ความคิดเห็นที่ 1 ซื้อตั๋วแล้วก็มายืนรอรถที่ชานชลา แต่ดูไปดูมา อ้าวนี่มันตั๋วรถ NOZOMI ขบวนรถต้องห้ามของผู้ใช้ JR Pass นี่นา ทำไมคนขายตั๋วพี่แกจะใจดีขนาดนี้ ถือเป็นกำไรละกัน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:28:33

ความคิดเห็นที่ 2 มาแล้วค่ะ Nozomi จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:29:29

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็น JR ธรรมดาก็ต้องใช้เวลา 29 นาทีแต่คุณ NOZOMI ใช้เวลาแค่ 14 นาทีก็ถึงสถานีเกียวโตค่ะ ภายในรถมีหนุ่ม Office จะไปโตเกียวกำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ด อร่อย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:33:49

ความคิดเห็นที่ 4 แว้บเดียวก็ถึงแล้วเกียวโต จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:34:41

ความคิดเห็นที่ 5 จุดหมายแรกของเราคือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากสถานีเกียวโตนั่ง JR Nara Line Local มาแค่ 5 นาทีก็ถึงสถานี Inari ข้ามถนนมาก็ถึงทางเข้าศาลเจ้า จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:39:58

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบอกว่าวันนี้ชุ่มฉ่ำไปตลอดทางเหมือนเล่นน้ำสงกรานต์ เสื้อกันฝนเอาไม่อยู่ต้องซื้อร่มอีก 1 คัน เพราะมีทั้งกล้องและเป้ เดินถือร่มเที่ยวให้กลมกลืนกับคนญี่ปุ่น ซึ่งฝนตกเขาก้เดินเที่ยวกัน เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:42:14

ความคิดเห็นที่ 7 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine)  หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว  สร้างขึ้นเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอก ที่เชื่อกันว่าเป็นทูตของเทพเจ้าของการเก็บเกี่ยว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:43:18

ความคิดเห็นที่ 8 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) มีเอกลักษณ์คือเสาโทริอินนับหมื่นต้นเรียงกันเป้นอุโมงคืยาวกว่า 4 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาในการเดินหลายชั่วโมงกว่าจะเดินได้ครบ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:48:05

ความคิดเห็นที่ 9 ได้ดูจากภาพในหนังสือต่างๆแล้วพอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็น่าทึ่งในความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้ เดินเที่ยวท่ามกลางสายฝนโปรยปราย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:49:23

ความคิดเห็นที่ 10 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:49:48

ความคิดเห็นที่ 12 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:50:21

ความคิดเห็นที่ 14 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:50:55

ความคิดเห็นที่ 16 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:51:27

ความคิดเห็นที่ 17 ที่นี่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งใจอยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเองค่ะ สวยงามมาก จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:52:24

ความคิดเห็นที่ 18 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:52:48

ความคิดเห็นที่ 20 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:53:36

ความคิดเห็นที่ 21 ตรงนี้เห็นคนญี่ปุ่นมายกก้อนหินที่วางอยู่ด้านบน คงจะคล้ายๆกับบ้านเราที่ให้ยกรูปปั้นช้างด้วยนิ้วก้อยถ้ายกขึ้นแล้วจะโชคดี อะไรทำนองนี้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:55:36

ความคิดเห็นที่ 22 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:55:59

ความคิดเห็นที่ 24 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:56:43

ความคิดเห็นที่ 25 ใช้เวลาที่นี่ประมาณเกือบสองชั่วโมง เพราะถ้าเดินจนสุดทางคงไม่ไหว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:58:51

ความคิดเห็นที่ 26 เดินออกมาที่สถานี Inari เพื่อจะขึ้นรถไปที่สถานีเกียวโต จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:00:02

ความคิดเห็นที่ 27 ขอตามไปเที่ยวต่อครับบบ......................... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:00:40

ความคิดเห็นที่ 28 ระหว่างรอรถไฟที่สถานี Inari ซากุระที่เกียวโตเริ่มร่วงแล้ว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:01:18

ความคิดเห็นที่ 29 สายลมแห่งวิงค์ สวัสดีค่ะ เชิญตามมาเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ ที่สถานีเกียวโต เราซื้อ One Day Pass 500 yen จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:05:06

ความคิดเห็นที่ 30 One Day Pass Kyoto เป็นรถบัสที่วนรับส่งตามสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโต จะขึ้นลงกี่รอบ ตรงไหนก็ได้ แต่ก็ต้องดุเวลาเที่ยวให้ตรงกับเวลารถด้วยนะคะ ไม่งั้นจะรอนานเหมือนกัน ท่ารถจะอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:06:10

ความคิดเห็นที่ 31 จุดหมายแรกเราจะแวะเที่ยวที่วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิซึ  Kiyomizudera  ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดเกียวโต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด ทางเดินขึ้นไปที่วัดมีร้านค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ เลือกทาน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:10:00

ความคิดเห็นที่ 32 ประวัติของวัดย้อนหลังไปได้ถึงปี 798 แต่อาคารต่างๆที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2176 ชื่อของวัดซึ่งมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:10:27

ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 วัดคิโยมิซึได้รับการเสนอชื่อเข้าร่วมพิจารณาคัดเลือกให้เป็น7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และอาคารหลักของวัดนี้ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:11:00

ความคิดเห็นที่ 34 อาคารหลักของวัดคิโยมิซึเป็นที่รู้จักจากระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ สร้างยื่นออกจากด้านข้างของเนินเขา จากระเบียงนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเกียวโตได้ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:11:43

ความคิดเห็นที่ 35 สวยมากครับ  ตามไปเที่ยวต่อครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:12:05

ความคิดเห็นที่ 36 รูปสวยมากๆ ค่ะ จากคุณ : ColaGirl เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:12:56

ความคิดเห็นที่ 37 ข้างใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตะวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:13:08

ความคิดเห็นที่ 38 คุณเล็กทาโร่ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ คุณColaGirl ขอบคุณทีแวะมานะคะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษา จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:15:29

ความคิดเห็นที่ 39 น่าเสียดายที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เลยถ่ายได้แต่อากาศขมุกขมัว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:18:26

ความคิดเห็นที่ 40 ภายในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอื่นๆจำนวนมาก ที่เป็นที่รู้จักดีคือ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอะคุนินุชิโนะ มิโกะโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:19:16

ความคิดเห็นที่ 41 ภายในศาลเจ้ามี"ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรัก จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:19:49

ความคิดเห็นที่ 42 วัดคิโยมิซิเป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด จึงมีพ่อค้านำสินค้ามาขายในบริเวณวัดมากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องราง เครื่องหอม ธูป เทียน หรือกระดาษเสี่ยงทายโชคชะตา จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:20:22

ความคิดเห็นที่ 43 จุดหมายต่อไปของเราก็คือ วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือ วัดพลับพลาเงิน (Silver Pavilion) นั่งรถบัสต่อไปลงที่ป้ายวัดเดินอีกเล็กน้อย ทานไอสกรีมชาเขียวไปด้วย ท่ามกลางฝนปรอยๆ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:24:06

ความคิดเห็นที่ 44 จ่่ายค่าธรรมเนียม 500 เยนก่อนค่ะ วัดนี้สร้างโดยโชกุนโยชิมาสะ อาชิคางะ (Ashikaga Yoshimasa) เมื่อปี พ.ศ. 2025 ตั้งใจจะห่อพลับพลาด้วยเงินทั้งหลัง ให้คู่กับวัดพลับพลาทองคินคะคิจิ (Kinkakuji) ที่สร้างเสร็จแล้วทางตอนเหนือของเกียวโต จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:25:59

ความคิดเห็นที่ 45 ละอองฝนเริ่มเป็นปุยหิมะเล็กๆแล้วค่ะ ท่านโชกุนผู้สร้าง ได้มาเสียชีวิตก่อนที่วัดจะได้ทำการหุ้มด้วยเงินในปี พ.ศ.2033 จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้หุ้มเงินเลยแม้แต่แผ่นเดียว พลับพลาที่เห็นจึงเป็นสีน้ำตาลเข้มตามสีของไม้ที่นำมาก่อสร้าง บนหลังคามีรูปนกฟินิกซ์ทำจากสำริดวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) เป็นวัดในนิกายเซน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:27:24

ความคิดเห็นที่ 46 พื้นทรายกับกองกรวดสีขาวที่กองอยู่หน้าพลับพลานั้น เขาจะเอาไว้ให้แสงจันทร์ได้ส่องสะท้อน ให้แสงสว่างกระจายไปทั่วบริเวณหน้าวัด จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:28:11

ความคิดเห็นที่ 47 สวนภายในวัดมีหญ้ามอสหลากพันธุ์เกาะตามต้นไม้มากมาย สามารถขึ้นไปบนเขาและมองลงมาเห็นตัวเมืองเกียวโตได้อย่างชัดเจน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:28:45

ความคิดเห็นที่ 48 วัดนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต นั่งรถบัสสาย 5 ลงที่ป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร จะถึงทางเข้าวัด จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:31:01

ความคิดเห็นที่ 49 วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:32:01

ความคิดเห็นที่ 50 วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:32:28

ความคิดเห็นที่ 51 วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:32:51

ความคิดเห็นที่ 52 หลังจากเดินเปียกได้ที่แล้วจุดหมายต่อไปก็คือ วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) ออกเสียงคล้ายๆกันแต่ต่างกันตรงตัว G กับตัว K จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:35:16

ความคิดเห็นที่ 53 นั่งรถบัสสาย 101, 102, 204, 205 จากสถานีรถไฟเกียวโต ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi แล้วเดินต่ออีก 300 เมตร (ประมาณ 5 นาที) จะถึงทางเข้าวัด จ่ายค่าธรรมเนียมก่อนนะคะ 400 เยน จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:38:01

ความคิดเห็นที่ 54 วัดนี้เป็นที่รู้จักที่สุดวัดหนึ่งในญี่ปุ่น กล่าวคือหากมาเที่ยวโตเกียวแล้วไม่ได้มาที่วัดนี้ถือว่ายังไม่มาถึงเกียวโต สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1940 ศาลาสีทองที่เห็นในปัจจุบันเพิ่งได้รับการแปะผนังทองไปเมื่อปี พ.ศ.2530 ที่ผ่านมา จึงมองเห็นเหลืองอล่ามสะท้อนในสระน้ำอย่างสวยงาม จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:39:23

ความคิดเห็นที่ 55 พลับพลาหลังนี้เคยถูกลอบวางเพลิงในปี พ.ศ.2493 โดยพระภิกษุที่บวชอยู่ในวัด พระรูปนี้บวชเข้ามาแล้วเกิดความหลงใหลในความงามของพระวิหารและคิดว่าการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของความงานต้องเผาทำลายวัตถุแห่งความงามนั้นไปด้วย จึงได้มีการสร้างใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2498 จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:41:00

ความคิดเห็นที่ 56 เราเดินกันจนเริ่มมืด ความหนาวเหน็บจากสายฝน บวกกับการเดินตากฝนมาทั้งวัน เลยเหมือนจะมีอาการไข้หวัด แถมเสื้อกันหนาวก็มีแค่สเว็ตเตอร์ตัวเดียว เรียกว่าเที่ยวท่ามกลางสายฝนทั้งวันเลยค่ะ เดินจนพระท่านมาปิดประตูวัดส่งเราเลยก็ว่าได้ จากนั้นก็นั่งหลับสัปหงกบนรถบัสกว่าจะถึงสถานีเกียวโตเพื่อต่อรถไปโอซะกะ (ขอออกเสียงตามชาวญี่ปุ่นนะคะ) ก็มืดแล้ว ขอจบกระทู้แบบชุ่มฉ่ำสายฝนไว้เพียงแค่นี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนๆห้องบลูที่แวะมาทักทายกันค่ะ จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:47:10

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพสวยสดคมชัด ข้อมูลแน่นปึ้ก เยี่ยมมากครับ ^^ จากคุณ : Justice of the Peace เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:38:02

ความคิดเห็นที่ 58 ตามเข้ามาชมด้วยครับ  มานึกดูอีกทีเมษา 53 ผมก็เตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นเหมือนกัน  วันที่ 12 นี่ก็อยู่บนเครื่องบินจากไทเปไปโอซาก้าพอดีเลย จากคุณ : MRBIG173 เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 10:42:06

ความคิดเห็นที่ 59 ถ่ายภาพได้สวยจริงๆ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : มาโคกัน เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 17:41:12

ความคิดเห็นที่ 60 ภาพสวยมากเลยค่ะ แต่สงสัยว่าปกติแล้วบริเวณระเบียงวัดคิโยมิสึ จะเป็นต้นซากุระใช่ไหมคะ   ช่วงนี้ไม่มีดอกซากุระแล้วเหรอคะ มีแต่ใบสีเขียวๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบ จากคุณ : fuji_fancy เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 09:39:51

ความคิดเห็นที่ 61 คุณJustice of the Peace, คุณMRBIG173, คุณมาโคกัน ขอบคุณที่แวะมานะคะ คุณ fuji_fancy ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 12 เมษายน 53 ที่วัดคิโยมิสึจะมีสีเขียวแซมกับซากุระสีชมพูค่ะ ที่โอซาก้า เกียวโต ซากุระเริ่มร่วงแล้ว จากคุณ : x-file1175 เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:22:51