ความคิดเห็นที่ 1 Part2 : รถนั่ง และรถดีเซลราง จากที่ผ่านมาใน Partแรก ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะยาวเหยียดขนาดนี้ แถมเหมือนรู้อนาคตว่าจะได้เป็นกระทู้แนะนำซะงั้น เลยขอบรรเลง Part2 ต่อจากเมื่อวานที่นำเสนอเกี่ยวกับประเภทขบวนรถและรถนอนกันไปแล้ว ขอสรุปง่ายๆอีกครั้งสำหรับผู้ที่ยังไมได้ติดตามนะครับ รถไฟ แบ่งประเภทออกเป็น 6 ประเภทหลักๆ 1. รถด่วนพิเศษ เป็นรถที่เน้นการให้บริการระยะไกล หยุดน้อย และมีรถชั้นดีๆให้บริการ โดยเฉลี่ยตลอดเส้นทางจะหยุดรับส่งผู้โดยสารประมาณ 20-3-% ของเส้นทาง 1.1 รถด่วนพิเศษ(ใช้หัวรถจักร) ส่วนมากแล้วจะเป็นนอนล้วนทั้งขบวน ทั้งปรับอากาศ และพัดลม ซึ่งจะหยุดรับส่งผู้โดยสารประมาณ 20% ของเส้นทาง 1.2 รถด่วนพิเศษดีเซลราง หรือที่เรียกฮิตติดปากกันว่าสปรินเตอร์ จะเป็นรถนั่งปรับอากาศทั้งขบวน มีพนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถ จะหยุดอยู่ประมาณ 30% ของเส้นทาง 2. รถด่วน เป็นรถที่เน้นการให้บริการระยะทางไกล หยุดน้อยแต่ไม่ถือว่าน้อยมาก กลางๆ มีรถหลายแบบให้บริการทั้ง ชั้น 1 2 และ 3 ในขบวนนั้นๆ 2.1 รถด่วน(ใช้หัวรถจักร) จะมีทั้งรถนั่งและนอนในขบวน แบ่งอัตราส่วนรถนั่ง : รถนอน จะอยู่ที่ 40:60 และจะมีสถานีหยุดให้บริการประมาณ 40% ของเส้นทาง 2.2 รถด่วนดีเซลราง จะมีลักษณะเป็นรถดีเซลรางที่ผสมกันระหว่างชั้น 3 พัดลม และชั้น 2 ปรับอากาศ ไม่มีอาหารและพนักงานบริการบนรถ ซึ่งจะหยุดรับส่งผู้โดยสารประมาณ 50-60% ของเส้นทาง เป็นรถนั่งล้วน 3. รถเร็ว เป็นรถที่เน้นบริการทางไกลตั้งแต่ 400 กม. ขึ้นไป มีเฉพาะชั้น 2 และ 3 เท่านั้น ในบางขบวนที่เป็นรถกลางคืนจะมีรถนอนด้วย และแบ่งอัตราส่วน นั่ง : นอน ไว้ 80 : 20 โดยประมาณ และหยุดรับส่งผู้โดยสาร ราวๆ 60% ของเส้นทาง แต่ถ้ารถกลางวันจะดูปริมาณรถอื่นๆที่ผ่านในสาย ถ้ารถเร็วขบวนนั้นดั๊นเป็นขบวนเดียวที่ให้บริการในช่วงเวลานั้นจะให้หยุดประมาณ 70% ของเส้นทาง 4. รถธรรมดา เป็นรถที่ไม่เน้นการให้บริการระยะทางไกลมาก มีแต่ชั้น 3 เป็นส่วนมาก น้อยขบวนนักมักพบชั้น 2 และจะหยุดแบบกระจายทลายตูดคือ 80-100% ของเส้นทาง 5. รถชานเมือง เน้นการให้บริการระยะใกล้ๆกรุง เป็นรถที่เรียกว่าไม่ต่างอะไรกับรถเมล์เท่าไหร่ เพราะแน่นมากกกกกกก 6. รถท้องถิ่น เน้นการให้บริการในส่วนภูธร ช่วยเหลือประชาชนได้ดีมาก อยู่คู่กับคนต่างจังหวัดมานาน จะนั่งไปเรียน ไปทำงาน ไปทำไร่ ไปทำนา ไปหาป้า พ่อ แม่ เพื่อน ก็ใช้มัน จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 20:59:01

ความคิดเห็นที่ 2 ขอต่อเลยนะครับ รถนั่งชั้น 2 (บชท.) ท. ตัวสุดท้ายของตัวย่อ นั้นมาจากคำว่า “โท” ที่แปลว่า 2 รถนั่งชนิดนี้เบาะนั่งเป็นหนังขนาดใหญ่พอดีลำตัว สามารถปรับเอนได้ และมีข้อได้เปรียบกว่ารถแอร์คือ ที่นั่ง และพื้นที่เหยียดขา “กว้างมากกกกก” เพราะทั้งตู้มีแค่ 48 ที่นั่งเท่านั้น เหยียดสบ๊ายยยยยย อีกทั้งการออกแบบค่อนข้างดี ถึงจะเปิดหน้าต่างรับลมทุกบาน แล้วนั่งเอนกายสบายใจบนเบาะ คุณเชื่อหรือไม่ว่า “ลมไม่ตีโดนหน้า” เก๋ป่ะล่ะ... ขบวนที่มีให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถเร็วที่ 135/136 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 139/140 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ - สุไหงโกลก - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 11:30:46 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:01:32

ความคิดเห็นที่ 3 ผังที่นั่งของรถนั่งชั้น 2 (ไม่มีปลั๊กนะจ๊ะ) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:02:15

ความคิดเห็นที่ 4 เบาะนั่งของรถชั้น 2 นั้นสามารถหมุนหากันได้นะครับ ถ้าต้องการนั่งกลุ่มละ 4 คนแล้วหันเบาะเข้าหากันโดยที่ไม่ได้รบกวนคนอื่น ควรจะจองแถวแรกของรถเลย เช่นขาไป ก็เป็นเบอร์ 1 2 5 6 หรือ 3 4 7 8 ครับ เพราะถ้าคุณหมุนไปกลางรถจะทำให้คนที่เอนเบาะชนกับเรานั้นเอนลงอีกไม่ได้ครับ ไม่แนะนำนอนท่านี้นะตัวเอง..... จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:06:46

ความคิดเห็นที่ 5 รถนั่งชั้น 2 ปรับอากาศ (บชท.ป) รถนั่งชั้น 2 รุ่นนี้ บางคันเคยเป็นรถนั่งชั้น 1 มาก่อน และดัดแปลงเป็นชั้น 2 เพราะชั้น 1 นั่งนั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เบาะจะเป็นหนังแต่เสียอย่างคือปรับเอนได้น้อยมาก แต่เรื่องความเย็นแอร์ชนะเลิศ รถแบบนี้จะมีแค่ขบวนเดียวเท่านั้น สายเหนือ ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:07:18

ความคิดเห็นที่ 6 ผังที่นั่งของ บชท.ป ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:07:50

ความคิดเห็นที่ 7 รถนั่งชั้น 3 (บชส.) นี่คือชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ด้วยจำนวนและปริมาณที่มหาศาลและความป๊อปปูล่าสำหรับพี่น้องชาวไทยที่กำลังทรัพย์ไม่เอื้อกับการนั่งรถนอนหรือรถแอร์ ด้วยความที่เป็นรถพัดลมด้วย ที่นั่งเยอะด้วย ขายตั๋วยืนได้ด้วย ก็เลยมีความอึดอัด และไม่ชอบใจตามมา ซึ่งส่วนมากคนที่มีประสบการณ์การนั่งรถไฟไม่ค่อยดี ก็เพราะไอ้รถชั้น 3 เนี่ยแหละ แถมยังมาพาลไปหารถไฟทุกประเภทอีกด้วย (คิดในใจเหมือนกันว่า เมิงยังไม่เคยนั่งหมดเลย แล้วเมิงเป็นเทพธิดาพยากรณ์รู้เรื่องอื่นเรอะไงวะ) ก่อนนั่งรถชั้น 3 คุณต้องทราบข้อมูลดังต่อไปนี้ไว้ก่อนเลยนะครับ จะเป็นประโยชน์กับคุณมากๆเลย 1. รถนั่งชั้น 3 “ส่วนมาก” ไม่มีแอร์ 2. รถนั่งชั้น 3 ไม่สามารถปรับเบาะได้ 3. รถนั่งชั้น 3 ที่เป็นรถทางไกล และเป็นรถไฟปกติที่วิ่ง จะใช้เบาะนวม ไม่ใช่เบาะไม้ 4. รถนั่งชั้น 3 ระยะใกล้ๆ คุณเจอเบาะไม้แน่ แต่จะเจอมากเจอน้อยแล้วแต่ดวง 5. รถนั่งชั้น 3 มีที่นั่งระบุในตั๋ว (ทางไกล) ฉะนั้นใครเนียนมานั่ง จับกระชากลงจากเก้าอี้ได้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:10:01

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้คือ รถแบบ 76 ที่นั่ง เป็นเบาะนวม เป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ เบาะกำลังดี ไม่เจ็บตูดจนเกินไป จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:12:43

ความคิดเห็นที่ 9 มองด้านข้างนะครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:13:25

ความคิดเห็นที่ 10 รถแบบเบาะไม้ครับ มี 72 ที่นั่ง มักจะพบในรถระยะสั้นๆครับผม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:16:22

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีการนอนของพวกผม ฮ๋าๆๆๆๆ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:16:47

ความคิดเห็นที่ 12 รถชั้น 3 แบบเบาะปรับปรุงใหม่ อันนี้เท่าที่เห็นเจออยู่แค่ 3 คันเอง และอยู่แต่รถชานเมืองด้วยครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:18:37

ความคิดเห็นที่ 13 ผังที่นั่งของรถชั้น 3 (จะใช้ รถแบบ 76 ที่นั่งเป็นมาตรฐานเท่านั้นครับ) ปกติแล้ว การสำรองที่จะได้ 76 ที่นั่งเต็มๆ แต่บางขบวนจะให้สำรองแค่ 50 ที่นั่งเท่านั้น ส่วนเลขที่นั่ง 51-76 (บางคัน ถึง 96) ก็จะเป็นที่นั่งเปล่า ใครจะนั่งก็ได้ เพราะว่าในขบวนนั้นอาจจะมีรถแบบ 50 ที่ หรือ แบบ 72 ที่พ่วงร่วมด้วยครับผม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:20:30

ความคิดเห็นที่ 14 แบบนี้คือ แบบ 76 ที่นั่งครับ สังเกตได้ว่า จะมีห้องน้ำ 2 ฝั่งเลย ถ้าไม่อยากเจอห้องน้ำแน่ๆ ควรจองตรงกลางครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:21:10

ความคิดเห็นที่ 15 ตามไปนั่งรถไฟด้วยคนนะครับ จขกท เสียดายที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มขั้น  จะได้แจกกีบได้เต็มที่เลย จากคุณ : partompong007 เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:22:08

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ามีแข่งแฟนพันธ์แท้รถไฟไทย เจ้าของกระทู้จองตำแหน่งแชมป์ไว้ได้เลย จากคุณ : วะฮะฮ่า เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:26:25

ความคิดเห็นที่ 17 รถนั่งชั้น 2 และ 3 ติดกัน (บสส.) รถนั่งชั้น 2 แบบนี้อาจจะดูแปลกๆสำหรับคนที่ซื้อตั๋วไป เพราะมันแบ่งชั้น 2 และ 3 อยู่ในตู้เดียวกัน โดยใช้ประตูเป็นพรมแดนแยกจากกัน (ซึ่งมักถูกทะลวงและทำลายพรมแดนโดยแม่ค้า) ส่วนการจองตั๋วนั้น จองได้แค่ชั้น 2 อย่างเดียว แต่ชั้น 3 ที่เหลือเค้าให้พระภิกษุนั่ง แต่มักจะมีฆารวาสมาขอนั่งด้วยเป็นนิจ ขบวนที่มีรถ บสส.ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถเร็วที่ 107/108 กรุงเทพ – เด่นชัย –กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 111/112 กรุงเทพ – เด่นชัย –กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 115/116 กรุงเทพ – พิษณุโลก – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 201/202 กรุงเทพ – พิษณุโลก – กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถเร็วที่ 139/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 145/136 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 141/142 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 143/144 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถเร็วที่ 177/178 ธนบุรี – หลังสวน – ธนบุรี ขบวนรถธรรมดาที่ 255/254 ธนบุรี – หลังสวน – ธนบุรี จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:36:06

ความคิดเห็นที่ 18 partompong007 ไม่ต้องแจกกีบ......แต่แตกตังค์ได้ป่ะแก.... จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:36:55

ความคิดเห็นที่ 19 มาพูดถึงรถที่ไม่ค่อยพบไม่ค่อยเจอกันดีกว่าครับ รถไฟเหล่านี้มักจะถูกอาจารย์คง ไม่ก็คุณเจน ญาณทิพย์ ปลุกขึ้นมาใช้งานในช่วงที่มันมีอีเวนท์สำคัญๆอย่างปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา เลือกตั้ง จะให้มาดูเป็นรายๆไปนะครับ รายแรก รถนั่งชั้น 3 ปรับอากาศ หรือ รถชั้น 3 แอร์ รายนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นเป็นตัวเป็นตนซักเท่าไหร่ เนื่องจากประชากรที่น้อย แต่ระยะหลังๆเห็นไปสิงสถิตย์อยู่กับรถเร็ว 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ บ่อยครั้ง แล้วก็เต็มเร็วเหลือเกิน...ยังไงก็พิจารณาถาวรไปเลยแล้วกันก็ดีนะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:41:29

ความคิดเห็นที่ 20 รายที่ 2 รถนั่งชั้น 2 ปรับอากาศ รุ่น JR-West อันนี้เห็นยากยิ่งกว่าอันแรกอีก นานนนนทีจะได้เห็นที เพราะรถรุ่นนี้ไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นของตัวเอง ต้องไปรับส่วนบุญกำลังไฟจากรถนอน JR ฉะนั้นแล้วรถคันนี้จะมีสิทธิ์เห็นได้เฉพาะขบวนที่มี JR ด้วยกันเท่านั้น ข้อดีของมันคือแอร์เย็นมากกกกก แต่ข้อเสียของมันคือเบาะปรับได้น้อยจนรู้สึกได้ว่า...นี่เมริงปรับเอนแล้วหรอ........มันเป็นมาตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นแล้วครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:43:05

ความคิดเห็นที่ 21 ลืมรูป จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:43:31

ความคิดเห็นที่ 22 รถดีเซลราง มาพูดถึงรถดีเซลรางกันบ้าง รถดีเซลรางนั้นเป็นรถไฟที่ “ไม่ต้องใช้หัวรถจักร” เพราะรถทุกคันของเค้านั้นวิ่งได้ด้วยตัวเอง คือง่ายๆมีเครื่องทุกคัน ด้วยน้ำหนักที่เบา และการเร่งตัวที่มีประสิทธิภาพ ทำให้รถดีเซลรางมีความเร็วที่มากกว่ารถที่ใช้หัวรถจักรลาก นี่คือรูปลักษณ์ของรถดีเซลรางครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:45:39

ความคิดเห็นที่ 23 ดีเซลรางนั้นจะมีห้องขับอยู่ฝั่งนึง ห้องน้ำอยู่ฝั่งนึง จึงทำให้รถคันแรก กับคันสุดท้ายนั้นต้องจัดวางในลักษณะที่ตรงกันข้ามกัน เพื่อให้มันสามารถขับกลับได้ ถ้าหันไปทางเดียวกันหมด มันจะเป็นแบบนี้ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:46:55

ความคิดเห็นที่ 24 นี่เป็นการจัดวางรถที่ถูกต้องครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:48:17

ความคิดเห็นที่ 25 รถนั่งดีเซลรางชั้น 3 รุ่น THN (กซข.) รถดีเซลรางรุ่นนี้จะมี 2 รุ่นย่อย คือ 11xx และ 12xx อีรุ่นแรกเนี่ยเบาะนั่งเป็นนวม แต่อีรุ่นที่ 2 เนี่ยเบาะแข็งโป๊กกกกก อัตราส่วนความเสี่ยงที่จะเจอสภาพเบาะที่ต่างกันคือ 50:50 กันเลยทีเดียว แต่ยังไงๆมันก็วิ่งใกล้ๆอยู่แล้ว ยกเว้นบางขบวนที่วิ่งไกลๆ โดยส่วนมาก (ย้ำ ส่วนมาก) จะใช้เบาะนวม แต่ถ้ารถที่มันเป็นเบาะนวมมันเกิดงอแงไม่อยากวิ่งไกลก็ต้องเอารถเบาะแข็งมาทดแทนกันไป จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:50:04

ความคิดเห็นที่ 26 ลักษณะที่นั่งของ รถดีเซลรางชั้น 3 ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:50:39

ความคิดเห็นที่ 27 ผังที่นั่งของรถดีเซลรางชั้น 3 ครับ นี่คือ ตู้ท้ายของขบวนครับ ส่วนคันแรกสุด หัวขบวนจะไปอยู่ทางซ้ายแทน และทางขวามือจะกลายเป็นท้ายขบวน (งงไหม) แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 21:52:22 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:51:36

ความคิดเห็นที่ 28 รถนั่งดีเซลรางชั้น 2 ปรับอากาศ รุ่น ATR (กซม.ป58) รถรุ่นนี้จะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับการจองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถชั้น 2 แค่รุ่นเดียวในประเทศที่เบาะไม่สามารถหมุนหันไปทางเดียวกันได้ ภายในรถจะแบ่งเป็น 4 ส่วนไว้ คั่นด้วยประตูขึ้นลง และประตูกลางตู้ ฉะนั้นแล้วต้องดูดีดีว่าเบาะมันหันไปทางไหน ขบวนที่มีรถรุ่นนี้ให้บริการ สายเหนือ รถเร็ว 105/106 กรุงเทพ – ศิลาอาสน์ – กรุงเทพ สายอีสาน รถด่วน 71/74 กรุงเทพ – ศรีสะเกษ – กรุงเทพ รถด่วน 73/72 กรุงเทพ – ศีขรภูมิ – กรุงเทพ รถด่วน 75/78 กรุงเทพ – อุดรธานี – กรุงเทพ รถด่วน 77/76 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ รถพิเศษ รถนำเที่ยว 911/912 กรุงเทพ – สวนสนประดิพัทธิ – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:53:29

ความคิดเห็นที่ 29 ลักษณะผังที่นั่งนะครับ อันนี้ลองสังเกตอะไรดูนะ ถ้าต้องการหันหน้าไปทางหัวขบวนให้จองตรงที่มีสีเหลืองนะครับ แบ่งเป็นเที่ยวไป และ กลับ ให้เรียบร้อยแล้ว จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:57:15

ความคิดเห็นที่ 30 ให้ดูชัดๆกันอีกครั้งนะครับ สำหรับการจัดวางรถดีเซลราง จะได้ไม่งงน๊า จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:57:58

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้านึกภาพไม่ออกของ ดีเซลราง ATR เรามีภาพตัดขวางให้นะครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:59:40

ความคิดเห็นที่ 32 รถดีเซลรางสปรินเตอร์ (กซข.ป) เจ้าแห่งความเร็วซึ่งสามารถซัดความเร็วได้ 160 แต่โดนลดให้เหลือ 120 ตามที่ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟกำหนดความเร็วเอาไว้ เอาไปปรับปรุงภายในใหม่ซะเก๋เชียว ข้างนอกสีฟ้าใส สวยมากกกกกกกก ประหนึ่งว่าเหมือนเพิ่งลากลงมาจากเรือใหม่ๆ สปรินเตอร์มีอายุการใช้งานที่นานมาแล้วพอสมควร จากวันแรก 2534 จนปัจจุบัน 2555 ก็ 21 ปีแล้ว (อายุไม่ต่างจากเราเลย) สปรินเตอร์นั้นมีให้บริการเพียงแค่ขบวนเดียวในประเทศคือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3/4 กรุงเทพ – สวรรคโลก – ศิลาอาสน์ – กรุงเทพ ข้อดีของมันคือแอร์ที่เย็นฉ่ำตามสไตล์ของรถยุโรป ผนวกกับเบาะที่ปรับปรุงใหม่แบบสุดติ่งจิงกาเบล เลยทำให้รู้สึกอยากนั่งมาก ตัว จขกท.ไม่ได้นั่งสปรินเตอร์นานมากกกกก ตั้งแต่ประมาณ ม.ต้น ชักอยากจะไปนั่งเหมือนกัน แต่ข้อเสียของมันคือ ชั้นวางของค่อนข้างเล็กมากด้วยทีเดียว จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:00:42

ความคิดเห็นที่ 33 ที่นั่งภายในของสปรินเตอร์ที่ปรับปรุงใหม่ เครดิต น้องปิ จากเฟสบุค นะคับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:02:09

ความคิดเห็นที่ 34 รถดีเซลรางแดวู (กซข.ป) ดีเซลรางแดวู ถูกนำมาทดแทนดีเซลรางสปรินเตอร์ที่เก่าแก่เป็นโบราณสถาน คนก็ยังคงนิยมเรียกกันว่าสปรินเตอร์กันอยู่ (ทั้งๆที่มันไม่ใช่) แดวูนั้นถูกส่งมาสยามประเทศเมื่อปี 2538 ในช่วงงานซีเกมส์เชียงใหม่พอดี ด้วยรถที่เบาหวิว และทำด้วยสแตนเลสจึงดูปราดเปรียวไม่ต่างกับสปรินเตอร์เลย ตอนที่นำมา มี2รุ่นครับ คือรุ่นที่ 1 กับรุ่นที่ 2 จะเทียบข้อแตกต่างให้เห็นชัดๆ รุ่นที่ 1 มี 74 ที่นั่ง มิติรถค่อนข้างเล็ก เลยทำให้เอนได้น้อยและที่ค่อนข้างแคบ รุ่นที่ 2 มี64 ที่นั่ง มิติรถอวบอ้วน เอนได้เยอะกว่า ที่นั่งน้อยกว่าเลยมีพื้นที่มากกว่า คือง่ายๆ ดีกว่านั่นเอง แต่ว่ารถทั้ง 2 รุ่นก็จะปนเปกันไปในขบวน จึงเรียกได้ว่าความเสี่ยงที่จะเจอเป็น 50:50 ถ้าอยากจะจองให้ดี คันที่ 2 ไม่แนะนำ เพราะร้อยละ 90 คุณจะเจอแต่รถรุ่นแรกครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:06:13

ความคิดเห็นที่ 35 ลักษณะที่นั่งภายในของดีเซลรางแดวู จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:06:40

ความคิดเห็นที่ 36 ลักษณะการเอนของเบาะ ปล. ขอคาดตานายแบบนะจ๊ะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:08:53

ความคิดเห็นที่ 37 ผังที่นั่งของดีเซลรางแดวูครับ เอาเป็นมาตรฐาน 64 ที่นั่งก่อนนะครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:10:14

ความคิดเห็นที่ 38 ขบวนที่ให้บริการเป็นรถดีเซลรางแดวู สายเหนือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 11/12 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถด่วนพิเศษ 21/22 กรุงเทพ - อุบลราชธานี - กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 39/40 กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 41/42 กรุงเทพ - ยะลา - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/44 กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี - กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:13:36

ความคิดเห็นที่ 39 มาถึงคราว รถนั่ง  ชนิดรถยอดนิยม ที่ผมใช้เดินทาง บ่อยๆ ตามมาให้กำลังใจ เจ้าของกระทู้ นะครับ ... อยากแจกกีบ ให้จริงๆ เลย นะเนี่ย ... แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 22:14:43 จากคุณ : สัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:14:20

ความคิดเห็นที่ 40 กฎระเบียบที่คุณควรทราบในการเดินทาง การซื้อตั๋ว การซื้อตั๋วรถไฟนั้นสามารถทำได้ 3 ช่องทาง ช่องทางที่ 1 ไปซื้อ หรือจองที่สถานี คุณสามารถเดินดุ่มๆไปจองที่สถานีรถไฟได้เลย ล่วงหน้าสูงสุดได้ 60 วัน การชำระนั้นจะสามารถชำระเป็นเงินสดได้เลยครับ พร้อมกับรับตั๋วรถไฟไปนอนกอดเล่นที่บ้านได้เลย หรือไม่สะดวกพกเงิน จะใช้บัตรเครดิต สถานีที่สามารถรูดบัตรได้ ก็จะมีดังต่อไปนี้ครับ กรุงเทพ สามเสน ดอนเมือง ลพบุรี พิษณุโลก นครลำปาง เชียงใหม่ นครราชสีมา อุบลราชธานี นครปฐม ชุมพร สุราษฎร์ธานี ชุมทางหาดใหญ่ การรูดบัตรนั้น จะมีค่าธรรมเนียม 3% แต่อย่าเป็นกังวลไป ท่านผู้โดยสารจะถูกหักเงินตามราคาตั๋ว เพราะ 3%ที่ชาร์จนั้น การรถไฟเป็นผู้แบกรับภาระจ่ายแทนท่านครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:16:51

ความคิดเห็นที่ 41 ช่องทางที่ 2 call center การโทรจองนั้นสามารถกดโทรศัพท์ไปที่ 1690 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง (ยกเว้น 23.30 – 00.30 ที่จะจองไม่ได้เพราะมีการ update ข้อมูลระหว่างวันทั้งทางสถานีและ call center) เงื่อนไขการจองมีดังนี้ครับ 1. ติดต่อก่อนวันเดินทาง 5 วันขึ้นไป และไม่นับวันเดินทาง 2. เมื่อทำการจองแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้รหัส 10 หลักเพื่อนำไปรับตั๋วโดยสาร 3. นำรหัสไปขึ้นตั๋วที่สถานี พร้อมจ่ายเงิน ภายในวันรุ่งขึ้นหลังทำการจอง 4. สถานีที่รับตั๋วได้ มีดังนี้  กรุงเทพ  สามเสน  บางซื่อ  บางเขน  หลักสี่  ดอนเมือง  รังสิต  บางซ่อน  บางบำหรุ  ธนบุรี  ตลิ่งชัน  ศาลาธรรมสพน์  ศาลายา  มักกะสัน  คลองตัน  หัวหมาก  บ้านทับช้าง  ลาดกระบัง  หัวตะเข้  แม่น้ำ  วงเวียนใหญ่  ตลาดพลู  วัดสิงห์  พหลโยธิน   5. หลังจากนั้นคุณก็ได้รับตั๋วไปนอนกอดเล่นที่บ้านได้เลย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:19:45

ความคิดเห็นที่ 42 ช่องทาง internet วิธีการจองมีดังนี้ 1. ไปที่ www.thairailticket.com 2. สมัครสมาชิก และ login ให้เรียบร้อย 3. สำรองได้ 2 ชั่วโมงก่อนรถออกต้นทาง จนถึง 60 วัน 4. เลือกที่นั่งตามที่ต้องการได้เลย ซึ่งที่นั่งทาง internet จะแบ่งออกจากสถานี 20:80 หากสถานีเต็มให้ลองมาดูใน รnternet หรือถ้า internet เต็มให้ไปดูที่สถานี 5. จอง และหักเงินผ่านบัตรเครดิต Visa MasterCard หรือ JCB ของธนาคารใดก็ได้ 6. ถ้าไม่มีบัตรสร้างหนี้ ก็สามารถใช้ Debit ของธ.กรุงเทพ(บัตรBeFirst) หรือ ธ.กสิกรไทย ได้เช่นเดียวกัน 7. เมื่อทำการจองเรียบร้อย ให้ไปกดดูที่ “ประวัติตั๋ว” ดูสถานการณ์จอง ถ้ามันบอกว่า “การจองสำเร็จ” ให้คลิกเข้าไปดู ตั๋วของคุณที่อยู่ในรูปแบบของ .pdf จะโผล่พรวดขึ้นมา ให้ปรินท์ และนำขึ้นขบวนรถได้เลย ห้ามแสดงใน iPhone iPad หรือ Tablet ต้องเป็นกระดาษเท่านั้น 8. เมื่อขึ้นรถไฟ ต้องแสดงบัตรประชาชน หรือบัตรที่ราชการออกให้ร่วมด้วยครับ 9. ชื่อคนเดินทาง ต้องตรงนะครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:22:43

ความคิดเห็นที่ 43 สปรินเตอร์เวอร์ชั่นปรับปรุงเบาะ สวยเชียว อิอิ เสียดาย ทำไมวิ่งอยู่เส้นทางเดียว? ปล จขกท คาดหน้าทำไม อิอิ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 22:30:35 จากคุณ : pom (ppomp2003) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:23:54

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ ช่วยเก็บเข้าคลังกระทู้ไว้ให้นะคะ  ^_^ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:27:28

ความคิดเห็นที่ 45 รถไฟฟรี รถไฟฟรีตอนนี้มีเยอะมาก เทียบได้ รถไฟฟรี : รถไฟเสียเงิน คือ 70:30 (โอ้ว เยอะไปไหน) รถไฟฟรีจะมี 2 แบบ คือ รถไฟฟรีที่เป็นรถธรรมดา และรถไฟฟรีที่เป็นรถเร็ว รถไฟฟรีที่เป็นรถธรรมดา จะไม่มีการระบุที่นั่งในตั๋วโดยสาร คือใคร่นั่งไหนนั่งได้เลย แต่รถไฟฟรีที่เป็นรถเร็ว จะมีการระบุที่นั่งในตั๋วด้วย ฉะนั้นมั่วไม่ได้ รถเร็วฟรี มีให้บริการ 8 ขบวน คือ รถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ –เชียงใหม่-กรุงเทพ รถเร็วที่ 133/134 กรุงเทพ – หนองคาย- กรุงเทพ รถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ รถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก-กรุงเทพ ซึ่งรถเร็วทั้ง4นั้น หากคุณต้องการเดินทาง ให้นำบัตรประชาชนติดต่อรับตั๋ว 1 คน ต่อ 1 ที่นั่งที่สถานีรถไฟ ตั้งแต่ 5.30 ของวันเดินทางเป็นต้นไป จนกว่าที่นั่งเต็ม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:27:36

ความคิดเห็นที่ 46 คุณpom (ppomp2003) เนื่องจากสปรินเตอร์ ไม่เหมาะกับทางขึ้นเขาและระยะทางไกลมหาโหดครับ จึงสงวนแค่ขบวนเดียว  อีกอย่างมีน้อยด้วยครับ คุณสาวหน้าใส ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:28:51

ความคิดเห็นที่ 47 ระเบียบอื่นๆ ระเบียบการเปลี่ยนแปลงตั๋ว หรือการคืนตั๋ว หากคุณไม่ประสงค์เดินทาง หรือต้องการเปลี่ยนตั๋ว ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขอพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนตั๋วก่อน การเปลี่ยนตั๋วหรือเลื่อนการเดินทางสามารถทำได้สูงสุดจากตั๋วเดิม 60 วัน และในวันเดินทางใหม่นั้นต้องมีที่นั่งว่างเหลือด้วย และนอกจากจะเลื่อนได้แล้วก็จริง แต่จะต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา หากตั๋วเดิมของคุณนั้น เป็นรถนั่ง ที่เป็นรถพัดลม คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงใบละ 20 บาท หากตั๋วเดิมของคุณนั้นเป็นรถนอน หรือรถปรับอากาศ คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงใบละ 50 บาท ถ้าตั๋วใหม่ที่คุณจะเปลี่ยนนั้นมีมูลค่ามากกว่าตั๋วเดิม คุณจะต้องจ่ายเพิ่มตามราคาที่ต่างเข้าไป ถ้าตั๋วใบใหม่ที่คุณจะเปลี่ยนนั้น มีมูลค่าถูกกว่าตั๋วเดิม จะไม่ได้รับเงินคืนครับ ถ้าจะให้ดี การเปลี่ยนแปลงใหม่นั้นควรจะคงมาตรฐานเดิมที่เคยซื้อไว้ หรือให้มากกว่าจะดีที่สุดครับผม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:30:25

ความคิดเห็นที่ 48 การคืนตั๋ว หากไม่ประสงค์จะเดินทางแล้ว ก็สามารถคืนได้ (คงไม่ได้รั้งเอาไว้แน่นอน อิอิ) แต่จะมีเงื่อนไขการคืนเงินดังนี้ครับ หากคุณคืนก่อนวันที่ระบุในตั๋ว 3 วันขึ้นไป คุณจะถูกหักอยู่ 20% จากราคาตั๋ว หากคุณคืนก่อนวันเดินทางไม่ถึง 3 วัน คุณจะถูกหัก 50% จากราคาตั๋ว หากคุณคืนตั๋ว ก่อนรถออก 1 ชั่วโมงลงมา...คุณไม่ได้รับอะไรคืนแล้วครับ สรุปง่ายๆ สมมติว่า คุณมีตั๋วเดินทางของวันที่ 10 เป็นรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ถ้าหากคุณคืนตั๋วในวันที่6 หรือก่อนวันที่ 6 คุณจะโดนหักแค่ 20% แต่ถ้าคุณไปคืนวันที่ 7 8 9คุณโดนหัก 50% เลยครับ และยิ่งกว่านั้น การคืนตั๋วหรือเปลี่ยนแปลงตั๋วนั้นต้องทำก่อนรถออกในตั๋ว 1 ชม.นะครับ สำหรับการคืนตั๋วที่จะได้ราคาเต็มเลยโดยไม่หักนั้น เกิดได้จากกรณีดังต่อไปนี้ครับ 1 เหตุภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถทำให้เดินรถได้ตามปกติ 2 อุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถ จนเดินรถไม่ได้หรือไม่ได้ตามปกติ 3 รถไฟล่าช้าจากในตั๋วเกิน 30 นาที (ยึดที่ต้นทางในตั๋วเป็นหลัก) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:34:12

ความคิดเห็นที่ 49 การนำสัมภาระติดไปกับตัว สัมภาระถือได้ว่าเป็นเรื่องปวดหัวอีกอย่างหนึ่งของการนำขึ้นรถไฟ เพราะเราไม่รู้ว่าปริมาณสมบัติของเรานั้นจะมีที่วางไหม หรืออะไรยังไง ผมจะมาเสนอเรื่องสัมภาระให้ทราบกันนะครับ สิ่งของที่มิใช่มนุษย์ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท 1. ของที่เอาติดตัวไปด้วยพร้อมกับคนโดยสาร เราเรียกว่า “สัมภาระ” 2. ของที่เราส่งไปอย่างเดียว โดยคนไม่ได้ไป เราเรียกว่า “สินค้าระวาง” ตามหลักแล้ว สิ่งของที่เราจะนำติดตัวไปนั้นมักจะเป็นกระเป๋าเดินทางหรือของเล็กๆน้อยๆ ด้วยความจำกัดของพื้นที่ทำให้ต้องมีมาตรการไม่ให้ขนของมากเกินความจำเป็นเพื่อไม่ให้กีดขวางผู้อื่นและขนของไปได้แบบไม่ใช่ “ย้ายบ้าน” สำหรับชั้น 1 สามารถนำติดตัวไปได้ น้ำหนักไม่เกิน 50 กก. สำหรับชั้น 2 สามารถนำติดตัวไปได้ น้ำหนักไม่เกิน 40 กก. สำหรับชั้น 3 สามารถนำติดตัวไปได้ น้ำหนักไม่เกิน 30 กก. และทั้งนี้ขนาดต้องไม่เกิน 50x50x50 การวางสัมภาระต้องไม่กีดขวางการเดินและทางสัญจร ถ้าเกินกว่าที่กล่าวเอาไว้จะต้องจ่ายค่าระวางเพิ่มตามขนาดจริงครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:36:55

ความคิดเห็นที่ 50 การขนส่งสินค้า การขนส่งสินค้าโดยที่ผู้โดยสารไม่ได้ติดตามไปด้วยนั้น จะต้องมีการคำนวณระยะทาง น้ำหนัก และตีออกมาเป็นค่าระวาง ซึ่งสินค้าบางอย่างนั้นจะมีราคาขั้นต่ำไม่เท่ากัน ขออนุญาตแจ้งแบบที่พบบ่อยๆ สินค้าประเภทอาหารแห้ง เสื้อผ้า ขั้นต่ำ = 60 บาท สินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ ขั้นต่ำ = 100 บาท สินค้าประเภทล้อเลื่อนขนาดเล็ก ขั้นต่ำ = 100 บาท สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ขั้นต่ำ = 100 บาท คอมพิวเตอร์ ชิ้นละ 150 บาท ถ้าอยากส่งถูก แพ็ครวมลงกล่องสิจ๊ะ...กล่องละ 150 ทั้งนี้การชำระเงินนั้น หากคิดคำนวณแล้วราคาที่ได้ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำ ต้องชำระตามราคาขั้นต่ำนั้น แต่ถ้าเกินจะต้องคิดตามจริง ส่วนค่าธรรมเนียมนั้นจะคิด 50% ของค่าระวางที่ได้ เช่น ค่าระวาง 60 บาท ค่าธรรมเนียม = 30 บาท รวม 90 บาท จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:39:58

ความคิดเห็นที่ 51 สุนัข และสัตว์เลี้ยง สุนัข และสัตว์เลี้ยงทุกประเภท...ไม่สามารถนำขึ้นรถปรับอากาศได้ ต้องไปกับรถพัดลมเท่านั้น สำหรับสุนัขตัวเล็ก ถ้าสามารถนั่งกับคุณได้ ก็คิดแค่ตัวละ 90 บาท แต่ถ้าตัวเบิ้มมาก หรือเป็นสุนัขดุร้าย เช่น บางแก้ว พิทบูล ร๊อตไวเลอร์ ต้องใส่ที่คุมขังให้เรียบร้อยและเจ้าหน้าที่จะนำไปไว้ที่ตู้สัมภาระของขบวนนั้นๆ แต่อย่าลืมเตรียมน้ำและอาหารไปด้วยนะครับ เจ้าหน้าที่จะไม่ได้ดูแลให้ได้ตลอดเวลา สัตว์ปีก จะต้องมีใบอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ด้วยนะครับ คิดราคาตัวละ 10 บาท ส่งได้ไม่เกิน 5 ตัว จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:41:22

ความคิดเห็นที่ 52 สำหรับจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ อนุญาตให้นำไปกับขบวนรถโดยสาร และรถรวมทุกขบวน โดยเสียค่าระวาง ดังนี้ ขนาดไม่เกิน 125 ซีซี ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ค่าธรรมเนียม 400 บาท + ค่าขนขึ้น 80 บาท + ค่าขนลง 40 บาท ขนาดเกิน 125 ซีซี ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ค่าธรรมเนียม 500 บาท + ค่าขนขึ้น 100 บาท + ค่าขนลง 60 บาท ส่วนหลักฐานที่ต้องนำติดตัวมาด้วย คือ สมุดจดทะเบียนรถ และบัตรประชาชนตัวจริง รวมถึงต้องมีผู้โดยสารเดินทางด้วยอย่างต่ำ 1 ท่านครับ หากยังผ่อนส่งไม่หมด สามารถใช้เอกสารการซื้อขายแทนได้ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:47:14

ความคิดเห็นที่ 53 ว่าด้วยเรื่อง "ส้วม" เกือบลืมไปเสียสนิทเลยแฮะ ขอคั่นท้ายๆแล้วกันนะครับ ส้วมรถไฟนั้นตามทีทราบคือ ขี้ปั๊บ ปล่อยปุ๊บ ยกเว้นแค่ ชั้น 1 ที่มีถังเก็บเอาไว้เท่านั้น มาดูแต่ละชั้นเลยว่าเป็นยังไง เริม่ต้นด้วย ส้วมชั้น 3 ลักษณะคือ รูใหญ่โฮก ขนาดไอแพดยังร่วงลงไปได้ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:53:17

ความคิดเห็นที่ 54 ขอแก้ไขภาพใหม่ครับ ส้วมชั้น 3 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:58:18

ความคิดเห็นที่ 55 ส้วมชั้น 2 นั่ง คอนเฟิมว่าห้องใหญ่มากกกกกกกก เข้าไปนอนได้สบายเลย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:58:58

ความคิดเห็นที่ 56 ห้องน้ำสปรินเตอร์ครับ (รุ่นสปรินเตอร์แบบปรับปรุงใหม่) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:00:07

ความคิดเห็นที่ 57 ห้องน้ำรถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ และดีเซลรางแดวู ลักษณะคล้ายๆกันครับ เลยรวบเลย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:00:45

ความคิดเห็นที่ 58 ส้วมรถนอนชั้น 2 JR มาแบบญี่ปุ่นจ๋าเลยจ้ะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:01:26

ความคิดเห็นที่ 59 ส้วมชั้น 1 จ้ะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:01:53

ความคิดเห็นที่ 60 และสุดท้าย Hiso สุด รถนอนชั้น 1 JR จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:02:18

ความคิดเห็นที่ 61 ทั้งนี้ ห้องน้ำ หรือตัวรถไฟจะสะอาด หรือไม่สะอาด ไม่ได้อยู่ที่การรถไฟ หรือ ตัวรถไฟ หรือเจ้าหน้าที่นะครับ มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้ใช้ด้วย ถ้าผู้ใช้มีจิตสำนึกที่ดี รักษาความสะอาด ไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด เข้าห้องน้ำแล้วเปิดหน้าต่างแง้มให้ลมผ่าน ปัญหารถไฟสกปรก ส้วมเหม็น ก็จะหายไปเลยครับ ส่วนมากส้วมเหม็น เพราะไม่ยอมเปิดหน้าต่างแง้มๆให้อากาศถ่ายเท นี่คือเรื่องจริงครับ อย่างในภาพ นี่รถชั้น 3 ของรถท่องเที่ยว ย้ำ รถท่องเที่ยว คงไม่มีใครอยากเห็นภาพแบบนี้ ดังนั้นต้องช่วยกันครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:04:57

ความคิดเห็นที่ 62 จบแล้วสำหรับ Part2 สำหรับ Part3 นั้นจะขอต่อด้วยเคล็ดไม่ลับ และเรื่องที่คุณอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถไฟไทยมานานแสนนาน เราจะตีแผ่ให้เข้าใจกันคนละเล็กละน้อยครับ ขอบคุณที่ติดตามถึง Part2 ครับ Part 3 เร็วๆนี้ ขอปั่นก่อน อิอิ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:06:02

ความคิดเห็นที่ 63 รีเฟรช F5 รัวๆๆๆๆ ตาม เจ้าของกระทู้ เข้ามาเก็บข้อมูล การเดินทางโดยรถไฟ เพิ่มเติม จะได้มีความสุขในการนั่งรถไฟ เพิ่มขึ้น จากคุณ : สัญญาณไฟสี 3 ท่า (Sps-TE') เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:09:10

ความคิดเห็นที่ 64 กำลังพิมพ์ Part3 ต่อครับ จะเป็นเคล็ดลับ สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และหากคุณประสบเหตุคุณจะต้องติดต่อใคร ถือว่าจะเป็นสาระมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ถึงจะไม่ค่อยมีใครอ่าน ผมก็จะเขียนครับ ไม่อยากให้ความรู้ที่มีอยู่มันตันอยู่แค่ตัวเอง แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 10:28:43 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 23:43:54

ความคิดเห็นที่ 65 นั่งอ่านยาวมาถึงนี่เลยเรา คุณ แฮมมึน ทำให้ผมอยากนั่งรถไฟขึ้นมาเลยแหะ จากคุณ : lnwraijin เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 01:03:15

ความคิดเห็นที่ 66 เจ้าของกระทู้ น่าร๊ากกกอ่ะ  ขยันเอาข้อมูลมาบอก มาแลก hi5 กันป่ะ 55555 จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 01:47:08

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : พลุไฟ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 07:50:27

ความคิดเห็นที่ 68 น้องแฮมมึนครับ สงสัยจะมึน บชท. ก็มีพ่วงในขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ - สุไหงโกลก - กรุงเทพนะครับ เดี๋ยวตีตายเลยนิ จากคุณ : GE Bombadier เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:07:17

ความคิดเห็นที่ 69 ได้ความรู้ใหม่เพิ่มมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ  สารภาพว่า ตั้งแต่เกิดมานั่งรถไฟไปสามหนค่ะแหะ แหะ อายจัง จากคุณ : Vodka-tonic เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:14:24

ความคิดเห็นที่ 70 อยากทราบเกี่ยวกับการนำรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟไปด้วยค่ะ อย่างเช่นเราจะไปเที่ยวเชียงใหม่ ต้องการนำมอเตอร์ไซค์ของเราเองไปขับเที่ยวที่เชียงใหม่ (ไม่อยากไปเช่ารถขับที่เชียงใหม่ ) ไม่ทราบว่าสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟไปพร้อมกับเราได้ไหม มีขั้นตอนอย่างไร ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ จะสะดวกไหมถ้านำไปด้วย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สาวตาโศก เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:39:04

ความคิดเห็นที่ 71 คุณสาวตาโศกครับ กลับขึ้นไปอ่านที่ คห.52 ได้เลยครับ จขกท. อธิบายไว้หมดแล้วครับ จากคุณ : GE Bombadier เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:46:29

ความคิดเห็นที่ 72 รักรถไฟไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 11:51:06 จากคุณ : ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 11:49:50

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 12:52:41

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาให้กำลังใจ จขกท..ค่ะ เรื่องส้วม อีกอย่างคือ ไม่กดราดกัน ไม่รู้กดไม่เป็นหรือไม่อยากทำ ทำให้ห้องน้ำเหม็นมาก และขอความกรุณา อย่าถ่ายหนักตรงสถานีได้มั๊ย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 12:58:51

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นคนที่ชอบรถไฟและรักรถไฟมาก ๆ แต่ก่อนชอบเดินทางโดยรถไฟตลอด จาก ยะลา - กทม. - ยะลา นั่งเรื่อย ๆ  บรรยากาศดี จิบเบียร์ ดูวิว อ่านหนังสือ แต่นั่นแหละสิ่งที่หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ใช้การเดินทางโดยรถไฟก้คือ การที่รถไฟเสียเวลามากในสายใต้ ซึ่งบางทีมันทำให้กำหนดการ หรืองาน ที่วางแผนไว้คลาดเคลื่อนไปเยอะมาก จากคุณ : @Server ! maN@ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 16:05:22

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมากๆครับผม จะมารอติดตามตอนที่ 3 ต่อแน่นอนครับ หุหุ ปล. ผมก็หาเวลาว่างๆไปนั่ง sprinter รุ่นปรับปรุงอยู่ครับ คาดว่าเร็วๆนี้อาจจะได้ไปนั่งที่พิษณุโลก จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 19:25:05

ความคิดเห็นที่ 77 มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณนะคะเจ้าของกระทู้ จากคุณ : ปีศาจพุงโต เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 19:41:43

ความคิดเห็นที่ 78 ตามมาอ่านต่อ ในฐานะคนชอบนั่งรถไฟ กำลังหาข้อมูลเตรียมรีวิวเรื่องที่กลับรถไฟโบราณเหมือนกันค่ะ จากคุณ : sawkitty เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 20:52:30

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณครับ เมื่อก่อนผมก็ใช้บริการค่อนข้างบ่อย แต่ตอนนี้ปันใจไปนานแล้ว แต่ก็ยังหลงไหลในรถไฟอยู่ครับ พอจะมี Eastern & Oriental Express มาให้ดูเป็นกระสัยไหมครับ ว่าเมืองไทยก็มีตั๋วรถไฟราคา 70,000 บาท จากคุณ : meam เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 23:16:36

ความคิดเห็นที่ 80 แล้วจักรยานหละคะ ก็เหมือนกับสัมภาระทั่วไปเลยใช่ไหมคะ แล้วสินค้าระวางจะขึ้นกับสถานีไหนก็ได้รัเปล่าคะ ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีต้น/ปลายทาง จากคุณ : +ไข่ยัดไส้+ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 23:53:26

ความคิดเห็นที่ 81 จักรยาน 100 บาทตลอดระยะทางคร้าบบบ ไม่ได้คิดเป็นระยะทาง แต่มอเตอร์ไซค์คิดเป็นระยะทางคร้าบ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 00:01:55

ความคิดเห็นที่ 82 แวะมากดเก็บเข้าคลังให้เฉยๆ จากคุณ : Westinghouse เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 02:58:17

ความคิดเห็นที่ 83 เพิ่งลองจองตู้นอนชั้นสองไปเชียงใหม่ทางหน้าเวป print ตั๋วมาแล้วเรียบร้อย ตื่นเต้นๆ เดือนหน้าได้ใช้บริการรถไฟอีกแล้ว จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 10:08:26

ความคิดเห็นที่ 84 จักรยานโดยส่วนมากบางทีเจ้าพนักงานอาจจะไม่ให้ขึ้นไปกับขบวนรถโดยสารที่ไม่มี บสพ. หน่ะครับ แต่บางทีก็อนุญาตให้นำขึ้นได้ ตรงนี้ต้องลองเช็คดีๆครับ (แต่กรณี พซข. สายแม่กลอง ผมเห็นเขายอมให้ขึ้นตลอดเลย หุหุ) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:47:41

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ  สิ้นเดือนนี้ก็จะนั่งรถไฟไปเที่ยวพิษณุโลกค่ะ  ไว้เจอกัน รถเร็ว 111   ค่ะ จากคุณ : บ้านอยู่ใกล้สนามบิน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:24:35

ความคิดเห็นที่ 86 กระทู้ดี มีประโยชน์ขอโหวตคร่าบบบ ขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้างนะ เคยนั่งรถไฟทางไกลครั้งแรก กรุงเทพฯ - น้ำตกไทรโยค ตอนนั้นยังเด็กแต่รู้สึกสนุกดี โตขึ้นมาหน่อยชวนเพื่อนนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ ด้วยรถไฟชั้น 3 กับระยะเวลา 14 ชั่วโมง (รถไฟดีเลย์ + เสีย) ปวดตูดมากและโคตรเพลียแต่สนุกดีครับ ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้วอย่างมากนั่งแค่กรุงเทพฯ - แปดริ้ว อยากลองนั่งไปไกลๆ อีกสักครั้งจัง จากคุณ : กานดา หน้ามึน เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 17:16:43

ความคิดเห็นที่ 87 กระทู้มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันกัน จำได้ว่าเคยนั่งรถไฟไทยครั้งเดียวประมาณ 15 ปีที่แล้ว โรงเรียนพาไปทัศนศึกษาแล้วให้นั่งรถไฟไปค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้นั่งรถไฟไทยอีกเลย รถไฟบ้านเรายังล้าหลังอยู่มาก ขาดการพัฒนาในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านา อยากให้รถไฟไทยพัฒนาไปมากกว่านี้จัง จะได้กลับมานั่งรถไฟไทยอีก เอารูปรถไฟความเร็วสูงของเยอรมันมาฝากค่ะ จากคุณ : Angel without wings เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 00:11:44

ความคิดเห็นที่ 88 มีตู้ทานอาหารด้วย จากคุณ : Angel without wings เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 00:16:02

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณอย่างมากมายสำหรับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับรถไฟ จากคุณ : เด็กหญิงจากดาวดวงอื่น (Mr.Chat) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 00:22:42

ความคิดเห็นที่ 90 อ๊ากกกก .. กระทู้ที่ฉันคู่ควร ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ ตามหากระทู้แบบนี้มานานแล้ว ข้อมูลแน่นปึก แต่แอบขัดใจนิดนึง ตรงที่ให้กิฟท์ไม่ได้เนี่ยแหละ จากคุณ : ตอนหิวอะไรก็อร่อย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 10:09:16

ความคิดเห็นที่ 91 ^^ รออ่านตอน 3 นะคะ อยากรู้เคล็ดลับ อิอิ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 14:09:45

ความคิดเห็นที่ 92 แฟนพันธุ์แท้จริงๆ ข้อมูลเป๊ะมากๆ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : nupook538 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 17:01:06

ความคิดเห็นที่ 93 แหม น่าจะไปขอซื้อรถไฟมือสองจากญี่ปุ่นมาเยอะ ๆ นะคะ (ที่เป็นโบกี้ ๆๆๆอะ) จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:17:39

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณครับ ชอบกระทู้นี้มาก ชีวิตผมก็ผูกพนกับรถไฟพอสมควร 20กว่าปีที่แล้ว อ.ที่ผมอยู่เดินทางโดยรถไฟสะดวกที่สุด แม่เคยปวดท้องไปรพ.ประจำอ.เขาบอกเป็นเนื้องอก ไปตรวจที่กทมเขาบอกตั้งท้องผม -*- เลยฝากครรถ์กับหมอ ผมเลยได้เกิดที่กทม. - -" ตอนเด็กๆจะไปเยี่ยมยายก็จะนั่งรถไฟไป บ้านยายอยู่ตรงแยกมหานครเดิน2ป้ายรถเมล์ถึง ส่วนมากต้องนั่งชั้น3เพราะเทศกาลจองไม่ค่อยทันแม่ก็จะพกนสพ.ไปปูให้ผมกับน้องนอน   โตขึ้นมาถ้าเดินทาง ก็จะเลือกรถไฟ(รถนอน)เป็นอย่างแรก แต่ชั้น3ไม่ได้นั่ง10กว่าปีแล้ว ถ้าชั้น3ขอเลือกรถทัวร์ดีกว่า ไว้ว่างๆจะย้อนรำลึกความลำบากดู ข้อดีของรถไฟสำหรับผม คือมันไม่ขัดกับชีวิตประจำวันผมมากนัก เพราะรถออกจากต้นทาง(บ้านส้อง)ก็เย็นๆ นั่งฟังเพลง,เล่นเกมส์,อ่านหนังสือ ประมาณชั่วโมงก็ถึงสุราษฯ(พุนพิน) แวะลงไปซื้อข้าวกิน แล้วก็นั่งฟังเพลง,เล่นเกมส์,อ่านหนังสือต่อ ซึ่งถ้าเป็นรถทัวร์ไม่สามารถทำได้เพราะรบกวนคนอื่น ถ้าเป็นรถส่วนตัวก็ทำไม่ได้เพราะผมต้องเป็นคนขับ -*- พอถึงหัวลำโพงเช้ามืดก็ข้ามถนนมาตรง7-11 นั่งกินโจ๊ก+ไข่ลวก+กาแฟ1แก้ว แล้วก็เดินไปบ้านยาย ข้อเสีย 1.หาตั๋วยาก(รถนอน)เต็มตลอด ต้องจองอย่างน้อย7วันขึ้นไป ไม่ว่าจะช่วงเทศกาลหรือไม่ คือถ้ามีธุระกระทันหันตัดรถไฟทิ้งได้เลย 2.เวลาไม่แน่นอน ที่ระบุไว้ในตั๋วคือประมาณ13ชม.(บ้านส้อง-หัวลำโพง) แต่รถที่ผมนั่งเคยทำสถิติ 18ชม.มาแล้ว แต่หลังๆนี้ดีขึ้นค่อนข้างตรงเวลาขอชม - -" ปล.พึ่งรู้ว่าชั้น2นั่ง ปรับเบาะเข้าหากันได้ไว้จะไปลองดู แต่มันได้ทุกขบวนรวมสปรินเตอร์ไหม จากคุณ : mueit เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:33:19

ความคิดเห็นที่ 95 ตอนนี้ให้กีบได้แล้วจ้าาาา จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:56:39

ความคิดเห็นที่ 96 ความคิดเห็นที่ 19 รถนั่งชั้น 3 ปรับอากาศ หรือ รถชั้น 3 แอร์ เดี๋ยวนี้ไปอยู่ขบวน 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ แล้วเหรอครับ เมื่อก่อนอยู่ขบวนรถด่วนนครนี่ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 22:07:34