ผมเพิ่งมีโอกาสไป นมัสการรอยพระพุทธบาท บนเขาครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 17 มี.ค. 55 เวลา 19.00 น. กลับลงจากเขาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 18 มี.ค. 55
ขอแชร์ประสบการณ์นะครับ
เหตุการณ์ที่ 1
ตอนที่ผมไป คนยังไม่แน่นมากนัก แต่พอถึงช่วงขึ้นรถสองแถวขึ้นเขาในจุดที่ 1
ผมงงมากว่า ทำไม ไม่มีการแจกบัตรคิว พอรถมา คนก็เบียดแย่งกันขึ้นรถ
เหตุการณ์ที่ผมเจอกับตัวเอง คือ ผมก็กำลังจะขึ้นรถได้แล้ว แต่กลับเจอผู้หญิงผิวเข้มวัยกลางคน รีบเอามือและแขนมาขวางโดยใช้มือจับราวกันเอาไว้ ไม่ให้ผมและคนอื่นขึ้น โดยเขาขวางให้บรรดาญาติของเขาขึ้นไปก่อน ผมรู้สึกเลยครับว่า ทำไมผู้หญิงคนนั้น ถึงเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบแบบนี้ มันน่าเกลียดมาก ๆ ครับ ที่กันไม่ให้คนอื่นขึ้น แต่ผมก็อโหสิกรรมเขาไปนะครับ จะได้จบ ๆ กันไป
จากเหตุการณ์ที่เจอ ถ้ามองในด้านดี มันก็ทำให้เราปลงได้เหมือนกันนะครับ เพราะทำให้เห็นว่า คนเราในช่วงเวลาที่รีบเร่ง จะทำให้เห็นสันดานคนที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว โดยไม่สนใจคนอื่นทั้งสิ้นแบบนี้
เหตุการณ์ที่ 2
บรรยากาศการนั่งรถสองแถวขึ้นเขา บอกเลยครับว่า มี 2 อารมย์ คือ สนุก และหวาดเสียว คล้าย ๆ กับกำลังนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุก เพียงแค่มันส์กว่า ตรงที่ ไม่มีระบบ Safety อะไร กล่าวคือ ถ้าเกิดอะไรขึ้น คือ เจ็บจริง จึงทำให้ลุ้นไปตลอดทาง
ที่น่าสังเกตุ คือ คนขับรถจะขับรถค่อนข้างเร็ว เพื่อทำรอบหรือเปล่า ไม่แน่ใจ และค่าตั๋ว 50 บาท ไม่มีประกันอะไรเลย หากเกิดอะไรขึ้นมา คนขับรถจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดไหวหรือเปล่า
จากเหตุการณ์ที่เจอ ถ้ามองในด้านดี ก็ได้นั่งรถแบบมันส์มาก สนุกกว่าสวนสนุกอีก
เหตุการณ์ที่ 3
หน้าลานทางเข้ารอยพระพุทธบาท คนเยอะมาก ก็จะมี จนท. มาคอยจัดคิวและแนะนำต่างๆ แต่ก็จะมีผู้หญิงวัยกลางคน [อีกแล้ว] ที่หาที่นั่งของตัวเองได้แล้ว ซึ่ง จนท. ก็ขอให้เลื่อนมานั่งอีกที่ เพื่อจะได้ให้คนอื่นเข้ามาได้ แต่ผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่สนใจ ไม่เลื่อน จน จนท. ต้องบอกให้คนข้างหลัง ออกมาเลย
พอผมไปเห็นที่ตรงนั้น ถึงรู้ว่า ทำไม เขาไม่เลื่อน เพราะที่ตรงนั้น เป็นขั้นบันได 1 ขั้น ซึ่งจะนั่งค่อนข้างสบาย คือ ไม่ต้องนั่งลงกับพื้น แต่ตรงอื่นต้องนั่งกับพื้น
จากเหตุการณ์ที่เจอ ถ้ามองในด้านดี ก็ทำให้ปลงได้อีกเช่นกันว่า คนเราจะยึดตัวเองสบายไว้ก่อน โดยไม่สนว่าจะไปขวางทางอื่นเขาหรือเปล่า
สรุปจากที่ผมไปมา ผมชอบนะครับ ถึงแม้จะดูวุ่นวาย ดูเชิงการค้าเต็มไปหมด แต่อย่างน้อย เราก็ลองทำอะไรด้วยความตั้งใจจริง ๆ ที่จะไปไหว้พระขอพร เพราะถ้าไม่ตั้งใจจริง ผมว่าคงไม่ขึ้นไปหรอกครับ เพราะต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 1 กิโล และต้องถือถุงของไหว้ต่าง ๆ ขึ้นไปอีกด้วย
ซึ่งพอเราสามารถขึ้นไปไหว้พระ ไหว้รอยพระพุทธบาท ไหว้ขอพรต่าง ๆ แล้วกลับลง มันรู้สึกปลื้มปิติ ที่เราก็ทำสำเร็จ และรู้สึกถึงความสบายใจมากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งถ้ามีโอกาสเหมาะ ๆ ผมก็อยากไปอีกเหมือนกัน แต่คงไปวันธรรมดาละครับ คนจะได้ไม่เยอะมากแบบที่ไปมา
ข้อแนะนำ
ผมอยากให้มีการทำกระเช้าไฟฟ้าพาคนขึ้นไปได้ครับ แต่ผมเชื่อเลยนะครับ ก็จะมีคนเห็นแก่ตัว กลุ่มคนที่ได้ผลประโยชน์อยู่ในปัจจุบัน ออกมาคัดค้านเต็มไปหมด ว่าทำลายธรรมชาติ ไม่ได้บรรยากาศต่าง ๆ นา ๆ แต่พวกคนกลุ่มนี้ ลืมไปหรือเปล่าว่า มีคนที่เขาอยากจะขึ้นไปอีกหลายหมื่นคน แต่เขาไม่สะดวกที่จะขึ้นไปได้ ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย แต่คนกลุ่มนั้น เขาก็อยากขึ้นไปบ้างเหมือนกัน [ขอร้อง อย่าคิดนะครับ ว่า ก็ให้คนกลุ่มนั้น นั่งไหว้อยู่ข้างล่างหรือไปไหว้ที่อื่น จะมาไหว้ที่นี่ทำไม เพราะผมจะถามกลับว่า แล้วคุณมาไหว้ที่นี่ทำไม วัดที่อื่นก็มี ทำไมไม่ไปไหว้ เหตุผลลึก ๆ คุณก็รู้อยู่แก่ใจ]
และความคิดเห็นของผม ผมว่าคนที่เดินขึ้นไปจำนวนมาก กลับทำให้ทำลายธรรมชาติมากกว่าอีก ไหนจะขยะ ไหนจะส่งเสียงดัง ไหนจะเหยียบย่ำพื้นต่างๆ ไหนจะหยุดนั่ง หยุดพิงหิน เพื่อหยุดพักต่าง ๆ ไหนจะมีป้ายที่ไปตอกแปะเอาไว้ตามต้นไม้ต่าง ๆ ล้วนทำลายธรรมชาติทั้งสิ้น และยังมีลำโพงป่าวประกาศดังไปทั่วทางเดิน ผมว่า นั่นคือทำลายธรรมชาติมากกว่าการทำกระเช้าไฟฟ้าซะอีก
------------------------------------------------------
อันนี้ ผมมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะครับ แต่ถ้าคนที่กำลังอยากจะไป ผมก็แนะนำนะครับ เพราะเหมือนได้ไหว้พระพร้อมออกกำลังกายไปด้วยในตัวครับ
และสุดท้าย ผมขอฝากความเชื่อของผมนะครับ โดยผมเชื่อว่า ไม่ว่าเราจะไหว้พระที่ไหนก็ตาม ถ้าเราไหว้ด้วยใจที่อยากไหว้จริง ๆ ผมว่า ไหว้ที่ไหน ท่านก็ได้ยินเราครับ ผมเชื่อแบบนั้นครับ ^_^
ปล.ถ้าการโพสข้อความนี้ เผลอไปล่วงเกินใครก็ตาม ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ