จากที่อ่านมาและการตอบของ จขกท. รู้สึกเห็นใจครับ
อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลยเลยนะครับแต่ผมขออนุญาตออกความเห็นว่าคุณแม่เองท่านค่อนข้าง "แรง" พอสมควรและคิดว่าน่าจะห่วงลูกสาวคนนี้มาก จึงตั้งความคาดหวังไว้สูง ซึ่งจะมีเอฟเฟคต์สูงตามมาด้วยเช่นกันถ้าไม่ได้ตามที่หวังซึ่ง จขกท. เองก็คงพอจะเดาเหตุการณ์ได้อยู่แล้วหล่ะครับว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรถ้าจะไปจริงๆ แต่ถ้าไม่ไปก็คงเจอเอฟเฟคต์อยู่ดี แต่อาจจะน้อยลงหน่อย แต่เรื่องคงไม่จบแบบแฮปปี้แน่นอนจริงไหมครับ?
แต่ผมเชื่อว่าถึงแม้ว่าคุณแม่จะแขนหายเป็นปกติดีแล้วการไปเที่ยวต่างประเทศของคุณก็ยังคงเป็นเรื่อง "ต้องห้าม" อยู่ดีจริงไหมครับ? ลึกๆ แล้วคุณแม่ท่านอาจจะเป็นห่วงนะครับ อย่าลืมว่าคนแก่ที่ไม่เคยนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศย่อมต้องคิดว่ามันน่ากลัวเป็นธรรมดา ดังนั้นเรื่องที่คุณแม่พยายามหาทางไม่ให้คุณไปต่างประเทศจึงไม่ใช่เรื่องแปลกครับ
แต่ก็อย่าลืมครับว่าชีวิตเป็นของเรา เราสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตได้ครับ ผมเองเพิ่งจะได้ออกเดินทางออกนอกประเทศก็ไม่กี่ปีมานี้ตอนอายุสามสิบเหมือน จขกท. นี่แหละ ด้วยแง่คิดง่ายๆ ที่ว่า "คิดจะทำอะไรก็จงทำเสียตั้งแต่ยังทำได้ อย่ามัวแต่รอจนไม่ได้ทำ"
การไปเที่ยวโดยเฉพาะการไปต่างประเทศที่ต้องใช้พลังมากเป็นพิเศษ ไหนจะต้องเตรียมแผนการเดินทาง ต้องเดินทาง เดินขึ้นเดินลง ถ้าไม่ทำเสียตั้งแต่ยังเดินเหินได้สะดวกตอนนี้ แก่ตัวไปหรือมีเหตุที่ทำให้เดินทางลำบาก จะมานั่งเสียใจทีหลังครับ
ผมเห็นคนแก่ที่มาท่องเที่ยวโดยใช้รถเข็นแล้วลำบากแทนจริงๆ โดยเฉพาะถ้าไปเองโดยไม่มีลูกหลานมาช่วยแล้ว ค่อนข้างสาหัสเลยครับ ทำให้ผมออกเดินทางกระจายเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ให้รู้สึกว่าตอนนี้ถ้าไม่ไปเที่ยวอีกก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไรแล้ว
เงินทองเก็บไว้มากมาย แต่ถ้าพรุ่งนี้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตขึ้นมา (อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆ นะครับ) น่าเสียดายมากครับ ไม่ได้เสียดายเงิน แต่เสียดายที่มีเรื่องที่อยากทำเยอะแยะ แต่ยังไม่ได้ทำเลย แล้วที่ผ่านมาเรามัวแต่เอาเวลาไปทำอะไรอยู่?
วิธีแก้ปัญหาของ จขกท. ไม่ง่ายเลยครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมืดแปดด้านเสียทีเดียว สำหรับครั้งนี้อาจจะต้องทิ้งฝันไปก่อน (ดูจากสถานการณ์แวดล้อมแล้ว) เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย แต่ในระยะยาวคงต้องปรับเปลี่ยนความคิดของคุณแม่ครับ ถึงแม้ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็เถอะ
ทำให้ท่านรู้ว่าการที่คุณไปต่างประเทศนั้นปลอดภัย (แต่คุณก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ) ซื้อของฝากที่ท่านชอบ เข้าใจว่าคุณแม่ประหยัด อาจจะไม่ต้องเป็นของหรูหราแบบน้ำหอม กระเป๋าราคาแพงๆ แต่อาจจะเป็นของกินอร่อยๆ ฯลฯ จขกท. ใกล้ชิดคุณแม่ขนาดนี้ย่อมจะทราบอยู่แล้วว่าคุณแม่ชอบอะไร สุดท้ายท่านอาจจะติดใจอยากให้เราไปบ่อยๆ เพราะชอบของที่ซื้อมาฝากก็เป็นได้ใครจะรู้ ผมใช้วิธีนี้กับน้องๆ ที่บ้านมาแล้วและได้ผลดีนัก
ถ้าการบอกว่าไปเที่ยวจะทำให้ท่านไม่สบายใจ การเอางานเข้ามาพ่วงด้วยในการเดินทางจะทำให้เหตุผลมีน้ำหนักขึ้นหรือเปล่าครับ อย่างเช่นไปพบลูกค้า พาลูกน้องไปดูงาน ต้อนรับแขกต่างประเทศ การโกหกไม่ใช่สิ่งดี แต่การนำมาใช้ในกรณีนี้คงอนุโลมได้ แต่ถ้าคุณสามารถเอาเรื่องงานมาผูกได้จริงๆ ถึงแม้จะนิดหน่อยก็เยี่ยมไปเลย
ผมเองก็มีความใฝ่ฝันที่จะไปญี่ปุ่นครับ เป็นความฝันอันสูงสุดเลยว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตนี้ แล้วผมก็ทำฝันให้เป็นจริงครับ ผมได้ไปญี่ปุ่นมาสามครั้ง สามปีซ้อนแล้ว ประเทศนี้เป็นประเทศที่ไปกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อครับ ผู้คนน่ารัก อาหารอร่อย ของน่าซื้อมันทุกอย่าง เอาเงินไปเท่าไหร่ก็ไม่พอครับ ไปครั้งแรกผมติดลบกลับมาด้วยซ้ำ 555
ยังไงก็ขอเอาใจช่วย จขกท. ให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและสามารถไปถึงญี่ปุ่นได้ในเร็ววันนี้นะครับ อ้อที่สำคัญขอให้การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีและคุณแม่หายไวๆ นะครับ คุณพระคุ้มครอง
ปล. ถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นจริงๆ และไปแบบแบ็คแพ็ค ถ้าไม่รังเกียจผมอาจจะให้คำแนะนำในการเดินทาง การเที่ยวในที่ต่างๆ ได้บ้างนะครับอย่างพวก โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ยูนิเวอร์แซลที่โอซาก้า พิพิธภัณฑ์จิบลิที่มิตากะ พิพิธภัณฑ์ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ (โดราเอมอน) พิพิธภัณฑ์เท็ตซึกะ โอซามุ (เจ้าหนูอะตอม) ร้าน BOOK OFF (ร้านขายหนังสือ ดีวีดี ซีดีเพลงมือสอง) พวกนี้ผมค่อนข้างชำนาญครับ 