ความคิดเห็นที่ 1 ออกจากโรงแรมธรรมรินทร์ ธนา เลี้ยวซ้ายไปตามถนนห้วยยอด ผ่านสามแยกหมี ถึงแยกวัดกุฏเลี้ยวขวาเข้าถนนเพลินพิทักษ์ เลยร้านทางเลือก ร้านอาหารเพื่อสุขภาพไปเล็กน้อย เลี้ยวขวาเข้าซอยเพลินพิทักษ์ 1 ซึ่งปากซอยเป็นที่ตั้งของร้านพงษ์โอชา 2 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:51:46

ความคิดเห็นที่ 2 เคยมาทานอาหารเช้าที่ร้านนี้แล้วครั้งหนึ่ง เมื่อคราวที่มาจังหวัดตรังครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว "เที่ยวไปกินไป @ ตรัง : 2.1 ศาลเจ้าเมืองตรัง" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/09/D11107384/D11107384.html หน้าร้านจะมีส่วนของก๋วยเตี๋ยว ปาท่องโก๋และหมูย่างเมืองตรัง เดินไปดูตู้หมูย่างเมืองตรัง ไม่มีส่วนของซี่โครงหมู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:52:08

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนขายด้านในจะอยู่ทางฝั่งขวาของร้าน เจ้าของร้านพงษ์โอชา 2 กำลังจัดเตรียมติ่มซำที่ลูกค้าเลือกไว้หรือจดรับมาจากที่โต๊ะนั่ง ติ่มซำหรือ"เตี่ยนซิน" คือของทานเล่นกับน้ำชาหรือกาแฟ แบ่งออกเป็นของนึ่งและของทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:52:30

ความคิดเห็นที่ 4 เข่งติ่มซำแบบนึ่งที่เลือกไว้แล้ววางนึ่งซ้อนกัน โดยมีหมายเลขโต๊ะนั่งเสียบอยู่ด้านบน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:52:55

ความคิดเห็นที่ 5 กะดูคร่าวๆ ติ่มซำร้านนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 อย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:53:15

ความคิดเห็นที่ 6 ติ่มซำในรถเข็นพร้อมเตานึ่ง สำหรับเข็นไปให้ลูกค้าเลือกเพิ่มตามโต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:53:36

ความคิดเห็นที่ 7 มีโต๊ะนั่งเกือบห้าสิบโต๊ะ ต่างจากสาขาแรกข้างโรงแรมธรรมรินทร์ ธนา ใกล้สามแยกหมี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:54:11

ความคิดเห็นที่ 8 ทางร้านจัดที่ให้นั่งกันเป็นกลุ่ม ทั้งคู่วิวาห์และสื่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:54:36

ความคิดเห็นที่ 9 กลุ่ม bloggang ยังคงสนุกเฮฮา แม้ว่าเมื่อคืนจะกินดื่มกันถึงเกือบตีสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:55:12

ความคิดเห็นที่ 10 วิวาห์ใต้สมุทร 16 ร้านพงษ์โอชา 2 ตรัง อาหารเช้าของคู่บ่าวสาวในวันสุดท้ายของงาน"วิวาห์ใต้สมุทร"ครั้งที่ 16  วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555 คือติ่มซำและหมูย่างเมืองตรัง ที่ร้านพงษ์โอชา 2 ปากซอยเพลินพิทักษ์ 1 ถนนเพลินพิทักษ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:55:46

ความคิดเห็นที่ 11 ออกจากร้านพงษ์โอชา 2 เลี้ยวขวา ถึงสามแยกที่สองตรงเข้าถนนควนขนุน ประมาณ 100 เมตรเลี้ยวขวาเข้าศาลเจ้าท่ามกงเอี้ย เป็นศาลเจ้าอายุประมาณ 125 ปี ที่สร้างโดยคนจีนแคะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:56:10

ความคิดเห็นที่ 12 9.45 น.ถึงศาลเจ้าท่ามกงเกี๊ย ซึ่งถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจังวัดตรัง จังหวัดตรังมีศาลท่ามกงเอี๊ยสองแห่ง แห่งแรกคือที่นี่ ในตำบลทับเที่ยง อีกแห่งอยู่ที่ตำบลเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:56:36

ความคิดเห็นที่ 13 ซื้อธูปหนึ่งห่อ เทียนแดงสองคู่ และกระดาษเงินกระดาษทองที่ทางศาลเจ้าจัดไว้ให้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:57:16

ความคิดเห็นที่ 14 ของไหว้ที่นิยมนำมาถวายท่ามกงเอี๊ย ได้แก่  ไก่ต้ม หมูย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:57:51

ความคิดเห็นที่ 15 ผลไม้ ซาลาเปาและสุรา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:58:17

ความคิดเห็นที่ 16 มาไหว้ครั้งที่แล้ว ไม่สามารถเข้าไปไหว้วังชั้นใน เพราะกั้นด้วยประตูเหล็กพับสีแดง แต่มาวันนี้สามารถเข้าไปไหว้ได้ถึงเขตวังชั้นใน ซึ่งตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานองค์ประธานท่ามกงเอี๊ย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:58:58

ความคิดเห็นที่ 17 ตามไปเที่ยวตรังด้วยคนค่ะ เมื่อเดือนมี.ค. ไปตรังก็ไปทานที่ร้านพงษ์โอชา 2 เหมือนกันค่ะ จากคุณ : ข้าวปุ้นจอมยุ่ง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:59:02

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนทางซ้ายมือคือศาลองค์เทพหมื่นราม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:59:15

ความคิดเห็นที่ 19 ห้าเทพขุนพล ผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ศาลเจ้า ก่อนเริ่มพิธีกินผักประมาณ 15 วัน จะมีพิธีวางค่ายเทพขุนพล เพื่อรักษาการณ์ตามทิศทั้งสี่และทิศตรงกลางของศาลเจ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:00:23

ความคิดเห็นที่ 20 องค์ประธานของศาลเจ้า องค์ยุวเทพท่ามกงเอี๊ย ผู้ซึ่งบรรลุธรรมละสังขารเมื่ออายุ 13 ปี บ้างก็ร่ำลือว่าท่านสำเร็จธรรมเต๋า ตั้งแต่อายุ 12 ปี ได้ร่ำเรียนวิชาอายุวัฒนะไม่แก่เฒ่า จนเมื่ออายุกว่า 70 ปี ยังคงรูปลักษณ์เหมือนเด็กชายอายุ 12-13 ปี ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองตรัง ประวัติองค์ท่ามกงเอี่ยโดยละเอียด สามารถอ่านได้ที่ http://www.tewaracha.com/history-tamKongy.shtml จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:00:46

ความคิดเห็นที่ 21 การไหว้เริ่มจากไหว้ทีกงที่ด้านนอก จากนั้นไหว้ที่หน้าโต๊ะหน้าทางเข้าวังชั้นใน เพราะหน้าองค์ท่ามกงเอี๊ยและองค์เทพหมื่นราม ห้ามปักธูป จากนั้นจึงไหว้ไหว้เทพและพระโพธิสัตว์ที่วังชั้นกลาง คือศาลเจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:01:10

ความคิดเห็นที่ 22 ศาลปักกุง ศาลแปะกง ตี่จู๋เอี๊ย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:01:36

ความคิดเห็นที่ 23 และศาลตั่วเหล่าเอี๊ย เหลือธูปสองดอกสุดท้ายสำหรับเทพรักษาประตูข้างละดอก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:01:59

ความคิดเห็นที่ 24 เดินตามคนตรังที่มาไหว้ จึงได้รู้เคล็ดวิธีในการขอพรจากท่ามกงเอี๊ย หลังปักธูปครบทุกจุดแล้ว ให้เดินมาที่หน้าองค์ท่ามกงเอี๊ย ตักน้ำมนต์จากบาตรขึ้นมาดื่ม จากนั้นจับปลายแส้พนมมือจรดที่หน้าผากแล้วอธิษฐานขอพร ศาลท่ามกงเอี๊ยมีคู่แต่งงานนิยมมาไหว้ขอบุตรกันมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:02:22

ความคิดเห็นที่ 25 ไหว้เสร็จแล้วเสี่ยงเซียมซีถามท่ามกงเอี๊ย ก่อนเขย่ากระบอกเซียมซี เต้องคิดคำถามไว้ล่วงหน้าให้ดี เพราะสามารถถามได้เพียงเรื่องเดียว และให้ถามแบบเจาะจง เช่นลูกชื่อนี้สบายดีไหม ไม่ถามแบบกว้างๆ เช่นลูกๆสบายดีไหม เมื่อเขย่ากระบอกได้ติ้วไม้เซียมซีแล้ว ต้องเสี่ยงทายว่าหมายเลขที่ได้ใช่หรือไม่ ด้วยการอธิษฐานโยน"ปวย" ซึ่งเป็นไม้รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีแดงหนึ่งคู่ ด้านหนึ่งมน(คว่ำ) ด้านหนึ่งเรียบ(หงาย) ถ้าโยนแล้วได้คว่ำทั้งคู่หรือหงายทั้งคู่ แสดงว่าเลขที่ได้ไม่ถูกต้อง ต้องเขย่ากระบอกเซียมซีใหม่ ถ้าโยนแล้วคว่ำหนึ่งหงายหนึ่ง ที่เรียกกันว่า"เซ้งปวย" แสดงว่าเลขเซียมซีที่ได้ถูกต้อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:02:46

ความคิดเห็นที่ 26 ใบเซียมซีของศาลเจ้าท่ามกงเอี่ย จะมีทั้งหมดสามสี สีขาวดีเลิศ สีเหลืองธรรมดา สีแดงไม่ค่อยดี บางคนได้สีแดงเอาไปเผาทิ้งขอใหม่ ใบเซียมซีไม่ได้ทำมาให้ขอโชคดีอย่างเดียว แต่เป็นการเสี่ยงทายถามเจ้า เช่นถ้าจะย้ายบ้าน มาถามเจ้าว่าย้ายดีไหม ถ้าได้สีแดงแสดงว่าเจ้าไม่เห็นด้วย ถ้าได้สีเหลืองจะย้ายหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าได้สีขาวเจ้าเห็นด้วยย้ายได้เลย นอกจากนี้การทำสีต่างกัน ยังเพื่อสำหรับคนที่อ่านหนังสือไม่ออกให้เข้าใจความหมายด้วย ใบเซียมซีไม่มีครบทุกหมายเลข ถ้าเสี่ยงแล้วไม่มีใบเซียมซี ต้องเสี่ยงเซียมซีใหม่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:03:07

ความคิดเห็นที่ 27 ลาของไหว้แล้วลากระดาษไหว้ไปเผาที่เตาทรงเจดีย์ด้านนอก จากนั้นหย่อนเงินลงในตู้ทำบุญของทางศาลเจ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:03:32

ความคิดเห็นที่ 28 องค์ท่ามกงเอี๊ยชอบให้จุดประทัดถวาย เพื่อความเจริญก้าวหน้าของผู้จุดถวาย จึงมีผู้นิยมซื้อประทัดจากศาลเจ้าซึ่งมีหลายขนาด แล้วนำไปแขวนจุดในจุดที่สร้างไว้ให้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:04:04

ความคิดเห็นที่ 29 10.25 น.ถ่ายรูปร่วมกันก่อนเดินทางไปอำเภอห้วยยอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:04:31

ความคิดเห็นที่ 30 วิวาห์ใต้สมุทรครั้งที่ 16 ศาลเจ้าท่ามกงเอี๊ย หลังอาหารเช้าที่ร้านพงษ์โอชา 2 คู่บ่าวสาวในงาน"วิวาห์ใต้สมุทร"ครั้งที่ 16 เดินทางไปสักการะและขอพรจาก"ท่ามกงเอี๊ย" องค์เทพศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลเจ้าท่ามกงเอี๊ย ซึ่งอยู่บนถนนเพลินพิทักษ์ ห่างจากร้านพงษ์โอชา 2 ประมาณ 500 เมตร เซียมซีของศาลเจ้าแห่งนี้แม่นมาก ไหว้เสร็จแล้วดื่มน้ำมนต์จากขันหน้ารูปเคารพท่ามกงเอี๊ย จับปลายขนของแส้ปัด อธิษฐานแล้วแตะเหนือหัว ตามด้วยการจุดประทัดถวาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:04:58

ความคิดเห็นที่ 31 10.30 น.ออกจากศาลเจ้าท่ามกงเอี๊ย เลี้ยวซ้ายตรงไปเข้าถนนเพลินพิทักษ์ ถึงสามแยกวัดกุฏเลี้ยวขวาเข้าถนนห้วยยอด(ทางหลวงหมายเลข 4) ถึงแยกคลองเต็งเลี้ยวซ้าย ข้ามทางรถไฟเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 403 มุ่งหน้าไปทางอำเภอห้วยยอดซึ่งอยู่ห่างออกไป 23 กม. ถึงแยกตัดกับถนนเพชรเกษม(ทล.4) ซึ่งเลยอำเภอห้วยยอดไปแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม จากนั้นวิ่งตามป้ายบอกทางไปถ้ำเลเขากอบ 11.15 น.ถึงบ้านเขากอบ บริเวณโดยรอบเขากอบ เป็นทุ่งนาและสวนยางพารา จอดรถหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เขากอบ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอห้วยยอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:05:24

ความคิดเห็นที่ 32 ซ้ายมือของที่ทำการ อบต.เขากอบ คือทางเข้าถ้ำเลเขากอบ ที่เปิดให้เข้าชมเมื่อปลายปี พศ.2537 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศให้เป็น"Unseen Thailand"ของจังหวัดตรัง เป็นการนั่งเรือชมถ้ำ ที่ถือเป็นถ้ำมังกร โดยจะนั่งเรือเข้าทางหางมังกร ผ่านท้องมังกรไปออกที่หัวมังกร เป็นการเที่ยวชมถ้ำ ที่มีทั้งการนั่งเรือ เดินชมถ้ำห้องต่างๆ และนอนราบกับเรือลอดท้องมังกร เพื่อเสริมดวง โชคลาภและบารมี เป็นการชมถ้ำ ที่มีทั้ง"อิ้อฮือ ! "  "โอ้โฮ !"  "อั๊ยยะ !" และ"เสียวโว้ย !" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:05:55

ความคิดเห็นที่ 33 หลังทางเข้าเป็นสะพานข้ามคลองยางยวน ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:06:19

ความคิดเห็นที่ 34 ซ้ายมือของสะพาน มีเรือท้องแบนจอดอยู่ เป็นเรือที่ใช้ในนำนักท่องเที่ยวชมถ้ำเลเขากอบ มีทั้งหมด 25 ลำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:06:39

ความคิดเห็นที่ 35 ทางขวามือของสะพานเป็นท่าเรือหนึ่งในสองแห่งของถ้ำเลเขากอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:07:12

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้ำเลเขากอบให้บริการเรือนำเที่ยว ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าเรือรอบละ 300 บาท คนพายเรือสองคนได้คนละ 65 บาท ไม่รวมเงินเดือน ซึ่งนอกจากจะพายเรือแล้ว ยังต้องทำหน้าที่พาเดินชมถ้ำห้องต่างๆด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:07:42

ความคิดเห็นที่ 37 ฆ่าเวลาระหว่างรอเรือ ด้วยการเดินชมร้านสินค้าโอทอป สินค้าขึ้นชื่อของบ้านเขากอบ คือไม้แกะสลักจากไม้เทพทาโร ซึ่งเป็นไม้หอมชนิดหนึ่ง นอกจากขายในร้านโอทอปแล้ว บริเวณตรงข้ามกับที่ทำหาร อบต.เขากอบ ยังมีแผงขายของที่ระลึก ขายไม้แกะสลักจากไม้เทพทาโรด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:08:10

ความคิดเห็นที่ 38 ริมคลองยางยวนหน้าศูนย์โอทอป มีเด็กกำลังปีนต้นตะลิงปลิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:08:53

ความคิดเห็นที่ 39 ลูกเล็กแบบนี้เปรี้ยวจิ๊ดแน่ๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:09:23

ความคิดเห็นที่ 40 11.40 น.คู่วิวาห์ทะยอยลงเรือทีละสองคู่ มีช่างภาพนั่งกลาง หัวท้ายเป็นคนพายเรือ เรือต้องบรรทุกผู้โดยสารเต็มที่ เพื่อให้เรือกินน้ำลึกที่สุด ส่วนเหตุผลที่ต้องให้เรือกินน้ำลึกที่สุด ต้องคอยติดตามต่อไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:09:44

ความคิดเห็นที่ 41 เรือท้องแบนแล่นไปตามคลองยางยวน ซึ่งล้อมรอบเขากอบ แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ จะมีชื่อว่า"ถ้าเลเขากอบ" แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำบริเวณนี้เป็นน้ำทะเล แต่คำว่า"เล"ในภาษาท้องถิ่นภาคใต้ หมายถึงบริเวณกว้างใหญ่ที่มีน้ำ "ถ้าเล"จึงหมายถึงถ้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลผ่านตลอดถ้ำ ถ้ำนี้ค้นพบชาวบ้านที่มาหาปลาในลำห้วยแห่งนี้ ต่อมามีการขยายลำห้วยให้กว้างขึ้นให้เรือวิ่งสะดวก เรือแล่นผ่านท่าเรือเก่า ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านรับจ้างพาเที่ยวกันเอง ต่อมาทาง อบต.เข้ามาจัดระเบียบ เปลี่ยนเรือที่ใช้ให้มีความสะดวกและปลอดภัยในการชมมากขึ้น รวมถึงมาตรฐานของราคาเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:10:12

ความคิดเห็นที่ 42 12.00 น.ถึงปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นหางมังกร ก่อนเข้าถ้ำคนพายเรือเน้นย้ำ ให้ก้มศรีษะต่ำเมื่อบอก และห้ามจับกราบเรือเด็ดขาด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:10:35

ความคิดเห็นที่ 43 เพราะเพดานถ้ำจะมีหินย้อย และเรือต้องแล่นชิดผนังถ้ำ อีกทั้งมีเรือสวนเบียดกันในบางช่วง การที่มีเรือสวนออกมา แสดงว่ามีท่าเรือเข้าถ้ำเลอีกท่า เดิมการแล่นเรือเข้าถ้ำเลนั้น ไม่สามารถทำได้ตั้งแต่เช้าถึงเย็น แต่ทาง อบต.มีการสร้างประตูน้ำ เพื่อรักษาระดับน้ำในถ้ำความยาว 350 เมตร ให้สูงเท่ากันตลอดเวลา ถ้ำเลเขากอบ จึงเป็นถ้ำที่สามารถเข้าเที่ยวชมได้เกือบตลอดทั้งปี ยกเว้นวันที่ฝนตกหนัก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:11:02

ความคิดเห็นที่ 44 ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:11:30

ความคิดเห็นที่ 45 นั่งเรือประมาณ 2 นาที ขึ้นจากเรือไปชมถ้ำ โดยมีคนเรือนำทางอธิบายห้องต่างๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:11:40

ความคิดเห็นที่ 46 ห้องแรกที่ไปชมคือห้องคนธรรพ์ เป็นโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และมีหินอยู่ส่วนหนึ่งที่เมื่อเคาะแล้วจะเกิดเสียงกังวาลคล้ายเสียงเครื่องดนตรีไทย นอกจากนี้ชาวบ้านยังตำนานเล่าต่อกันว่า ในอดีตมีคนธรรพ์มาเคาะเล่นดนตรีให้นางกินรีฟัง ขณะที่กำลังเล่นน้ำตกภายในถ้ำ ปัจจุบันไม่อนุญาตให้เคาะ เพราะอาจทำให้หินงอกหินย้อย ที่ภายในโปร่งแตกหักได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:12:07

ความคิดเห็นที่ 47 หินย้อยเป็นแผ่นใหญ่เหมือนฉากมโนราห์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:12:35

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่เจอน้ำตก เจอแต่บ่อน้ำ แต่เล็กเกินกว่าที่นางกินรีจะลงไปเล่นน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:12:56

ความคิดเห็นที่ 49 เดินอ้อมกลับไปที่เรือ การเดินชมถ้ำไม่ควรเอามือไปจับหินงอกหินย้อย เพราะจะทำให้หินงอกหินย้อยหยุดการเติบโต จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:13:28

ความคิดเห็นที่ 50 ขึ้นเรือไปยังจุดแวะชมที่สอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:13:55

ความคิดเห็นที่ 51 สวนกับเรือที่เข้าจากทางด้านหัวมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:14:18

ความคิดเห็นที่ 52 จุดที่สองและจุดสุดท้ายของการเดินชมถ้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:14:44

ความคิดเห็นที่ 53 ขนาดความยาวของหินย้อยบนเพดานถ้ำ แสดงว่ายังมีการก่อตัวของหินปูนอยู่ เป็นหินย้อยประเภทที่เรียกว่าหลอดหินย้อย(Soda straw) แสดงถึงช่วงของการเกิดเป็นหินย้อยในระยะต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:15:11

ความคิดเห็นที่ 54 ห้องเจ้าสาว มีช่องให้ลอดสามช่อง คนที่ยังไม่มีคู่ให้ลอดช่องหนึ่ง คนที่มีคู่แล้วอยากมีอีกให้ลอดอีกช่องหนึ่ง คนที่อยากมีเยอะๆให้ลอดช่องหนึ่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:15:37

ความคิดเห็นที่ 55 แต่ไม่บอกว่าให้ลอดช่องไหน คนที่มีคู่มาด้วยก็ไม่กล้าถามว่าอยากมีอีกต้องลอดช่องไหน แต่มีข้อมูลว่าให้ลอดช่องขวา ส่วนคนที่มีคู่แล้ว ให้ลอดช่องใหญ่ซ้ายสุด ด้านในเป็นห้อง มีแผ่นหินเหมือนเตียงให้นั่งอธิษฐาน คนที่อธิษฐานขอให้มีคู่ เมื่อสมหวังแล้ว ต้องพาคู่ของตนมาแก้บน ด้วยการโรยแป้งบนแผ่นหิน คนที่มีคู่ก็ขออยู่คู่กันตลอดไปอย่างมีความสุข นอกจากขอคู่แล้ว ยังอาจขอให้มีโชคมีลาภ เสริมดวง เสริมโชคลาภบารมี แต่ไม่ว่าจะลอดช่องไหน ขาออกจากห้อง ให้ออกทางช่องใหญ่จึงจะสมหวัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:16:08

ความคิดเห็นที่ 56 ห้องท้องพระโรง เป็นลานกว้าง มีเสาหินเหมือนเสาหลักเมืองอยู่บนเนินหินกลางห้อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:16:32

ความคิดเห็นที่ 57 ห้องนี้คนนำทางเรียกว่าห้องไม้เสียบลูกชิ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:16:58

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นรูปแบบของหินย้อยที่เรียกว่า"Stalactite" ซึ่งงอกลงมาเหมือนหลอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:25

ความคิดเห็นที่ 59 ห้องต่อไปคือ"ห้องหินตาหินยาย" คุณตายังชูชัน แต่คุณยายนมยานแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:56

ความคิดเห็นที่ 60 ห้องรากไทร  ที่แทงทะลุหินในถ้ำจากต้นไทรบนยอดเขา ปัจจุบันไม่เห็นรากไทร เพราะเกิดน้ำท่วมขังนานจนรากไทรตายหมด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:18:32

ความคิดเห็นที่ 61 ทางเดินในถ้ำแม้ว่าจะชื้นแฉะ แต่ส่วนใหญ่เป็นทางเรียบเดินสบาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:19:38

ความคิดเห็นที่ 62 จุดสุดท้ายที่ไปชม เป็นหินย้อยที่มีลักษณะเหมือนตัวช้าง นักท่องเที่ยวจะลอดช่วงท้องระหว่างขาหน้าและขาหลัง เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมบารมี เหมือนการลอดท้องช้างตัวเป็นๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:20:04

ความคิดเห็นที่ 63 แม้ว่าแสงแดดจะส่องไม่ถึงภายในถ้ำ แต่ต้นเฟิร์นก็ยังสามารถเติบโตบนหินผนังถ้ำได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:20:34

ความคิดเห็นที่ 64 12.29 น.ขึ้นเรือต่อไปยังไฮไลท์ของถ้ำเลเขากอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:21:02

ความคิดเห็นที่ 65 คือการลอดท้องมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:21:23

ความคิดเห็นที่ 66 ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องนอนราบกับเรือ ก่อนเข้าท้องมังกร คนเรือจะจัดตำแหน่งนักท่องเที่ยวให้นอนได้ราบที่สุด ขาของคนหลังจึงอาจไปก่ายเหนือหัวของคนด้านหน้าได้ คนที่ใส่พระเครื่องจึงควรไปนั่งหลังสุด ยิ่งถ้าลงของมา ควรขอให้คนเรือจัดให้หญิงชายนั่งกันคนละด้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:21:51

ความคิดเห็นที่ 67 จากนั้นลอดผ่านเพดานถ้ำ ที่อยู่เหนือหน้าขึ้นไปเพียงไม่กี่นิ้ว ถ้าช่วงนี้มืด มีเพียงแสงสว่างจากไฟฉายของคนเรือ การที่เรือต้องบรรทุกน้ำหนักผู้โดยสารเต็มที่ ก็เพื่อเรือกินน้ำลึกที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้สามารลอดผ่านช่วงที่เรียกกันว่าท้องมังกร ไปออกยังส่วนหัวมังกรได้ ปีนี้เป็นปีมังกร การได้มาลอดท้องมังกร จึงถือเป็นเรื่องมงคลอย่างหนึ่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:22:24

ความคิดเห็นที่ 68 คนเรือทั้งสองคนจะนอนราบที่หัวและท้ายเรือ วางพายใช้มือดันเพดานถ้ำ ให้เรือแล่นผ่านช่วงนี้ไปได้ ระหว่างการลอดท้องมังกร จะได้ยินแต่เสียงที่แสดงความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยว ดีเจแมวน้ำเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีคุณยายมาเที่ยวที่นี่กับครอบครัว และลงเรือไปกับหนุ่มๆหลายคน คุณยายตื่นเต้นมากถึงกับอุทานว่า "ตั้งแต่ตาเสียไป ยายไม่เคยเสียวอย่างนี้อีกเลย" "ตั้งแต่ตาเสียไป ครั้งนี้เป็นครั้งเดียว ที่ยายได้เสียวพร้อมกับหนุ่มๆอีกหลายคน" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:23:06

ความคิดเห็นที่ 69 12.44 น.ออกปากมังกร ถึงท่าขึ้นจากเรือที่หัวมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:23:42

ความคิดเห็นที่ 70 ปากมังกรมีโพรงถ้ำเล็กๆ ตั้งพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้แวะกราบไหว้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:24:08

ความคิดเห็นที่ 71 ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับเข้าเมืองตรังไปทานอาหารกลางวัน มีเครื่องดื่มกระป๋องบริการ รวมถึงเบียร์เย็นๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:24:49

ความคิดเห็นที่ 72 วิวาห์ใต้สมุทร 16 ถ้ำเลเขากอบ อะไรเอ่ย? "ตอนเข้าเสียว ตอนออกน้ำสบาย" คำตอบคือการนั่งเรือท้องแบนนอนราบ ลอดถ้ำเลเขาขอบที่จังหวัดตรัง ช่วงที่ลอดถ้ำกว่าร้อยเมตร จมูกแทบจะชนกับเพดานถ้ำ ให้ความรู้สึกเสียว ถึงขนาดที่ยายคนหนึ่งพูดว่า"ตั้งแต่ตาตายไป นี่เป็นครั้งแรกที่ยายเสียวขนาดนี้" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:25:18

ความคิดเห็นที่ 73 จากถ้ำเลเขากอบ เดินทางกลับเข้าตัวเมืองตรังตามทางเดิม ถึงแยกควนเต็งเลี้ยวขวา ถึงแยกวัดกุฏเลี้ยวซ้าย ถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีตรัง แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:26:35 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:25:44

ความคิดเห็นที่ 74 ถึงสามแยกรักษ์จันทน์เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรักษ์จันทน์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนเวียนกะพัง วิ่งเลียบสระกะพังสุรินทร์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:27:14

ความคิดเห็นที่ 75 13.42 น.จอดรถหน้าประตูทางเข้าสระกะพังสุรินทร์ หัวมุมฝั่งซ้ายคือวัดกะพังสุริทนร์ อีกหนึ่งในยี่สิบโบราณสถานของจังหวัดตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:27:57

ความคิดเห็นที่ 76 ข้ามถนนเวียนกะพัง มีร้านอาหารติดกันสองร้าน ร้านแรกคือร้านบ้านคุณฉลุย ร้านที่สองติดกับหัวถนนราษฎร์อุทิศ 4 คือร้านบ้านสุวิมล ซึ่งเป็นร้านที่คู่วิวาห์จะทานข้าวเที่ยงกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:28:30

ความคิดเห็นที่ 77 ตอนที่จอดรถ มองเห็นต้นศรีตรังอยู่บนเกาะสามเหลี่ยม บริเวณสี่แยกข้างวัดกะพังสุรินทร์ กำลังออกดอกเต็มต้น จึงแวบออกไปเก็บภาพ -ศรีตรัง หรือ แคฝอย (อังกฤษ: Jacaranda; ชื่อวิทยาศาสตร์: Jacaranda filicifolia (Anderson) D.Don) เป็นไม้ต้นขนาดเล็กในวงศ์ Bignoniaceae ปลูกเป็นไม้ประดับ สูง 4-10 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดโปร่ง เปลือกสีน้ำตาลอมขาว แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น เรียงตรงกันข้าม ใบย่อย 12-21 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปขอบขนานแกมรูปเหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนาดเล็ก กว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-1.5 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว เส้นแขนงใบข้างละ 4-5 เส้น ก้านใบหลักยาว 7-11 ซม. ก้านใบประกอบยาว 4-8 มม. ไม่มีก้านใบย่อย ดอก สีม่วงอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อน ออกเป็นช่อแบบกระจุกแยกแขนงตามกิ่งและซอกใบ ใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 5-9 ซม. กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีม่วงเข้มปลายแยก 5 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.5-2.5 ซม. ผลแห้งแตกเป็นฝักสีน้ำตาลอ่อน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 2.2-2.5 ซม. เมล็ดมีปีกจำนวนมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:29:02

ความคิดเห็นที่ 78 -ศรีตรัง มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ จะออกดอกประมาณเดือน มกราคม-มีนาคม เป็นผลประมาณเดือน เมษายน-พฤษภาคม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:29:24

ความคิดเห็นที่ 80 -ต้นศรีตรังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดตรังและเป็นไม้ประจำหน่วยงานและสถานศึกษาดังต่อไปนี้ โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมหิดลก็เคยใช้ศรีตรังเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย แต่เมื่อศ.ดร.สตางค์ มงคลสุข ได้นำต้นไม้นี้ไปปลูกที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกลายเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยที่นั่นไปแล้ว มหาวิทยาลัยมหิดลจึงเปลี่ยนไปใช้ต้นกันภัยมหิดลเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยแทน ที่มา : วิกิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:30:31

ความคิดเห็นที่ 81 กลับเข้าไปในร้านบ้านสุวิมล อาหารมาเต็มโต๊ะพอดี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:31:11

ความคิดเห็นที่ 82 ในห้องมีอุปกรณ์คาราโอเกะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:31:44

ความคิดเห็นที่ 83 มีเวลาเหลือก่อนไปสนามบิน อิ่มแล้วจึงสนุกกับการร้องเพลง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:32:07

ความคิดเห็นที่ 84 สนุกกันแบบลืมวัย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:32:32

ความคิดเห็นที่ 85 เพลงซึ้งๆแด่ผู้อาวุโสสูงสุด ของงานวิวาห์ใต้สมุทร ครั้งที่ 16 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:32:58

ความคิดเห็นที่ 86 ซึ้งกันเอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:33:21

ความคิดเห็นที่ 87 สนุกกับดีเจแมวน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:33:45

ความคิดเห็นที่ 88 เพลงคู่มีหางเครื่องจากทรูวิชั่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:34:09

ความคิดเห็นที่ 89 วิวาห์ใต้สมุทร 16 เฮฮาที่บ้านสุวิมล หลังความเสียวจนโหยหิวที่ถ้ำเลเขากอบ คู่รักงานวิวาห์ใต้สมุทรครั้งที่ 16 เดินทางไปทานอาหารเที่ยง ที่ห้องอาหารบ้านสุวิมล หัวมุมถนนราษฎร์อุทิศ 4 ข้างสวนสาธารณะกะพังสุรินทร์ และเยื้องกับมุมวัดกะพังสุรินทร์ หนึ่งใน 20 โบราณสถานสำคัญของจังหวัดตรัง หลังอาหารมื้ออร่อย เฮฮากันต่อด้วยการร้องคาราโอเกะ ก่อนเดินทางไปสนามบินตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:34:36

ความคิดเห็นที่ 90 จากร้านอาหารบ้านสุวิมล วิ่งไปตามถนนเวียนกะพัง เลี้ยวขวาที่สวนพระยารัษฎาเข้าถนนพัทลุง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:35:06

ความคิดเห็นที่ 91 ผ่านย่านขายเค้กเมืองตรัง เค้กที่ว่ากันว่า มีต้นกำเนิดจากร้านโกป๊อก ที่ตำบลลำภูรา อำเภอห้วยยอด เค้กเมืองตรังมีเอกลักษณ์ที่มีรูตรงกลาง สูตรดั้งเดิมจะไม่ใส่ผงฟู ถ้าอยากชิมเค้กเมืองตรัง โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหลายๆร้าน ต้องมางานเทศกาลเค้กเมืองตรัง ซึ่งจัดกันทุกปีในช่วงเดือนสิงหาคม บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดตรัง ถนนพัทลุง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:35:33