ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ชอบที่ไปกลับมาทีไรตัวเบาทุกทีเลย :P จากคุณ : น้ำค้างในยามเช้า เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:15:51

ความคิดเห็นที่ 2 - ป้ายรถเมล์พางง โดยเฉพาะที่เกียวโต ป้ายชื่อเดียวกันแต่มีตั้งหลายจุด ถ้ารอผิดที่ก็เสร็จ - เวลาต่อรถไฟ บางทีต้องเดินไกลมากทั้งที่สถานีชื่อเดียวกัน - Retro Bus รอบทะเลสาป Kawaguchi มีน้อยมาก ๆ แค่ชั่วโมงละคันหรือสองคัน แถมเริ่มช้าตั้งเก้าโมงกว่าแต่หมดตั้งแต่ยังไม่ถึงห้าโมง เลยไม่กล้าขึ้นเพราะพลาดแล้วก็ไม่ต้องรอ ไปทำอย่างอื่นได้เลย ได้แต่เที่ยวฝั่งใกล้สถานี ไว้ได้ไปอีกจะขอแก้ตัวอีกที แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 12:29:14 จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:18:39

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ชอบคนผิวสีที่ฮารา จากคุณ : CocoaChocolate เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:21:15

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ชอบที่คนญี่ปุ่นหลายๆคน เค้าไม่ชอบคนไทย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร เราก็ไม่สนใจ แล้วก็ไปมันทุกปีเหมือนเดิม มองหาแต่สิ่งดีดี เนอะ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 12:27:57 จากคุณ : bejinpao เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:26:21

ความคิดเห็นที่ 5 ไปทีไร อดใจไม่ได้... กลับมาน้ำหนักขึ้นทุกทีเลยค่ะ (พูดเล่นค่ะ แต่ก็เป็นความจริง 555+) สิ่งที่ไม่ชอบ คือประเทศญี่ปุ่นประชากรเยอะมากๆค่ะ... (เมื่อคิดเป็นสัดส่วนกับพื้นที่) ทำให้เวลาไปไหนหรือทำอะไร ต้องเข้าคิวรอตลอด ตัวเองอยู่ประเทศที่ประชากรไม่ค่อยหนาแน่น เลยไม่ค่อยชินค่ะ แต่เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนมากมีระเบียบวินัยสูง ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหา เพียงแต่ยืนเข้าคิวนานๆ... แล้วเมื่อยขาเท่านั้นเองค่ะ (^ ^) จากคุณ : Miss_Behaving เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:36:56

ความคิดเห็นที่ 6 น้อยมาก ..แต่ก็มี  .. ส่วนใหญ่ใจดีมีน้ำใจ  แต่ความเร่งรีบของคนเมือง(มั้ง)     ถ้าเห็นทำท่าจะเข้าไปถาม  วิธีการปฏิเสธคือ  ... ไม่ต้องยิ้มร่าแบบคนไทยก็ได้  แต่แทนที่จะยกมือบุ้ยใบ้บ๋ายบายหรืออย่างไรก็ตามทีเถิด    คุณเขาจะทำหน้ามึนโฉบวูบหนีไปเหมือนอากาศ ~*   แบบนี้มันร้าวรานน .. ไปนะ จากคุณ : ลอร่า อิงกัลส์ ~* เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:37:49

ความคิดเห็นที่ 7 คนญี่ปุ่นมีวินัย เข้าแถวรอได้ทู๊กอย่างทุกที่ ยกเว้นรถไฟในชม.เร่งด่วน จากคุณ : la liga fan เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:40:33

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบยาก คิดนานมีสองเรื่องที่นึกออก 1. ห้าง และร้านค้าต่างๆ ปิดเร็วมาก จะรีบนอนกันไปไหน ยังช็อปไม่เต็มที่เลย 2. เรื่องร้านอาหาร บางร้านยังปล่อยให้สูบบุหรี่ในร้านได้ มันเหม็นจ้า จากคุณ : mamonly เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:42:48

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ชอบที่เวลาเที่ยวที่ญี่ปุ่นมันสั้นเหลือใจ จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:52:20

ความคิดเห็นที่ 10 หลายปีมาแล้ว ไปทำงานที่ญี่ปุ่น ตอนก่อน 7 โมงเช้า เดินจากสถานีรถไฟไปที่ทำงานคนเดียว แถวนั้นก็เป็นโรงงานเงียบๆ กางร่ม ฝนตกปรอยๆ แล้วก็มีผู้ชายญี่ปุ่นขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดข้างหลังเรา สักพักก็วิ่งมาจับหน้าอกเรา แล้วก็ผลักเราลงกับพื้นถนน แล้วก็วิ่งขี่มอไซค์หนีไป (เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่ามันคงโกรธที่จับแล้วไม่รู้สึกอะไร) ตกใจมาก เดินไปถึงที่ทำงาน เจอหน้าสามีและญาติๆ ก็ปล่อยโฮเลยค่ะ แค้นมากที่ด่าเป็นแค่ อะโฮะ คำเดียว (คือเราเคยอยู่แถวคันไซ ไม่ค่อยมีใครด่าว่า บากะ) แล้วก็ขอทำงานกะเดียวกับสามีตลอด ในช่วงเวลาเดียวกัน วันหนึ่งมีตำรวจมากดออดที่บ้าน บอกว่าถ้าออกจากบ้านให้ปิดหน้าต่างชั้นล่างด้วย สมัยนี้โจรเยอะ เขามาเห็นเปิดอยู่แล้วไม่มีใครอยู่ ก็เลยกลับมาบอกอีกวัน ทุกชาติก็มีทั้งคนดีและไม่ดีเหมือนๆ กันนั่นแหละค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังไปๆ มาๆ และก็ยังอยากเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 13:11:32 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 13:04:08 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 13:00:03 จากคุณ : suguiura เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 12:55:35

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่รู้จะมีใครเหมือนผมหรือเปล่า ผมไม่อิน กับ nikko ครับ... ก็โอเค แต่ไม่ใช่แบบ the must ใครจะไปขอให้หาข้อมูลให้ดี"ด้วยตัวเอง"ก่อนครับ อย่าเลือกที่ไปเพราะว่าคนอื่นไป จากคุณ : realp** เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:03:28

ความคิดเห็นที่ 12 ไปทีไรนี่ กลับมาไส้แห้งจริงๆ ครับ อะไรก็แพง แต่ก็สนุกและประทับใจดี ความประทับใจก็คงเป็นเรื่องความสะอาดสะอ้าน และเทคโนโลยีครับ ใครจะคิดว่ารถไฟชินกังเซ็น วิ่งด้วยความเร็วสูงแบบนั้น จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ในชั่วชีวิตของเรา ซึ่งตัวผมคิดว่าความเป็นไปได้น้อยมากถึงมากที่สุด แต่ส่วนที่รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย ก็คือ เจอนักท่องเที่ยวไทยบางคนมองคนไทยด้วยกันเหมือนเจอแมลงสาบ นั่นหล่ะครับ เป็นประเทศที่มีความรู้สึกว่า คนไทยไปเที่ยวจะมีอะไรบางสิ่งบางอย่างกั้นอยู่ อย่างคนไทยไปเที่ยวฮ่องกง หรือสิงคโปร์ หรือประเทศอื่น เจอกันโดยบังเอิญก็อาจจะคุย หรืออย่างมากก็เฉยๆ แต่สำหรับญี่ปุ่น คือมีเส้นบางๆ กั้นไว้ ไม่มองไม่สบตาและทำหน้าเหมือนเจอแมลงสาบในบางราย อย่างมีพี่คนนึงเล่าให้ฟังว่า ... บนรถบัสแถวคาวาฯ หรือ ชิราคาวาโกะ บนรถบัสมีแต่คนไทย ต่างคนต่างมา และไม่มีใครพูดอะไรกันเลยแม้แต่คนเดียว คนละเรื่องกับพวกชาติฝรั่งเวลาเจอกันก็คุยกันแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:05:51

ความคิดเห็นที่ 13 ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บางอย่างดีเกินไป เป็น pattern มากไป บางทีมันก็น่าเบื่อนะ อย่างเช่น ชุดทำงานที่ดูดำทะมึนไปหมด ช่วงเวลาเร่งรีบต่างคนก็ต่างรีบเดิน รถไฟฟ้าแน่นมากกกก อ่านเจอในหนังสือ คนญี่ปุ่นจะมีกรอบของตัวเอง บางทีก็ไม่ได้จริงใจกับคนอื่น กริยาที่แสดงออกมาต้องให้ดูเหมือนมีมารยาทมากที่สุด แลดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองยังไงก็ไม่รู้ คนญี่ปุ่นขยันมากกกก แ่ต่บางทีก็เครียดมากไป อัตราฆ่าตัวตายก็สูงอีก แต่จะให้เป็นอย่างพี่ไทย ที่ chill เกินก็ไม่ไหวนะ ปีนี้จะไปครั้งที่ 5 รู้สึกว่า "ความตื่นเต้น" มันหมดไปแล้ว ครั้งแรกมันตื่นเต้นมากกกก บ้าหาข้อมูลเป็นแรมปี หรือเพราะเราไปบ่อยเกินไปก็ไม่รู้ 555 แต่ถ้ามีตั๋วไม่แพงก็คงซื้ออยู่ดี จากคุณ : [หัวโต แก้มป่อง หน้าใส ใจร้าย] เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:07:40

ความคิดเห็นที่ 14 #12 หมอยุ่งคะ บางทีเราไปเที่ยวก็ไม่ค่อยได้ไปทักทายคนไทยเหมือนกัน อารมณ์แบบขี้เกียจคุย อยากพักผ่อน ไม่รู้จะทักไรดี เคยเจอแบบคนขี้โม้ก็จะยาวเลยทีนี้ ตัดปัญหาแต่ต้นลมดีกว่า อิอิ แต่ไม่เคยมองใครเหมือนแมงสาบนะ 555 ปกติอยู่เมืองไทย คนในที่ทำงานถ้าไม่เคยคุยกัน ก็เฉยๆ เหมือนกัน ยกเว้นเค้ายิ้มให้ก่อน เราถึงยิ้มตอบ จากคุณ : [หัวโต แก้มป่อง หน้าใส ใจร้าย] เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:15:00

ความคิดเห็นที่ 15 ญี่ปุ่น อากาศดี เมืองสวย ผู้คนอัธยาศัยดี แต่รักเมืองไทยค่ะ จากคุณ : tuummeng (TuUmMeng) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:20:37

ความคิดเห็นที่ 16 ขออนุญาตตอบคห2 1 ที่เกียวโตมีรถเมล์วิ่งเยอะ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความแออัดทั้งคนทั้งรถ เลยแยกป้ายออกมาหลายจุด เพื่อกระจายรถกระจายคนออกไป เราสามารถดูที่ป้ายได้ว่าจุดจอดนี้มีสายอะไรจอดบ้าง ความจริงแล้วประเทศที่มีการบริหารจัดการดีๆก็ใช้ระบบนี้หมดโดยเฉพาะประเทศที่คนใช้บริการรถเมล์เยอะๆ อย่างฮ่องกง สิงคโปร์ โซล ที่ฮ่องกง อย่างที่จิมซาจุ่ย จะมีป้ายรถเมล์เรียงรายกันหลายป้ายเลย บางคนเห็นเป็นป้ายรถเมล์ก็ไปยืนคอย ถ้าไม่ตรงป้ายรถก็รอเก้อ จะขึ้นสายไหนต้องไล่ดูที่ป้ายบอกสายรถที่จอด สิงคโปร์ก็เช่นเดียวกัน ที่โซลส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป้ายเดียวกันแต่จะแบ่งโซนกันไป อย่างป้ายสถานีโซลสเตชัน จะแบ่งเป็นล๊อคๆ ต้องดูที่ป้ายเช่นกันว่าสายไหนจอดล๊อคไหน นักท่องเที่ยวอาจมีปัญหาหน่อย แต่คนท้องถิ่นไม่มีปัญหาหรอกครับเพราะชินแล้ว ไม่เหมือนเมืองไทย ไม่ว่าจะมีกี่สาย จอดป้ายเดียวกันหมด เวลารถเข้ามาเยอะๆ จะเกิดจราจลย่อยๆทั้งจำนวนรถ จำนวนคนเลยทีเดียว แต่คนไทยไม่ชอบอยู่ในกรอบระเบียบก็เลยไม่มีใครคิดแก้ไข ลองเทียบดูกันเองว่าชอบแบบไหนมากกว่า อ้อที่สำคัญรถเมล์เมืองนอกนี่จอดให้ขึ้นลงตรงป้ายจริงๆ อีก 2-3 ม ถึงป้ายก็ไม่เปิดประตูนะครับ 2 อันนี้ช่วยไ่ม่ได้ครับ สถานีรถไฟของแต่ละสายต้องแยกกันอยู่แล้ว บ้านเราก็ยังแยกเลยครับ บีทีเอสกับใต้ดิน ยิ่งสร้างสายใหม่ๆขึ้นมาก็ยิ่งต้องอยู่ห่างออกไป แต่ถ้ามองในแง่ดีคือมีรถไฟหลายสายให้เลือกใช้ 3 รถพวกนี้ท้องถิ่นเป็นคนจัดการ จะว่าไปก็ไม่ได้เป็นกิจการที่ทำกำไรสูง แน่นอนว่ามีทั้งช่วงไฮช่วงโลว์ การบริหารจัดการก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการของนักท่องเที่ยว ปกติ 5 โมงเย็นนี่ก็มืดไม่ีมีคนเที่ยวแล้วนะครับ แต่ถ้าคิดในแง่ดีก็ยังดีกว่าเมืองไทยเรา ที่ยังไม่มีอะไรแบบนี้รองรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถเลย ไปตจว แค่รถเมล์วิ่งในเมืองยังไม่มีเลย ต้องไปสู้รบประลองเชาว์ไวไหวพริบกับรถแดง รถสองแถว แท๊กซี่มิเตอร์(ที่ไม่ยอมใช้มิเตอร์) รถเช่า(ผี)กันเอง แบบตาดีได้ตาร้ายเสีย อย่างไหนจะดีกว่ากันละครับ ผมว่าไปเที่ยวเมืองนอกเที่ยวง่ายกว่าเที่ยวเมืองไทยอีกครับสำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือใครจะเถียง555 ขอสรุปว่า การบริหารจัดการเพื่อให้เป็นระเบียบนั้น อาจนำมาซึ่งความไม่สะดวกไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่า ความไม่สะดวกที่เกิดจากการไม่มีการบริหารจัดการที่ดีนะครับ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:42:17

ความคิดเห็นที่ 17 จะรู้สึกชื่นชมคนญี่ปุ่นเรื่องความมีน้ำใจช่วยเหลือ ความมีระเบียบ ความอดทน แต่มีอีกมุมนะคะ คือคิดว่าคนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังให้เป็นคนระบบสังคมหมู่ ดังนั้นจึงเคร่งครัดเรื่องมารยาททางสังคม ถ้าหากถามความคิดเห็นหรือความรู้สึกตรงๆ คนญี่ปุ่นจะไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจ บางครั้งอาจเป็นเหมือน "ปากไม่ตรงกับใจ" อีกอย่างคือคนญี่ปุ่นเคารพสิทธิของตนเองและของผู้อื่นไปพร้อมๆกัน ยกตัวอย่างเช่นถ้าพื้นที่หน้าบ้านว่าง คนอื่นขับรถผ่านมา อยากกลับรถ คนขับรถก็จะไม่ขับเอารถจิ้มไปยังพื้นที่ว่างของบ้านนั้น เค้าเลือกที่จะถอยรถออกไปเพื่อไม่ให้ล้ำสิทธิคนอื่น ส่วนเจ้าของบ้าน หากมีคนมาใช้พื้นที่หน้าบ้าน เค้าจะรีบออกมามองจ้องให้รู้สึกตัว ตอนแรกเคยคิดว่าเจ้าของบ้านใจแคบนะ น่าจะอะลุ้มอล่วยกันบ้าง แต่พอมาเห็นคนบ้านเรา ที่ไม่ค่อยรู้สึกตัวเรื่องละเมิดสิทธิคนอื่น เรากลับมองเรื่องนิสัยคนญี่ปุ่นข้อนี้ค่อนข้างบวกแล้วค่ะ ปล.ส่วนตัว ไม่เคยขับรถไปละเมิดพื้นที่บ้านคนอื่นนะคะ จากคุณ : teddy bear in the box เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:43:03

ความคิดเห็นที่ 18 -ชื่อเมืองพางง เพราะมีเมืองชื่อเหมือนๆกันอยู่หลายภูมิภาคิ -ของแพง (เมื่อเทียบเป็นเงินไทย) จากคุณ : แมวเหมียวเขี้ยวทอง เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:44:18

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ดีตรงที่ต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะในการที่จะไปเที่ยวประเทศที่เยี่ยมยอดเช่นนี้ มีคนไทยอีกมากมายที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศนี้ เพราะขาดปัจจัย ทั้งๆที่อยากไป เห็นด้วยกะคุณยุ่งว่า ในชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาสเห็นรถไฟความเร็วสูงในบ้านเรามั้ยนะ เฮ้ออ ปล กำลังจะได้ไปในอีกสองสัปดาห์หน้า ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เคยเที่ยวมา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรา หรือ ตปท อื่นๆ ก็นี่คือครั้งแรกของผมกับประเทศญี่ปุ่น กับการเที่ยวเองคนเดียว กี๊ดดดดดด โฮ่ๆๆๆๆๆ  นั่งดูคลิปshinkansen ใน youtube แล้วอยากไปนั่งคืนนี้เลย 555 จากคุณ : ppomp2003 (ppomp2003) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:52:40

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ไม่ชอบข้อเดียวของญี่ปุ่น คือคนส่วนใหญ่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ แต่ตั้งใจที่จะช่วยเหลือนักท่องเที่ยวแบบเต็มที่ ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษกำกับชื่อสถานที่ต่างๆแม้แต่รายการอาหาร จากคุณ : แพรมรกต เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 13:59:16

ความคิดเห็นที่ 21 ติดกิ๊ฟหมอยุ่งฯไว้ก่อนนะคะ โดนสุดๆ พี่ก็เคยเป็นแมลงสาปมาแล้วค่ะ เราหรือก็พยายามสบตาเพื่อจะสวัสดีทักทายแบบคนไทย .. โดนเมินสะงั้น อิอิ จากคุณ : Always wrong เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:05:38

ความคิดเห็นที่ 22 ตามร้านอาหาร 1.  เรามีลูกเล็กไปด้วยเวลาเข้าร้านอาหาร  โต๊ะข้างๆ  ทานเสร็จ จุดบุหรี่ดูด เลย  เอิ่มม มันเหม็น อ่ะ  เป็นแทบทุกร้านเลย  เกรงใจกันบ้างงงง 2.  ร้านค้าจะปิดเร็วไปไหน ขนาดว่าเป็นย่านช้อปปิ้ง  อุตส่าห์ เอาลูกเล็ก ไปเก็บไว้ที่โรงแรม ให้สามีดู  แล้ว รีบออกมาเพื่อช้อปปิ้ง  ร้านเริ่มจะปิด กันละ  ราว 2 ทุ่มครึ่ง แค่อยู่ในร้านเครื่องสำอางค์ ราว ชั่วโมง เอง  ออกมา  ปิดกันหมดละ 3.  เดินเมื่อยมากก  วันนึงเดิน กันหลายกิโล  อยู่เมืองไทยไม่เคยเดินเยอะขนาดนี้   4.  แต่ชอบบบบ  และจะไปอีก อิอิ จากคุณ : ลอดช่องแตงไทย เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:10:19

ความคิดเห็นที่ 23 เกียวโต:  รู้สึกแปลกที่ในเกียวโตที่มีคนแก่เยอะ เวลาขึ้นรถเมล์ ไม่เห็นมีคนญี่ปุ่นลุกให้คนแก่ หรือ เด็ก หรือ คนอุ้มเด็ก นั่งสักเท่าไหร่  พอเรา นักท่องเที่ยว ลุกให้คนอุ้มเด็กนั่ง แต่เขาก็ไม่นั่งนะ หน้าแตก กันไปเลย ค่ะ โอซาก้า:  ร้านค้าปิดเร็วมาก ทานข้าวเสร็จ ว่าจะออกมา shopping สัก 20.30-21.00 ก้อเริ่มปิดร้านกันเกือบหมดแล้ว คาวากูจิโกะ:    ให้ทิปที่โรงแรม พนักงานไม่รับค่ะ อายเขาไปเลยเช่นกัน หลังจากนั้นไม่กล้าทิปให้ที่โรงแรมอื่นเลยค่ะ  ประเทศนี้เขาไม่มีธรรมเนียมทิปกันเหรอคะ (ดีจัง) ร้านอาหารไม่ค่อยมีทิชชูให้ แต่มีผ้าเย็น แต่ที่ขัดใจที่สุดคือ ร้านค้ามักจะ Cash Only ไม่ค่อยรับบัตรเครดิตค่ะ แม้แต่ตั๋วรถบัส บ้านเรานี่ใช้ credit card ได้กว้างขวางกว่าเยอะ จากคุณ : PassioninLove เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:28:42

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบอะไรกันมาเยอะแล้ว แต่ที่ผมชอบมากๆคือ โถชักโครกนี่แหละ สนุกมากๆ จากคุณ : inint&anant เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:33:26

ความคิดเห็นที่ 25 นึกได้อย่างนึงละ ไม่ชอบรีโมทแอร์ในห้องที่โรงแรมอะ เท่าที่เจอมา โรงแรมไหนก็รีโมทภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ อ่านไม่ออกเลย ต้องกดมั่วอย่างเดียว จากคุณ : พริกดอง พริกน้ำส้ม เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 14:50:19

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ชอบที่คนเยอะ จะทำอะไรก็ต้องคอยคิวนานตลอดอ่ะครับ จากคุณ : DoRaePEET เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:03:03

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องลุกให้นั่งในรถไฟฟ้า เพื่อนเราก็บอกนะคะว่าไม่ต้องลุก เพื่อนเราอยู่ญป.มาหลายปีแล้วบอกว่า ที่นี่ต่อให้ลุก เค้าก็ไม่นั่งอะคะ เด็กๆอนุบาล คนแก่ มาทีหลังไม่มีที่ก็ต้องยืนไป ที่เราไม่ชอบคิดออกแค่อย่างเดียวคือ เรื่องภาษาค่ะ หลักๆเลย บางร้านมีแต่เมนูญี่ปุ่นล้วนๆ บางร้านเป็นตู้หยอดเหรียญ บางที่ไม่มีรูปให้ดู มีแต่ตัวภาษาญป.ยึกๆ ซึ่งเราอ่านไม่ออก ขอบอกว่าเป็นอุปสรรคมากสำหรับคนไม่กินเนื้ออย่างเรา เพราะไม่รู้ว่าสั่งแล้วจะได้อะไรมา แต่จุดนั้นอะไรก็ต้องกินค่ะ แล้วก็เวลาไปชอปปิ้งร้านคสอ. ซึ่งไม่มีป้ายหรือสลากภาษาอังกฤษเลยยยย บางอย่างน่าซื้อมากก เหนแพคเกจเห็นนุ่นนี่ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร --? อยากได้มาสค์ลอกกสิวเสี้ยว ซื้อกลับมาเมืองไทยถึงรู้ว่าเป็นโฟมล้างหน้า อะไรแบบน้้นน จากคุณ : ชูครีมไส้อัลมอนต์ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:04:45

ความคิดเห็นที่ 28 เรืื่องลุกให้นั่งของคห.บนนะคะ ถ้านั่งที่นั่งธรรมดาก็ตัวใครตัวมันค่ะอย่างที่คุณชูครีมไส้อัลมอนต์ว่ามา แต่ถ้าไปนั่ง priority seat ที่นั่งสำหรับคนแก่ คนท้อง คนพิการ คนกระเตงลูก อันนี้ต้องลุกนะคะ เราเคยไปนั่งแถวนั้น และลืมว่าเป็น priority seat ตอนนั้นเลยลังเลว่าจะลุกให้ดีมั๊ย? แบบว่าไม่ได้รู้วัฒนธรรมเค้า กลัวทำผิดๆถูกๆ แต่ตอนนั้นเราเหลือบเห็นโอบ้าจังแอบส่ายหน้าเอือมๆใส่เรา เราเลยรีบลุกเลยค่ะ จากคุณ : beshall เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:13:08

ความคิดเห็นที่ 29 หลังจากรอบที่ห้าที่ผ่านมาผมเจออะไรกับญี่ปุ่นเยอะ ที่ไม่ชอบจริงๆมีดังนี้ครับ 1. Pass มันเยอะมาก ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่มีสิ่งแอบแฝงเยอะมาก เช่นถ้าเที่ยวแถวนี้ ต้องใช้ Pass นี้ ถ้าเอาอันโน้นด้วยต้องเปลี่ยนเป็นอันนี้ ใบนี้ครอบคลุมตรงนี้ แต่ไม่รวมอันนั้น หรือไม้แต่บัตรต่างๆ ก็จะมีอะไรแอบอยู่ เช่นซื้อบัตรเข้าอันนี้ ถ้าจะเอาอันนี้ด้วยเปลี่ยนเป็นบัตรนี้ แล้วที่มันรวมมาเนี่ยเราไม่รู้ ที่สำคัญมัน ไม่เขียนเป็นภาษาอังกฤษมีแต่ตัวคันจิใครจะไปรู้ เวลาไปทีแอบเซ็ง ถ้าไม่หา ข้อมูลดีๆหรือคนที่ไม่มีความรู้ตรงนี้จริงๆ ผมว่าเซ็งมากถ้าได้รู้ เอาแค่ราเมงมิวเซี่ยม option มันเยอะ มีชามเล็กชามใหญ่ มีเสริมไข่เสริมหมู มีบัตรถ้าซื้อของด้านบนก่อนลงไปมีลด โอ้ย!!! อะไรอีกเพียบครับ ทำให้เราไม่สบายใจ เพราะคำว่าไม่รู้นี่แหล่ะ 2. รถบัสในเกียวโต อยากจะบอกว่าคนมันเยอะแล้วมันช้า ช้าเพราะต้องเดินไปจ่ายตังค์ข้างหน้านี่แหล่ะ รถก็เลยติด เพราะบัสมันต้องจอด แล้วบัสเนี่ยมันเพียบบบบบบบบบ 3. ไม่ว่าอะไรมันมีเวลาทำการ  มันเป็นแบบนั้นจริงๆ รถสายนี้วิ่งเฉพาะวันนี้ รถสายนั้นวิ่งช่วงนี้เท่านั้น อย่างฟูจิชั้นห้า ถ้าใครไม่รู้คิดจะขึ้นไปดู บัสมันวิ่ง แค่บางช่วง พอถึง 4 พย. มันปิดซะงั้น คนไม่หาข้อมูลไปถึงก็จ๋อย จะให้นั่ง taxi ก็หมื่นสามพันเยน เรือที่นี่เปิดบริการเฉพาะวันนี้ มาไม่ตรงอด อะไรทำนองนี้ครับ อย่างเกียวโต เรานั่งดูเส้นทางรถบัส อื่มมเรามีพาส นั่งสายนี้ลงป้ายนี้แล้วต่อสายนี้ดีกว่า พอลงไปกว่าจะรู้ว่าบัสสายนี้มันไม่วิ่งวันนั้น ก็รอไปเถอะ ทำไมมันไม่มาหว่า แล้วบัสบางเมืองมันวิ่งๆอยู่มีเข้าพักคนขับด้วยนะ คนบนรถก็รอไป ใครจะไปรู้ว่าสายนี้ทำไมคนมันน้อย 4. ความปลอดภัยมันสูงมาก  จะไปล่องเรือมันบอกว่าปิดเพราะหมอกเยอะ อืมมม...ตัดใจไปกินราเมงดีกว่า นั่งๆกินอยู่เรือมันออกซะงั้น พอไปถาม เขาบอกว่าหมอกจางแล้ววิ่งได้ อืมมม... เอากับเขาสิ จริงๆมันก็ดีนะ ที่เขาปลอดภัยไว้ก่อน แต่บางครั้งมันใช่ว่าจะได้มากันบ่อยๆ บางทีก็เสียดายนะ ยังมีอีกมากครับ เรื่องปลอดภัยไว้ก่อนเนี่ย เรากำหนดไม่ได้ เจอก็ถือว่าซวยไป 5. ความช่วยเหลือ แรกๆไปญ๊๋ปุ่นเวลาไปถามทางหรือขอความช่วยเหลือ อืมม..เขาใจดีจัง   แต่พอบ่อยเข้า ครั้งหลังๆนี้ไม่ค่อยอยากถามแล้ว เพราะเกรงใจเขามากๆ เขาช่วยเราจนเราเกรงใจเลย 6. option เพิ่มไม่ได้  เวลาไปกินอะไรแล้วมันต้องดูให้ดี จะบอกว่าไม่เอาถั่วงอก เหมือนตอนสั่งก๋วยเตี๋ยวบ้านเราไม่ได้ เอานั่นไม่เอานี่ แพ้ถั่ว หรือไม่กินผัก อะไรพวกนี้เขาทำไม่ได้ มันเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาว่าราเมงเขาต้องทำแบบนี้ จะให้อะแด๊ปโน่นนิดนี่หน่อยไม่ได้ครับ เขาตอบกลับมาว่าทำไม่เป็นซะงั้น จริงๆไม่ใช่ผมหรอกนะ... มีอีกเยอะครับ แต่เมื่อยแล้ว ลป. ชินจูกุตอนกลางวันกับกลางคืนนี่ต่างกันฟ้ากับเหวเลย.. ***** tex ***** จากคุณ : [[[tes]]] เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:17:30

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านเรื่องลุกที่นั่งแล้วนึกขำตัวเองเหมือนกันครับ ไปญี่ปุ่นครั้งแรกนั่งบัสไปกินไข่ดำ คนเต็มรถ พอคนแก่ขึ้นมาลุกให้นั่งเลย แล้วก็สะกิดเขาว่านั่งดิ..... เขาก็เฉย ผมก็ นั่งดิ นั่งดิ นั่งดิ......... ฮ่าๆๆๆๆ นึกแล้วยังขำ แต่ในที่สุดเขาก็นั่งนะครับ คนทั้งรถมองผมกันใหญ่ เพราะในที่สุดก็มีผมยืนอยู่ในรถเพียงคนเดียว แต่ก็ดีใจครับที่คุณยายท่านนั้นหันมาพูดอะไรกับผมก่อนท่านจะลงรถไป ถามแฟนถึงได้รู้ว่าเขาชมว่าเรามีน้ำใจ และขอบคุณเราด้วย ลป. อยากถามเพื่อนๆที่เป็นเซียนญี่ปุ่นครับว่า ทำไมผมไปญี่ปุ่นมาหลายรอบแต่ไม่เคยเจอคนท้องเลย เขาไปอยู่ไหนกันเหรอครับ ***** tex ***** จากคุณ : [[[tes]]] เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:25:01

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ ^ จริงด้วย ไม่เคยเจอคนท้องเลย แต่แม่ลูกอ่อน นี่เยอะมากมาก ไปนู่นมานี่ เข็นรถเข็นเด็กขึ้นลงรถไฟเต็มไปหมด จากคุณ : พริกดอง พริกน้ำส้ม เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:41:01

ความคิดเห็นที่ 32 คห. 29 นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำการบ้านก่อนไปไงครับ ผมว่าญี่ปุ่นเที่ยวง่ายสุดแล้ว ข้อมูลหาง่ายมาก มีความตรงไปตรงมา ราคาไหนก็ราคานั้น ไม่มีต้องมาต่อหลบหน้าหลบหลัง อ่านวงเล็บ อ่านดอกจัน ฯลฯ จากคุณ : DoRaePEET เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:49:15

ความคิดเห็นที่ 33 นึกไม่ออกเลยว่าไม่ชอบอะไร จากคุณ : MMTaro เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 16:39:09

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนใหญ่ชอบหมดครับ แต่ที่ไม่ชอบคือ พวกตำรวจนอกเครื่องแบบที่อยู่ตามสถานีueno,akihabaraชอบเข้ามาขอดูpassportและชอบถามว่ามาทำอะไร  มาทำไม   ถ้าถามดีๆผมไม่ว่าหรอกครับ แต่นี่เค้าถ้าโดยใช้วาจาที่ไม่สุภาพเอามากๆ  ซึ่งบางทีผมเองก็สวนไปด้วยวาจาที่ไม่สุภาพเหมือนกัน จากคุณ : ขนมจีนแม่แต๋วอร่อยมาก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 16:39:42

ความคิดเห็นที่ 35 สิ่งที่ชอบมีเยอะค่ะ คล้ายๆกับคนอื่นๆ แต่ขอแชร์สิ่งที่ไม่ชอบล่ะกัน 1>>> ไปเที่ยวคนเดียว ไม่ถือแผนที่ในมือ คนญี่ปุ่นเข้าใจเราว่าเป็นนิฮงจินค่ะ โดนปฏิบัติอย่างนิฮงจินทุกอย่าง เวลาทำอะไรผิดวัฒนธรรมเค้า เราจะถูกสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย บางทีมีใส่สีหน้าด้วย 2>>> สาวไทยอย่างเราที่ถูกคนญี่ปุ่นมองเป็นนิฮงจินไปซะแล้ว ทำให้เราไม่สามารถแต่งตัวแบบฝรั่ง backpacker ได้ โดนคนทั้งสถานีชินจูกุมองแบบแปลกๆมาแล้ว เพราะแต่งตัวแบบ backpacker จัดเต็ม ใส่ฮู้ด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ สวมแว่นตา แลเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง(โตเกียว)มาก 3>>> พวกยุ่นที่มาเป็นกลุ่มชอบหัวเราะใส่เวลาคนทำอะไรเป๋อๆ หรือเสล่อ เหมือนหัวเราะซ้ำเติม เราที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ขำๆฮาๆกับความเฉิ่มตัวเองไป เพราะไม่คิดมาก แต่พอเจอคนญี่ปุ่นที่เดินสะดุด แล้วโดนหัวเราะ เค้าจะอายมาก และรีบเดินหนีไปเลย 4>>> เราเจอกรณีโดนแซว โดนมองแบบล่วงละเมิดทางเพศบ่อยมาก พอๆกับในไทยที่โดนเด็กแว้นผิวปากแซว เลยทำให้รู้ว่าผู้ชายที่ไหนๆก็เหมือนๆกัน ถ้าเราไม่ระวังตัวก็เป็นเหยื่อดีๆนี่เอง - นั่งดูซากุระคนเดียว ลุงคนนึงร้องเพลง sakura drop แซวเราด้วย = = - ตอนเช้าเดินออกจากที่พัก เจอลุงทักเราว่า #$%& คาวาอิ๊~ พร้อมมองตาเยิ้ม - เข้าร้านอาหารโดนลุงขี้เมามองตาเยิ้มเลย ไม่ยอมหันหน้าหนีด้วยนะ นั่งมองเราอยู่อย่างนั้นนั่นล่ะ แต่ถ้าเป็นหนุ่มๆเค้าจะไม่แสดงอาการมากมาย ส่วนใหญ่เค้าจะเหล่ไม่ให้รู้ตัว - ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีความมั่นใจ คิดว่าตัวเองหล่อ มักสบตาสาวๆเวลาเดินสวนกันแล้วยิ้มให้ ประมาณว่าบริหารเสน่ห์ตัวเอง (แม้ว่าจะจูงมือมากับแฟนก็ตาม) - ในรถไฟ วันนึงเราใส่ขาสั้นถูกหนุ่มยุ่นคำรวจตั้งแต่จนถึงเท้า (ไม่สวย เค้าเลยไม่มองหน้า) - เรากำลังนั่งยองๆกำลังกางขาตั้งกล้อง โดยลืมไปว่าตัวเองใส่กระโปรงกับถุงน่องสีดำ มีหนุ่มคนนึง ยืนถ่ายรูปใกล้ๆเรา อุตส่าห์เดินไปอีกฝั่งนึงของคลองเพื่อส่องดูกางเกงในเรา พอเราหันไปเห็นเค้า เค้าทำท่าลุกรี้ลุกลนและรีบเดินหนีไปเลย ส่วนเราเสียเซลล์อย่างแรงที่ แง๊ 5>>> การปฏิบัติของผู้ชายที่ญี่ปุ่นต่อผู้หญิงในฐานะคนแปลกหน้าทั่วไป จะแข็งกระด้างและไม่ค่อย lady first ก็เข้าใจว่าวัฒนธรรมเราต่างกัน แต่พอขาดคำว่า lady first ไป เลยอดคิดไม่ได้ว่าชายไทยน่ารักกว่าหนุ่มขาวตี๋เหล่านั้นเยอะ edit เนื้อหาให้กระฉับขึ้นค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 17:16:13 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 16:58:06 จากคุณ : + ฝนสุดท้ายเมื่อปลายกันยาู + เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 16:52:33

ความคิดเห็นที่ 36 1.ความยึดระบบระเบียบมากเกินไป อย่างอาหารปรุงสำเร็จ ต้องใส่ 1-2-3-4-5 ถ้าเราบอกเราไม่กินอย่างที่ 3 นะ เอา 1-2-4-5 เลย ทำไม่เป็น ต้องยึดตามระบบ นอกเหนือทำไม่ได้ 2.เพ็คเก็จจิ้งของ ที่จริงมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย กินก็ไม่ได้เป็นขยะเปล่า ๆ แต่ต้องทำมาให้มันสวยงาม ที่จริงถ้าลดลงไป ราคาของมันก็ลดไปได้เยอะไม่รู้ว่า ทำให้มันสวยเพื่ออะไร ราคาแพงขึ้น ขยะมากขึ้น ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย จากคุณ : อัลปลั๊ก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 17:07:42

ความคิดเห็นที่ 37 ดีจังเลย ได้เห็นมุมมองที่ต่างไป เพราะมีแต่คนยกย่องเหลือเกิน ญี่ปุ่นดีอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เท่าที่อ่านมา จขกท ถามข้อเสีย ก็ยังจะชมเค้าอยู่ เออ ให้มันได้อย่างนี้ซิ่ ผมว่าข้อเสียคนญี่ปุ่นคือ ปากไม่ตรงกับใจครับ หน้าตา ยิ้มแย้ม พูดจาดี แต่ในใจอาจจะด่าเราอยู่ (คนอยู่ญี่ปุ่นเค้าบอกมา) ความคิดเห็นที่ 3 คนดำ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นครับ คนไทยนี่ชอบมีอคติกับคนดำ คนแขกจังน่ะครับ หน้าตาไม่สเป๊ก ก็กลัว ก็ไม่ชอบกันหมด เห้ออออออออ จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 17:35:46

ความคิดเห็นที่ 38 อันนี้ขอแชร์ล่ะกัน ตอนเรากำลังจะไปขึ้น Overnight bus แถวชินจูกุ ซึ่งใกล้เวลารถจะออกแล้ว เราเลยขาดสติมาก ออกจากสถานีมาผิดฝั่ง+เดินหลง เราวิ่งไปถามทางกับสาวยุ่นคนนึงว่า Tokyo Metropolitan Government ไปทางไหน สาวเจ้าไม่รู้จักตึกนี้เป็นชื่อภาษาอังกฤษ และเราก็ไม่มีรูปให้ดูด้วย กรรมมากๆ สาวคนนั้นได้แต่โกเมนๆ ตอนนั้นร้อนรนมาก สุดท้ายวิ่งไปถามชายวัยกลางคนคนนึงเข้ากำลังจะขับรถออกไป เราสติแตกมาก ยกมือขึ้นไหว้โดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ โชคดีที่เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ และเข้าใจที่เราต้องการสื่อ เค้าเลยเปิดประตูไปคุยกับลูกสาวเค้าที่นั่งอยู่ในรถเป็นภาษาญี่ปุ่น และหันมาบอกเราว่าจะขับรถไปส่ง ตอนนั้นหวังแค่ว่าเค้าจะบอกทางที่ถูกต้องให้เราได้เท่านั้น ไม่คิดว่าเค้าจะไปส่ง สุดท้ายได้คนญี่ปุ่นใจดีอีกคนที่ช่วยเหลือเราไว้ T^T เค้าขับรถไปส่งเราถึงจุดหมายเลยค่ะ เราไม่รู้จะตอบแทนเค้ายังไง แต่แต่โค้งขอบคุณ และไหว้ขอบคุณอย่างเดียว ปล. ใครที่จะขึ้นรถคนแปลกหน้า อย่าสติแตกขึ้นมั่วซั่วนะคะ อย่างเคสเราโชคดีที่เจอคนที่ดูไม่มีพิษภัย เป็นโอโต้ซังธรรมดา ขับรถยนต์ครอบครัว ในรถก็มีตุ๊กตา-ข้าวของทั่วไปที่คนในครอบครัวมักใช้สอย และอีกอย่างมีลูกสาววัยมัธยมนั่งมาด้วย การตัดสินใจของเราที่จะขึ้นรถของเค้ามันเลยง่าย และตอนแรกเค้าเองก็ไม่ได้ตัดสินใจรับเราขึ้นรถง่ายๆด้วยนะคะ เค้าก็ซักประวัติเราว่ามาจากไหน จะไปไหน ตอนนั้นเราถือไกด์บุ๊คในมือด้วย เค้าก็ดูท่าทางเรา เห็นกระเป๋าใบใหญ่ มีกล้องถ่ายรูป เค้าเลยเชื่อว่าเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ ไม่มีพิษสง เลยยอมให้ขึ้นรถ -------------------------------------------------------- ส่วนไม่ดีอีกอย่างนึง ตอนเรานอน female dorm แถวๆฮิโรชิม่า มีสาวยุ่นนางนึง (ที่รู้ว่าเป็นสาวยุ่น เพราะได้ยินเธอคุยโทรศัพท์) เธอจะมีโลกส่วนตัวของเธอมาก ไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าตาเธอ ถ้าเพื่อนร่วมห้องอยู่ เธอจะปิดม่านไม่พบปะใคร ตอนเช้าต้องรอให้คนออกจากห้องไปหมดก่อน เธอจึงจะออกมา ตอนกลางคืน เธอจะกลับดึกมาก รอให้ทุกคนหลับจนหมด เราก็สงสัยว่าทำไม สรุปว่าประมาณตี 4 ตี 5 ก่อนเพื่อนร่วมห้องจะตื่น เราได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากเตียงของเธอ เอิ่ม~~ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 18:18:19 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 55 18:17:33 จากคุณ : + ฝนสุดท้ายเมื่อปลายกันยาู + เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 18:08:31

ความคิดเห็นที่ 39 เราชอบครอบครัวแฟนอ่ะ พ่อกะแม่รักเมืองไทยมากๆ ตอน30ปีที่แล้วก็มาฮันนีมูนที่ภูเก็ต ตอนอยู่ด้วยก็รู้สึกถึงความธรรมชาติดี แต่เพื่อนแม่นี่นิสัยญี่ปุ่นแท้ๆเลยอ่ะเฟคๆ แบบพยายามกินพริกเป็นเพื่อนเราแต่ตัวเองนี่เหงื่อแตกพลั่กนำ้ตาไหล แต่บอกโออิชิๆ 0_0 จากคุณ : Misscosmoworld เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 22:07:34

ความคิดเห็นที่ 40 1.ไม่ชอบสายไฟ  เยอะมวากก ติดมาได้ทุกรูปค่ะ 2. โรงแรมที่โตเกียวห้องแคบมาก 3. ขึ้นรถไฟที่โอซาก้า  2-3 ทุ่ม  รถจะแน่น กลิ่นเหล้าคลุ้ง อันนี้ทุกวันนะคะ  ไม่เฉพาะวันศุกร์ จากคุณ : erbhern เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 22:26:20

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบทุกอย่าง แต่อยู่นานๆ กลับรู้สึกว่ามันชืดๆ แบบว่าเป็นระเบียบเกิ๊น คิดถึงกรุงเทพฯ ที่มันวุ่นวายและมีสีสัน มีใครคิดเหมือนเรามั้ย? จากคุณ : Only Strongest will Survive เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 09:39:13

ความคิดเห็นที่ 42 1.สินค้าแพงมาก กลับมาไส้แห้งเลย น้ำเปล่าขวดละ110-130เยน 2.เวลาเดินในสถานีรถไฟหรือตามทางเท้า เราจะเดินช้ากว่าคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเค้าเดินกันเร็วจริงๆ เค้าจะรีบๆเดินให้ทันเวลา เค้าทำท่ารำคาญอ่ะ ประมาณว่าไปเกะกะทางเดินเค้า ชนกันมั่ง เหยียบเท้ากันมั่ง จากคุณ : Beingbig เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 13:28:27

ความคิดเห็นที่ 43 สิ่งที่ชอบก็เหมือนหลายๆความเห็นข้างบน ที่ไม่ชอบที่สุดคือเค้าสูบบุหรี่ในทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในร้านอาหารติดแอร์ จากคุณ : areewan เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 15:59:12

ความคิดเห็นที่ 44 # คคห. 38 ที่เล่ามาตกลงคือผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นกะเทยเหรอครับ?? จากคุณ : Ethanol เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 15:59:30

ความคิดเห็นที่ 45 ข้อเสียคือ ค่าเงินเยนครับ มันจะแพงไปไหน จากคุณ : เตียวกงจื้อ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 16:37:29

ความคิดเห็นที่ 46 น้อยมากค่ะที่ไม่ชอบ เท่าที่นึกออกก็ 1. ร้านค้า และ ห้างปิดเร็วมากๆค่ะ เดินยังไม่จุใจเลย ปิดล่ะ 2. บางสถานที่ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษค่ะ (แต่ที่บ้านเราก็ไม่ค่อยมีเหมือนเนอะ แฮะ แฮะ ) 3. ไปแล้วอยากไปอีกนี่ และ ตัวเบาหวิว กลับมา นี่ล่ะค่ะ สำคัญเลย สรุปคือ ชอบญี่ปุ่น และ รักประเทศไทย (อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวเนอะ) จากคุณ : zoey เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 20:49:10

ความคิดเห็นที่ 47 เราเพิ่งกลับมาวันนี้เองค่ะ เพิ่งเคยไปครั้งแรก ไปเองนะคะ เราเจอคนไทยเกือบทุกที่ที่เราไปค่ะ หรือเราจะโชคดีเพราะทุกกรุ๊ปที่เจอน่ารักมากกก ทักทาย คุยกัน แชร์กันหลายเรื่องเลยค่ะ ส่วนคนญี่ปุ่นก็ใจดี น่ารัก ถามทางใครนี่เจอแต่คนเต็มใจช่วยตลอด มีหนุ่มสาวคู่นึงเดินพาเราไปส่งถึงที่(ซึ่งไกลมากกกก) ตามร้านค้าต่างๆ พนักงานบริการดีมากๆ ได้ยินคำทักทายกะคำขอบคุณ จนแบบว่าติดหูไปทั้งวันทั้งคืน ^^! ชอบห้องน้ำที่สุดค่ะ สะอาด ทันสมัยดี แต่.. -ไม่ชอบสถานีรถไฟค่ะ เดินไกลมากกกกกก ชวนหลงจริงๆ -ไม่ชอบเวลาชม.เร่งด่วน รถแน่นมากกกกก เราเอาลูกไปด้วยมีรถเข็น ต้องรอประมาณสี่ห้าเที่ยวกว่าจะเบียดขึ้นไปได้ นอกนั้นเราโอเคค่ะ เพราะเราว่าต่างเชื้อชาติก็คงถูกเลี้ยงดูหล่อหลอมมาแตกต่างกัน มีโอกาสก็อยากไปอีกค่ะ หลงรักฟูจิซังซะแล้ว :) จากคุณ : youki เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 15:19:40

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่ชอบที่คนญี่ปุ่น คิดว่าผมเป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันอ่ะดิ 555 เลยต้องรีบพูดว่า "วาตาชิ ว่ะ นิฮงโกะ กะ วาการิมาเซง" ได้ยินแล้ว ยังถามผมกลับมาด้วยนะ "วาการิมาเซง" ? พร้อมสีหน้าสงสัย ก็เลยได้แต่ตอบว่า  "ไฮ่ " จากคุณ : เป็นคนไทยจริง ๆ นะ (Love for guy) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 16:54:55

ความคิดเห็นที่ 49 เพิ่งกลับมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา        ไม่ชอบ  ราเม็งชามโตเกิ๊นน..กินไม่หมด ถึงจะอร่อย รู้สึกผิดเวลากินอาหารเค๊าไม่หมด เพราะเห็นคนญี่ปุ่นกินกันเกลี้ยงชามแบบน้ำเนื้อไม่เหลือ..ยกชามซดกันเลย คนขายขอบอกขอบใจ.. แต่เรากินไม่หมดอ่ะ (ราเม็งชามนึงเท่ากับบะหมี่บ้านเราประมาณ 3 ชาม) เค้ามองเราแปลกๆ..ไม่ขอบคุณ                    มีร้านนึงเข้าไปกินกัน 3 คน พ่อแม่ลูก..นั่งสักพัก อีกโต๊ะนึงเข้ามาสูบบุหรี่ ควันท่วมหัว.. ต้องรีบกินรีบเช็คบิลเลย          มีแต่ของแพงๆ ของฝากนอกจากขนม กะพวงกุญแจ ไม่รู้จะซื้ออะไรมาฝากคนที่นี่ ขนาดพวงกุญแจถูกๆยัง 400-500 เยน                     แล้วแถมเดี๋ยวนี้ของขายส่วนใหญ่(ถ้าไม่ใช่ขนม) เมด อิน ไชน่า ซะเยอะ แง๊แงๆๆ...เราลืมดูฉลาก ยังซื้อแก้วเก็บความร้อน เมดอินไทยแลนด์มาอีก ..ใบนึงตั้ง 2 พันกว่าเยน..                    บ่นๆ ในใจ ของที่นี่แพ๊งแพง แหะ แต่เราก็ซื้อมันชิมทุกอย่าง          ไอศครีมโคนแบบครีมๆ(คล้ายๆ แดรี่ควีน หรือ ไอติมโคนแบบที่เคเอฟซี) กินที่ ทาคายามา อันละ 300 เยน บ้านเรา 19-29บาท           ไข่ดำแพงเกิ๊น ตกฟองละ 100 เยน รสชาติเราว่าธรรมดาน่ะ ก็คล้ายไข่ต้มบ้านเราน่าจะขายฟองละ 10 บาทนะ (40 เยนก้อพอ 55)             มันเผา หัวนึง 300 เยน คนขาย(คนดำ)พูดภาษาไทยบอก "มันเผา อร่อยมาก"..ร้อนๆ สีเหลืองน่ากิน แถวบ้านรถเข็นขายหัวละ 10 บาท 555ใหญ่หัวใหญ่กว่าที่ ฟูจิ ฮาโกเน่อีก.. สรุป..ไม่ชอบมีไม่ถึง 10 จ่ะ แต่ที่ชอบๆ มีเป็น 100 แต่ทู้นี้ ให้บอกสิ่งที่ไม่ชอบ ถ้าให้บอกเรื่องที่ชอบ เยอะมากๆ ..คงเป็นประเทศที่ไปแล้วอยากจะกลับไปเที่ยวอีกหลายๆหนเลย... จากคุณ : มินจุน เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 22:15:33

ความคิดเห็นที่ 50 ผมไม่ชอบอย่างเดียว ที่โตเกียว เวลาต่อรถไฟใต้ดินจากสายหนึ่ง ไปอีกสาย ภายในสถานีเดียวกัน เดินไกลมาก เดินเป้นกิโลๆ ไม่รุ้ทำไมทำให้ห่างขนาดนั้น แถมเดี่ยวขึ้น เดี่ยวลงบันไดอีก อารมณ์คนเคยอยู่แต่เขตร้อน เจออากาศหนาวมาก จนข้อเข่าปวด พับขาไม่ได้ ต้องเดินกะเผลกๆแบบคนแก่ ทรมานสุดๆ จะขึ้นไปบันได ลงบันได เดินที่ละก้าว จนเป้นเป้าสายตาของคนอื่นทุกคน เซ็งมากๆ แต่อย่างอื่นชอบหมดครับ จากคุณ : ToxicZero เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 23:12:53

ความคิดเห็นที่ 51 โรงเรมทุกที่ช่วยตัวเอง แบกไอ้เป๋า30โลขึ้นลงห้อง พนักงานโรงแรมซ่อนตัวเหมือนโรงแรมร้าง หนังมีตั้งหลายเรื่อง กดดูไม่ได้ :) ทีวีมีแต่ช่องญี่ปุ่น cnn mtv อด หนาวเกิน ธรรมชาติสวยสู้ไทยไม่ได้ ปราสาท วัด ศาลเจ้า ทะเลสาป ไปแล้วก็งั้นๆเสียเวลาเปล่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ฟูจิมันก็แค่ภูเขา ไม่รู้อะไรนักหนา ต้องคอยไปตอนอากาศมันเปิดอีก คนญี่ปุ่นชอบเมคเวอร์ อาหารตรูอร่อยโคด ไปกินจริงแทบปาทิ้ง อย่างเส้นราเมงหนาโครต หมี่กวางตุ้งกินขาด จากคุณ : อันดับหนึ่งเฉลิมกรุง (Kenlive) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 09:46:47

ความคิดเห็นที่ 52 #51 ^ ออกแนวมองโลกในแง่ร้ายไปรึเปล่าคะ ถ้าขนาดนั้นคิดว่าไม่ต้องไปไหน อยู่เมืองไทยไม่ดีกว่ารึคะนี่ เราก็ไม่ชอบญี่ปุ่นหลายเรื่อง แต่เรื่องการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมเราว่าเขาจัดการอะไรได้ดี และมีข้อดีมากกว่าข้อเสียนะ จากคุณ : ม่านฝน เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 00:24:51

ความคิดเห็นที่ 53 ประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดในห้องน้ำประเทศญี่ปุ่น..!!! ห้องน้ำประเทศญี่ปุ่น นั่งแล้วอบอุ่นอย่างมาก อุ่นตูดมากมายครับ การนั่งปดทุกข์อย่างสบายใจนั้น ไม่คิดว่าจะเป็นทำให้ผมรู้สึกเป็นทุกข์ในเวลาอีก 30 กว่านาทีต่อมา ลองนึกภาพห้องน้ำในห้างใหญ่ๆ อย่าง Central ลาดพร้าว ว่าจะมีคนเข้ามากมายขนาดไหน ที่นั้นก็ไม่แตกต่างกันนัก เพราะผมกำลังนั่งอยู่ในห้องน้ำบริเวณ Tokyu Tama Plaza  แน่นอนคนมหาศาล ?? หลังจากรวบรวมสมาธิปดปล่อยกลุ่มมวลของเสียและก๊าซที่อัดแน่นอยู่ในลำไส้ใหญ่ให้ชาวญี่ปุ่นที่ต่อคิวเข้าห้องน้ำได้รู้พลังอำนาจการทำลายล้างของคนไทยแล้ว ผมก็ออกจากน้ำห้องนั้น และใช้เวลาเดินดูสถานีแห่งนั้นต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว 30 กว่านาทีแห่งความสุขจากการปดทุกข์กำลังจะหมดลง เมื่อผมจับกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย และ...พบว่ามีแต่ความว่างเปล่าในที่แห่งนั้น !!!! " I-Phone 4 กรู " ผมสถบออกมาเช่นนั้นจริงๆ เพราะมันเป็น I-Phone เครื่องที่ 3 แล้วที่กำลังจะจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมบอกพี่ไกด์นำทางว่า ผมขอกลับไปที่ห้องน้ำเดิมก่อนเพราะลืม I-Phone ไว้ที่ห้องน้ำนั้นแน่นอน ไกด์ยิ้ม พร้อมกับยิงคำถามที่น่าจะเอาส้นเท้านาบปากว่า " เมคิดว่ามันยังอยู่มั้ย ......พี่ว่ามันอยู่ที่เดิม " ชั่ววโมงนั้นผมได้แต่ยิ้มและนึกในใจว่า " กรูก็อยากให้มันอยู่ที่เดิม แต่มัน I-Phone4 นะ ไม่ใช่ Nokia 3310 " ยังไม่ทันจบความคิด ผมออกวิ่งอย่างไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับเจ้าโทรศัพท์ของผมอีก ประตูห้องน้ำที่ผมเข้าเมื่อ 30 นาทีก่อนปิดล็อค นั้นหมายความว่ามีคนมาทับรอยของผมซะแล้ว !! และผมแน่ใจว่า 30 กว่านาทีที่ผ่านมาไม่ใช่เจ้าหมอนี้คนแรกแน่ๆ ที่มาทับรอยผม ในใจผมได้แต่ภาวนาถึงสิ่งศักสิทธิ์ทั่วสากลโลก แน่นอนครับผมภาวนาให้..... ให้ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เพราะผมอยากจะถามไอ้เจ้าคนที่กำลังจะออกจากห้องน้ำเหลือเกินว่า " I-Phone4 ตูอยู่ไหน " "โครกครากๆ " เสียงชักโครกยังไม่ทันสิ้นเสียงสนิท ชาวญี่ปุ่นใส่สูทผูกไท สะพายกระเป๋า Notebook เดินผ่านหน้าผมไปอย่างรวดเร็วและไม่ล้างมือ เสมือนคนพึ่งกระทำความผิด !! "ตัง ตึง" ผมผลักประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง เมื่อตามหาของที่ผมแสวงหา สิ่งที่ผมพบคือมันไม่อยู่..........ที่เดิมที่ผมวางไว้อีกต่อไป ผมสิ้นหวัง I-Phone เครื่องที่ 3 แล้วตู แล้วจะติดต่อกลับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไร ความสิ้นหวังยังไม่ทันถึงขีดสุด หางตาผมเหลือบไปเห็นสิ่งเล็กๆ ดำๆ วางอยู่ที่ชั้นวางของหลังชักโครก.......สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "ของกูรรร ยังอยู่เว้ย " มันไม่ได้อยู่ที่เดิมเพระาผมวางไว้บนกล่องกระดาษทิชชู่ ชาวญี่ปุ่นคงกลัวมันหล่นลงไปบนก้อนอุจจาระซะก่อน จึงนำไปวางไว้ที่ชั้นวางของ ที่ชั้นวางของ ก็หมายความว่า ไอ้เจ้าใส่สูทผูกไท มีกระเป๋า Notebook มันก็ต้องวางกระเป๋าไว้ข้างๆ เจ้า I-Phone ผมดิ ...คำถามจึงเกิดขึ้น "ทำไม..ทำไม และทำไม มรึงไม่เอาไปว่ะะะะะะ " ช่างเป็นประเทศที่อบอุ่นทุกอนูของร่างกายจริงๆ ความดีใจผมอัดแน่นอยู่ในอก พร้อมกับเสียงเล็กๆ ในสมองผมที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาอย่างตั้งตัวไม่ติด ทำไม...ทำไม กูรรร ลืมไว้ที่สนามบอลเมืองไทย โทรไปมีคนรับสายด้วย แต่มันตัดสายทิ้ง ปิดเครื่อง และหายสาบสูญอย่างไม่อาจติดตามได้ ประสบการณ์การลืม I-Phone4 ในห้องน้ำที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้ผมเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ที่คนไทยเป็นรองชาวญี่ปุ่นมากมายเหลือเกิน.........จนไม่รู้ว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยจะตามชาวญี่ปุ่นได้ทัน................!!! จากคุณ : may_tu60 เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 15:40:31

ความคิดเห็นที่ 54 เคยดูรายการทาง Thai PBS นำเสนอทริปที่ ญี่ปุ่น คนที่พานำเที่ยวเป็นคนไทยที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ นั่งรถไฟใต้ดิน..บอกว่าผมจะรองลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่เบาะนั่ง แล้วลงจากรถไฟ ทิ้งเวลาสัก1ชม แล้วโทรโดยหยอดเหรียญที่ตู้โทรในบริเวณสถานี้ไปที่ศูนย์ของหายแล้วบอกรุ่นโทรศัพท์ ทางเจ้าหน้าที่บอกมีคนเก็บแล้วมาส่งคืนที่ศูนย์ให้มารับได้ แล้วก็ได้รับของคืนจริงๆ ค่ะ เห็นภาพตลอดชื่นชมกับคนญี่ปุ่นมากค่ะ กับการที่ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตน /เคยไปญี่ปุ่มานานมากแล้วกับเพื่อน 2คน เพื่อนแวะเข้าshop ร้านค้าเล็กๆ ซื่งมีเจ้าของขายเป็นหญิงสูงอายุ เพื่อนซื้อแป้งแข็ง จำไม่ได้ว่ากี่ตลับ พอเดินออกจากร้าน แล้วกดเครื่องคิดเลข แล้วเดินกลับไปคืนของ เจ้าของร้านก็คืนเงินให้ค่ะ ก็เลยถามเพื่อนว่าทำไม่คืน เพื่อนตอบว่าราคาแพงไปก็เลยไม่เอา ถ้าเป็นเมืองไทย คงจะไม่ได้คืนแน่ค่ะ ซื้อแล้วซื้อเลย จากคุณ : pinwin (pinwin) เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:16:20

ความคิดเห็นที่ 55 ! จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 11:26:01