ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อความสะดวก ขอยกมาลงในกระทู้นี้เลยในส่วนของผม ถ้ามีเวลาจะมาเพิ่มข้อมูลให้อีก โครงการฮอคไคโดชิงคันเซนถือกำเนิดเมื่อปี 1972 ผ่านการอนุมัติปี 1973 และได้วางโครงการจากซับโปโรไปถึงอาซาฮีคาวาด้วย ปี2005 เริ่มก่อสร้างช่วงชินอาโอโมริ-ชินฮาโกดาเทะ และจะเปิดใช้ในปี 2015 ช่วงชินฮาโกดาเทะ-ซับโปโร ตามแผนจะเปิดใช้ปี 2019 แต่มีเหตุขัดข้องให้ต้องล่าช้าไป 24 ปี จะเปิดให้ใช้ได้ในปี 2035 ช่วงชินอาโอโมริ-ซับโปโร จะใช้เวลา 1.19 ชม ถ้านั่งจากโตเกียว ใช้เวลา 3.57 ชม เส้นทางจากฮาโกดาเทะจะวนทางด้านเหนือผ่าน โอทารุแล้วเข้าซับโปโร ช่วงอุโมงค์ลอดใต้ทะเลมีความยาว 53 กม แต่ถ้าทั้งช่วงจะยาว 82 กม ตลอดเส้นทางจะสร้างลอดผ่านอุโมงที่มีความยาวเป็นสิบกิโล 7 อุโมงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหิมะตกตอนหน้าหนาว ถ้าสร้างเสร็จจะแยกไปเป็นสายฮอคไคโดชิงคันเซน การสร้างชิงคันเซนเป็นโครงการแห่งชาติที่ตั้งเป้า หมายไว้ให้เชื่อมต่อ 4 เกาะหลักของญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน โดยเลือกสร้างในเส้นทางที่เป็นไปได้ก่อนตามลำดับ เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง ถึงแม้จะมีราคาไม่ถูกนักแต่ก็สะดวกและมีประโยชน์มากมาย เช่นเป็นทางเลือกแทนเครื่องบิน เนื่องจากเครื่องบินถึงแม้จะรวดเร็วแต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างในการบิน เช่น หิมะตกหนัก อากาศไม่ดี ฝนตกหนัก ทำให้ต้องงดบิน หรือเลื่อนเวลา การสร้างก็จะแบ่งเป็นเขตๆไป แบ่งย่อยลงไปตั้งแต่ภาค จังหวัด อำเภอ เงิน ที่ใช้ก็มาจากหลายทาง เช่นเส้นทางฮอคไคโด รัฐบาลกลางออก 2 ใน 3 ท้องถิ่นออก 1 ใน 3 ที่เป็นปัญหาก็ตรงเงินจากท้องถิ่นนี่แหละครับ เพราะเงินจากรัฐบาลกลางนี่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่เงินท้องถิ่นจะต้องมาพิจารณาอีกว่าเส้นทางจะผ่านเมืองไหน มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจแค่ไหน เป็นตัวเงินเท่าไร อย่างเมืองซับโปโรจะออกเงินเท่าไร ก็ต้องมาคำนวนว่าจะมีผู้โดยสารเข้ามาเท่าไร สร้างรายได้เท่าไร จะเก็บภาษีได้เท่าไร คุ้มไม่คุ้ม จะออกเท่าไร แต่ละเมืองก็ต้องคิดเช่นกัน โดยเฉพาะระยะหลังมานี่เศรษฐกิจฮอคไคโดไม่ค่อยดีนัก จัดเก็บภาษีได้ไม่เข้าเป้า หลายเขตต้องยุบตัวมารวมกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้นจะว่าไปเรื่องเงินนี่น่าจะเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ล่าช้าได้ อย่างเส้นคิวชูชิงคันเซน ที่ขาดช่วงตรงกลางไป ต้องไปต่อรถด่วนอีกที ปัญหาก็อยู่ที่การขัดแย้งกันเรื่องเส้นทางและสถานีที่จะสร้างนี่แหละ  ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดที่ญี่ปุ่น หลักการสร้างเส้นทางชิงคันเซนคือ (ควร)ต้องผ่านในเขตที่มีประชากรอยู่เกินแสนคนขึ้นไป จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเกาะชิโกกุถึงยังไม่มีแววการสร้างชิงคันเซน เพราะถึงแม้ว่าฮอคไคโดก็มีประชากรเบาบางเช่นเดียวกับเกาะชิโกกุ แต่มีความสำคัญทางการท่องเที่ยวมีมากกว่าหลายเท่า อย่างเส้นทางบินโตเกียว-ซับโปโร เป็นเส้นทางบินระหว่างจุดต่อจุดที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในโลกมาหลายสิบปี ติดต่อกันแล้ว ตอนนี้ก็คงจะใกล้ปีละ 20 ล้านคนแล้วมั้ง เมื่อต้นเดือนทางกระทรวงคมนาคมเพิ่งอนุมัติในหลักการให้ทุกฝ่ายไปเตรียมการในการดำเนินการขั้นต่อไปในช่วง ฮาโกดาเทะ-ซับโปโร ความ จริงในการประมาณการเปิดให้บริการถึงซับโปโรในครั้งแรก อยู่ที่ปี 2014 ด้วยซํ้า แต่ก็เลทมาเรื่อยๆ จนเปิดได้ถึงแค่ฮาโกดาเทะ ในปี 2015 สาเหตุหนึ่งที่จะทำให้ล่าช้าคือ การก่อสร้างต้องมีการขุดเจาะอุโมงค์ระยะยาวๆหลายอุโมงค์ และสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีหิมะตกหนักในหน้าหนาวอันยาวนาน การก่อสร้างทำได้ไม่เต็มที่ทั้งปี ส่วนการเวรคืนไม่ค่อยน่าเป็นปัญหาเท่าไร เพราะเขตนี้ประชากรเบาบางอยู่แล้ว และเส้นทางส่วนใหญ่ก็ผ่านป่าเขา ยิ่งเวลาทอดยาวไปเท่าไร ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างยิ่งสูงขึ้น ซึ่งก็คงมีผลกระทบแน่ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดีเช่นตอนนี้ และที่สำคัญยังมีโครงการที่ต้องก่อสร้างชิงคันเซนในเส้นทางอื่นที่ค้างอยู่ ทั้งที่คิวชู และในเขตโฮคุริคุอีก ซึ่งก็ต้องใช้เวลาหาเงินจำนวนมหาศาลมาโปะให้ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 03:16:29

ความคิดเห็นที่ 2 เอาข้อมูลบางด้านของชิงคันเซนมาให้ลองเปรียบเทียบดู ข้อมูลความจุผู้โดยสาร ชิงคันเซน โนโซมิ 16 ตู้ ประมาณ 1320 ที่นั่ง Maxs 2 ชั้น 12 ตู้ ประมาณ 1230 ที่นั่ง โบอิ้ง 747-528-569 ที่นั่ง โบอิ้ง 767 230-272 ที่นั่ง โบอิ้ง 777 379-477 ที่นั่ง ปริมาณที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต่อผู้โดยสาร 1 คนต่อระยะทาง 1 กม ชิงคันเซน 100 หน่วย เครื่องบิน 500 หน่วย รถบัส 317 หน่วย รถยนต์ 750 หน่วย รถไฟชิงคันเซนแทบจะไม่เคยหยุดวิ่งและแทบไม่ค่อยผิดเวลา แม้แต่หิมะตกหนักที่ทำให้เครื่องบินต้องยกเลิกเที่ยวบิน แต่แทบไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับชิงคันเซน อัตราการยกเลิกการเดินทาง ชิงคันเซน 0.18% รถไฟท้องถิ่น 0.54% เครื่องบิน 0.3% พื้นที่ระหว่างที่นั่ง ที่นั่งชั้นประหยัด 747-400 79 ซม ชั้นธุรกิจ 97 ซม ชิงคันเซนขบวนฮายาเทะE2  98 ซม โนโซมิ-700  104 ซม ที่นั่งชั้นประหยัดกับที่นั่งโนโซมิ ต่างกันถึง 25 ซม ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม(ญี่ปุ่น) จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 03:21:07

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพประกอบ 1 จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 06:52:37

ความคิดเห็นที่ 4 ภาพประกอบ 2 จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 07:02:15

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพประกอบ 3 จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 07:08:35

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพประกอบ 4 จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 07:13:25

ความคิดเห็นที่ 7 อยากนั่ง Hayabusa   นั่งแล้วคงไม่อยากลง (◡‿◡✿) ชอบกระทู้เสวนาเรื่องรถไฟญี่ปุ่นมากค่ะ  เปิดหูเปิดตาเปิดสมองดี   มีมาอีกเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : ลอร่า อิงกัลส์ ~* เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 10:43:31

ความคิดเห็นที่ 8 ชิงคันเซน 0.18% ผมเป็นหนึ่งในนั้นหิมะตกหนักจะไป yamagata เปลี่ยนเส้นทางไปจอดที่ sendai แทน T__T ค่อไปฮอกไกโดสะดวกแล้ว จากคุณ : GT-Four เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 11:23:21

ความคิดเห็นที่ 9 คุณคห8 ครับ สายยามางาตะชิงคันเซน(ซึบาสะ) น่าจะเป็นเส้นทางที่ต้องผจญหิมะหนักที่สุดสายหนึ่ง อีกสายคืออาคิตะชิงคันเซน เลยทำให้มีโอกาสดีเลย์หรืองดวิ่งได้มากที่สุด ช่วงที่ซึบาสะ แยกจากขบวนMax ที่ฟุคุชิมา (ขบวนซึบาซะจะพ่วงติดไปกับขบวนMax Yamabiko แล้วไปแยกตัวกันที่ฟุคุชิมา)ไปจนถึงยามางาตะนั้น จะใช้ความเร็วแค่ 130 กมต่อชมเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย เพราะสายนี้ถูกสร้างให้เป็นแค่มินิชิงคันเซนเท่านั้น ช่วงที่แยกมาจากฟุคุมา ความจริงแล้วถ้าเรียกให้ถูกต้องเค้านับว่าเป็นสายท้องถิ่น คือเป็นแค่ รถด่วนพิเศษ(Special Express train)เท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นชิงคันเซน และวิ่งบนรางธรรมดาด้วย(เช่นเดียวกับสายอาคิตะชิงคันเซน ช่วงที่แยกมาจากสถานีโมริโอกะ) ได้มีโอกาสนั่งไปเล่นสกีที่ซาโอยามางาตะ หลายครั้ง ตอนแรกก็สงสัยว่าพอแยกมาจากฟุคุชิมา ทำไมรถไฟวิ่งช้าจัง จากโตเกียวมาฟุคุชิมาแค่ขั่วโมงครึ่ง แต่จากฟุคุชิมา-ยามางาตะ ใกล้กว่าตั้งเยอะ ใช้เวลาเกือบ 1.10 นาที ทั้งที่ส่วนใหญ่ก็วิ่งอยู่แค่ในเขตจว ยามางาตะ ยังนึกว่าเพราะวิ่งตอนหน้าหนาวหิมะตกหนักเลยลดความเร็ว สายซึบาสะนี้เริ่มเปิดให้บริการเมื่อ วันที่ 1 กรกฏาคม 1992 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อตอนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มีนาคมปีที่แล้ว วันที่ 11 มีนาคม 2011(วันเกิดเหตุ) หยุดวิ่ง วันที่ 31 มีนาคม 2011 เปิดวิ่งอีกครั้งเฉพาะช่วงฟุคุชิมา - ชินโจ แต่เปลี่ยนไปขึ้นที่ชานชาลาสายท้องถิ่นแทนไม่ใช่ชานชาลาของชิงคันเซน(จนถึงวันที่ 11 เมษายน) วันที่ 11 เมษายน 2011 เรื่มเปิดให้บริการทุกเส้นทาง วันที่ 25 เมษายน 2011 เรื่มวิ่งพ่วงกับสาย Max ตามปกติ วันที่ 9 กรกฏาคม 2011 ให้บริการครบตามเที่ยวที่เคยวิ่งก่อนเกิดแผ่นดินไหวและตามความเร็วตามปกติหลังจากถูกลดความเร็วเพื่อความปลอดภัย วันที่ 17 มีนาคม 2012 บางขบวนพ่วงกับรถรุ่นใหม่ E2 ที่ใช้ความเร็วถึง 275 กมต่อชม ทำให้ใช้เวลาสั้นลง ปัจจุบันมี 7 ตู้ สายซึบาสะนี้ความจริงสร้างมาแค่สถานียามางาตะ แต่ภายหลังได้สร้างต่อไปถึงสถานีชินโจ เป็นระยะทาง 61 กม ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทางสมาคมท่องเที่ยวยามางาตะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดแทน JR East เพราะเล็งเห็นผลประโยชน์ที่คุ้มค่าที่จะได้รับ และที่พิเศษอีกอย่างนึงคือปกติแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างความรบกวนชาวบ้านทางเสียง รถไฟจะห้ามวิ่งในช่วง 00.00 ถึง 0600 แต่ขบวนซึบาสะนี้ได้รับการยกเว้นเพราะถูกสร้างมาแบบชิงคันเซน ทำให้มีเสียงเงียบกว่ารถไฟปกติ ออกวิ่งเที่ยวแรกขบวนซึบาสะ120 เวลา 05.37 มินิชิงคันเซนคือขบวนรถไฟที่สร้างแบบชิงคันเซน วิ่งพ่วงไปกับรถชิงคันเซนสายหลักได้ด้วยความเร็วสูง แล้วแยกต่อไปจุดหมายโดยวิ่งด้วยความเร็วจำกัด ไม่ถึงขนาดชิงคันเซน และไม่ถือว่าช่วงนี้เป็นขบวนชิงคันเซน แต่ถือเป็นแค่รถไฟด่วนพิเศษสายท้องถิ่นเท่านั้น แก้ไขจากสถานีอาโอโมริเป็นโมริโอกะ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 03:17:06 แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 03:15:37 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 15:50:33 จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:43:04

ความคิดเห็นที่ 10 ผมอยู่ใน Disney Sea ครับ  ฝนตก แต่คนยังหนาแน่น บรรยากาศดีมาก อยู่ญี่ปุ่น อากาศเย็นสบายครับ ไม่รู้ว่าบ้านเราอากาศร้อนแค่ไหน วันนี้ผมใช้ JR Pass 14 วัน เป็นวันสุดท้ายแล้ว  จาก Kagoshima ไปถึง Shin-Aomori ตามเส้นทางที่คุณ Persimon ได้พูดถึงไว้ครับ พรุ่งนี้คงต้องควักกระเป๋าขึ้นรถไฟแล้วครับ...... จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:36:48

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็แอบสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมเจ้า Tsubasa (Yamagata Shinkansen) ถึงได้วิ่งช้านัก ดูจาก Hyperdia ชินกังเซ็นอะไรเนี่ยะ วิ่งช้าสุดๆ เลย Tokyo-Sendai น้องหนู Hayabusa อัดไปแค่ 95 นาทีถึง ระยะทางไกลกว่า ในขณะที่เจ้า Tsubasa ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ในเส้นทาง Tokyo - Yamagata เรียกได้ว่า Hayabusa เทียบชานชลา Shin-Aomori ไปแล้ว แฮ่ๆๆๆ เลยแอบเสียดายครับ ถ้าวันนั้นผมไปทริปปีศาจหิมะอาจได้เห็นชินกังเซ็นแบบมินิๆ วิ่งช้าๆ แล้ว แต่สงสัยครับว่า เจ้า Tsubasa วิ่งบนรางกว้าง 106 เซนติเมตรเหรอครับ? (เห็นบอกว่าวิ่งบนรางปกติมิใช่รางชินกังเซ็น ซึ่งกว้าง 143 เซนติเมตร) เลยนึกภาพโครงสร้างล้อรถไฟไม่ออกว่า สร้างเป็นแบบคู่กัน (เพราะคิดว่าทางช่วง Tokyo-Fukushima น่าจะเป็นรางชินกังเซ้นปกติกว้าง 143 เซนติเมตร) และเพิ่งรู้ว่าอีหนู Komachi พอจะกลับบ้านเมืองสุนัขพันธุ์อะคิตะ ก็ต้องวิ่งช้าเหมือนกัน ปล. คุณพ่อน้องปูเป็นก็ใช้ JR ได้คุ้มดีอยู่นะครับ ไม่โหดร้ายเกิน ของผม 7 วัน ขึ้นชินกังเซ็นทุกวัน โดน อจน. แซวว่าถ้ามาเองคนเดียว รับรองได้ไปแรดถึง Shin-Aomori กับ Hayabusa แน่นอน เหอๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:35:42

ความคิดเห็นที่ 12 ความเห็นที่ 9   สายอาคิตะชิงคันเซน แยกออกมาจากโมริโอกะครับ ไม่ใช่อาโอโมริ   จากคุณ : BongKoch เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 20:34:21

ความคิดเห็นที่ 13 Yamagata Shinkansen กับ Akita Shinkansen รางก็เป็น 1.435m. ครับ แต่ไม่ได้สร้างทางใหม่เฉพาะชินกังเซ็น คิดว่าคงวางเป็น dual guage ไปกับเส้นทางเดิม ตัวรถต้องทำลำตัวแคบกว่า Shinkansen สายหลัก เพราะอุโมงค์เดิมมันแคบ รถสำหรับ Yamagata Shinkansen กับ Akita Shinkansen เลยจัดที่นั่งได้แค่ 2-2 จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:30:54

ความคิดเห็นที่ 14 มาขอต่อข้อมูลมินิชิงคันเซนเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะครับ เพราะตอนก่อนข้อมูลยังไม่ครบถ้วน มินิชิงคันเซน ไม่ใช่เป็นการสร้างเส้นทางชิงคันเซนขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการปฏิวัติรถไฟรางปกติให้วิ่งเชื่อมต่อกับชิงคันเซนได้ จึงใช้เรียกเส้นทางที่วิ่งเชื่อมต่อกันได้นี้กับขบวนรถที่วิ่งว่า มินิชิงคันเซน ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศตามสถานีเรียกว่าชิงคันเซนก็ตาม แต่ตามกฏหมายแล้ว เป็นแค่รถไฟรางปกติเท่านั้น ไม่ใช่ชิงคันเซน เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างที่ต่างจากชิงคันเซน ทั้งอุปกรณ์ที่ติดตั้ง , ความเร็วที่ใช้ตอนวิ่งกับขบวนชิงคันเซน จะมากกว่า 200 กมต่อชม  แต่ถ้าวิ่งปกติจะใช้ความเร็วสูงสุดได้แค่ 130 กมต่อชมตามกฏ (มียกเว้นบ้างบางสายเช่น สายเคเซ ที่สร้างทางใหม่วิ่งไปสนามบินนาริตะ ใช้ความเร็วสูงสุด 160 กมต่อชม) และยังมีจุดตัดกับถนน ต่างจากชิงคันเซนที่สร้างทางยกระดับลอยฟ้าทั้งเส้นไม่มีจุดตัดกับถนน ซึ่งสำหรับข้อสงสัยที่ว่าวิ่งบนรางขนาดเท่าไรนั้น ที่ถูกต้องคือ 1.43 ม เท่ากับรางชิงคันเซน แต่สร้างเป็นรางปกติระนาบเดียวกันกับรางสายปกติ ที่มีขนาด 1.06 ม คู่ขนานกันไป ไม่ได้ยกระดับขึ้นแบบรางชิงคันเซน ไม่ได้ออกแบบให้วิ่งได้ด้วยความเร็วแบบชิงคันเซน และจอดตามสถานีเดียวกับรถไฟรางปกติ ตู้รถมินิชิงคันเซนจะมีขนาดเล็กกว่าชิงคันเซน มีความยาว 20-21 ม กว้าง 2.95 ม ในขณะที่ชิงคันเซน จะมีความยาว 25 ม กว้าง 3.38 ม สำหรับเรื่องเวลาวิ่ง ชิงคันเซนจะเริ่มวิ่งเที่ยวแรกได้หลัง 6โมงเช้า และเที่ยวสุดท้ายต้องถึงสถานีปลายทางก่อนเที่ยงคืน แต่มินิชิงคันเซนที่วิ่งในทางปกติจะสามารถเริ่มเที่ยวแรกได้ก่อน 6โมงเช้า เพราะไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวน ข้อดีของมินิชิงคันเซนคือไม่ต้องเวนคืนที่ดินสร้างรางแยกต่างหาก และใช้เวลาในการก่อสร้างสั้นลง และที่สำคัญใช้เงินในการก่อสร้างถูกกว่าชิงคันเซนมาก ส่วนข้อเสียก็มีเช่น ใช้เวลาวิ่งมากกว่าชิงคันเซน และจากการที่มีขนาดเล็กกว่าชิงคันเซนทั่วไปทำให้มีข่องว่างระหว่างรถไฟกับชานชาลา นอกจากนี้ยังต้องสร้างขบวนใหม่ๆขึ้นมาอีก มีข้อผิดพลาดนิดนึงตอนก่อนถึงเรื่องสถานีที่รถไฟชิงคันเซนสายอาคิตะ แยกตัวที่สถานีอาโอโมริ ที่ถูกต้องคือสถานีโมริโอกะ ตามที่คุณ Bongkoch แย้งมาครับ ต้องขอโทษครับด้วยที่พิมพ์จากความจำเลยสับสนกับสถานีอาโอโมริไปซะ เพราะชื่อคล้ายๆกัน ได้ไปแก้ให้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 12:21:52 จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 03:13:37

ความคิดเห็นที่ 15 ผมพาลูกชายเข้ามาอยู่ใน Disneyland   อากาศค่อนข้างร้อนครับ คนเข้ามาเที่ยว มากกว่าเมื่อวานที่ไป Disneysea  ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้ เป็นวันอีสเตอร์หรือเปล่าครับ คนดูคึกคักมาก แต่ก็มีเสียงคนไทยไม่น้อยครับ อ่านเรื่ิองเส้นทาง Shinkansen แล้ว ทำให้ได้รับความรู้ดีดีมากมาย อยากให้บ้านเรามีแบบเขาบ้าง แต่คงจะยากมาก นอกจากจะไปเจอบ่อน้ำมัน แบบที่กำลังขุดหาแถวบ้านผมที่พุทธมณฑลสาย 2    หรืออีกอย่างก็มีผู้บริหารเก่งๆ พัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว ให้เป็นเป้าหมายหลัก ทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีนักท่องเที่ยว เข้ามาบ้านเรามาก ๆ ถ้ามีรายได้มากพอ ผมว่าเราจะทำอะไรก็ได้ครับ.. จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 10:50:20

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับจขกท(คุณปูเป็น) เข้ามาอาศัยใช้กระทู้ตั้งนาน ยังไม่เคยทักทายกันเลย ไปเที่ยวดิสนีย์เดือนเมษานี่ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงรรเปิดเทอมแล้ว แต่คนก็ยังเยอะอยู่ครับ โดยเฉพาะดิสนีย์แลนด์ซึ่งปกติคนจะเยอะกว่าดิสนีย์ซีอยู่แล้ว เพราะเหมาะกับเด็กเล็กเลยทำให้มาได้ง่ายกว่าเด็กโตที่ติดเรียน หรือคนทำงาน ที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลักของดิสนีย์ซี แต่คนเยอะก็ทำให้บรรยากาศดูคึกคักดีครับ ตอบคุณหมอยุ่งครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปยามางาตะหรืออาคิตะ แต่ก็สามารถลองนั่งรถไฟมินิชิงคันเซนสองสายนี้ได้ ในเส้นทางที่ไปฟุคุชิมา เซนได โมริโอกะ อาโอโมริ โดยเฉพาะคนที่ใช้ JR Pass  เช่น คนที่จะไปฟุคุชิมา เซนได เวลาจองตั๋วให้ระบุว่าจะขึ้นขบวนยามางาตะชิงคันเซน เพราะปกติแล้วเค้าจะจัดให้นั่ง Max ที่พ่วงมาด้วยกันก่อน พอที่ Max เต็มถึงจัดให้นั่งซึบาสะ ส่วนคนที่ไปถึงเซนไดก็จองช่วงฟุคุชิมา-เซนได เป็น Max ขบวนที่พ่วงกันมา แล้วเปลี่ยนขบวนที่สถานีฟุคุชิมา จะทำให้ไม่เสียเวลาคอยขบวนต่อไปครับ คนที่ไปเซนได หรือไปถึงชินอาโอโมริก็ลองนั่งสายอาคิตะชิงคันเซน(โคมัตจิ)ได้เช่นกัน โดยใช้วิธีเดียวกัน เช่นขอระบุจองสายโคมัตจิไปถึงเซนไดหรือโมริโอกะ เพียงแต่ว่าจะได้นั่งในช่วงที่วิ่งแบบใช้ความเร็วของชิงคันเซน ไม่ได้วิ่งในช่วงเป็นรถไฟรางปกติเท่านั้นเอง แต่ขอบอกว่าที่นั่งของสองสายนี้นั่งสบายมากมาก เพราะจัดที่นั่งแบบ 2-2 ที่นั่งกว้างกว่าชิงคันเซนปกติ โดยเฉพาะที่นั่งของ Max 2 ชั้น  ที่แคบและปรับเอนไม่ได้ คล้ายๆกับที่นั่งตู้กรีนเลยทีเดียว ห้องโดยสารก็สวยบรรยากาศคล้ายตู้กรีนเช่นกัน แต่ที่นั่งสายโคมัตจิจะสวยกว่าของซึบาสะ ท่านใคอยากลองนั่งชิมบรรยากาศสองขบวนนี้ ลองดูได้ครับ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:12:04

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เข้าใจแจ่มแจ้งเลย ส่วนตัวผมเคยลองนั่งเจ้า Komachi ครั้งนึงครับ จากโตเกียวไปลงเซ็นได (เมื่อปี 53) รู้สึกว่าการจัด 2-2 เหมือนจะนั่งสบายกว่าการจัดแบบ 3-2 บนเจ้า Hayate มากมาย (ตอนนั้น Komachi จูบปากกับ Hayate ไปด้วยกัน จอดน้อยสถานี) แต่ผมไม่แน่ใจว่า ซีรีย์ของ Yamagata Shinkansen คืออันเดียวกับ Komachi หรือเปล่าครับ แต่เห็นด้วยว่า การจัด 2-2 นี่เหมือนกับตู้กรีนคาร์เลย และที่แน่ๆ ทริปล่าสุดที่ผมนั่งเจ้า Sakura (Kyushu Shinkansen) ใช้ขบวน N700 มีพ่วงอยู่ 8 ตู้ (คิดว่า Mizuho ก็ใช้ตู้รุ่นเดียวกันเพียงแต่จอดน้อยสถานีกว่า) ตู้ 1-3 แบบ Non-reserve นั่งกันเป็นปลากระป๋องจัดแบบ 3-2 เหมือนกับ N700 ที่วิ่ง Tokaido-Sanyo เลย ในขณะที่ตู้ 4-5-6-7-8 (มีกรีนคาร์อยู่ครึ่งตู้ 6) เป็นที่นั่งแบบ reserve จัดที่นั่งแบบ 2-2 นั่งสบายจนแยกความแตกต่างระหว่าง Green กับไม่กรีนแทบจะไม่ออกเลยครับ ภาพแรก ที่นั่งแบบ 2-2 บนตู้แบบ reserve ของ Kyushu Sinkansen (N700) บรรยากาศไม้ๆ สภาพใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งวิ่งได้แค่ปีกว่าๆ เอง ผมก็เลยซัดโบ๊บตั้งแต่ Shin-Osaka ยัน Kagoshima-Chuo เลยทีเดียว หลับสบายมากๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:51:13

ความคิดเห็นที่ 18 บรรยากาศโดยรอบ แบบว่าถูกใจมากๆ ครับ นั่งสบายสุดๆ ถ้ามี Japan Rail Pass แนะนำว่าให้ Reserve ไว้ก่อนครับ นอกจากจะฟรีแล้ว นั่งสบายกว่ากันเยอะเลย (สำหรับ Kyushu Shinkansen นะครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:52:41

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนตู้กรีนก็มีภาพประกอบครับ อันนี้แบบกรีน ที่นั่งดูเหมือนจะสบายกว่า แต่ก็ไม่น่าจะมีนัยสำคัญนะครับ (ต้องให้พ่อน้องปูเป็นมาคอนเฟิร์ม) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:54:36

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับตู้ Non-Reserve บน Kyushu Shinkansen แบบว่า ปลากระป๋องจริงๆ ครับ ข้อดีของเจ้า N700 คือมีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตไอโฟนไอแพดโน๊ตบุ๊คได้สบายๆ ครับ ในขณะที่ซีรีย์เก่ากว่านั้นอย่างเจ้า 700 จะไม่มี จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:56:43

ความคิดเห็นที่ 21 ถามว่า มีไม่ได้ Reserve Seat มา จะไปนั่งตู้ Reserve ได้ไหม ส่วนตัวผมคิดว่ายากถึงยากมากครับ เพราะ ราคาไม่เท่ากัน และที่สำคัญ เจ้าหน้าที่รถไฟเดินตรวจตลอดเลย ยิ่งสาย Tokaido (JR-Central) นี่แบบว่าเคร่งมาก ตรวจตั๋วตลอด ในขณะที่ JR-WEST ไม่ตรวจเลย แต่ดูตามหมายเลขที่นั่งเอาเป็นหลัก เลยขอมาเสริมข้อมูลเจ้าเป็ดน้อย N700 ใหม่เอี่ยมของ JR-WEST นะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:00:54

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นข้างบนพูดถึงน้อง MAX 2 ชั้น พอดีได้ลองนั่งเล่นๆ ดูครับ ที่นั่งชั้นบนแบบว่าเป็นกระดาน ปรับเอนไม่ได้จริงๆ ด้วย แฮ่ๆๆๆ แต่อันนี้เป็นตู้ non-reserve นะครับ ถ้าตู้ reserve น่าจะดีกว่า จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:07:41

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเพิ่งจะออกจาก Disneyland ครับ เดี๋ยวกลับถึงโรงแรม จะเอาภาพที่คุณหมอพูดถึง มาเสริมครับ  ต้องใช้ Notebook ใส่ภาพครับ มาเที่ยวหยิบแต่ IPad ใส่เป้มาครับ จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 18:21:28

ความคิดเห็นที่ 24 Tsubasa กับ Komachi ตอนนี้ใช้ E3 series อยู่ครับ อีกซักปีสองปีคงเริ่มทยอยเปลี่ยนเอา E6 มาวิ่งแล้ว ที่นั่ง reserved ของ Sakura/Mizuho นี่กว้างนั่งสบายมาก ผมว่าพอๆกับที่นั่ง Green ของรถรุ่นก่อนๆเลยล่ะ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 23:34:39

ความคิดเห็นที่ 25 ผมมาดูรูปที่นั่งของคุณหมอแล้ว  เลยจำได้ว่า ผมก็เคยนั่งแล้วครับ ชั้น Ordinary Reserved ไม่ต่างจาก Green เท่าไรครับ ที่ไม่ต่างนี่ ต้องเน้นว่าเฉพาะสายคิวชู Sanyo Line นะครับ วันนั้น ผมไปนอน Toyoko Inn Noda Osaka แล้วไปที่ Hiroshima  ปรากฏว่าในชั้น Green เต็มทุกที่นั่ง ผมเลยไป Okayama เพื่อแวะเที่ยว kurashiki  จากนั้นต่อรถ Ordinary จาก Okayama ไป Hiroshima  มีรูปถ่ายด้วยครับเดี๋ยวเอามา เปรียบเทียบกันดูความแตกต่างครับ แต่เมื่อคืนกลับดึก เพราะแวะ ไปทานอาหารจีนที่โตเกียว ถึงโรงแรมก็สลบ  เช้ามาก็รีบออกครับ วันนี้เที่ยวใน Tokyo วันสุดท้ายครับ พรุ่งนี้กลับ... จากคุณ : พ่อน้องปู (ปูเป็น) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 09:15:16