ความคิดเห็นที่ 1 *** ก่อนเริ่ม ขอเม้าส์กับเม้นท์ของแต่ละท่านจากกระทู้ที่แล้วก่อนนะคะ *** ไม่ได้ไปสวนนายพลเฮ่อหลง งั้นเอารูปนายพลเฮ่อหลงมาแจมละกันครับ ตรงฝั่งตรงข้ามของสะพานหนึ่งในใต้หล้าจะเห็นแม่กุญแจอันใหญ่มากๆ อยู่อันนึงครับ แล้วก็มีอันเล็กๆเยอะแยะไปหมดตลอดทาง ของผมไปแบบ ไม่แวะร้านขายของ 5 คืนตกเกือบๆ 60000 ครับ  ได้ไปลงกระเช้าที่ เทียนจื่อซานด้วยรอคิวนานประมาณชั่วโมงนึง คนเยอะมากๆแล้วชอบเบียด เบียดจนเกือบมีเรื่องกันเลยครับ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี พวกยาจีนนี่ถ้าสนใจก็ ซื้อได้เลยครับ เคยลองซื้อบัวหิมะ ดีหมี ผงไข่มุกไปใช้ แล้วรู้สึกว่าสรรพคุณ ก็โอเคครับ จากคุณ : Quetzacoatl   เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 18:14:55   *** * เราสงสัยว่า แล้วการไปโดยไม่ไปร้านขายของนี่ เค้าให้เวลาเที่ยวในแต่ละที่ยังไงบ้างคะ เพราะเราเห็นว่าโปรแกรมของคุณ Quetzacoatl สั้นกว่าของเรา (แต่อาจจะเป็นเพราะประหยัดเวลาตรงบินตรงไปฉางซาก็ได้) ลองมาเปรียบเทียบกันดูไหมคะ เอาที่เราจะได้แม่นๆละกัน เช่นเมืองโบราณเฟิ่งหวงเนี่ย เราได้อยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง เพราะไปถึงก็ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว ได้แต่ล่องเรือ ไม่ได้ไปบ้านนักกวี (ซักคนที่ไม่ทราบชื่อ) ไม่ทราบว่าคณะคุณ Quetzacoatl ได้ไปบ้านเกิดนักกวีหรือเปล่าคะ *เรื่องแย่งกันเข้าคิวที่เทียนจื่อซานนี่ไกด์ก็เล่าให้ฟังเหมือนกัน บอกว่าวันนั้นคนเยอะมาก แล้วมันเป็นตอนเย็นที่ทุกคนมาออกกันออกจากอุทยาน ปรากฏว่ามีไกด์เกาหลี มาถึงก็พาลูกทัวร์ฝ่าคิวมาเลย (ไกด์ของคณะเราไม่ชอบทัวร์เกาหลีมากๆ วีรกรรมเยอะสุดๆ บอกว่าไม่ค่อยมีมารยาท แย่งได้แย่ง แซงได้แซง) ฝ่ามาจนมีคนไม่ยอมให้ไป ก็เลยเกิดเรื่องทะเลาะ มีลงไม้ลงมือกันด้วย แล้วตรงนั้นมันก็เป็นหน้าผา น่าเสียวไส้มีคนเผลอโดนลูกหลงกระเด็นตกไปจริงๆ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาแยก ถึงได้ทราบว่า ทัวร์เกาหลีกรุ๊ปนี้ต้องรีบไปขึ้นเครื่องให้ทัน (สาเหตุที่คนเกาหลีมาเที่ยวจางเจียเจี้ยเยอะ เพราะมีไฟล์บินตรงมาจากเกาหลีทุกวันเลยค่ะ) ไกด์ก็เลยโดนเจ้าหน้าที่ด่าเอา บอกว่าถ้าเป็นเรื่องฉุกเฉินก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่ควรทำนิสัยแบบนี้ แล้วเจ้าหน้าที่เค้าก็จัดรถบัสพิเศษไปส่งให้จากตรงนั้น ถึงสนามบินเลย (แน่นอนว่าเค้าคงไปเก็บเงินกับ บริษัททัวร์อีกที) *เรื่องยาจีน พอดีที่บ้านเราไม่ใช่คนจีน ก็จะกินกันไม่ค่อยเป็นน่ะค่ะ แต่ก็ซื้อบัวหิมะทุกรอบที่ไปเลยนะคะ ใช้ก็ไม่ค่อยหมดหรอก ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 10:09:34

ความคิดเห็นที่ 2 *** ขอบคุณนะคะ สำหรับการรีวิวในวันที่สาม เรื่องร้านอาหารในอุทยานฝั่งนี้รู้สึกว่าจะมีร้านน้อยค่ะ (หรือร้านเดียวก็ไม่รู้) แต่ร้านใหญ่พอสมควร เหมือนจะเป็นของอุทยานทำเองค่ะ และเป็นที่เดียวที่ขอบายจากการเข้าห้องน้ำ เพราะสภาพแย่สุดๆ ค่ะ (ปกติค่อนข้างรับได้กับสภาพห้องน้ำตามภัตตาคารในชนบทของจีนอยู่แล้ว) อาหารเหมือนเดิมๆ ที่เจอมาทุกวัน แต่ของเรา ไกด์ไทยดีมากค่ะ เอาใจใส่ลูกทัวร์ ด้วยการทำน้ำปลาพริกให้กินทุกมื้อ และที่จำได้แม่นคือ มื้อนี้ไกด์เราทำมาม่าต้มยำหม้อใหญ่ แจกลูกทัวร์ทุกโต๊ะค่ะ ทุกคนกินมาม่ากันแบบว่าไม่เหลือแม้แต่น้ำในหม้อ ฮ่าฮ่าฮ่า รักไกด์ไทยคนนี้จริงๆ ค่ะ (แอบเห็นหัวหน้าไกด์ นั่งเด็ดพริก ระหว่างทางจากฉางซาไปจางเจียเจี้ยด้วยค่ะ) เห็นแล้วประทับใจมาก รู้สึกว่าเค้าเอาใจใส่ลูกทัวร์สุดๆ แต่ร้านอาหารต้องเดินพอสมควรค่ะ หลังจากนั่งรถขี้นไปถึงจุดรับส่ง อาจจะเป็นเหตุให้ทัวร์ของ จขกท. พาลงไปกินภัตาคารข้างนอกอุทยานแทน ส่วนกระเช้า ตอนที่ไปโชคดีคนน้อย ได้นั่งกระเช้าลงมาแบบสบายๆ แต่วิวไม่ค่อยสวยค่ะ เพราะไปหน้าแล้ง ทำให้ต้นไม่ดูไม่สดชื่นเลย ไม่เหมือนของคุณบุ๊คจัง ที่มีดอกไม้บานสวยงามมากค่ะ สุดท้ายขอให้คุณบุ๊คจัง สุขภาพแข็งแรง หายป่วยจากการผ่าตัดโดยเร็วนะคะ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 21:44:36 จากคุณ : xmzhang2011     เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 21:42:22   *** *เราคิดว่า ทานอาหารนอกอุทยานอาจจะมีทางเลือกให้มากกว่า เพราะอยู่ที่จางเจียเจี้ยสามวัน ก็กินสามมื้อเลย ถ้ากินที่เดิมก็อาจจะเบื่อได้ อีกอย่างคือ เค้าคงต้องพาทัวร์ออกมาร้านขายของด้วยมังคะ *พักหลังๆมานี้เวลาไปทัวร์จีน สิ่งที่จะเห็นไกด์เตรียมไปคือ น้ำพริกนรก (พวกน้ำพริกผงแห้งๆที่ขายในเซเว่นน่ะค่ะ) น้ำปลา แล้วก็พริก แล้วจะมีบาง route ที่กันดารหน่อย ก็จะต้องพกพวกปลาทูน่ากระป๋องไปบ้าง อย่างของเรามีช่วงนึงที่ต้องเข้าชนบท เค้าก็งัดไม้ตาย คือแกงเขียวหวานปลาทูน่าออกมาเสิร์ฟให้ลูกทัวร์ค่ะ (แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าบุ๊กจังไม่กินเพราะอยากกินของท้องถิ่นมากกว่า โดยหลักการแล้วมันเปลือง carbon footprint ค่ะ ^-^) ตอนที่ไปแชงการีล่า ทริปนั้นชนบทจริง (แต่สวยและสะอาด เพราะประชากรเค้าไม่เยอะ) เนื้อสัตว์อย่างเดียวบนโต๊ะคือเนื้อปลา ที่ก้างเยอะมากกกกกกก บุ๊กจังก็จะกินแต่ผัก กับเค้าจะมีเนื้อไก่ปนในผัดผักนิดหน่อย (ผักสดและผัดได้ไม่มันเลย) คือมันชนบทขนาดว่าบอกให้เค้าทำไข่เจียว เค้าทำไม่เป็น คุณไกด์ต้องเข้าครัวไปเจียวไข่ให้ลูกค้า แล้วก็ทำยำปลากระป๋องอีกอย่าง คุณไกด์ทริปที่ไปแชงการีล่าก็น่ารักค่ะ ^-^ *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 10:37:32

ความคิดเห็นที่ 4 *** มาเริ่มไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลยค่ะ ตื่นมาก็ได้ยินเสียงล่ะ มีฟ้าร้องด้วย (ถ้าจำไม่ผิด) พอขึ้นรถ คุณหัวหน้าทัวร์ก็บอกว่าตอนแรกกะจะพาไปทะเลสาบเป่าเฟิงหูก่อน แต่ฝนตกแบบนี้ ไปถ้ำหวงหลงต้งก่อนดีกว่า วันนี้มีเรื่องสับสนกันนิดหน่อย ด้วยความที่ฝนตกด้วยอะไรด้วย เลยเหมือนว่าจะไม่ได้บอกเวลานัดกัน ทำให้บางคนที่เดินช้า ถูกไกด์ต้อนให้ออกก่อน แต่คนที่เดินเร็ว ก็เดินลิ่วเข้าไปจนสุด ไกด์ตามไม่ทัน สุดท้าย คนที่ออกมาก่อน ก็ต้องนั่งรอคนที่ออกมาทีหลังอยู่ดี (สรุปว่าดิชั้นพลาดอีกล่ะ จริงๆก็อยากเดินให้สุดเหมือนกัน) ตอนแรกที่หาข้อมูล บุ๊กจังเข้าใจว่าเป็นถ้ำที่เดินสี่กิโล แล้วไปต่อด้วยเรือล่องถ้ำอีก (แล้วไปออกอีกด้าน อะไรประมาณนั้น) แต่จริงๆแล้ว ส่วนที่เป็นทางเดิน กับส่วนที่เป็นเรือล่องถ้ำ มันอยู่กันคนละที่เลย ซึ่งส่วนที่เป็นทางเดินนี้ คุณหัวหน้าทัวร์บอกว่า เดินเข้าออกทางเดียว ไม่ต้องกลัวหลง ถ้าใครเดินไม่ไหวแล้ว ก็ให้นั่งรออยู่ก็ได้ เพราะสุดท้าย ก็จะต้องเดินออกมาเจอกัน จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 10:57:34

ความคิดเห็นที่ 5 เวลาถึงสถานที่ท่องเที่ยว คุณหัวหน้าทัวร์ของรถบัสอีกคันมักจะเป็นคนนำทัวร์ แกพูดเก่งจริงๆ เราจะเรียกคุณหัวหน้าทัวร์คนนี้ว่าคุณสอง ก็แล้วกัน *** ขอเม้าส์หน่อยว่า คุณสองเนี่ย อะไรที่แกเตือนลูกทัวร์ไว้ แกทำเองทุกอย่างเลย ตอนนั่งกระเช้าเข้าวัดเทียนเหมินซาน แกก็เตือนลูกทัวร์ให้ระวังของหล่นลงเหว เพราะมันเก็บไม่ได้ จนอาม่าคนนึงยอมถอดรองเท้าเก็บเข้ากระเป๋า เพราะรองเท้าแกคู่ละหลายพัน (สงสัยคงเป็นพวก ecco) สุดท้าย คุณหัวหน้าทัวร์แกทำอิท่าไหนไม่รู้ ทำแว่น rayband ที่เมียแกซื้อ หล่นเหวเองซะงั้น -_-" อีกทีก็เตือนลูกทัวร์อย่าลืมบัตรเข้าอุทยาน แต่ตัวแก ลืมบัตรไว้โรงแรม (ฮา) พี่หัวหน้าทัวร์เรา (เรียกว่าพี่หนึ่งก็ละกัน) เลยแซวว่ามันต้องเนียนแกล้งลืมแหงม วันนี้จะได้โดดได้หนึ่งวัน วันสุดท้ายของทัวร์ คุณสองแกก็สร้างวีรกรรมอีก ตอนนี้ถึงเวลาต้องไปสนามบินล่ะ แต่จะไปแวะวัดไหว้พระกันก่อน (ก็ยังดี) ปรากฏว่าแกลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่โรงแรม! ก็ต้องนั่งแท๊กซี่กลับไปเอา แต่ก็โชคดี ในโชคร้าย เพราะมีอาเจ๊คนนึงแกก็ลืมสร้อยไว้ในโรงแรมเหมือนกัน คุณสองเลยกู้หน้าได้ ด้วยการบอกว่าไปเอาสร้อยให้ลูกทัวร์ ^-^ *** มาเข้าเรื่องสถานที่เที่ยวกันดีกว่า คุณสองเค้าเล่าว่า จริงๆแล้วถ้ำหวงหลงต้งเนี่ย เป็น "ถ้ำหินย้อยใหม่" คือเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไม่สวยเท่าของเมืองไทยหรอก แต่ก็ไหนๆก็มาแล้ว ลองเข้าไปดูกันหน่อยแล้วกัน แล้วจะได้เห็นความอลังการแบบ "China made" พูดเรื่องสภาพทางธรณีวิทยากันก่อน (ฟังดูวิชาการมะ?) พอเข้าถ้ำมา คุณสองเค้าก็ชี้ให้ดูบนเพดานถ้ำว่า ลักษณะถ้ำหินย้อยใหม่เนี่ยมันจะดูเหมือนคนไปโบกปูนเปียกๆไว้บนเพดาน (ตามรูป) ซึ่งคุณสองแกสาบานว่าอันนี้เป็นของธรรมชาติ ไม่ใช่ china made. จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:15:59

ความคิดเห็นที่ 6 ตามมาเกาะติดกระทู้ตามลายแทงค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : นาริน เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:19:40

ความคิดเห็นที่ 7 สวย  ตามไปเที่ยวต่อครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:22:24

ความคิดเห็นที่ 8 ผมไปเที่ยวแบบกึ่งๆไปเองกึ่งๆไปกับทัวร์ครับ คือให้ทัวร์จองโรงแรมกับหาไกด์ท้องถิ่นให้ ที่เหลือไปลุยกันเอาเอง เวลาอยากไปไหนอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่เรา หรือบางวันไม่อยากไปตามโปรแกรมที่วางไว้หลวมๆก็ไม่ไป อยากนอนพักขาก็นอนอยากออกสายก็ออกสายๆครับ แล้วก็เลือกที่จะนอนที่โรงแรมเดียวตลอดเวลาที่อยู่จางเจียเจ้ครับ เพราะกะมาพักผ่อนสบายๆ ไม่เน้นเดินขาลาก ผมพักที่ pullman Zhangjiajie ห่างจากทางเข้า อุทยานประมาณ 5 นาทีครับ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็ไปน้อยกว่าครับ ไม่ได้ไปหมู่บ้านเฟิ่งหงเพราะว่ามันต้องตีรถไป 3 ชั่วโมง กลับอีก 3 ชั่วโมงอันนี้ก็จะต่างกันวันนึงแล้วครับ รวมบินตรงจากกวางโจวมาที่จางเจียเจ้เลยก็ หายไปอีกหนึ่งวัน ผมไปเที่ยวแค่   ภาพเขียนสิบลี้ , ขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง , สวนจอมพลเฮ่อหลง , สะพานใต้ฟ้า , เทียนจื่อซาน , ล่องเรือเป่าเฟิงหู , เทียนเหมินซาน ไม่ได้ดูโชว์จิ้งจอกเพราะกลัวเด็กๆที่ไปด้วยจะหนาวกับนอนดึก แต่ว่าอาหารจัดเต็มครับ กินกันไม่เคยหมด สั่งเน้นว่าเอาอาหาร ไม่มัน ไม่เผ็ดมาก ไกด์เค้าก็จัดให้ตามต้องการครับ แต่ว่าก็ยังมีอาหารท้องถิ่นมาให้ลองด้วยครับ จากคุณ : Quetzacoatl เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:37:15

ความคิดเห็นที่ 9 *** มาชมความเป็น china made กันค่ะ คือเดินเข้าถ้ำไปเนี่ย จะเห็นแสงสีแดงสีเขียว ระยิบระยับไปหมด คือเค้าเล่นไฟกันได้เหมือนอยู่ในสวนสนุก ตัวถ้ำเองค่อนข้างเป็นโถงใหญ่ เลยทำให้มองเห็นได้ไกล ส่วนทางเดินเนี่ย เรียกว่าทำได้ดีมาก เป็นทางเดินปูเรียบกริบ มีบันได มีราวจับอย่างดี รับรองผู้สูงอายุเดินได้สะดวกค่ะ จริงๆถ้ามีเวลา เราจะได้เดินชมหินไปทีละก้อน เค้าก็จะมีป้ายอย่างดีเขียนบอกไว้ว่า หินอันนี้เป็นรูปอะไรบ้าง แต่บุ๊กจังเป็นพวกแอ๊บแตก คือเห็นของงามๆแล้วไม่ชอบแปลความหมาย ถ้ามันจะสวย ก็เพราะว่ารูปทรงมันสวยถูกใจ ไม่ใช่ว่ามันงอกออกมาแล้วหน้าเหมือนพระเยซูฯลฯ บุ๊กจังก็เลยไม่ค่อยได้อ่านป้ายเท่าไหร่ อากาศในถ้ำก็เย็นๆชื้นๆหน่อย มีน้ำหยดเป็นระยะๆ หยดแหมะลงหัวบ้างอะไรบ้าง บุ๊กจังเลยโวยวายว่า แย่แล้ว โดนมังกร:-)น้ำลายใส่ คุณสองแกเลยบอกว่า อันนั้นน่ะ จะโชคดีเหมือนได้น้ำมนต์เลยน้า เอ้า ก็ว่ากันไป คุณสองแกชี้ให้ลูกทัวร์ดูต่อไปว่า มีม่านหินย้อยบางที่ (กว้างยาวประมาณหนึ่งเมตร) โดนตัดออกไปเหลือแต่โคน แกบอกว่า ที่ม่านมันหัก ไม่ใช่เพราะหักเอง หรือแผ่นดินไหวหรืออะไร แต่เพราะรัฐบาลจีนนี่แหละ ตอนเข้ามาสำรวจทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็กะจะทำทางเดินตรงนั้น ก็เลยไปตัดซะ จะได้เดินสะดวกๆ ต่อมาเปลี่ยนใจ ก็หันไปตัดอีกม่านที่อยู่ข้างๆกันแทน ซึ่งก็เป็นทางเดินที่เราเดินอยู่นี่แหละ บุ๊กจังก็ได้แต่กรี๊ซอยู่ในใจว่าม่านอันโตขนาดนั้นน่าจะใช้เวลาเป็นหลายชาติกว่ามันจะใหญ่ได้ขนาดนั้น -_-" คุณสองแกก็สรุปว่า นี่แหละ ไชน่า เมด ที่ผมบอก *** ขอคุยเรื่องการถ่ายรูปในถ้ำกันเล็กน้อย กล้องที่บุ๊กจังถืออยู่คือ Sony Nex 5N ซึ่งมีความสามารถถ่ายในที่มืดได้ดี ซึ่งคราวนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะบุ๊กจังว่ามันถ่ายในถ้ำได้ดีทีเดียว ถ้าเทียบกับกล้องอื่นๆที่ถ้าไม่มีแฟลช อาจจะถ่ายได้อย่างเบลอๆเลย ถ้ามีขาตั้งกล้องอีกอย่าง มันจะเวิร์คมากๆ แต่จริงๆ ด้วยความที่ทางเดินมันมีราวจับตลอดทาง เราใช้ราวบันไดเป็นขาตั้งกล้องก็ได้ อย่างรูปนี้ก็วางบนราวบันไดแล้วถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ต่ำๆเอา จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:40:47

ความคิดเห็นที่ 10 ตามชมต่อน่ะครับ...รูปในถ่ำยิ่งใหญ่จัง จากคุณ : artat เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:47:18

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้ำใหญ่มากๆ ตามไปเที่ยวด้วยครับ...... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:53:54

ความคิดเห็นที่ 12 ไฮไลท์อันแรกที่เราจะเดินเข้าไปเจอก็คือ "ห้องนางพญาหงส์" หรือที่คุณสองเรียกว่า "ห้องเมียมังกร" เพราะคนจีนเนี่ย เห็นอะไรยาวๆใหญ่ๆ (บุ๊กจังหมายถึงถ้ำค่า อย่าคิดเป็นอย่างอื่น) ก็เรียกว่าเป็นมังกรไว้ก่อน ส่วนอะไรที่สวยๆอยู่ใกล้ๆกัน ก็จะเหมาให้เป็นเมียมังกร หรือว่าหงส์ตลอดเลย แล้วอย่างที่ทราบกันว่า สัญลักษณ์มังกรห้าเล็บเนี่ย ถือเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ดังนั้นสัญลักษณ์ของพวกฮงเฮา ก็เลยเป็นหงส์ไงคะ พอเดินมาถึงตรงห้องนอนพญาหงส์เนี่ย ก็ได้ทึ่งกะคนจีนอีกแล้ว คือพวกพี่ๆที่เค้ารับถ่ายรูปในสถานที่ท่องเที่ยวไงคะ ตามมาตั้งบู้ตกันถึงในถ้ำนี่เลย -_-" พูดจริงๆนะคะ ถ้าเค้าลงทุนซื้อไฟสตูฯอีกซักตัวเดียว หรือใช้แฟลชมีเบ้าส์ซักหน่อย บุ๊กจังจะยอมเสียเงินถ่ายจริงๆด้วย แต่จากประสบการณ์แล้วล่ะก้อ ภาพถ่ายแบบนี้มันไม่ทำให้ดิชั้นได้ผุดได้เกิด เลย ทั้งอืดทั้งบวม น่าเกลียดที่สุด บุ๊กจังก็เลยพยายามไม่เดินไปเข้ากล้องของพี่ๆพวกนี้ ปล. รูปนี้ถ่ายด้วยฟังก์ชั่น panorama HD ของกล้องค่ะ เดี๋ยวนี้ถ่ายรูปเป็นเรื่องง่ายจริงๆ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:57:01

ความคิดเห็นที่ 13 ***รูปเซ็ทนี้ บุ๊กจังจะทำใหญ่เป็นพิเศษนะคะ เพราะอยากให้เห็นความกว้างใหญ่ของถ้ำ*** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 11:58:48

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ำกว้างใหญ่ อลังการมากค่ะ จากคุณ : ไม่เมา ไม่อ้วก ไม่พูดมาก เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 13:50:25

ความคิดเห็นที่ 15 รีวิวอย่างละเอียดจริงๆ ค่ะ ตามตั้งแต่เช้ายังไม่คืบหน้าเลย แต่ยังตามอยู่นะคะ จากคุณ : arrissat เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:08:26

ความคิดเห็นที่ 16 ตามไปเที่ยวด้วยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ  ^^ จากคุณ : ไฮเปอร์ แมเนีย เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 14:08:35

ความคิดเห็นที่ 17 ตามมาเที่ยวเก็บข้อมูลครับ รีวิวนี้ ข้อมูลแน่นเอียด ;) จากคุณ : สีขุ่น เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 16:13:55

ความคิดเห็นที่ 18 รูปถ่ายในถ้ำสวยมาก และชัดมากเลยค่ะ   เสียดายนะคะที่คุณบุ๊คจังไม่ได้นั่งเรือล่องไปในถ้ำด้วย  ไม่งั้นคุณบุ๊คจังคงจะได้ถ่ายรูปมังกรเหลือง จ้าวถ้ำที่เฝ้าอยู่กลางน้ำ มาฝากให้ชมด้วย ซึ่งจะเห็นเมื่อนั่งเรือไปค่ะ  เป็นเหมือนเกาะกลางน้ำ (ที่อยู่ในถ้ำอีกที) มองเห็นเป็นรูปคล้ายหัวมังกรจริงๆ เพราะว่า china made ที่เค้าเอาไฟไปประดับ เป็นรูปดวงตา เลยทำให้ดูจนคล้ายมังกรจริงๆ ค่ะ แต่รูปในถ้ำที่ถ่ายมาสวยงามอลังการมากจริงๆ ค่ะ จากคุณ : xmzhang2011 เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 18:50:16

ความคิดเห็นที่ 19 NEX 5N ไม่ธรรมดาจริงๆ ^^ จากคุณ : izogzag เขียนเมื่อ : 27 เม.ย. 55 20:02:04

ความคิดเห็นที่ 20 ลิงค์ที่ 2 มีปัญหานะคะ แหะๆๆ เปิดเข้าไป มันไม่ใช่อ่า.... ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ จากคุณ : ฮุยเฉง เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 07:33:10

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีวันจันทร์ค่ะ เมื่อวันศุกร์งานเข้าจริงๆ เลยไม่มีเวลามาอัพเดทให้จบวัน วันนี้มาต่อกันให้จบวันที่สี่กันต่อเลยค่ะ ! จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 08:33:17

ความคิดเห็นที่ 22 ***ห้องมังกร*** เราเดินจากห้องพญาหงส์ ต้องไต่บันไดมาอีกนิดหน่อยก็จะมาโผล่อีกห้องโถงนึง ตรงนี้ที่เค้าเรียกกันว่าเป็นห้องพญามังกร ซึ่งคนจีนเค้าก็กลัวว่าเราจะมองไม่ออก เค้าเลยทำปูนปั้นมังกรไว้ตัวใหญ่ขวางทางเดิน หันหน้าเข้าหาคนที่จะเดินเข้ามาจากทางด้านหน้าถ้ำ ได้บรรยากาศ spooky ดีเหมือนกัน จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:10:26

ความคิดเห็นที่ 23 ถ่ายรูปออกมาดูเหมือนสวย แต่ ณ โมเม้นท์นั้น รู้สึกรำคาญเจ้ามังกรจริงๆค่ะ เพราะทางเดินก็แคบ ยังมาทำรูปปั้นอีก ห้องมังกรนี่ดูแล้วเหมือนห้องบอลรูมที่มีโคมระย้าอันโตแขวนอยู่กลางห้อง แต่จริงๆโคมระย้าอันนั้นก็คือหินย้อย พอไฟส่องมาก็จะเห็นประกายวิบวับเหมือนเพชร (เข้าใจว่าเป็นสภาพทางธรณีที่มีแร่ธาตุอะไรบางอย่างอยู่ บุ๊กจังมองไปมองมาเห็นอาเจ๊บางคนเอามือขูดๆผนัง บุ๊กจังก็เดินเข้าไปดู นึกว่าหาหวยกับพญามังกร แต่อาเจ๊บอกว่าหาเพชรต่างหาก พอดีบุ๊กจังมัวแต่เดินรั้งท้ายถ่ายรูป เลยไม่ทราบว่าคุณสองเค้าเล่าอะไรให้อาเจ๊ฟัง ถึงได้มาถูผนังหาเพชรอยู่ตรงนี้) มาเข้าเรื่องดีกว่า จริงๆแล้ว ไฮไลท์ของห้องนี้จริงๆอยู่ที่หินย้อยที่แขวนอยู่กลางห้องโถง ซึ่งแทนที่จะย้อยลงมาแหลมๆ ก็กลับมีรูโหว่ตรงกลาง รูปร่างก็บิดเบี้ยว ทำให้คนจีนจินตนาการไปว่าเป็นหัวมังกร .... แต่บุ๊กจังดูยังไงก็ดูเหมือนหัวเอเลี่ยนมากกว่า...ท่านอื่นดูรูปแล้วช่วยบอกทีว่าเป็นอย่างที่บุ๊กจังคิดไหม? จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:29:46

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าหากเราต้องการจะเดินต่อไป เราต้องเดินเลียบริมห้องโถงไปทางหางรูปปั้นมังกร ขอบอกว่า ณ จุดหางมังกรนั่น เหม็นฉี่มากๆ สงสัยฉี่มังกรแน่ๆ น่าเสียดายที่บุ๊กจังเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้นานไปหน่อย เลยทำให้อาบัว ซึ่งเป็นไกด์ท้องถิ่นตามมาทัน อาบัวเป็นสาวที่ออกนักเลงหน่อย คุยสนุกปากไว แต่เวลาที่พาเที่ยว อาบัวชอบเร่งลูกทัวร์ตลอดเวลา ชอบบอกว่า "ตรงนั้นไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเดินไปก็ได้" (แล้วตรูจะมาเที่ยวทำไมเนี่ย) คราวนี้อาบัวบอกว่า "ตรงนี้เป็นไฮไลท์แล้วค่ะ จากตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว" ซึ่งลูกทัวร์ที่ตอนนั้นมีกันประมาณ 10 คนที่อยู่ตรงนั้น ก็ไม่ค่อยอยากจะกลับ อยากจะเดินต่อ โดยพวกเราเข้าใจว่า ทัวร์น่าจะเผื่อเวลาให้เราเดินให้ทั่วๆไว้แล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท บุ๊กจังเลยถามอาบัวว่าตกลงเราจะต้องไปที่รถกี่โมง (เรื่องเวลานี่บุ๊กจังจำแน่นอนไม่ได้ แต่เล่าเอาฟีลแล้วกันนะคะ) อาบัวบอกว่าต้องออกจากที่นี่ 10 โมง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 9.30/9.45 น. จากนั้นอาบัวก็เดินต่อไป กะว่าจะไปตามลูกทัวร์ที่เหลือ ที่เดินเลยห้องมังกรเข้าไปแล้ว พวกเราที่ไม่ได้เดินต่อ ด้วยความเสียดาย ก็เลยยืนถ่ายรูปกันอยู่ในห้องมังกรอีกพักใหญ่ กะว่าจะรอให้คนที่เดินเลยห้องมังกรไปกลับออกมาแล้วเดินไปพร้อมกัน เพราะรู้สึกขาดทุน ถ้าจะต้องรีบเดินออกไปรอที่รถ   รอซักพักไม่มีใครออกมา ต่างคนก็ทะยอยพากันกลับ ก็เดินชิวถ่ายรูปไปเรื่อยๆ *อ้าว แปะผิดรูป* แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 10:03:48 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:03:13

ความคิดเห็นที่ 25 รูปนี้ค่ะ เห็นรูปปั้นมังกรทั้งตัวเลย เลยทำให้ไฮไลท์จริงๆของห้องดูจืดไปเลย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:04:42

ความคิดเห็นที่ 27 รูปไม่ออก จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:05:38

ความคิดเห็นที่ 28 ออกจาห้องมังกรมา มองกลับไป ก็ได้รูปทางเดินลัดเลาะถ้ำที่สวยไปอีกอย่าง จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:06:58

ความคิดเห็นที่ 29 ตอนนี้จะรูปเยอะ บรรยายน้อยนะคะ เพราะเดินออกมาเกือบถึงปากถ้ำล่ะ ตรงนี้ค่อยเหมือนไปเที่ยวสถานที่ธรรมชาติหน่อย ขนาดเดินช้าๆ คนด้านหลังก็ยังไม่เดินออกมาเลย แล้วเรื่องอะไรเราจะออกไปกันล่ะ บุ๊กจังเลยบอกพ่อกับแม่ และน้องๆในทัวร์เดียวกันว่าอย่าเพิ่งออกไปเลย นั่งรอกันแถวนี้แหละ อีกอย่างเพราะว่าน้องชายบุ๊กจังก็ยังไม่ออกมาด้วย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:10:03

ความคิดเห็นที่ 30 ถ่ายรูปธรรมดาไปก็แล้ว ก็เริ่มถ่ายเอฟเฟกส์ไร้สาระ รูปนี้ตั้งใจให้เหมือนเป็นหมอกไหลเข้ามาจากนอกถ้ำ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:11:29

ความคิดเห็นที่ 31 ซักพักเริ่มเบื่อ เลยชักชวนกันเดินออกมาด้านหน้า ซึ่งตอนเช้าฝนตก ไม่ทันได้ดู สังเกตว่ามีระเบียงออกไปเป็นจุดชมวิว ก็ถ้าใครไปเมืองจีน ให้สังเกตระเบียงพวกนี้ไว้นะคะ แสดงว่ามันเป็นจุดที่เค้าให้ออกไปชมวิวถ่ายรูป บุ๊กจังไปแวะมาหมดทุกระเบียงที่เดินผ่านแล้วล่ะ เค้าทำไว้ดีเชียว รับรองว่าวิวสวยทุกมุม ระหว่างรอลูกทัวร์ บุ๊กจังขอเม้าส์ก่อนแล้วกันนะคะ ***จางเจียเจี้ย เหมือนจะเดินเยอะ แต่ไม่เยอะ*** แน่นอนว่า ถ้าคนที่เคยมาเมืองจีน จะทราบว่าเที่ยวเมืองจีนต้องเดินเยอะ ตอนที่บุ๊กจังหาข้อมูล ก็เห็นว่าแต่ละที่เที่ยวเนี่ย เดินกันเป็นกิโลเลย หรืออย่างภูเขาเทียนเหมินซาน ก็มีบันไดตั้ง 999 ขั้น ตัวเองก็แอบหวั่นๆอยู่ว่าจะไหวหรือเปล่า คือพักนี้เริ่มอายุมาก น้ำหนักเยอะด้วย ไม่ฟิตเหมือนตอนสะพายเป้ท่องยุโรปแล้ว แต่ขอยืนยันตรงนี้ว่า สถานที่เที่ยวในเส้นทางจางเจียเจี้ยเนี่ย เดินสบาย เดินได้เรื่อยๆ ลูกทัวร์คณะเดียวกับบุ๊กจังเนี่ย มีคุณตาคนนึงเกือบแปดสิบแล้ว ยังเดินชิวๆอยู่เลยค่ะ *** โอเค มาถึงจุดที่ว่า เรารอเดินมารอในรถได้ประมาณสิบนาทีล่ะ แต่ก็ยังมีคนไม่ครบ แม่เริ่มเป็นห่วงแล้วว่าน้องชายหายไปไหน จนกระทั่งซักพัก น้องชายก็เดินออกมากับลูกทัวร์อีกประมาณห้าคนซึ่งมีโอกาสได้เดินไปจนถึงสุดถ้ำ (รวมถึงคุณตาที่อายุเกือบแปดสิบด้วย) กว่าจะได้ออกจากตรงนั้นก็น่าจะเกือบ 11 โมง เรากับแม่ก็ได้แต่มองตากัน ส่งสัญญาณบอกกันว่า เจ็บใจที่หลงกลอาบัวอีกแล้ว แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 10:33:34 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:33:05

ความคิดเห็นที่ 32 รายการต่อไปคือการไปร้านผ้าไหมค่ะ สาเหตุที่บุ๊กจังอยากเล่าเรื่องร้านขายของเมืองจีนก็เพราะว่า สำหรับบุ๊กจังแล้ว ร้านขายของเมืองจีนมันเหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกอันนึง ที่มันไปหาที่อื่นไม่ได้นะคะ เข้าไปก็มี display เหมือนพิพิธภัณฑ์ มีคนในคอสตูมมาแสดงละครให้เราดู หรือบางทีก็เป็นโชว์กายกรรม สุดท้ายเราก็เสียเงินซื้อของ souvenir กลับบ้าน เนี่ย! เห็นไม๊คะว่ามันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชัดๆ ถ้าคนไปเมืองจีนบ่อยแล้ว จะมีคนสองประเภทคือ 1.ไปแล้ว ไม่อยากไปล่ะ ไม่อยากได้อะไร 2.ไปสิ ตั้งใจมาซื้อของเค้าเนี่ยแหละ ซื้อไปคราวที่แล้วใช้ดีจริงๆ ซึ่งลูกทัวร์บุ๊กจัง ไม่มีใครเป็นมือใหม่ซักคน ดังนั้น ก็เลยยอมไปร้านขายของแต่โดยดี อีกเหตุผลนึงที่อยากจะเล่าให้ฟัง ก็เพราะว่าเวลาไปทัวร์ คนมักจะรีวิวแต่สถานที่ท่องเที่ยว ไม่ค่อยเห็นใครรีวิวร้านขายของพวกนี้ ซึ่งบุ๊กจังคิดว่า ร้านขายของพวกนี้ เค้าก็อาศัยว่ายังไม่ได้มีใครมานั่งคุยเรื่องประสบการณ์การเข้าร้านขายของอย่างจริงจังเนี่ยแหละ ก็เลยขายของด้วยวิธีเดิมๆต่อไป ทั้งๆที่จริงๆบุ๊กจังรู้สึกว่า ผลิตภัณฑ์ของเค้ามันดี แล้วมันก็ขายได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเล่นละครลิงให้ดูก่อนขายของเลย ทำเป็นฉายหนังขายยาไปด๊าย ***ร้านผ้าไหม AKA ร้านขายผ้าห่มรังไหม*** ร้านนี้ผลิตภัณฑ์หลักของเค้าคือการขายไส้ผ้าห่มที่ทำจากรังไหม และปลอกผ้าห่มไหม * โดยเค้าจะมีคนขายที่พูดภาษาของประเทศต่างๆได้ มาเป็นคนพาทัวร์สถานที่ก่อน *ตอนแรกจะไปดูขั้นตอนการเลี้ยงตัวไหม *จากนั้นจะพาเดินชมชุดจักรพรรดิ ให้ดูว่าผ้าไหมจีนคุณภาพดีเป็นอย่างไร *เสร็จแล้วจะพอเข้าส่วนที่เป็น workshop ให้ดูว่าขั้นตอนการทำผ้าห่มของเค้าทำอย่างไร เริ่มจากผ่าเอาตัวไหมออก แล้วก็เอามายืดให้เป็นแผ่นบางๆ ฯลฯ ซึ่งเดี๋ยวจะพูดต่อไป *จากนั้นนำไปดูราคามาตรฐาน *แล้วก็พาหมูสยาม ... เอ๊ย...ชาวคณะทัวร์ไทย เข้าห้องรับรอง เพื่อพาไปดูผลิตภัณฑ์และบอกโปรโมชั่น *ช้อปตามอัธยาศัย *สนนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง *** ไปเสิร์ชหาเจอลิงค์ที่พูดเรื่องร้านขายของเมืองจีน เลยเอามาฝากกันไว้ที่นี่ด้วยเลยค่ะ ถือว่าให้มองเป็นอีกมุมนึงแล้วกัน สำหรับคนที่ไม่เคยไปเมืองจีน ไม่ค่อยรู้เรื่อง เจออย่างนี้เข้ามันก็เสียความรู้สึกเหมือนกัน   http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/08/E9609119/E9609119.html กับอีกลิงค์เป็นร้านผ้าไหมที่ปักกิ่งค่ะ แต่ดูแล้วขั้นตอนเหมือนกันเด๊ะเด๊ะ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=261233 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:56:26

ความคิดเห็นที่ 33 ขอสารภาพว่า ด้วยความที่เคยมาแล้วรอบนึง รอบนี้เลยไม่ได้ติดตามคุณเซล์ว่าเค้าอธิบายอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ร้านขายของที่จางเจียเจี้ยเนี่ย ยังไม่ค่อยโปรฯจริงๆ ทำอะไรไม่ค่อยเนียน สินค้าก็ไม่ค่อยโดนใจ ของบางอย่างน่าจะขายได้ก็ไม่ขาย มุ่งแต่จะขายสินค้าไฮไลท์กันแบบเน้นๆ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:59:50

ความคิดเห็นที่ 34 สังเกตว่าเข้าร้านขายของรอบนี้ จะเจอคนขายเป็นหนุ่มหน้าตาดีเยอะกว่าสาวๆน่ารัก (ยกเว้นน้องสาวขายชาเมื่อวาน) คุณน้องเซลล์คนนี้กำลังอธิบายวิธีการทำไส้ผ้าห่ม ด้วยการผ่าเอาหนอนไหมแฝดออกมา แล้วจะมีขี้ไหมอยู่ในรังไหมด้วย ขี้ไหมก็เอาไปทำประโยชน์ได้ (ถ้าจำไม่ผิดก็เอาไปทำเครื่องสำอาง ซึ่งจริงๆตรงนี้ มันน่าจะขายพวกครีมขี้ไหมได้อีก แต่เค้าก็ไม่ได้ขาย) น้องเซลล์เอารังไหมที่แช่น้ำมากางให้โชว์ให้ดูว่าเส้นไหมมันเหนียวมาก จากรังเล็กๆ คลี่ออกมาสวมไว้กับเหล็กโค้งๆนี่ ก็ขยายตั้งหลายสิบเท่าแล้ว แต่ยังไม่ขาดเลย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:03:34

ความคิดเห็นที่ 35 ขั้นต่อไป เค้าก็จะเอารังไหมที่ตากแห้งแล้ว มาดึง ดึง ดึง จนได้ขนาดเท่ากับไส้ผ้าห่ม ถ้าคิดแล้วมันก็ขยายได้หลายร้อยเท่า จากขนาดตอนที่เป็นรังไหมอันน้อยๆ ถึงตรงนี้ ร้านขายของบางร้านจะห้ามถ่ายรูป (ที่แชงการีล่า) แต่ร้านนี้ถ่ายไปได้เต็มที่ บางร้านก็จะให้พนักงานมาดึงให้ดู แต่ร้านนี้ให้ลูกทัวร์มาลองดึงกัน ทุกคนก็ดึงกันเป็นที่สนุกสนาน (ประมาณว่า เอาเว้ย! รีบๆร่วมมือกะเค้าหน่อย ตรูจะได้รีบช้อปรีบเสร็จ รีบไปกินข้าวซะที หิวล่ะ) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:08:08

ความคิดเห็นที่ 36 จากนี้จะเริ่มขั้นตอนการขายล่ะ คุณน้องเซลล์ก็พาไปดูราคาไส้ผ้าห่มมาตรฐานก่อน โดยเค้าจะขายตามน้ำหนัก ดังนั้น ด้วยราคาเดียวกัน ผ้าห่มขนาด 3 ฟุตก็จะหนากว่าผ้าห่มขนาด 6 ฟุต เค้าก็แนะนำว่า ถ้าเป็นประเทศไทยที่ไม่หนาวเลย ควรจะใช้ไส้ผ้าห่มขนาด 1000 - 1500 กรัม (ขอโทษที่รูปนี้ถ่ายแล้วไม่เห็นราคานะคะ แบบว่าไม่ได้สนใจจะซื้อเพราะที่บ้านมีแล้ว) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:11:44

ความคิดเห็นที่ 37 จากนั้นน้องเซลล์เค้าก็พาเข้าห้อง ปิดประตู เพื่อไปปิดการขายกันล่ะ โดยที่ข้างนอกนั่น เค้าบอกแต่ราคาไส้ผ้าห่ม แต่ข้างในนี้ เค้าจะนำเสนอปลอกผ้าห่มแบบต่างๆ ***เพราะไส้ผ้าห่มรังไหมนี่ เค้าว่าจะดีที่สุดถ้าใช้กับปลอกผ้าห่มไหมของเค้าเท่านั้น*** แต่ก่อนเค้าจะมีลายอะไรไม่ค่อยสวย เป็นลายจีนๆ แต่มาครั้งนี้ เค้าว่าปลอกผ้าห่มเค้าพัฒนาไปถึง Generation 6 แล้ว (เอ่อ มันไม่ใช่ไอแพดนะเฟร้ย!) ซึ่งจริงๆเราว่ามันก็เป็นแค่ลายที่ใหม่กว่าเดิม บ้างอะไรบ้าง เท่าที่จำได้แต่ละรุ่นจะเป็นประมาณนี้ รุ่น 1 - เป็นผ้าไหมด้านเดียว ผ้าหน้าแคบทำให้มีลายต่อผ้า รุ่น 2 - เป็นผ้าไหมสองด้าน แต่ก็ยังต้องต่อผ้า รุ่น 3-4-5-6 ชักเยอะ จำไม่ค่อยได้ แต่ประมาณว่า บางรุ่นจะมีไส้รังไหมบางๆบุอยู่ บางรุ่นเป็นผ้าไหมหน้ากว้าง ไม่มีรอยต่อ บางรุ่นทำผ้าให้แข็งขึ้น จะได้แข็งแรงทนทาน (ปลอกรุ่นแรกๆจะลื่นๆนิ่มๆ)   เค้าก็จะเริ่มบอกโปรโมชั่น ซึ่งมันเยอะมาก ประมาณว่า ซื้อปลอกรุ่นสาม แถมปลอกหมอดสองอันและไส้ผ้าห่ม ซึ้อรุ่นสี่แถมรุ่นสาม ซื้อรุ่นห้าแถมรุ่นสี่ แถมหมอนอิง ฯลฯ คนที่สนใจก็ต่อราคากันไป เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะรีวิว เลยไม่ได้ถามราคาสุดท้ายมาบอกกัน จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:22:04

ความคิดเห็นที่ 38 ด้วยความที่เค้าตั้งราคาและโปรโมชั่นจนงุนงงสับสน เรียกว่าต่อกันจนงง เลยใช้เวลานานหน่อย คนที่ไม่ได้ซื้อก็รอกันอย่างนาน จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:23:40

ความคิดเห็นที่ 39 ขอโทษครับ ลงผิดกระทู้ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 12:43:52 จากคุณ : taweesak19 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:40:51

ความคิดเห็นที่ 40 ซื้อเสร็จก็มีบริการห่อด้วยห่อสูญญากาศ ก็คือเอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดเอาลมออกนั่งเอง จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:14:28

ความคิดเห็นที่ 41 *** คุณ taweesak19 หวัดดีค่ะ *** จากนั้นก็ไปทานข้าวค่ะ มื้อนี้อาหารก็เดิมๆ (อร่อยเหมือนเดิม) แต่มีของพิเศษอย่างนึงคือมีข้าวหลามจิ๋วด้วยค่ะ หน้าตาเป็นไม้ไผ่รวก (ท่อนเล็กๆ) กรอกด้วยข้าวเหนียวกับไส้ แล้วเอาใบไม้ห่อหัวท้าย ผูกด้วยใบไม้อะไรอีกอย่าง จากนั้นน่าจะเอาไปทอด เพราะเวลาหยิบแล้วน้ำมันเยอะมาก เวลาแกะออกมา ไม้ไผ่จะแบะออกมาเป็นสองซีก กินง่าย (แต่บางอันก็ไม่แบะ ต้องเอาตะเกียบทะแยงเอาไส้ออกมา รสชาติก็เค็มๆ คล้ายๆบะจ่างแต่ข้าวนิ่มๆเละๆ คือบุ๊กจังเป็นคนชอบบะจ่าง ก็เลยรู้สึกว่ามันอร่อยดี แต่ดูเสียเวลาทำน่าดูเลย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:19:47

ความคิดเห็นที่ 42 ***ทะเลสาบเป่าเฟิงหู*** "ทะเลสาบเป่าเฟิงหู" ล่องเรือในทะเลสาบบนช่องเขาสูงที่หายากเนื้อที่ผิวน้ำรวม 30 เฮกตาร์ น้ำลึกถึง 72 เมตรและมีความยาวถึง 2.5กิโลเมตร รายล้อมด้วยยอดเขา น้ำใสเหมือนกระจกมองจากที่ไกล ยากที่จะแยกออกได้ว่าน้ำอยู่ในภูเขาหรือภูเขาอยู่ในน้ำกันแน่ *** ตอนบ่ายฝนตกพรำ เราก็จะไปทะเลสาบเป่าเฟิงหูกันค่ะ ความแปลกของทะเลสาบนี้อยู่ตรงที่มันเป็นทะเลสาบบนยอดเขาค่ะ (แนวๆทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟ) งานนี้พี่หนึ่งหัวหน้าทัวร์เราประกาศตั้งแต่อยู่บนรถแล้วว่า ทางเดินไปทะเลสาบนี่ต้องเดินไกลและขึ้นบันได แล้วขึ้นทางหนึ่ง ลงอีกทางหนึ่ง ไม่เหมือนทุกครั้งที่เข้าออกทางเดียว งานนี้ถ้าตัดสินใจไป ต้องเดินให้ถึง จะหยุดกลางทาง รอให้คนอื่นลงมาไม่ได้แล้ว บุ๊กจังก็เสียวๆว่าคุณพ่อจะไม่ยอมเดิน แต่คุณพ่อก็บอกว่า ไหนๆมาแล้ว จะกัดฟันค่อยๆเดินแล้วกัน ระหว่างทางเดินไป มันก็ดูเป็นที่ราบๆ เราก็นึกไม่ออกหรอกว่า ทะเลสาบจะหน้าตาเป็นยังไง แต่ทางเดินก็มีต้นไม้ใบไม้ชุ่มฉ่ำไปหมด จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:31:04

ความคิดเห็นที่ 43 แถวนี้พันธุ์ไม้ดูหลากหลายกว่าทางภูเขาฮาเลลูยา มีต้นดอกบ๊วยสีชมพูบานเย็น บานสู้ฝน (ถ้าเป็นซากุระคงร่วงกราวไปแล้ว) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:33:59

ความคิดเห็นที่ 44 เดินตามถนนไปซักพัก ไกด์ก็พาเดินข้ามถนน เห็นเป็นบันไดหินไต่พาดขึ้นไปบนหน้าผาทางซ้ายมือ ที่เห็นอยู่ในรูป คคห.42 น่ะค่ะ เราเริ่มจะรู้สึกตื่นเต้นล่ะ ว่าทะเลสาบที่เค้าว่าอยู่บนยอดเขานี่จะหน้าตาเป็นยังไง เข้าใจว่าบันไดตรงขาขึ้น ก็น่าจะประมาณ 300 ขั้น แต่พวกเราเดินกันเรื่อยๆ หยุดถ่ายรูปบ้าง ก็เลยไม่เหนื่อย ถ้าใครไปเที่ยวที่นี่ ขอให้อย่าลืมหันหลังมองวิวทางด้านหลังบ้าง มองวิวทางด้านหน้า เห็นแต่หน้าผา กับก้นคนข้างหน้า แต่วิวด้านหลังเป็นภูเขาเขียวชะอุ่ม ราวกับภาพวาด แล้วอย่าคิดว่าขากลับจะเห็น เพราะขากลับลงอีกด้านจ้า จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:39:11

ความคิดเห็นที่ 45 เดินขึ้นมาจนสุดทางก็ต้องต้องตะลึง เพราะอีกด้านของภูเขาก็คือทะเลสาบจริงๆ! ณ จุดนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในนิยายกำลังภายใน เวลาที่พระเอกหลงป่า ปีนเขาไปเจอทะเลสาบลับที่นางเอกโดนเลี้ยงมาโดยอาจารย์แม่ ไม่เคยเจอผู้ชาย อะไรแบบนี้ จางเจียเจี้ยนี่มันเป็นแรงบันดาลใจให้หนังสือกำลังภายในชัดๆ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:44:35

ความคิดเห็นที่ 46 เดินลงมาก็จะเป็นท่าเรือเลย มีเรือเยอะมากมาย ไม่ต้องแย่งกัน เค้าจะล่องเรือลัดเลาะไปเรื่อยๆ แล้วจะมีสาวๆหนุ่มๆชาวเผ่าพื้นเมือง (เผ่าถู่เจีย?) โผล่ออกมาจากบ้านเรือ แล้วก็ร้องเพลงให้ฟังด้วย นักร้องแต่ละคนร้องเสียงใส สะท้อนน้ำสะท้อนผา ได้อารมณ์มาก ล่องเรือคราวนี้ อาบัวเป็นคนบรรยาย อาบัวบอกว่าเวลาเวลาเค้าร้องเสร็จแล้ว เราจะต้องร้องตอบดังๆว่า "ฮัดเช่ย! ฮัดเช่ย!" ที่เจ๋งกว่าคือ มีอาม่าคนนึงเค้าร้องงิ้วได้ อาม่าไปร้องงิ้วตอบเค้าได้อีก พลังเสียงสู้นักร้องอาชีพได้เลย (ตรงนี้เราไม่มีรูปเลยเพราะเราถ่ายเป็นวิดีโอเอา) *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:08:24

ความคิดเห็นที่ 47 ที่ไม่น่าเชื่อคือ พอเท้าเราเหยียบท่าเรือก่อนลงเรือ จากฝนที่ตก แดดก็เริ่มออก จากน้ำที่เคยเขียวๆ ก็กลายเป็นสีเขียวฟ้า ใส่มองลงไปได้ลึกพอสมควร (ได้ข่าวว่ามันลึกมาก บุ๊กจังนึกถึงทะเลสาบมรณะ Nyos ที่ประเทศคาเมรูนขึ้นมาแล้วก็เสียวว่า มันจะเกิดกับทะเลสาบเป่าเฟิงหูได้บ้างไหมเนี่ย) *** Nyos Lake ทะเลสาปมรณะ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/05/X10621754/X10621754.html *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:14:30

ความคิดเห็นที่ 48 ไฮไลท์ของที่นี่คือเกาะและสะพานศักดิ์สิทธิ์ของชาวพื้นเมือง และหินเทพธิดาอาบน้ำ ในรูปคือหินเทพธิดาอาบน้ำ เห็นเป็นหน้ากับผ้าโพกหัว ส่วนตัวนั้นอยู่ใต้น้ำ ส่วนเกาะศักดิ์สิทธิ์นั้น คนธรรมดาเค้าห้ามขึ้นไปเหยียบ จะขึ้นได้แค่คนของเค้า และเวลาที่มีพิธีการเท่านั้น (คล้ายๆทะเลสาบซันมูนที่ไต้หวันเลย) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:17:25

ความคิดเห็นที่ 49 ระหว่างที่ล่องเรือไป เราก็จะเห็นเจ้าหน้าที่กำลังเก็บใบไม้และขยะที่ลอยไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน ขอกด like ให้เจ้าหน้าที่ซักร้อยที คุณนี่แหละ ฮีโร่ตัวจริง ถ้าไม่มีคุณ ทะเลสาบคงเน่าไปด้วยขยะจากนักท่องเที่ยวไปแล้ว! จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:19:03

ความคิดเห็นที่ 50 ขาลง เพิ่งจะมามีป้ายบอกว่า ที่คุณกะลังจะเดินลงไปเนี่ย มันเป็นบันได 395 ขั้นนะจ๊ะ เออ แล้วมาติดไว้ตรงนี้ ถ้าอาม่าเกิดโวยวายว่าเดินไม่ไหว แล้วจะให้ทำไงดีล่ะเนี่ย ? จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:20:56

ความคิดเห็นที่ 51 ทางลงใหม่ (แบบมีราวบันได) และทางลงเดิมที่ต้องเดินเลียบหน้าผาจริงๆ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:27:40

ความคิดเห็นที่ 52 จากนี้ก็จะเป็นไฮไลท์อีกอันนึง ก็คือการไปช้อปปิ้งร้านหยก บุ๊กจังตั้งใจที่จะไปร้านหยกมาก เพราะว่าคุณยายฝากซื้อกำไลหยก ***ละครปาหี่*** เรามาว่าด้วยพิธีกรรมการซื้อหยกก่อนดีกว่า โดยจะเล่าจากที่เคยไปมาหลายๆที่ *บางที่จะพาเดินเข้า workshop ให้ดูวิธีการเจียรหยก ให้ดูหยกสวยๆ และที่ขาดไม่ได้คือวิดีโอการแกะสลักโซ่หยกจากหยกก้อนเดียวโดยไม่มีการตัดต่อ *พาเข้าห้องไปสอนวิธีดูหยก * ณ จุดนี้ น้องเซลล์จะคิดได้ว่าผู้อำนวยการเดินทางมาตรวจงานที่สาขานี้พอดี ก็เชิญมาคุยๆๆๆ *แล้วก็พาออกไปดูหยก บางที่พาเข้าห้อง บางที่ก็พาเดินออกมาในร้าน โชว์หยกแบบแพงมากๆ ให้ดู *จากนั้นก็ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย *ปกติราคาจะต่อได้ถึง 90 เปอร์เซนต์ของราคาป้าย *** รูปที่สามารถถ่ายได้รูปเดียวของร้านหยกคือรูปนี้ จากนี้ น้องเซลล์ขอให้ห้ามถ่าย (แน่ล่ะ ก็ตัวละครท่านผอ.กำลังจะเดินออกมาจากม่านแล้วนี่นา) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:46:17

ความคิดเห็นที่ 53 มาว่ากันด้วยร้านหยกที่จางเจียเจี้ยกันดีกว่า ร้านนี้ที่แตกต่างจากร้านอื่นที่เคยไปมานิดหน่อยคือ ร้านนี้เป็นหยกพม่า สีจะขาวๆขุ่นๆ ถ้าเป็นสีเขียวก็จะเป็นสีเขียวเย็นๆ โดยเค้าบอกว่า กำไลหยกเนี่ย เป็นหยกพม่าจะดีกว่า เพราะเป็นหยกแข็ง แต่ถ้าเป็นหยกจีนจะนิ่ม เหมาะสำหรับทำจี้ สำหรับท่านผอ.คราวนี้เป็นผู้ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบ บอกว่าเคยไปเรียนที่เมืองไทยมาสองปี ชอบกินส้มตำ กับต้มยำ วันนี้มาตรวจงานที่สาขานี้ แต่ปกติอยู่อเมริกา เป็นสถาปนิก (ซะด้วย) วันนี้เจอคนไทยก็ดีใจมาก เลยแจกหยกไปคนละชิ้น (หยกจี้ห้อยคอกลมๆ ก็ดีกว่าหยกสีเหลืองๆที่ได้จากแชงการีล่าเมื่อคราวก่อน) แล้วก็ขอให้อวยพรให้คุณพ่อของเค้าด้วย เพราะคุณพ่อเค้าต้องเข้าผ่าตัดทำบายพาสอยู่ที่ฮ่องกง ว่าแล้วก็ขอให้ลูกทัวร์สวดมนต์ดังๆอวยพรให้คุณพ่อหายป่วย คุณผอ.ก็เล่าต่อว่า ตัวเองเป็นลูกเมียน้อย ลูกเมียหลวงเค้าไม่ค่อยมาดูแลพ่อ เค้ามีน้องสาวอีกคนนึง ฯลฯ แล้ววันนี้เป็นวันดี เค้าอยากทำบุญให้คุณพ่อ ก็เลยจะขอลดราคาให้ทัวร์ไทย เอาเป็นแบบว่ายกให้ฟรีๆเลย ขอแค่ค่าภาษีจ่ายรัฐบาลพอแล้ว (ผอ.คนนี้พูดแต้จิ๋วได้ด้วย อาม่าเลยชอบใจใหญ่) จากห้องรับรอง เค้าก็พาลูกทัวร์เดินไปอีกห้องที่มีหยกตั้งขายไว้ บอกให้เจ้าหน้าที่ไปหยิบหยกแพงๆมาให้ดู ตัวเองก็ควักคอเสื้อหยิบหยก ที่แขวนคอมาโชว์ให้ดู บอกว่าเวลาห้อยหยก ต้องห้อยให้ตรงหัวใจ ให้หยกแนบเนื้อ พวกที่สร้อยสั้นๆ นั่นเค้าเรียกโชว์หยก แต่ใส่แล้วไม่ได้ทำให้หยกมีค่าขึ้น หยกบางอันถ้าใส่นานแล้วไม่เปลี่ยนสี แสดงว่าหยกนั้นไม่เข้ากับเรา ชะตาไม่เข้ากัน ว่างั้นเถอะ ก็ควรจะขายต่อ ซื้ออันใหม่ซะ จากนั้น เค้าก็ให้เลือกดูกันได้ตามอัธยาศัย โดยมีเค้าเป็นคนช่วยๆดูด้วย ถ้าจำไม่ผิด เราว่ามุขผอ.มาตรวจงานเนี่ย เรายังไม่เคยเจอในร้านหยก หรือไม่ก็ไม่ได้เข้าร้านหยกนานแล้วจนลืม เลยจำไม่ได้ว่าเข้าร้านหยกคราวที่แล้วเป็นยังไง แต่เค้าเขียนบทได้เนียน ใส่รายละเอียดได้เยอะมาก จนเราต้องเดินขอเดินไปสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมเค้าหน่อย ว่าละครโรงนี้ลงทุนกับเรื่อง prop มากแค่ไหน พวกเสื้อผ้า ก็เป็นสูธสีเทาธรรมดา ซึ่งเนียบพอสมควร แต่เสื้อสูธเนี่ย เดี๋ยวนี้คนตัดเก่งขึ้น อย่างพวกสูธยี่ปุ่นตัวละไม่กี่พันก็ดูสวยเนี๊ยบแล้ว เราเลยสนใจนาฬิกาเค้าแทน เราลากน้องผู้ชายคนนึงมาถามว่า น้องเค้าดูนาฬิกาเป็นไม๊ เรียกว่าถามถูกคน เพราะเค้าเล่นนาฬิกา เค้าก็กำลังดูเหมือนกันว่านาฬิกาอันนั้นมันยี่ห้ออะไร สุดท้ายได้เดินเข้าไปใกล้ๆก็ฟันธงได้ว่านาฬิกาปลอมมากกกกก เพราะสายหนังเย็บได้ไมเรียบร้อย มีด้ายหลุดออกมาชี้โด่ อย่างนี้เค้าเรียกว่าปลอมไม่เนียน ชิมิคะ *** หลังจากกลับมาได้คุยกับเพื่อนแม่ (คนที่ไปเครื่องเหมาลำ air asia น่ะค่ะ) เค้าว่าตอนเค้าไป ผอ.เป็นผู้หญิง *** อ่านเรื่องประสบการณ์ร้านหยกจีนอีกหนึ่งเวอร์ชั่นได้ตามลิงค์เลยค่ะ ร้านหยก จีน http://www.learners.in.th/blogs/posts/392731 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:04:50

ความคิดเห็นที่ 54 มาพูดถึงราคากับคุณภาพกันบ้าง จริงๆเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าหยกดีๆเป็นยังไง ก็เห็นแต่ว่าอันไหนสวยถูกใจหรือเปล่าเท่านั้นเอง หยกร้านนี้เป็นหยกพม่า ซึ่งจะสีขาวขุ่นๆ ซึ่งเราชอบอยู่แล้ว เราได้มีโอกาสไปพม่า ไปเข้าร้านหยกมาเหมือนกัน ส่วนราคาหยก เราว่าหยกร้านนี้แพงมาก กำไลหยกเริ่มต้นที่ราคา 3-5หมื่นหยวน สุดท้ายแล้ว มีคุณแม่กับคุณน้องคู่นึง ได้กำไลคู่กันมา ราคาเริ่มต้นที่ หกหมื่น กับ ห้าหมื่นหยวน สุดท้ายต่อได้สองวงหมื่นหยวน แล้วแถมจี้หยกจักรราศี กับอะไรมาอีกอย่างนี่แหละ สรุปว่าต่อได้ที่ราคาประมาณ 10 % ของราคาบอกผ่าน ส่วนเราที่พยายามจะหากำไลให้คุณยาย เริ่มรู้สึกว่ามันแพงมาก แถมเอาไปแล้วคุณยายจะใส่ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจไม่ซื้อ เพราะขนาดว่าลดมากขนาดนี้ ยังราคาวงละสองหมี่นห้าพันบาทเลย เราลองเดินออกจากห้องนั้นมาด้านนอก ก็จะมีหยกเล็กๆน้อยๆขาย แต่พระเจ้า มันแพงมาก เราคำนวนว่าลดแล้วก็จะเหลือประมาณ สามพันบาท ซึ่งเราว่ามันดูแล้วเหมือนกำไลที่เราไปซื้อได้จากตลาดสก๊อตที่พม่า วงละพันกว่าบาทเอง สรุปว่า สิ่งที่ตั้งใจมาช้อป ก็เลยไม่ได้ช้อปด้วยเหตุนี้ *** จบวันที่ 4 แล้วค่ะ เจอกันใหม่วันที่ 5 ค่ะ กำลังจะเดินทางไปเมืองโบราณเฟิ่งหวงกันล่ะ! **** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:07

ความคิดเห็นที่ 55 สวยงามครับ  ขอบคุณที่รีวิวให้ชมครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:58:22

ความคิดเห็นที่ 56 คิดว่าถ้าบอกชื่อบ.ทัวร์หลังไมค์ไม่น่าจะผิดนะค่ะ ทางทีมงานน่าจะดูจากเจตนาออกค่ะ จากคุณ : บุ๋นคุง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:43:30

ความคิดเห็นที่ 57 ตามมาเที่ยวต่อครับ ขอบคุณที่ส่งข้อความไปบอกนะครับ รอชมภาคต่อไปนะครับ จะว่าอะไรมั้ยครับ แหะแหะ อยากเห็นอาหารที่ทัวร์ พาไปหม่ำบ้าง จากคุณ : จิ้งจอกหลงกรุง เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 08:07:17

ความคิดเห็นที่ 58 ตามมาเก็บตกจ้า.... เข้าร้านผ้าไหม ร้านหยก ชาจีน ต้องอย่าซีเรียสเนอะ ฟังขำๆ.... เพราะถ้าไปเมืองจีนบ่อยๆ จะรู้ว่า พร๊อตมันซ้ำม๊ากกก ฟังแล้วฟังอีก เริ่มเซรง ขอบคุณสำหรับรีวิวนะจ๊ะ... จากคุณ : ฮุยเฉง เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 08:16:58

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณที่หลังบ้านมาบอกค่ะ รีวิวละเอียดดีจัง ติดตามชมเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : kunzen เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 22:51:13

ความคิดเห็นที่ 60 [CR] รีวิวจางเจียเจี้ย 8 วัน 7 คืน : บรรยายกันแบบละเอียดยิบสำหรับคนที่จะไปกับทัวร์ : Day 5 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 13:10:26

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ booklovers Story ร้านขายหยก  กรุ๊ปเราที่ไปก็เจอผอ. คนนี้แหละค่ะ่  เล่าเรื่องราวเหมือนกัน  แต่ต่างตรงที่ว่าวันที่เราไปเนี่ยนะได้เจอเขา  เพราะเขาทำธุรกิจที่กวางเจา นาน ๆ จะมาสาขานี่สักที  ถ้า่มีีคนไทยเข้าร้านเขาจะต้องมาต้อนรับด้วยตัวเอง  และวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่พ่อเขาจะมาเปิดโรงเรียนให้เด็กยากจนที่จางเจี่ยเจี้ย และที่เหมือนกันคือช่วยอวยพรให้พ่อเขาหายป่วย   ในทริปเรามีน้องคนนึงพอจะดูทองว่าแท้หรือเปล่า  เขาบอกว่ามันไม่แท้ค่ะ ขายหลักแสนบาทไทย คุยไปคุยมาเหลือ 9 พันกว่าค่ะ จากคุณ : มดแดงหน่อย เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 17:07:11