 |
นี่คือความจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนะครับ
เวลาประมาณทุ่มครึ่ง แท็กซี่ได้มาจอดที่อาคารชั้นสี่ประตูสาม พนักงานของบริษัททัวร์ กำลังทะยอยขนของลง คนขับแท็กซี่เดินลงมาที่ท้ายรถ ตอนแรกคิดว่าจะมาช่วยขนของ แต่รู้ทั้งรู้ว่ามีของอยู่ที่ท้ายรถ คนขับรีบเดินขึ้นรถไป ทั้งๆที่ฝากระโปรงหลังยังเปิดอยู่ คนขับรีบเหยียบคันเร่ง และเบรคเพื่อนให้ฝากระโปรงหลังปิดและออกเลนขวาสุดในจังหวะที่ ถนนตอนนั้นโล่งมาก ทางเราหันไปมองทะเบียนรถ ก็มองไม่ชัดแล้ว รีบวิ่งไปหารปภ. สนามบินที่ยืนอยู่ข้าง ให้ปิดด่านด้านหน้า แล้วขึ้นรถรปภ.ไป ตรงด่าน สุดท้ายก็ไม่ทัน
เวลาผ่านไปเราทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้พาสปอร์ตคืนมา ทั้งขอดูกล้องวงจรปิด ซึงห่วยแตกมากกกก กว่าจะดูได้กินเวลาไปเป็นชั่วโมงก็เข้าใจว่ามันต้องมีขั้นตอนเยอะ และตอนไปดูกล้องวงจรปิด ช่วยอะไรไม่ได้เลย กล้องห่วยๆ ภาพแตกๆ ขนาดรถจอดนิ่งๆ อยู่หน้ากล้องยังมองไม่เห็นทะเบียน ทางตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้ได้แต่เพียง ลงบันทึกประจำวัน
สุดท้ายเลยเวลาเครื่องออก ไปเจอเอกสารทั้งหมดแถวที่เรียกแท็กซี่ขึ้นมาแถวลาดพร้าว เอกสารโดนลื้อ โดนค้น
แต่เราก็พยายามแก้ปัญหากันถึงที่สุด
ทัวร์ราคา 120,000 สามสิบห้าคนก็เกือบ 4 ล้านครับ จึงอยากขอความเห็นใจ ไม่ใช่จะมุ่งประเด็นหาเรื่องกัน คิดเองแล้วพิมมาว่าไกด์ลืม คนเข้ามาอ่านไม่รู้ไม่เข้าใจ เรื่องมันจะแย่ไปกันใหญ่ครับ
สุดท้ายฝากเตือนนักท่องเที่ยวทุกท่านครับ 1. อย่าพึ่งกล้องวงจรปิดที่สนามบินเลย (เจ้าหน้าที่กล้องบอกว่า กล้องมีไว้ตรวจดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ณ เวลานั้นหรือไม่ ไม่ใได้ใช้ดูย้อนหลัง) 2. ระวังแท็กซี่ เพราะประสบการณ์ที่อยู่ตรงสนามบินตรงนั้นบ่อย เห็นฝรั่งยังขนของลงยังไม่หมดรถก็ออก และฝรั่งก็วิ่งตามรถอยู่บ่อยๆ (แต่เหตุการณ์ของผมอันนี้ฝากระโปรงหลังก็เปิดอยู่แท้ มันก็ยังมีวิธีทำให้ฝากระโปรงปิด)
จากคุณ |
:
คนทำทัวร์ (EAKKAJIM)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันมหาสงกรานต์ 55 11:02:48
|
|
|
|
 |