์ดำน้ำแบบ scuba และถ้าไกลออกไปอีก จะเป็นทุ่นขนาดใหญ่ที่สุดเป็นสีเหลือง จอดเรือที่ขนาดใหญ่ ปล.เวลาดูภาพพยายามดูที่แบ็คกราวด์นะครับอย่าจ้องดูแต่โฟร์กราวด์ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:18:08

ความคิดเห็นที่ 15 สิมิลัน น่าจะเป็นอุทยานทางทะเลที่มีปัญหาใหญ่ทับซ้อน สองเรื่อง คือ การบริหารจัดการเรื่องการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและงานวิจัย พี่มานะ เพิ่มพูน หน.อช.คนปัจจุบัน (คนที่ไม่ใส่รองเท้า) ต้องจัดชุดปราบปราม แต่เท่าที่ทราบจะเป็นการป้องปรามมากกว่าเป็นการปรามบปราม เพราะในความเป็นจริงการเข้าพื้นที่เขตแนวปะการัง ของเรือประมงขนาดใหญ่นั้นไม่เป็นปัญหา เพราะปลาเศรษฐกิจ มีไม่มากพอกับการใช้อวนลาก คงจะมีแต่พวกประมงเรือเล็ก ซึ่งมักจะใช้การผลักดัน ก่อนจะมีการจับกุม แต่เมื่อมีการจับกุม จนท.อุทยานก็ต้องเต็มยศเหมือนกัน เผื่อโดนยิงสวน ปล.ชุด จนท อุทยานทางทะเล ดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ^^ ถ้าตกน้ำตกเรือ นี่น่าจะอันตราย นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่า ที่ หน.อช.ไม่ใส่รองเท้า ^^ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:25:37

ความคิดเห็นที่ 16 ชุดสายตรวจของอุทยาน ก่อนออกลาดตระเวณ ต้องมีประชุมหัวหน้างานและแผนงานก่อน หน.อช.บอกว่า ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะและการใช้กำลัง ต้องใช้วิธีเจรจา ผมก็ได้แต่สงสัยว่าถ้าเป็นเรือประมงที่มีลูกเรือ เป็นพม่า สงสัยต้องใช้เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ เรือลาดตระเวนของ อุทยานสิมิลัน ลำไม่ใหญ่นัก แต่ดูเหมือนว่าจะซดน้ำมันเอาเรื่อง เพราะเป็นเรือที่ทำความเร็วสูง จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:33:12

ความคิดเห็นที่ 17 ++ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 09:24:04 จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:44:42

ความคิดเห็นที่ 18 นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงสิมิลันก็มักจะนึกถึงน้ำทะเลใสๆหาดทรายขาวๆ เม็ดทรายนุ่มละเอียด แต่บนเกาะยังมีพื้นที่อื่นที่น่าสนใจไม่น้อย ลึกเข้าไปในพื้นที่ด้านใน บางส่วนเป็นพื้นที่ที่เป็นบึงน้ำจืด สัตว์หลายชนิดใช้เป็นที่อาศัย หากิน และหลบซ่อนตัว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:30:24

ความคิดเห็นที่ 19 บ้านของปูไก่ เป็นรูอยู่ตามพื้น ปูไก่ มีวงจรชีวิตที่แปลกประหลาด คือ ใช้ชีวิตช่วงวัยอ่อนอาศัยอยู่ในทะเล พอโตขึ้นมาก็มาหากิน ขุดรูอยู่บนบก ใกล้ๆทะเล พอผสมพันธุ์ วางไข่ตัวเมียก็ไปปล่อยไข่อยู่ริมทะเล ลูกปูจะออกจากไข่ในน้ำทะเล จนโตขึ้นมาระยะหนึ่ง ถึงกลับขึ้นมาบนบก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:38:08

ความคิดเห็นที่ 20 ปูไก่ออกหากินกลางคืน กลางวันหลบอยู่ตามรูและซากใบไม้ตอไม้ ภาพนี้เป็นปูไก่ตัวผู้ สังเกตจากจับปิ้งที่หน้าท้องเรียวๆ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:47:37

ความคิดเห็นที่ 21 ตัวนี้เป็นปูไก่ตัวเมีย จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:48:26

ความคิดเห็นที่ 22 ปูไก่หาอาหารกินตอนกลางคืน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:52:23

ความคิดเห็นที่ 23 เพื่อนของปูไก่ ปูเสฉวน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:52:55

ความคิดเห็นที่ 24 สิมิลัน มีสังคมป่าชนิดหนึ่งคือ ป่าชายหาด (Beach Forrest) พืชพรรณไม้จะต้องทนความเค็มและสภาพความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ำ(จืด)ได้ดี จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:56:16

ความคิดเห็นที่ 25 สัตว์ที่บินได้ ที่สิมิลันเรามักจะนึกถึงนกชาปีไหน แต่สัตว์บินได้ที่ถือว่าเป็นเจ้าของเกาะสิมิลันก็คึอ ค้างคาวแม่ไก่เกาะ (Island Flying Fox) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะประมาณ 800-1,000 ตัว ขนาดของมันจะมีขนาดเล็กกว่าค้างคาวแม่ไก่ที่พบเห็นบนแผ่นดิน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:01:56

ความคิดเห็นที่ 26 แหล่งหรือหมายดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสิมิลันในอดีต คือ กองหินแฟนตาซี หรือ Fantasea Reef ได้ถูกปิดลงมานานกว่าสิบปีแล้วความเสื่อมโทรมของกองหินแฟนตาซี นั้นหนักหนาสาหัสมาก ต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการฟื้นฟูให้สวยงาม อุทยานสิมิลัน ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ SAMPAN ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากฝรั่งเศส จัดตั้งโครงงาน Reef Guard เพื่อดูแลรักษาแนวปะการังในพื้นที่อุทยานฯ มีนักดำน้ำอาสาสมัครทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่วมกับ นักดำน้ำจากหน่วยดำน้ำลึกของอุทยาน ได้ร่วมกันสำรวจ และบันทึกข้อมูล โดยมี พี่มานะ หน.อช.สิมิลัน ซึ่งเป็นนักดำน้ำระดับ Diver Master (PADI) เป็นหัวหน้าชุด การสำรวจใต้น้ำจะดำเนินการควบคู่กับการเฝ้าระวังบนผิวน้ำ ด้วยเรือตรวจการณ์ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:14:55

ความคิดเห็นที่ 27 สภาพทั่วไปการฟื้นตัวของแนวปะการังยังไม่ค่อยดีนัก ปะการังใหม่ๆ หรือ กัลปังหายังไม่ค่อยมาเกาะมากนัก บางช่วงแลดูวังเวงน่ากลัวเหมือนกัน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:17:02

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ค่อยมีปะการัง มากนัก แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 19:21:41 จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:21:07

ความคิดเห็นที่ 29 กัลปังหาแหว่งๆ วิ่นๆ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:22:42

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน วันที่ 26 นี้จะได้ไปสิมิลันแล้ว ^^ จากคุณ : บาร็อกอมยิ้ม เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:23:01

ความคิดเห็นที่ 31 ตัวนี้ตายสนิท สงสัยไม่ฟื้นแล้ว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:24:34

ความคิดเห็นที่ 32 ตามไปเที่ยวสิมิลันด้วยคนครับบบ.............. จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:36:10

ความคิดเห็นที่ 33 แม้ว่าโดยรวมๆ การฟื้นตัวของแนวปะการังที่กองหินแฟนตาซียังไม่ดีนัก แต่ก็ยังพอมีความหวัง กับ รุ่นใหม่ๆที่ค่อยๆเติมโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ในอนาคตอาจจะเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี เราก็อาจจะต้องอดทนรอต่อไป แนวปะการังตามธรรมชาติใช้เวลายาวนาน ระยะเวลาแค่นี้ถือว่าไม่ยาวนานสำหรับการรอคอย คิดเสียว่า ในยุคเราไม่ได้เห็น รุ่นลูกรุ่นหลานเราก็คงได้เป็น เพียงแต่เราช่วยกันรักษาเอาไว้ให้ดีๆก็พอ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:37:45

ความคิดเห็นที่ 34 ปะการังเขากวางกลุ่มนี้ น่าจะเป็นดัชนี ของความหวังในการฟื้นตัวของแนวปะการังบริเวณนี้ แม้ว่าอายุของมันจะไม่มากเป็นแนวปะการังใหญ่ แต่มันก็คือจุดเริ่มต้นที่ดี คงเหมือนกับเวลาเรามีไม่มีเงินสักบาทในกระเป๋า แล้ววันหนึ่งเรามีเงิน 100 บาท เงินจำนวนนี้ก็ดูจะเป็นความหวัง ที่มีค่ามหาศาลเลยทีเดียว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:42:09

ความคิดเห็นที่ 35 ถึงตัวจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีประโยชน์ หินปูนของซากปะการังใช้เป็นที่หลบซ่อนของปลาวัยอ่อน ก่อนที่มันจะโตขึ้น ออกไปสู่ทะเลใหญ่ เป็นปลาเศรษฐกิจ เป็นอาหาร เลี้ยงมนุษย์จำนวนมาก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:45:49

ความคิดเห็นที่ 36 ไปมาหนเดียว ลงน้ำไดว์เดียว สามสิบปีแล้วมั้ง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:53:55

ความคิดเห็นที่ 37 ปัญหาของสิมิลัน อย่างหนึ่งคือพวกนักตกปลา ที่มักจะลักลอบนำเรือสปีดโบท ลำเล็กๆ 17-21 ฟุต เข้ามาท่องเที่ยว เมื่อห่างไกลออกไปจากบริเวณเกาะสี่หรือเกาะแปด เราเหล่านี้ก็วางเบ็ดตกปลากันสนุกสนาน เพราะรู้ว่า จนท เอาเรือออกมาจับไม่ทันแน่ๆ ปลากะรังแดงจุดฟ้า เวลาอยู่ในน้ำ สีสันจะสวยงามมาก ร้านอาหารทะเล ขายให้ลูกค้าราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกัน แต่สีสันของมันเมื่อเวลาอยู่ในร้านอาหาร มันคนละสีกับที่เห็นในทะเล มันอาจจะตกใจกลัวตายจนสีซีดกระมัง จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:54:28

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 36     ไปมาหนเดียว ลงน้ำไดว์เดียว สามสิบปีแล้วมั้ง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร   ------------------------------------------------- ผมคิดว่า กว่าจะฟื้นตัวจริงๆก็คงอีกสามสิบปีเลยครับคุณน้าต้นโพธิ์ ------------------------------------------------- อยากฝากไปถึงนักดำน้ำไว้ตรงนี้เลยครับ ว่า ยังอีกนานครับ กว่าจะฟื้นตัว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:56:58

ความคิดเห็นที่ 39 ที่เกาะแปด มีการแบ่งเขตเล่นน้ำกับจอดเรือเเหมือนกันกับเกาะสี่ แต่ทุ่นจอดเรือยังทำได้ไม่มากพอ คงต้องรอสักระยะหนึ่ง แต่ก็นับว่ายังดีที่มีเรือนำนักท่องเที่ยวเข้ามายังไม่มาก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:03:18

ความคิดเห็นที่ 40 โค้งอ่าวที่เว้ามาก ช่วยให้บังกระแสลมที่พัดมาจากทางตะวันออกได้ดี ในยามที่ลมตะวันตกสงบนิ่ง ชายหาดเกาะแปด จะลงเล่นน้ำได้สบายที่สุด แต่ถ้าลมกระหน่ำมาจากทางตะวันตก ชายหาดแห่งนี้แทบไม่มีที่จะหลบ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:07:54

ความคิดเห็นที่ 41 เกาะแปดมีแต่หาดทราย เรือทัวร์จึงมักพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำที่อ่าวนำชัย ทางทิศใต้ของเกาะเก้า ซึ่งเป็นอ่าวทีมีปะการัง และฝูงปลาให้ดู ส่วนนักดำน้ำแบบ scuba ก็เป็นที่ดำนน้ำกลางคือ night dive จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:11:43

ความคิดเห็นที่ 42 ระหว่างอยู่ในเรือของ เต่าตาโต ไม่มีไรทำ ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ ^^ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:15:06

ความคิดเห็นที่ 43 เหนือขึ้นไปจากเกาะเก้าสิมิลัน ยังมีเกาะตาชัย มีหาดทรายขาวและสวยงามกว่าทุกเกาะในอุทยานสิมิลัน แต่บริเวณหน้าหาด มีโขดปะการัง เป็นกำแพงกั้นตลอดแนว การเข้าถึงหน้าหาด คนขับเรือต้องมีความชำนาญ เพราะใบพัดเรือ จะพังเสียหายได้ ในปัจจุบัน เกาะตาชัย ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว ค้างแรมบนเกาะได้ แต่สามารถเข้ามาเล่นน้ำ และ ดำน้ำผิวน้ำได้ นอกเหนือไปจาก หมายดำน้ำลึกที่ กองหินตาชัย และ แนวปะการัง ตาชัยฝั่งตะวันออก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:20:40

ความคิดเห็นที่ 44 แนวปะการังที่พัง.. ถ้ารอให้ธรรมชาติเป็นตัวเยียวยารักษา..คงต้องใช้เวลานานมากเลย.. แล้วทำไมไม่ทำปะการังเทียมกันไปซะเลย.. ผมเองก็ไม่เข้าใจนะ พวกนักวิชาการไปไหนหมด..ทำไมไม่มาหาทางทำให้มันฟื้นตัวเร็วขึ้นล่ะ.. งบประมาณ..ที่เก็บจากค่าหัวนักดำน้ำ ปีๆ นึงจำนวนเท่าไหร่.. ทำไมไม่เอามาลงทุนทำแนวปะการังเทียม.. พอมีงบ..พวกนักวิจัยก็มาจิกไป..แล้วไง.. ไม่เห็นผลอะไรเลยนะ.. ตัวอย่างที่ได้เห็นมานะ.. หินม้วนเดียว..ที่ผมได้ไปเห็นมาเมื่อปลายปีนี้..ก็พัง แบบไม่เหลือเืยื่อใย ไม่มีเค้าความสวยหลงเหลือเลย แม้แต่น้อย.. ไม่เห็นใครจะเสนอทางเยียวยาแก้ไขด้วยซ้ำมัง.. ได้แต่รอธรรมชาติอย่างเดียวเลยเหรอ ??? ที่เดียวละกัน..ขี้เกียจเล่าแล้ว..เฮ้อออ... แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 20:37:46 จากคุณ : ตะวันลับฟ้า เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:26:32

ความคิดเห็นที่ 45 กองหินตาชัย หรือ Tachai Pinnacle ถือเป็นหมายดำน้ำที่มีโอกาสพบปลาฉลามวาฬได้มากที่สุดในเขต พื้นที่ของอุทยานฯสิมิลัน บางครั้งก็มีปลากระเบนราหู หรือ Manta Rayเข้ามาเช่นกัน หมายดำน้ำลึกจุดนี้เป็นหมายดำน้ำที่ยากจุดหนึ่ง เนื่องจากกระแสะนำที่ไหลแรง นักดำน้ำที่ประสบการณ์ไม่มากพอ ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว ยังเพื่อความปลอดภัยของปะการังด้วย เพราะถ้าประสบการณ์ไม่มากพอ ดำน้ำยังไม่เก่ง ก็มีโอกาสที่จะไปเตะปะการังเสียหาย บริเวณนี้มีทุ่นผูกเรือสำหรับดำน้ำลึกสามลูกเป็นทุ่นสีเหลือง หมายถึง สำหรับเรือขนาดใหญ่สามารถผูกได้ ฐานทุ่นจะเป็นฐานธรรมชาติคือผูกกับก้อนหิน ขนาดใหญ่แข็งแรง จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:30:33

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 44 คุณตะวันลับฟ้า ------------------ ก็ในเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงทำหน้าที่เป็นอีแร้งสูบงบประมาณกัน มันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าจะว่ากันเรื่องปะการังเทียม ผมว่าปะการังตัวนี้แหละที่เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำมห้ จนท ของรัฐ และนักวิชาการร่วมหัวกันรุมทึ้งงบประมาณแผ่นดิน การวางปะกางรังเทียมแบบเดิมๆเป็นลูกเหลี่ยมๆมันไม่ยาก เพียงแค่หล่อปูนบนฝั่งเอาลงเรือลากมาแล้วก็ถีบลงน้ำ ถ้ากำหนดไว้ 2,000 ลูก เอาไปลงจริงๆ ไม่ถึงหรอกครับ เพราะคนรับจ้างทำก็ต้องแบ่งเงินให้ คณะกรรมการตรวจรับงานจ้าง ไม่แบ่งมันก็ไม่ตรวจรับ และเวลาตรวจรับงานก้ไม่ได้ดำน้ำลงไปตรวจหรอก คนรับจ้างต้องถ่ายรูปไปให้พวกมันดู บางครั้งต้องเอาไปให้ พวกมันดูในร้านวงเหล้าก็ยังมี ลองสำรวจดูว่ามีหน่วยงานไหน องค์กรไหนที่ทำปะการังเทียม แบบเอาไปถีบทิ้งทะเล ก็หน่วยงานนั้นแหละครับ โดยส่วนตัว ในอุทยานทางทะเล ไม่ควรทำปะการังเทียม มันจะกลายเป็นทัศนอุจาดและทัศนอุบาทว์มากกว่า เหมือนที่ใครก็ไม่รู้เอาประติมากรรม กับปะการังเทียม ไปวางไว้ที่อ่าวเกาะห้า ยังคงอยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ แล้วมีตัวอะไรไปเกาะไปงอกหรือเปล่า ก็ไม่มีเปลืองเงิน ส่วนการฟื้นตัวของธรรมชาติ ที่ดีที่สุดคือการให้ธรรมชาติจัดการตัวเอง ตัวอย่างที่เห็นชัดในกรณี โครงการปลูกป่าที่อุทยานฯกุยบุรี ปลูกแล้วตาย ปลูกแล้วช้างหักเล่น เหยียบเล่นอยู่นานหลายปี จนงบประมาณหมดแล้ว ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ผลปรากฏว่า ธรรมชาติฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่า กลายเป็นป่าจริงๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีเสือโครงพันธุ์อินโดจีนมาอาศัยอยู่ถึง 6 ตัว กระทิงและวัวแดงเป็นร้อยตัว  และสัตว์ป่าอื่นๆอีกหลายชนิด การทำปะการังเทียมทำให้นึกถึงโครงการปลูกป่าของกรมป่าไม้ในอดีต ที่มีแต่แปลงปลูกยูคาลิปตัสบ้าง ไม้สักบ้าง เป็นแถวเป็นแนวสวยงาม แต่นั่นไม่ใช่ป่า นั้นเป็น Plantation ความหลากหลายทางชีวิภาพมันไม่มี แนวปะการังก็ต้องการเวลา พวกมันใช้เวลาหลายพันปีสร้างอาณาจักรของมัน ถ้ามันจะฟื้นฟูอาณาจักรของมันให้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมมันก็ให้เวลากับมัน พวกมนุษย์จะทำได้ก็เพียงแต่การไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมัน มันจะสร้างของมันเอง มนุษย์มีหน้าที่รอและรอ มนุษย์เราใช้เวลาหลายล้านปีที่จะสร้างตัวเองจนเป็น Sapien Sapien เวลา 100 ปีของมุนษย์ดูเหมือนยาวนาน แต่เมื่อเทียบกับธรรมชาติ ของแนวปะการัง มันสั้นนิดเดียวเอง ส่วนที่กองหินแฟนตาซี ถ้าจะบอกว่าการฟื้นฟูนั้นอยู่ในระดับใด คงต้องบอกว่า เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งที่มันเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้พวกมันกำลังสร้างหมู่บ้านเล็กๆ หลายๆหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลามันก็จะกลายเป็นเมือง เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ขึ้นเอง บางครั้งมนุษย์เรารอธรรมชาติไม่ได้ เพราะเรามองทุกอย่างจากการที่ เราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง  และแทรกแซงธรรมชาติ จนธรรมชาติ มันคงจะงง ว่า อะไรกันวะ ^^ ปล.ภาพหมู่บ้านแฟนตาซีขนาดเล็กที่กำลังตั้งต้น จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:57:47

ความคิดเห็นที่ 47 เกาะตาชัยเป็นเป้าหมายของนายทุนและนักการเมือง มานานแล้วในการพัฒนาเกาะตาชัยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็นับว่าเกาะตาชัยยังชะตาไม่ถึงฆาต ที่มีมวลชน Blue Planet ช่วยเอาไว้ได้ทัน แต่ก็อย่างได้นิ่งนอนใจ นักการเมือง และเจ้าหน้าระดับสูงของรัฐ ยังคงเฝ้ารออยู่ ถ้ามวลชนเผลอเมื่อไหร่ พวกมันคงจะกลับมารุมทึ้งเกาะตาชัยอีกครั้ง นักท่องเที่ยวที่เกาะตาชัยในแต่ละวันยังไม่มาก อาจจะเป็นเพราะระยะทางที่ค่อนข้างไกล และการเข้าหน้าหาดทำได้ยาก เรือของบริษัททัวร์ มีความเสี่ยงกับเกียร์และใบจักรเรือที่จะเสียหาย นอกจากนั้นอุทยานฯก็ไม่อนุญาตให้มีการค้างแรมที่เกาะ นักท่องเที่ยวต้องออกเรือกลับเข้าฝั่ง ถ้าจะมีค้างแรมก็เฉพาะที่เป็นเรือ scuba ที่จะใช้อ่าวด้านตะวันตก และตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่หลบลม และจอดนอน   และยังเป็นหมายดำน้ำกลางคืน Night dive ด้วย จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:11:47

ความคิดเห็นที่ 48 อุทยานไม่อนุญาตให้บริษัททัวร์ประกอบอาหารบนเกาะ เพื่อเป็นการควบคุมประมาณขยะเป็นวัตถุประสงค์หลัก หากบริษัททัวร์ทุกบริษัทมีครัวของตัวเองบนเกาะ คงวุ่นวายกันน่าดูเพราะต่างคนต่างทำ จนท บนเกาะมีอยู่แค่ 12 คน ไม่น่าจะรับมือไหว ทางออกของเรื่องนี้ก็คือ ทางอุทยานทำอาหารให้ และเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ ก็มาช่วยกันทำถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป การขนส่งและลำเลียงอาหารก็ฝากมากับเรือสปีดโบท ขยะที่ขวดแก้ว พลาสติค ก็ขนกลับฝั่ง ที่เป็นอาหารสด ก็ใช้วิธีการกำจัดด้วยจุลินทรีย์ชีวภาพ เหมือนที่ทำที่เกาะสี่และเกาะแปด จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:19:21

ความคิดเห็นที่ 49 บ้านพักของ เจ้าหน้าที่อุทยานบนเกาะตาชัย ไม่รู้ว่านอนกันหลังละกี่คน หลังเล็กเหลือเกิน ถ้าผมเดินขึ้นไปสงสัยบ้านจะพัง จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:22:19

ความคิดเห็นที่ 50 ขยะที่สามารถ recycle ได้นำมารอไว้ที่ชายหาด เพื่อให้เรือตรวจการณ์ของอุทยานฯที่จะผ่านมาขนกลับเข้าฝั่ง จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:25:02

ความคิดเห็นที่ 51 บ้านพักสำหรับยเจ้าหน้าที่บนเกาะตาชัยมีไม่พอ นอนเต๊นท์กันไป ก่อน มีการติดธงชาติเอาไว้เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่าเป็น ที่พักของนักท่องเที่ยว จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:30:48

ความคิดเห็นที่ 52 ชุดตรวจการณ์ของอุทยานฯมาถึงแล้ว นอกจากมีภาระกิจลาดตระเวณแล้ว ยังต้องสำรวจพืชพันธุ์ไม้บนเกาะด้วย จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:34:29

ความคิดเห็นที่ 53 อาวุธประจำกายของหน่วยปราบปรามและลาดตระเวน เป็นไม้ไผ่ เอาไว้ไล่งู จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:36:23

ความคิดเห็นที่ 54 เจ้าหน้าที่ที่เกาะตาชัยซ่อมเรือ ทางเข้าหน้าหาดมีร่องน้ำที่สะดวกที่สุดเพียงร่องเดียว ตามแนวทุ่นไข่ปลาวางเอาไว้ โดยมีหมายต้นทางเป็นทุ่นสีแดง เรือที่จะเข้ามาหน้าหาดต้องมาตามแนวร่องน้ำนี้ ถ้าเป็นช่วงเวลาน้ำลง ก็เข้าไม่ได้ เพราเป็นหาดที่ตื้นมาก จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:41:03

ความคิดเห็นที่ 55 Colony ของปะการัง ตามธรรมชาติของสิมิลัน บริเวณนี้เพียงหนึ่งลูกบาศก์เมตรแต่ลองนับดูว่า มีสิ่งมีชีวิตอาศัยพื้นที่นี้เป็นหมู่บ้าน และเมื่อมีหลายๆหมู่บ้านมันก็จะกลายเป็นเมือง เป็นอาณาจักร ตามธรรมชาติ สิมิลันก็เป็นไปตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ มีเกิด เติบโต ทรุดโทรม และตาย วนเวียนไปเรื่อยๆ เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องดูแลรักษา แล้วภาพแบบนี้จะเป็นสิมิลันไปอีกนาน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:49:39

ความคิดเห็นที่ 56 จขกท. ความรู้แน่นดีจัง ให้รายละเอียดได้ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : mimi_ZooZoo_Family เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:53:45

ความคิดเห็นที่ 57 ผมกำลังจะไป สิมิลัน เดือนหน้าครับ วันที่ 7-10 มีนา สิมิลันจะยังสวยเหมือนที่ผมฝันไว้รึป่าวน้า คิดถึงสิมิลัน ... เคยไปตั้งเเต่สมัยฝึกงานเมื่อหลายปีก่อน เเล้วเจอกันน่ะ สิมิลัน : ) จากคุณ : Pop Adii เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:31:53

ความคิดเห็นที่ 58 คห 37 เรื่องเรือเล็กตกปลาเล่น อันนี้มีมานานแล้วครับ เจ้าหน้าที่เห็น แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะ วิ่งไปท่านก็เก็บเบ็ด บางคนหนักกว่านั้น ถ้ายรูปมาอวดตามเวป อันนี้แก้ปัญหาง่ายๆ ก็ออกกฏว่า ใครเอาคันเบ็ดเข้าเหตุอุทยาน ให้ยึด จากคุณ : linder445 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:58:17

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับที่นำมาแชร์ ยังไม่มีโอกาสไปเลย หวังว่าวันหน้าจะดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ   จากคุณ : Soda_O2 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:54:39

ความคิดเห็นที่ 60 แวะเข้ามาชมครับ เสียดายความงดงามใต้ท้องทะเลที่หายไป จากคุณ : เจ้าชายแวมไพร์ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 01:33:27

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณจขกท ข้อมูลละเอียดมากค่ะ จากคุณ : P'cist เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:23:12

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้แบบนี้สิครับ ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปที่ๆแวะไป แต่มีความรู้แทรกไว้ด้วย     โชคดีที่ผมเคยไปกองหินแฟนตาซีสมัยยังสวยมากๆ เห็นภาพในกระทู้นี้แล้วเสียดายครับ สิ่งที่สั่งสมมาเป็นร้อยๆปี สูญสลายไปในเวลาอันรวดเร็ว      เกาะตาชัยสมัยนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล แต่ก็มีน้อยคนจะได้แวะนอกจากพวกดำสคูบ้า ยังนึกเลยว่าอีกหน่อยคงมีรีสอร์ทแน่ๆ เพราะบนเกาะสวยไม่แพ้สิมิลัน จากคุณ : dayong เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:24:30

ความคิดเห็นที่ 63 แอบ สงสัย ว่า จขกท ทำงานอะไร .....^^ น่าจะทำงานเกี่ยวข้องกับงานที่เราทำแน่ๆ (สิ่งแวดล้อม) เพราะ จขกท ทราบถึงการจัดการขยะที่เกิดขึ้นด้วย เรายังไม่เคยไปสิมิลัน แต่หวังไว้ว่ามีโอกาสเราจะไป หากแต่ในวันนี้เราอยากให้นักท่องเที่ยวทุกคน ช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้ดีที่สุด อย่าทำลายธรรมชาติ เพราะเมื่อมันโดนทำลายคงต้องใช้เวลาอีกนานมากมายกว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ฝากดูแลสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงที่อื่นๆที่ไปกันด้วยนะคะ จากคุณ : kumza เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 17:25:53

ความคิดเห็นที่ 64 ความคิดเห็นที่ 63 ^ ^ ^ ^ ทายไม่ถูกครับ เราให้โอกาสท่านอีกครั้งหนึ่ง อิอิ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11662402/V11662402.html จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 18:22:58

ความคิดเห็นที่ 65 สมัยที่ไปเมื่อสามสิบปีที่แล้วนั้น ต้องเอาทุกสิ่งไปเอง กับข้าวก็ทำกันเอง ดีที่สมัยนั้น มีน้ำจืดสนิทไหลลงมาจากโขดหินที่ชายหาดเกาะแปด จึงได้อาศัยน้ำนี้อุปโภคบริโภคบางส่วน ตอนไป ลากเบ็ดไปด้วย ติดปลาโอประมาณ ๒-๓โล ลากกำลังจะถึงเรือ แต่แล้วเจ้าปลาโอนั้นก็โดนเฉลิม เอ๊ยฉลามงาบเหลือแต่หัวขึ้นเรือ แปลกใจ สมัยนั้นขึ้นหินใบได้อย่างไร อยู่ซะสูลิบแบบนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้คงถอดใจตั้งแต่หาดทราย(อ๊ะ แต่ไม่แน่ เมื่อสามปีที่แล้วยังขึ้นประภาคารเกาะจวงได้เลย) ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายๆชีวิตดำน้ำ นึกๆแล้วก็เสียดาย หากยังดำอยู่ ชีวิตอาจรุ่งกว่านี้ก็ได้ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 21:31:28

ความคิดเห็นที่ 66 เสียดายเหมือนกัน ที่คราวก่อนผมไม่ได้เอากล้องไปถ่ายรูป.. เพราะไปทำงาน เลยไม่อยากเอากล้องไปถ่ายอะไร... จากที่เคยได้เห็นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว กับตอนนี้ ผมว่ามันแย่มากๆ... การทำแนวปะการังเทียมที่ผมว่า.. ไม่ใช่การเอาแท่งปูนไปถีบทิ้งขว้างแบบนั้น.. ควรทำแบบที่แสมสารเค้าทำ.. เพาะขึ้นมาก่อน.. แล้วเอาไปวาง.. ที่บางที่ ที่พังแบบถาวร..ยกตัวอย่าง "หินม้วนเดียว ฯ" จาก 65 "ดีที่สมัยนั้น มีน้ำจืดสนิทไหลลงมาจากโขดหินที่ชายหาดเกาะแปด จึงได้อาศัยน้ำนี้อุปโภคบริโภคบางส่วน.." บริเวณหัวเกาะตรงนั้น น่าจะเรียกอ่าวเต่ามัง..ผมดำลงไปดู บริเวณนั้นเคยมีปะการังสวยงามมาก แต่ที่ไปเห็นเมื่อปลายปี ไม่เหลืออะไรเลยครับ..เป็นลานผุๆ พังๆ ของแนวปะการังสุดสายตาก็ว่าได้.. ไปดูมาหรือเปล่าล่ะครับ  มันพังแบบไม่มีเค้าของความสวย หลงเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ.. งบประมาณ ก็เอาเงินที่เก็บค่าหัวนักดำน้ำนั่นละ.. "ไม่ต้องไปเอาจากที่อื่น.." แบ่งมาส่วนนึงเป็นงบประมาณในการทำ.. ไม่งั้นจะเก็บไปทำอะไรไม่ทราบ..ค่าธรรมเนียมน่ะ.. เก็บไปแล้วไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ จะเก็บไปทำอะไรกัน.. งบส่วนนึงก็ให้กับพวกที่ไปทำวิจัย..ไม่ใช่เหรอครับ พวกที่ไปวิจัยๆ อะไรกันล่ะ หลายปีมานี่ ผมไม่เห็นอะไรที่มันดีขึ้นเลยนะ.. ทำไมไม่ช่วยกันฟื้นฟู ก็เห็นๆ ว่ามันพัง ยังจะไปวิจัยอะไรกันอีกก็ไม่รู้.. การทำแนวปะการังเทียม ควรเริ่มทำเพื่อช่วยธรรมชาติบ้าง.. อย่าหวังเลยว่าธรรมชาติจะฟื้นในเวลาอันรวดเร็ว...   การรอให้ธรรมชาติฟื้นตัว ก็เป็นสิ่งดีอยู่ละครับ.. แต่ถ้ารอแล้ว บางจุดยังแย่อยู่.. เราก็ควรจะช่วยธรรมชาติบ้าง.. ถ้ารอธรรมชาติ..ทางเดียวที่จะแก้ได้คือ.. "ปิดสิมิลัน" ไปเลย ปิดไปซัก 5-10 ปี ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องปิดอุทยานแบบถาวรครับ..(สำหรับ scuba นะ) จากคุณ : ตะวันลับฟ้า เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 00:14:10

ความคิดเห็นที่ 67 บ้านพัก ที่ไม่ได้รับการปรับปรุง จากคุณ : workA เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 16:42:48

ความคิดเห็นที่ 68 จากภาพข้างบน ผมว่าปรับปรุงไม่ไหวแล้วล่ะ น่าจะรื้อทิ้งมากกว่า ^^ สงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า มาเที่ยวสิมิลัน ต้องการใช้น้ำอุ่นด้วยหรือ เรื่องบ้านพักบนเกาะ ผมว่ากรมอุทยานฯ น่าจะเลือกแบบบ้านและวัสดุที่เหมาะสมกับภูมิประเทศสักหน่อย บ้านพักที่อยู่รืมทะเล มักจะไม่ค่อยทนทาน เหมือนบ้านพักที่อยู่บนบก โดยเฉพาะช่วงเวลาหน้ามรสุม เคยมีโอกาสเข้าพื้นที่สิมิลันช่วงมรสมอยู่หลายครั้งเพื่อไปทำงาน มันช่างเหมือนนรกกลางทะเลจริงๆ คลื่นลมและพายุฝนรุนแรงมาก หาพื้นที่หลบฝนแทบจะไม่มี  หลังคา หน้าต่างประตู แทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ เสื้อผ้าแห้งกลายเป็นของมีค่ามากที่สุด นึกอยู่ในใจว่า กรูจะรอดชีวิตกลับเข้าฝั่งได้ไหมเนี่ย ^^ เรื่องการปิดเกาะ คงเป็นเรื่องทำได้ไม่ง่ายนัก ตราบใดที่นโยบายการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจยังหวังพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวอยู่มาก หากปิดเกาะ จะมีคนตกงานจำนวนมาก ซึ่งหลายๆคนที่ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศการตกงานอาจจะไม่เข้าใจ การยุติท่องเที่ยวแบบ scuba ผมไม่คิดว่าจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของปะการัง สักเท่าไหร่ การปิดจุดดำน้ำบางจุดก็น่าจะเพียงพอ เอาแบบว่าพบกันครึ่งทาง เมื่อคราวที่มีปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว อ่านหนังสือพิมพ์ พบว่า นักวิชาการบางท่านบอกว่า เป็นผลมาจากการท่องเที่ยว ก็เลยสงสัยว่า การท่องเที่ยว สามรรถทำให้อุณหภูมิของน้ำเพิ่มสูงขึ้น จนปะการังตายเป็นจำนวนมากเลยหรือ ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยว แต่สื่อมวลชนก็กระพือข่าวกันสนุกและสังคมก็ชุลมุนกันต่อไป แต่ถ้าการท่องเที่ยวทำให้ระบบนิเวศน์ ทางทะเลเกิดความเปลี่ยนแปลง และเสียหายก็พอจะเข้าท่าหน่อย เพราะมันเป็นเรื่องจริง ในเมื่อการท่องเที่ยวก็ยังคงต้องมี การอนุรักษ์ก็ต้องทำ แล้วจะหาทางออกอย่างไรกันดีล่ะคราวนี้ การทำปะการังเทียม แบบที่มีการอนุบาลและเพาะเลี้ยง ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จริงๆก็ยากเอาเรื่องเหมือนกัน เพียงแค่ย้ายที่ ปะการังที่เคยแข็งแรงมันก็ทำท่าจะเอาตัวไม่รอดเสียแล้ว จำได้ว่า คราวหนึ่ง มีคนนำภาพกระบวนการและวิธีการเพาะเลี้ยงปะการัง มาลงในเวบไซด์หนึ่ง ก็เห็นมีนักดำน้ำบางท่านออกมาให้ความเห็น ด้วยความเวทนาปะการัง ว่าคงต้องมีความเจ็บปวดจากคมมีดใบเลื่อยไฟฟ้า เมื่อต้องตัดปะการังออกเป็นชิ้นเล็กเพื่อนำไปอนุบาลในแปลงเพาะเลี้ยง นี่คือตัวอย่างหนึ่งของสังคมที่ขาดความรู้ และขาดการเรียนรู้ เช่นเดียวกันกับที่บางคนเชื่อว่าปลาทูที่เรากินนั้นเป็นปลาที่เลี้ยงในกระชัง กรรมของสังคมจริงๆ     แนวคิดการทำปะการังเทียม ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ผมว่าเป็นแนวคิดที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว การทำปะรังเทียม ไม่ได้แตกต่างไปจาก การสร้าง Plantation มันไม่เกิดสังคมของสัตว์ทะเล และนักวิชาการนักวิจัยจะสร้าง สังคมสัตว์ทะเลขึ้นมาใหม่ได้หรือเปล่า ในอานคตอาจจะได้ แต่ในเวลานี้ยังไม่ได้แน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด องค์ความรู้เรื่องสัตว์ทะเลของบ้านเรายังไม่พอ ตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ในภาพที่ #55 เราจะเพาะเลี้ยงปะกางรังและสัตว์ทะเลอย่างไรให้มีความหลากหลาย ตามธรรมชาติแบบนั้น ลำพังแค่ Identify สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มีอยู่ในภาพนั้น ก็ยากมากแล้ว ไม่ต้องคิดถึงการสร้างปะการังขึ้นมาเลยครับ ยากมากๆ แต่ธรรมชาติสร้างตัวมันเองได้ ถ้าตัวอ่อนหรือไข่ที่มันลอยมากับกระแสน้ำ มันสามารถเกาะติด มีอาหาร และสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม มันก็แพร่พันธุ์ ขยายพันธุ์ของมันเองอย่างรวดเร็ว ถ้ามันไม่เหมาะสมมันก็ตายไป ตัวอ่อนอื่นๆนับล้านๆตัวมันก็ลอยไปหาที่เอื่นๆต่อไป เหมือนที่เกิดขึ้นในหลายๆแห่ง ในเขตอันดามันใต้ ที่ปะการังร่าเริงแข็งแรงอย่างมาก ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น อันดามันใต้ ก็ไม่ได้สวยงามสมบูรณ์อย่างที่เป็นตอนนี้ นอกจากนั้น หินม่วงหินแดง ยังเคยมีอาการ "ตายยกกอง" มาแล้ว ไม่มีหน่วยงานใดไปทำปะการังเทียมสักหน่วยงานเดียว มันก็ฟื้นเองได้ การเพาะเลี้ยงปะการัง เท่าที่เห็นทำกันอยู่ก็ไม่กี่ชนิด ถึงแม้ว่าจะมีการ Rehabilitation แล้วย้ายสู่พื้นที่ธรรมชาติ ความหลากหลายก็ยังไม่มากพอหรือเท่าเทียมกับที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเอง เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา นานและนาน จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 19:57:06

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณ คุณ q_cosmo มากค่ะ ที่นำเรืองดีๆ รูปสวยๆมาฝาก ว่าแต่คางคกกินแมลงวันบนเกาะหมดหรือยังค่ะ จากคุณ : seawhisper เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 17:37:43

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นด้วยกับคุณ q_cosmo ว่าควรจะรื้อทิ้งมากๆ และขอบคุณประสบการณ์ ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวในอีกแงุ่มุมหนึ่งของสิมิลัน เกาะที่มีแรงดึงดูดให้ไปได้ในทุกๆปี ^_^ จากคุณ : workA เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 09:26:28

ความคิดเห็นที่ 71 เข้ามาดู ... สัปดาห์หน้าเจอกันนะ สิมิลัน ^^ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 15:34:57 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 15:33:50 จากคุณ : ออดิบ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 15:33:34

ความคิดเห็นที่ 72 จากความคิดเห็นที่ 67   บ้านพัก ที่ไม่ได้รับการปรับปรุง ------------------------------------- เพื่อนผมกลับมาจากสิมิลัน เมื่อ2-3วันก่อน บอกว่าบ้านพักสิมิลันสวยจัง สวยเกิน "กรูไม่กล้านอนว่ะ" 555 ทางอุทยานคงปรับปรุงแล้วน่ะครับ  เพราะดูจากรูปก็สะอาดดี จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 18:34:46

ความคิดเห็นที่ 73 หลังนี้หรูหรามากเลย ให้ไปนอนคงไม่นอนล่ะ ไม่มีตังค์จ่าย นอนเต๊นท์ดีกว่า แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 55 18:37:57 จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 18:37:42

ความคิดเห็นที่ 74 ใส่รูปผิด ต้องเป็นรูปนี้ จากคุณ : q_cosmo เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 18:38:46

ความคิดเห็นที่ 75 คห.74 เป็นห้องแอร์ใช่ไหมคะ ห้องที่เรานอนเป็นห้องพัดลม บ้านปาหยัน แต่ปีนี้จองห้องแอร์ไปเพราะเข็ดที่พักครั้งก่อนนอนไม่หลับ กลัวหนูเปิดไฟนอนทั้งคืน จากคุณ : workA เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 15:47:38