 |
สำหรับผมมองว่าบางทีรัฐบาลก็คงคิดจะทำท่าเรือน้ำลึกเชื่อมกับระบบขนส่งสินค้าผ่านรถไฟ แล้วเชื่อมโยงไปจีนแน่นอน แต่คงไม่สามารถทำทีเดียวทั้งระบบได้ เนื่องจากค่าใช้จ่าย คงสูงเกินความสามารถของประเทศไทย
การจะให้จีนมาร่วมลงทุน ผมว่าก็เสี่ยง เพราะเขาคงไม่ยอมเสียเงินฟรี ยังไงก็ต้องหาผลประโยชน์จากพื้นที่ของเราอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องทำเองครับ ถ้าจะให้ลงทุนน้อยสุด ตอบแทนมากสุด ก็คือทำเฉพาะรถไฟความเร็วสูงไว้สำหรับ ขนส่งสินค้าเป็นหลัก อาจจะมีสัดส่วนในการขนส่งคนบ้างในขบวนเดียวกัน เช่นสมมติมี 10 โบกี้ ก็ให้มีคนขนแค่สองโบกี้ เพราะค่าใช้จ่ายสูงแน่ๆ แล้วให้แวะจอดแค่จุดหลักๆ เท่านั้น เพื่อรักษาความเร็วในการเดินทาง เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้หันมาใช้ระบบนี้แทนการวิ่งด้วยเรือ
ซึ่งถ้าวิ่งสายตรงจากพังงา ไปจอดที่สถานีหลักบางซื่อ เพื่อเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสินค้าของไทย ที่อาจจะพัฒนาเป็นระบบรางคู่ในอนาคต จากนั้นวิ่งไปตามเส้นทางที่ไทยวางแผนไว้ก็คือ กรุงเทพ หนองคาย ไปเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เส้นลาว - จีน ซึ่งจะเชื่อมไปที่ คุนหมิง ซึ่งคาดว่าคงได้เริ่มทำในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์ในภาพรวมที่สุดครับ
ถ้าทำเป็นเส้นรถไฟความเร็วสูงสำหรับขนส่งอย่างเดียว อาจจะวิ่งที่ความเร็ว 300 กม./ชม. ทำให้ความสามารถในการส่งของจากท่าเรือไปยังจีนเร็วกว่าการวิ่งอ้อมแหลมมลายูอย่างเทียบไม่ติด ลองลากเส้นทางคร่าวๆ ใน google earth จะได้ระยะทางราวๆ 2,000 กิโลเมตร เราตีเผื่ออ้อมนู้นนี่ ก็จะเป็น 2,500 กิโลเมตร
คำนวนคร่าวๆ ก็จะใช้เวลาเดินทาง = 2500/300 = 8.33 ชั่วโมง
ตีรวมเวลาแวะจอดโหลดสินค้าตามสถานีหลักๆ ถ้ารวมเวลาโหลดสินค้าจากเรือมาลงลงรถไฟ นู้นนี่นั่นทุกอย่างแล้วทั้งขาโหลดขึ้นลงปลายทาง ผมว่าใช้เวลายังไงก็ไม่น่าจะเกินสามวัน
คิดเอาละกันครับว่าใช้เวลาขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน แค่สามวัน จากที่แค่อ้อมแหลมมลายู ก็ปาเข้าไปจะสี่วันแล้ว ลดเวลาไปมหาศาล ใครจะไม่อยากใช้บริการครับ แล้วก็อย่างที่รู้ ตอนนี้จีนเป็นขาใหญ่ในโลก ในเรื่องฐานการผลิตสินค้า ดังนั้นสินค้าจะเข้าออกผ่านเส้นทางนี้ มากมายเพียงใด
ประเทศที่ได้ประโยชน์คือไทย และจีน ที่เป็นจุดเริ่มต้น และจุดปลายทาง แค่นี้ไทยเราก็ไม่เหมือนเดิม
ถามว่าถ้าเป็นอย่างนี้ โรงงานต่างๆ จะกล้าย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามไหม คำตอบก็คือไม่แน่นอน เพราะสามารถส่งวัตถุดิบไปมาระหว่างไทยจีนอย่างรวดเร็ว มันจะทำให้ฐานความสามารถ ในระบบอุตสาหกรรมของไทยพัฒนาอย่างยั่งยืนมากๆ ไม่ต้องกลัวเลยว่าใครจะย้ายฐานการผลิต มีแต่จะต้องเตรียมพื้นที่โซนพังงาสำหรับแหล่งอุตสาหกรรมเพิ่มเติม แน่นอนว่าตรงนี้จะทำให้ มีคนจำนวนมากในพื้นที่ ทั้งนักธุรกิจ, วิศวกร, คนงาน หลากหลายระดับจากทั่วโลก
อีกทั้งในอนาคตอาเซียนจะเชื่อมโยงกัน เดินทางไปมาสบาย ทำงานข้ามประเทศได้ แล้วใครจะไม่อยากมาทำงานที่ไทย มันสมองดีๆ จะไหลมาที่ไทย อุตสาหกรรมพัฒนา เวียดนามก็จะไม่มีทางไล่ไทยได้ เพราะฐานการผลิต และระบบขนส่งหลักของภูมิภาคอยู่ที่นี่
มาเลเซ๊ย, สิงคโปร์ก็ค่อยเฉาไป ส่วนทางใต้เราก็ทำรถไฟความเร็วสูงแบบรางเดียว เชื่อมโยงเข้ามาที่พังงา ทีนี้ยางพาราไทยก็ไปจีนได้ไวขึ้น ลดต้นทุนค่าขนส่ง ค่าด่านสารพัด ความเจริญจะเข้าถึงพื้นที่ได้เร็วขึ้น คนจะไม่สนใจเรื่องแบ่งแยกดินแดนแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาหากิน ผลที่ตามมาคือความสงบสุขที่จะฟื้นมาอย่างยั่งยืน ที่สำคัญพังงาไม่ใช่พื้นที่เสี่ยง ดังนั้นค่อนข้างปลอดภัย
| จากคุณ |
:
Mr. Forever
|
| เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 55 00:01:20
|
|
|
|
 |