ความคิดเห็นที่ 1 ตามชมค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 13:35:52

ความคิดเห็นที่ 2 ชอบหมอกบางๆจังเลยค่ะ :) จากคุณ : ไม่เมา ไม่อ้วก ไม่พูดมาก เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:16:29

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษค่ะ พักนี้งานเข้าจริง อะไรจริง มาต่อกันดีกว่า *** จริงๆวันนี้ตามตาราง เราจะต้องเดินทางไปเมืองโบราณเฟิ่งหวงแต่เช้า แต่ว่ามีอยู่วันนึงที่ฝนตก เราเลยยังไม่ได้ไปภูเขาหวงซือจ้าย คุณพี่หนึ่ง หัวหน้าทัวร์ เลยบอกว่าเราจะไปหวงซือจ้ายกันก่อน แต่จะให้อยู่แค่ครึ่งชม. แล้วก็ต้องรีบไปต่อ การไปหวงซือจ้าย เราก็ต้องขึ้นกระเช้า แต่ทางขึ้นกระเช้านั้นต้องเดินผ่านสวนสาธารณะ เราว่า ถ้าเรามาเอง เราคงได้อยู่ที่นี่ทั้งวัน เพราะสวนสาธารณะนั้นเค้าปลูกต้นไม้ออกดอกสวยงามเต็มไปหมด ระหว่างทางก็มีป้ายเขียนลายมือของบุคคลสำคัญที่มาเยือน (ถ้าอ่านออกก็ดีสินะ) แล้วก็โชคดีที่ฝนไม่ตกด้วยค่ะ แต่มีหมอกบางๆพอสวย ช่วงที่เราไปดอกบ๊วยกำลังบาน ไกด์ก็จะพารีบเดิน คนก็อยากจะหยุดถ่ายรูป ก็ถ่ายไปวิ่งไป สนุกดี จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:15:11

ความคิดเห็นที่ 4 ด้านหน้าทางเข้า มีคณะทัวร์ต่างๆมาถ่ายกับป้ายกันเยอะแยะมากมาย แล้วก็จะมีน้องสาวชุดแม้ว มาคอยวิ่งไล่จับผู้ชายให้ถ่ายรูปด้วย (เค้าวิ่งไล่กันจริงๆนะคะ) ผู้ชายก็ต้องคอยวิ่งหนี (เล่นตัวซะหน่อย) ก่อนที่จะยอมถ่ายรูปด้วยและจ่ายเงินค่าตัว จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:17:03

ความคิดเห็นที่ 5 หมู่มวลไม้ผลิดอกสองข้างทาง คนเดินผ่านไปมา จะไม่หยุดถ่ายรูปก็ใจแข็งไปล่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:18:45

ความคิดเห็นที่ 6 *** วันนี้พี่พันดูอืดๆ น่ากลัวกระทู้ด๋อยจริงๆ บุ๊กจังพิมพ์สดซะด้วย *** หน้าตาบัตรขึ้นกระเช้า ที่เค้าทำด้านหลังให้เป็นโปสการ์ด้วย กิ๊บเก๋มากๆ แต่น่าเสียดายที่ตั๋วกระเช้าบางอัน เจ้าหน้าที่เค้าแทนที่จะแสกนเฉยๆ หรือว่าฉีกไปแค่ขั้ว เค้าก็เก็บไปทั้งใบเลย (เพื่อความรวดเร็วของเค้า) เราก็เลยอดได้มาเป็นที่ระลึก จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:21:09

ความคิดเห็นที่ 7 กระเช้าวันนี้กิ๊บเก๋ค่ะ ด้านที่ตรงข้ามกับประตู ทำเป็นกระจกบานเดียวใหญ่มาก เห็นวิวชัดมาก เราก็จัดไปหลายรูปเหมือนกัน เสียดายที่พอกระเช้าเคลื่อนไปสูงหน่อย หมอกก็เริ่มลง จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:22:49

ความคิดเห็นที่ 8 ขึ้นไปถึงด้านบนยอดเขา ก็ต้องผิดหวังเพราะหมอกลงหนาอีกแล้ว คุณพี่หนึ่งหัวหน้าทัวร์บอกว่า ให้เวลา 15 นาทีแล้วกัน เพราะหมอกลงอย่างนี้มองไม่เห็นอะไรหรอก เราควรจะเอาเวลานี้ไปเดินที่เมืองโบราณดีกว่า ด้านบนก็จะมีลักษณะเป็นสวนสาธารณะ ที่ถ่ายรูปมาตรงนี้จะเป็นสวนสมุนไพร ถ้ามาตอนแดดดีๆ น่าจะสวย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:25:03

ความคิดเห็นที่ 9 แน่นอนว่าถึงมีเวลาให้แค่ 15 นาที พวกเราก็จะเดินให้ถึงที่สุด ว่าแล้วที่บ้านเราก็เดิน เดิน เดิน (แต่ดูเวลาด้วยนะคะ) โดยมีคุณตาที่มาด้วยกัน เดินนำไปข้างหน้า จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:32:29

ความคิดเห็นที่ 10 ขอสารภาพเลยว่าไม่รู้เลยว่าที่ตรงนี้มีอะไรสำคัญ ก็คิดว่ามันคงเป็นที่ที่วิวสวยเฉยๆล่ะ จนแม่ที่เดินนำหน้ากวักมือเรียกให้เดินไปที่ระเบียงชมวิว (ยังจำได้ไม๊คะ ที่ไหนมีระเบียง ที่นั่นมีวิว) เดินไปถึงก็มีแต่หมอก หมอก หมอก เห็นป้ายแค่คำว่า "Five fingers mountain" พวกเราก็ได้แต่ปลงแล้วก็ถ่ายรูปกับป้ายชื่อภูเขา แล้วเชื่อไม๊คะ ว่าตรงนั้นเค้าก็มีพวกพี่ๆมาเปิดบู้ทถ่ายรูปอีกล่ะ เวลาเราถ่ายรูปกัน เค้าก็มาแอบถ่ายรูปเราไว้ด้วย เราก็งงๆอีกว่า จะถ่ายไปทำไมทั้งๆที่หมอกเยอะขนาดนั้น แต่ที่ไหนได้ ซักพักเค้าก็เดินมาเรียกให้ไปดูรูปที่หน้าจอ โอ้โห วิวชัดใสเลย แอบอึ้งว่ากล้องอะไรทำไมเทพ จนแม่ชี้ให้ดูว่าเค้าตัดรูปเรามาแปะต่างหาก (แต่ก็เป็นฝีมือตัดแปะระดับเทพนะคะ เพราะถ่ายเสร็จแป๊บเดียว รูปเราก็โดนแปะอยู่บนฉากหลังอย่างเนียนเลย) ตอนที่เรากำลังจะหันหลังกลับ ปรากฏว่าอยู่ดีๆก็หมอกก็ปลิวออกไป จนมองเห็นเจ้าภูเขาห้านิ้ว เราแทบไม่เชื่อเลยว่าทริปนี้เราจะโชคดีขนาดนี้ ยกเว้นครั้งเดียวที่หมอกลงตรงเทียนจือซาน ในครั้งอื่นๆ เราก็รอดจากฝนตกบ้าง ได้รับแดดบ้าง คราวนี้อยู่ดีๆหมอกก็ปลิวออกไปทำให้เราเห็นวิวสวยๆได้อีก! เรากลับบ้านมาโชว์รูปให้ลูกพี่ลูกน้องดู เค้าเห็นรูปเค้าก็ทักว่า "นี่มัน five fingers นี่นา!" เราก็ถามเค้าว่ารู้ได้ไง (คือเราไม่รู้จักจริงๆนะ) เค้าก็บอกว่า เค้าทำงานสิงคโปร์ มีเพื่อนคนจีนเยอะ ใครๆมาเที่ยวก็โชว์แต่รูปภูเขานี้กันทั้งนั้น "ดังนะภูเขานี้" เราฟังแล้วก็ได้แต่นึกขอบคุณสวรรค์อยู่ในใจที่ทำให้ทริปนี้เจอแต่สิ่งดีๆ ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:59:31

ความคิดเห็นที่ 11 *** มีข้อสงสัยนิดนึง ที่ตรงระเบียงชมวิวนี่ ระหว่างชมวิวที่หมอกหนาๆ เราจะได้ยินเสียงคนจีน คนเกาหลีพูดล้งเล้งไปหมด (เหมือนดังมาจากด้านล่าง) แต่ไม่รู้จริงๆว่าอยู่ตรงไหน *** เท่าที่สังเกตจากที่คนที่บู้ทถ่ายรูปเค้ามีรูปสำรองเตรียมไว้ กับการที่เค้ามีป้ายติดโชว์ความงามสี่ฤดูของสถานที่ ทำให้เราคิดว่า การที่หมอกลงแถวนี้คงเป็นเรื่องปกติของภูเขานี้ ดังนั้น ถ้าใครเตรียมจะไปเที่ยวช่วงเวลานี้ คงอาจจะต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะคะ เรื่องที่หมอกลงหนาๆ คิดซะว่า หมอกลงมันถ่ายรูปสวยกว่าเวลาแดดแรงๆก็แล้วกัน *** พวกเราเดินกลับมาขึ้นกระเช้าขาลงกัน เจอคุณไกด์กับลูกทัวร์ที่ไม่ได้เดินไปไกลนั่งรออยู่ เราก็เล่าให้เค้าฟังอย่างตื่นเต้นเลย คุณพี่หนึ่งก็เลยบอกว่า "เออ การมาเที่ยวแล้วจะเห็นอะไรไม่เห็นอะไรนี่มันเป็นชะตาของแต่ละคนจริงๆ เพราะผมนั่งกันอยู่ตรงนี้ หมอกหนามาก มองไม่เห็นอะไรเลยนะเนี่ย" *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:05:03

ความคิดเห็นที่ 12 ขาลงกระเช้าเราก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกล่ะ เพราะคราวนี้กระเช้าเราเป็นแบบพื้นกระจกด้วย! แสดงว่ากระเช้าที่นี่มีแบบที่เป็นพื้นธรรมดาและพื้นกระจกสลับกัน ถ้าใครมาแบบมีเวลา อยากขึ้นกระเช้าพื้นกระจก อาจจะต้องบอกเจ้าหน้าที่ แล้วก็ต้องรอล่ะมั๊งคะ (เรานึกถึงที่เราไปขึ้นกระเช้ากระจกที่แวนคูเวอร์ ที่เค้าจะมีพื้นกระจกแค่บางคัน ใครอยากขึ้นแบบกระจกก็ต้องรอ ส่วนคนที่จะขึ้นกระเช้าไปเล่นสกี หรืออะไรแบบนี้ ก็ขึ้นแบบพื้นธรรมดาไป) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:09:43

ความคิดเห็นที่ 13 ขาเดินกลับไปที่รถ ก็ได้มีโอกาสถ่ายสวนสาธารณะอีกครั้ง คราวนี้มีป้ายบอกอุณหภูมิไว้ด้วย เค้าว่า 14.8 องศา แต่เราว่ามันก็เย็นๆ กำลังสบาย เราก็ใส่เสื้อยืดแขนยาวตัวนึงกับเสื้อกันฝนก็เอาอยู่ (อาจจะเป็นเพราะไม่มีลม) ปล. อิอิ ใช้ mspaint ทำรูปมาหลายวัน เลยลองแต่งเติมลูกเล่นบ้างอะไรบ้าง ก็ออกมาดูใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 17:12:33 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:11:41

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อมูลเขาหวงซือจ้ายจากรายการทัวร์ *** เขาสิงโตเหลือง "หวงซือจ้าย" ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด เทือกเขาแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 83,000 ไร่ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร มีจุดชมวิวที่เรียงรายลดหลั่นไปตามแนวหน้าผา ที่นี่คือบริเวณธรรมชาติมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของจีน ภาพของยอดเขาวงกตเทียมเมฆ "จางเจียเจี้ย" ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มียอดเขาสูงนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาบางลูกมีลักษณะคล้ายบอนไซ บางลูกมีรูปร่างเหมือนดาบเล่มมหึมาปักอยู่ทั่วไป ชมยอดเขาประตูสาวพรหมจรรย์ ยอดเขาประตูศักดิ์สิทธิ์ ยอดเขาหนังสือสวรรค์ เขาเสาเข็มมหัศจรรย์แห่งท้องสมุทร เขาเสาสวรรค์แห่งทิศใต้ ฯลฯ หวงซือจ้ายเป็นจุดท่องเที่ยวสุดยอด ยามที่ยอดเขานับร้อยเหล่านี้ถูกคลอเคลียด้วยหมอกบางๆ เป็นความสวยงามอันสุดพรรณนา กับทิวทัศน์ที่ท่านมองเห็นอยู่เบื้องหน้า มีผู้คนไม่น้อยเปรียบเปรยว่างดงามเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์ ถ้ามาจางเจียเจี้ยแล้วท่านไม่ขึ้นหวงซือจ้ายก็เสมือนหนึ่งท่านมาไม่ถึง *** แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 17:23:11 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:15:52

ความคิดเห็นที่ 15 พี่หนึ่งหัวหน้าทัวร์บอกว่า เราจะต้องเดินทางเป็นเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองโบราณเฟิ่งหวง แล้วก็เตือนว่า ต่อไปนี้มันจะเริ่มชนบทของจริงล่ะ อาหารการกินหรือว่าห้องน้ำ อาจจะไม่ดีเท่าในเมือง ก็ขอให้ลูกทัวร์ทำใจกันก่อน และวันนี้กว่าจะได้ทานข้าวก็คงประมาณบ่ายโมงกว่า พี่เค้าเล่าว่า เส้นทางไปเมืองโบราณเฟิ่งหวงนี้ บริษัททัวร์ไม่มากที่จะจัดโปรแกรมให้ไปเมืองโบราณด้วย เพราะการไปที่นี่ จะเสียเวลาเดินทางถึงสองวัน คือไปแล้วกลับ ไม่ใช่ทางผ่านไปที่ไหนได้อีก ตัวแกเองบอกว่า เส้นทางนี้ บริษัทเมืองไทยเพิ่งมาเปิดได้ปีกว่าๆ ก็ไม่นาน ตอนไปครั้งแรก แกรู้สึกเหมือนเป็นหนูทดลองยังไงไม่รุ้ เพราะเส้นทางก็ใหม่ เมืองก็โบราณ โรงแรมก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ หน้าร้อนแอร์ไม่เย็น หน้าหนาวฮีทเตอร์ก็ไม่ทำงาน แต่การไปเส้นทางนี้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงจริง ตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่เฟิ่งหวงยังเป็นเมืองโบราณจริงๆ จนตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง เดี๋ยวลูกทัวร์ก็จะเห็นกันเอง *** ระหว่างทาง พี่หนึ่งก็ควักดีวีดีขึ้นมาเปิดให้ลูกทัวร์ชมกันอีกตามเคย รู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถทัวร์ไปต่างจังหวัดยังไงยังงั้น แล้วเปิดเรื่องอะไรไม่เปิด ดันเปิดเรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ กรี๊ซ มันเป็นเรื่องที่จิ้มใจสาวโสดอย่างดิชั้นมาก หนังแบบนี้มันต้องดูคนเดียวร้องไห้คนเดียว เหมือนบริจิดโจนส์ ไดอารี่ปานนั้นเลย ดิชั้นก็ต้องดูๆหยุดๆ หันมองวิวซะมั่ง ถ่ายรูปซะมั่ง ไม่งั้นน้ำตาหยดมาก มันจี๊ดค่ะ โดยเฉพาะตอนรถไฟฟ้าขัดข้อง แล้วไม่รู้จะโทรหาใครอ่ะ ใครไม่โดนมั่ง ไม่รู้สึกหรอก .... โอ๊ะ ลืมตัวค่ะ ลืมไปว่าอยู่เฉลิมไทย... *** พี่หนึ่งเล่าอีกว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังก่อสร้างทางด่วนวิ่งตรงไปเฟิ่งหวง (ไม่ทันได้ฟังว่ามันเริ่มมาจากไหน แต่น่าจะเป็นฉางซา) จากที่เราวิ่งลัดเลาะกันตอนนี้ 6 ชั่วโมง ก็จะเหลือแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น (ก็ถ้าคุณๆเคยเห็นทางด่วนเมืองจีน ก็จะรู้ว่า พี่แกตัดตรงแหน่วยังกับถนนโรมัน ทะลุภูเขา ทะลุเหว ข้ามแม่น้ำ ฯลฯ) ซึ่งทางด่วนน่าจะเสร็จภายในปีนี้ ไม่เกินปีหน้า ดังนั้น เราก็คงจะเป็นนักท่องเที่ยวรุ่นท้ายๆ ที่ได้มีโอกาสนั้นรถชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ รถวิ่งมาอีกไม่เท่าไหร่ เราก็ได้เห็นเจ้าทางด่วนที่ว่า มันสูงเสียดฟ้าประมาณตึก 5-6 ชั้น ยิ่งอยู่ในหมอก ยิ่งทำให้นึกถึงฉากอู่ต่อยานเอ็นเตอร์ไพรซ์ในหนัง Startrek ของพี่ JJ Abram เลย (ถ้าใครติดตามรีวิวมาตั้งแต่แรก น่าจะพอเดาได้ว่าบุ๊กจังสิงอยู่ห้อง scifi club นะคะ) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:38:47

ความคิดเห็นที่ 16 รูปไม่ขึ้นซะอย่างนั้น จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:39:14

ความคิดเห็นที่ 17 *** พอดูหนังไปได้ซักพักเราก็หลับไป ตื่นมาอีกทีเที่ยงครึ่ง เพราะพี่หนึ่งปลุกมาทานข้าว เค้าบอกว่าร้านอาหารที่วางแผนที่จะพาไปนั่นยังอีกไกล (ระหว่างทางมีฝนบ้าง ทำให้ขับได้ช้ากว่าที่คาด) เลยจะแวะอีกที่นึงแทน ซึ่งอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นที่ที่ดีที่นึงในแถบนี้เลย เข้าไปก็เหมือนว่าเค้ายังไม่ค่อยได้เตรียมพร้อมเท่าไหร่ ถ้วยจานชามก็ต้องยกมาจัด และใช้เวลาในการรออาหารพอสมควร อาหารที่นี่เริ่มมีอะไรประหลาดๆล่ะ พวกเนื้อสัตว์จะเป็นอาหารที่ผ่านการถนอมอาหารซะเยอะ พวกผัดแฮมยูนนาน กุนเชียง ฯลฯ ค่อนข้างเค็ม แต่บุ๊กจังชอบพวกเบค่อน กับแฮม ก็...กินได้อ่ะค่ะ แถมเค้าเอาข้าวมาเสิร์ฟในตะกร้าสานด้วย ได้บรรยากาศดีจะตาย ระหว่างที่รออาหาร (นานมากอ่ะ) ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ ก็เดินออกมาชมวิว ปรากฏว่าวิวสวยมาก เป็นทุ่งนาและภูเขากว้างสุดตา แต่ถ่ายรูปจนไม่มีอะไรจะถ่าย เลยลองกล้องด้วยการลองใช้โหมดต่างๆของกล้องถ่ายแล้วเอามาเทียบกัน ก็สนุกดีค่ะ ปล.ใช้กล้อง Sony Nex5N ค่ะ (เผื่อคนที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้สงสัย) ปล.2 สำหรับที่ขอกันมาเรื่องอาหาร เดี๋ยวขอรวบรวมอีกทีนะคะ จริงๆเราถ่ายอาหารเยอะอยู่ แต่เรากลัวว่าจะเบื่อกัน รีวิวคราวนี้เลยเน้นเรื่องสถานที่เที่ยวน่ะค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:47:41

ความคิดเห็นที่ 18 *** ไฮไลท์อีกอย่างของการมาเมืองจีนก็คือการเข้าห้องส้วมค่ะ! ยังนึกอยู่ว่า นี่ถ้าเราไม่ได้แวะที่ร้านอาหารร้านนี้ เราก็คงจะพลาดไฮไลท์ส้วมหลุมของดีเมืองจีนไปแน่ๆ ! *** พูดจริงๆว่า ส้วมนี้ก็ค่อนข้างหรูใช้ได้นะคะ เพราะทริปที่เราไปแชงการีล่า อันนั้นเจอตั้งแต่เป็นเพิง มีไม้กระดานพาด แล้วก็ถ่ายลงแม่น้ำ หรือว่าหรูหน่อยคือเป็นก่ออิฐแต่ไม่ฉาบ ส่วนห้องน้ำในคราวนี้ มีการปูกระเบื้องด้วย ^-^ ลักษณะก็เหมือนห้องน้ำอนุบาลที่มีกำแพงเตี้ยๆกั้น ด้านล่างก็จะเป็นรางยาวๆ ที่ทำต่อกันมาจากห้องน้ำชาย เวลาที่มีคนเข้า คนดูแลเค้าก็จะมาคอยราดน้ำจากต้นทางทีเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะไหลมารวมกันปลายทาง แล้วก็ไหลลงท่อระบายน้ำไป (เข้าใจว่ามันก็ลงไปเป็นปุ๋ยในทุ่งนาที่เราถ่ายรูปมานั่นแหละค่ะ) แน่นอนว่า มาถึงเมืองจีนขนาดนี้แล้ว ชาวคณะเราก็ต้องมีการถ่ายรูปกันบ้าง ปล่อยของกันบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวกลับไปเมืองไทยจะโดนครหาว่าเสียเงินบินมา แต่มาไม่ถึงเมืองจีนนะเอ้อ ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 17:57:35

ความคิดเห็นที่ 19 ณ จุดนี้คงต้องขอตัวกลับบ้านก่อนแล้วคะ จะพยายามทำให้จบภายในเสาร์อาทิตย์ แต่ไม่รับประกันนะคะ ธุระรัดตัวจริงๆ บุ๊กจังก็ขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ในกระทู้นะคะ ถ้าเข้ามาอ่านแล้วชอบใจ รบกวนฝากคอมเม้นท์ไว้ด้วย เพราะคอมเม้นท์และกำลังใจต่างๆ มันก็ช่วยเป็นแรงผลักดันให้เราเขียนรีวิวแบบจัดเต็มออกมาแบบไม่เม้มได้แบบนี้ รักคนอ่านค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 18:00:20

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณค่ะ ยังติดตามอยู่ตลอดค่ะ จากคุณ : ฮิวเยียก เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 21:16:23

ความคิดเห็นที่ 21 ตามมาตามลายแทงค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : นาริน เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 22:51:23

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ มีโอกาสจะตามรอยแน่นอนครับ!!!.... จากคุณ : Brianak เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 22:56:35

ความคิดเห็นที่ 23 ติดตามต่อครับ.. จากคุณ : nerve-racking เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 22:56:57

ความคิดเห็นที่ 24 มาติดตามต่อครับ จากคุณ : golfferio เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 00:05:15

ความคิดเห็นที่ 25 ตามอ่านมาตั้งเเต่ตอนเเรก จขกท รีวิวได้ละเอียดเเละเล่าเรื่องได้สนุกดีจังเลยครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะครับ จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 10:25:00

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาติดตามอ่านต่อครับบบ........... จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 10:30:03

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ เราไปทริปเมืองจีนมาสองครั้งยังไม่เคยเจอส้วมแบบที่คุณจขกท.ถ่ายมาเลย สงสัยที่เราไปยังเจริญเกินไปค่ะ จากคุณ : arrissat เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 08:12:02

ความคิดเห็นที่ 28 ตามมาเที่ยวต่อครับ คุณภรรยาฝากขอบคุณ คห.ที่ 18 ครับ เพราะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายว่าจะรับได้หรือไม่ ถ้าห้องขับถ่ายเป็นเยี่ยงนี้ หะหะหะ จากคุณ : จิ้งจอกหลงกรุง เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 10:01:20

ความคิดเห็นที่ 29 แว๊ก คุณจิ้งจอกฯ รูป คคห.18 นั่นมันของหายากนะคะ ของหาง่ายๆ ไม่ได้ถ่ายมา ขอบอกว่า เดี๋ยวนี้ห้องน้ำเมืองจีนเจริญก่าเมืองไทยอีก ถ้าไปเส้นทางประมาณคุนหมิง กุ้ยหลิน จะเจอห้องน้ำเจ็ดดาว มีแอร์และจอ LCD ทุกห้องด้วยนะ ขอให้คุณภรรยาตัดสินใจใหม่โดยด่วน! จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 21:02:19

ความคิดเห็นที่ 30 ปล. คุณจิ้งจอกฯต้องรอวันสุดท้ายนะคะ มีเซอร์ไพรซ์ด้วย... จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 21:03:06

ความคิดเห็นที่ 31 *** อรุณสวัสดิ์ค่ะ *** เราเริ่มใกล้เมืองโบราณเข้าไปอีกแล้วนะคะ สองข้างทางดูเป็นเมืองชนบท แต่บางทีก็จะเจออะไรที่มันไม่ค่อยเข้ากัน เช่นร้านอาหารแพกลางน้ำ ดูใหญ่โตมากๆ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 08:26:12

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ถัดไปอีกหน่อย จะเริ่มเห็นคนแต่งชุดพื้นเมืองในชีวิตประจำวัน แม้แต่คนเก็บขยะ ก็ยังใช้ตะกร้าสานแบกหลัง จะเห็นว่าแถวนี้น่าจะปลูกส้มกันเยอะมาก เพราะข้างทางมีส้มทิ้งอยู่เกลื่อนไปหมด แต่เราไม่เห็นต้นส้มเลย แปลกดีค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 08:27:56

ความคิดเห็นที่ 33 เราว่าด้วยความที่ในชนบท ค่าแรงถูก คนยังเยอะ ทำให้เรายังไม่ค่อยเห็นเครื่องจักรในการทำการเกษตรเท่าไหร่ นั่งรถผ่านไป จะเห็นคนยืนพรวนดินเป็นไร่ๆ เวลาไถนาก็ยังใช้วัวและควายอยู่ บุ๊กจังเป็นคนที่ชอบควายมาก มันออกจะน่ารัก ตาโตขนตางอน แต่เสียดาย ถ่ายรูปดีๆมาไม่ได้ บางทีนั่งรถไป ก็จะเห็นลูกควายวิ่งเล่นกันอยู่ข้างถนน น่าร้ากกกก จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 08:30:32

ความคิดเห็นที่ 34 ระยะที่เข้าเมืองโบราณ เราเริ่มเห็นห้องแถวร้านค้าอยู่สองข้างทาง ดูคล้ายๆตลาด มีร้านขายยาเยอะมาก ไม่รู้ทำไม แต่ที่สังเกตร้านขายยาเพราะว่าคุณแม่ตั้งใจมาซื้อซีกัวซึง แบบลูกอม เพราะของที่บ้านที่ตุนไว้หมดแล้ว แต่ตั้งแต่เดินทางมาหลายวัน ยังไม่เจอร้านยาเหมาะ ซีกัวซึงเนี่ย จริงๆแล้วเราชอบเอามาใช้กับเวลาเป็นร้อนในที่ปาก มากกว่ายาฝรั่ง เพราะมันเป็นผงๆ ทาแล้วรู้สึกสบายปากกว่าแบบครีมข้นๆ แต่ค้นพบว่า เอามาพ่นคอแก้เจ็บคอ ก็ดีเหมือนกัน (แต่แอบสำลักฝุ่น ต้องหายใจดีๆ) คือมันใช้ได้หลายอย่างดี (จริงๆแล้วยาพ่นแก้เจ็บคอมันควรเป็นแบบน้ำ แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน) ส่วนแม่เราชอบแบบลูกอม เอาไว้อมเวลาเจ็บคอ แต่เราว่ามันหวาน ยาอะไรหวานๆ เราไม่ชอบ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 55 09:11:48 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:11:11

ความคิดเห็นที่ 35 ซีกัวซึง (อ่านงี้ป่าวไม่รู้ แต่บ้านเราเรียกอย่างงี้อ่ะค่ะ พอดีที่บ้านไม่ใช่คนจีน) จากเมืองจีน หน้าตาแบบนี้ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:12:56

ความคิดเห็นที่ 36 แต่เราชอบรสกับกลิ่นของยี่ห้อนี้มากกว่า อันนี้หาซื้อได้ที่เยาวราช *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:19:06

ความคิดเห็นที่ 37 เรามาถึงเมืองเฟิ่งหวงแบบเครียดๆ เพราะคุณไกด์บอกว่าเราได้ซื้อตั๋วนั่งเรือล่องแม่น้ำไว้แล้ว แต่เค้าจะปิดตอนสี่โมงครึ่งพอดี ซึ่งที่นี่เค้าค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่ค่อยผ่อนผันเท่าไหร่ เราเลยต้องรีบไปให้ถึง และต่อคิว บางทีขนาดต่อคิวแล้ว ถ้าเลยสี่โมงครึ่ง เค้าก็จะตัดคิวซะงั้น เรามาถึงที่จอดรถโรงแรม ซึ่งมันห่างจากโรงแรมซักประมาณ 100 เมตร เพราะเมืองเฟิ่งหวงมีสภาพเหมือนเมืองริมน้ำ สองข้างก็เป็นหุบเขา จึงไม่ค่อยมีพื้นราบ ตัวโรงแรมสร้างค่อนข้างชิดภูเขาด้วย จึงต้องหาพื้นราบริมแม่น้ำ ไว้ทำเป็นที่จอดรถ เข้าใจว่าที่จอดรถนี้ใช้ร่วมกัน ไม่ใช่เป็นของโรงแรมแห่งเดียว (แอบเห็นกระทู้รีวิวจางเจียเจี้ยอีกกระทู้นึง ก็พักที่นี่เหมือนกัน สงสัยว่าอาจจะเป็นโรงแรมที่สภาพดีหน่อย ทัวร์ไทยที่ไหนมาก็คงต้องพักที่นี่) *** งานนี้ด้วยความรีบ คุณไกด์และหัวหน้าทัวร์เลยแอบเครียด มีการเป๋ๆเล็กน้อย ตอนแรกเห็นว่ารีบ แต่พาเราเดินไปเข้าห้องน้ำที่โรงแรมซะงั้น จากนั้นก็พาเราเดินข้ามสะพานไปท่าน้ำตรงท่าเรือ แต่กว่าจะถึงท่าน้ำ ก็มีการหยุดรอกันเป็นระยะๆ เค้าหยุดตรงไหน เราก็ถ่ายรูปตรงนั้น งานนี้ถ่ายดะเลย เพราะเรารู้ว่าเราจะได้อยู่ที่นี่ไม่กี่ชั่วโมง แค่เย็นนี้กับคืนนี้เท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเราต้องตีรถแต่เช้าเพื่อไปฉางซาให้ทัน 3.30น. เพราะคณะทัวร์เราได้ซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์หม่าหวังตุยไว้รอบ 3.30 น. *** แถวนี้เด็กตะกร้าเยอะมาก อยากซื้อกลับไปใส่คุณหลานซักใบ แต่คุณหลานคงไม่ชิน สงสัยได้ปีนออกนอกตะกร้าแน่ๆ *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:32:35

ความคิดเห็นที่ 38 สภาพเมืองโบราณ มันคงโบราณแค่เฉพาะตึก เพราะนักท่องเที่ยว ไทย จีน เกาหลี ไต้หวัน เดินกันให้ควั่ก สองข้างทางกลายเป็นร้านค้ากับโฮมสเตย์หมด ดูไปดูมา เหมือนอัมพวาดีๆนี่เอง ส่วนตามร้านอาหาร บุ๊กจังสังเกตว่าเค้าจะขายพวกปูตัวเล็ก และกุ้งแห้ง (ที่ขนาดแห้งแล้วยังตัวใหญ่ว่ากุ้งกุลาบ้านเราอีก -_-") สงสัยว่ามันน่าจะใกล้ทะเลหรือเปล่า เพราะระหว่างทางมาก็เห็นเหมือนเป็นนกนางนวลบินอยู่ แต่ถามพี่หนึ่ง พี่หนึ่งก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า พวกปูตัวเล็กเสียบไม้ทอดแบบนี้ ถือเป็นของดังของที่นี่ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:47:14

ความคิดเห็นที่ 39 กุ้งแห้งยักษ์ (น่ากินมากๆ) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:49:46

ความคิดเห็นที่ 40 อีกอย่างที่ขายกันเกลื่อนคือมงกุฎดอกไม้ เห็นหนุ่มๆซื้อให้สาวๆใส่กัน อันนี้เราก็ไม่มีเวลาได้ถามไกด์เหมือนกัน แต่เห็นสาวๆมีมุงกุฎกันทุกคนเลย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:53:07

ความคิดเห็นที่ 41 มีมงกุฏ เดินจูงหนุ่ม น่าอิจฉา อิอิ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 09:53:43

ความคิดเห็นที่ 42 พวกเราเดินมาถึงท่าน้ำเพื่อขึ้นเรือ ก็เห็นคนยืนคอยเยอะมาก ตอนนั้นเป็นเวลาสี่โมงกว่าๆแล้ว (ปล. เรื่องเวลา บุ๊กจังเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ ว่าเวลาปิดของเค้าเป็นสี่โมงครึ่ง หรือห้าโมงครึ่ง รู้แต่ว่าไปต่อคิว มันก็เกือบๆจะหมดเวลาแล้ว) บุ๊กจังเป็นคนแรกๆของคณะที่เดินไปเข้าคิว เค้าจะต่อคิวกันอยู่บนบันไดท่าน้ำ ริมแม่น้ำนั่นเอง น่ากลัวว่าถ้าคนเยอะๆ จะมีคนพลัดตกไป ระหว่างรอคิว เราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยหาเรื่องถ่ายรูปไปเรื่อย โชคดีที่ไปยืนอยู่แถวริมสุดติดแม่น้ำ (ตอนนั้นมันมีคิวซ้อนกันอยู่สามแถว) ก็เลยได้ถ่ายรูปวิวแม่น้ำได้ชัดเจนหน่อย รอไปก็ลุ้นไป ส่วนเรือที่มารับหน้าตาเป็นเรือค้ำถ่อ แสดงว่าแม่น้ำไม่น่าจะลึก ต่อแถวซักพัก ก็เห็นคุณน้าคนนึงนั่งซักผ้าอยู่ริมน้ำนั่นแหละ แต่ที่หวาดเสียวคือเธอแขวนกล้องดิจิตอลไว้ด้านหลัง นี่ถ้าพลาดพลั้ง น้ำกระฉอก กล้องพังได้เลยนะ สังเกตอีกอย่างคือ เค้าจะไม่ได้ใช้สายห้อยคอเหมือนอย่างที่แถมมากับกล้อง แต่ใช้เชือกเหนียวๆแทน คงจะทนกว่า แล้วก็คล่องตัวกว่าด้วย มองไปใกล้ๆ จะเห็นว่าจริงแล้วเค้าเป็นพวกที่ถ่ายรูปขายนั่นเอง ระหว่างที่ยืนรอคิวอยู่ มีมงกุฎดอกไม้อันนึงลอยตามน้ำมาเฉียดๆคุณน้าไป คุณน้าคนนี้เห็นก็พยายามจะไปคว้าไว้ แต่น้ำไหลเร็วเหมือนกัน เลยคว้าไม่ทัน บุ๊กจังเห็นแล้วก็แอบดีใจ เพราะเธอคงจะเก็บแล้วเอาไปขายต่อให้กับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เผลอๆได้อีโคไล หรือไทฟอยด์กลับบ้านไปจะแย่เลย จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 10:17:58

ความคิดเห็นที่ 43 จากท่าน้ำ ถ้าเดินไปอีกหน่อย จะมีสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำอีกแห่งที่เค้าทำเป็นก้อนหิน ให้คนเดินข้ามได้แบบเสียวๆ ไอ้เราก็อยากจะเดินไปเหมือนกัน แต่ติดอยู่ในคิวรอเรือ เลยได้แต่ถ่ายรูป คนที่เค้ามาเป็นคณะ เค้าก็ไปต่อแถวถ่ายรูปกัน เหมือนเป็นภาคบังคับ (ถ้ากระโดดได้ เราว่าเค้าคงกระโดดแล้วล่ะ) บางคณะเป็นสาวๆ เค้าก็ไปเช่ากระโปรงแม้วมาใส่ เวลาถ่ายรูปก็ต้องกางปีกโชว์กระโปรงเป็นครึ่งวงกลม แต่ไม่ได้คิดว่า คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจะแอบฮา เพราะกระโปรงมันมีด้านเดียว ด้านหลังของพวกเธอก็ยังเป็นกางเกงยีนส์อยู่ แต่บางคนใส่กระโปรงสั้นๆหน่อย มันก็เลิกตามกระโปรงแม้วขึ้นมาให้หนุ่มๆเค้าดูไปเสียวไปก็มี ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 10:24:23

ความคิดเห็นที่ 44 กว่าจะได้ลงเรือก็วุ่นวายนิดหน่อย เพราะคณะเรากรุ๊ปแรก คือกรุ๊ปพี่หนึ่ง ได้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าตอนสี่โมงครึ่งพอดี แต่กรุ๊ปสองตามมาทีหลัง อยู่ห่างไปอีกประมาณ40คน คุณไกด์ก็เข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ล้งเล้ง ฟังภาษาจีนแบบไม่ค่อยแตกฉาน ได้ยินประมาณว่า กรุ๊ปเรามาก่อนเวลา ก็น่าจะให้เข้าพร้อมๆกัน ตั๋วก็ซื้อแบบกรุ๊ปนะ ฯลฯ ความเข้าใจของเราคือว่า เค้ามีเรือพอแค่ของกรุ๊ปที่หนึ่ง กับกรุ๊ปคนจีนด้านหลังเรา แต่กรุ๊ปคุณสองจะไม่ได้ลงเรือ ปรากฏว่าจริงๆแล้ว คุณไกด์เค้าไปขอให้เจ้าหน้าที่ขอให้เราเข้าพร้อมกันทั้งสองกรุ๊ป เพราะมาด้วยกัน แค่นั้นเอง -_-"  ครือก็ไม่เข้าใจว่าชีจะไปทะเลาะกับเค้าทำไม คุยกันซักพัก ระหว่างรอเรือมา ก็ได้ข้อสรุปว่า เดี๋ยวกรุ๊ปที่หนึ่ง เดินเข้าไปให้รอกันก่อน อย่าเพิ่งขึ้นเรือ เราจะให้กรุ๊ปคนจีนไปก่อน แล้วเราจะได้ไปด้วยกัน พวกเราก็โอเคล่ะ เดินเข้าไป แต่พอเรือมาจริงๆ ยังไงไม่รู้ เค้าก็กวักมือให้เราไปขึ้นก่อนซะงั้น สรุปว่าที่บ้านบุ๊กจังกับชาวคณะอีกสองคน ก็ได้ขึ้นเรือลำแรก... ซึ่งบุ๊กจังถือว่าเป็นโชคดี เพราะตอนนั้นแม่น้ำโล่งมาก พวกเรายังคิดไปว่า สงสัยเรือลำอื่นคงเลิกงานไปแล้ว (คิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าใครไปเมืองจีนมาหลายๆครั้ง แบบที่ไม่ได้ไปกับทัวร์ จะรู้ว่าคนจีนสมัยก่อนทำงานเหมือนราชการ แถมพักกลางวันสองชั่วโมง เลิกงานคือเลิก ใครจะรออยู่กี่คนไม่สนใจ) แต่ที่ไหนได้ ระหว่างล่องเรือไป ก็เห็นเรือหลายลำกำลังล่องทวนน้ำมา ได้ยินเสียงนายแม่บ่นอยู่ข้างหลังว่า "เรือเยอะแยะ ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม" ทีว่าโชคดีเพราะว่า เวลาเค้าล่องเรือ เค้าจะล่องไปจนถึงเจดีย์ริมน้ำ แล้วก็วกกลับ ด้วยความที่เป็นเรือลำแรก ทำให้ล่องไปได้จนเกือบสุดทาง (ด้านหน้าก่อสร้างสะพานอยู่ เลยไปได้แค่นั้น) ถึงวกกลับ แต่เรือลำอื่นที่ตามมาประมาณสิบกว่าลำ เค้าไม่รอให้สุดทาง เค้าก็รีบๆวกกลับเลย เพราะถ้ารอกลับทีละลำมันจะช้า โชคดีอย่างที่สองคือ คนเรือลำที่บุ๊กจังนั่ง เค้าร้องเพลงคนเรือให้ฟังด้วย (ยังกะนั่งเรือกอนโดล่าในเวนิซเลย อิอิ) ส่วนชาวคณะฯเราก็ไม่ยอมแพ้ พอเค้าร้อง ฮัดชิ้วววมา เราก็ร้องฮัดชิ้ววววกลับ คนเรือได้ใจ ถ่อไปร้องไปประมาณสิบรอบได้ คุณนายแม่เลยติ๊บคนเรือไป 20 หยวนเลย พอขึ้นมาจากเรือ ก็ได้มีเวลาถ่ายรูปริมน้ำอีกนิดหน่อย ก่อนที่เรือลำอื่นจะมาเทียบท่า *** รูปนี้ถ่ายจากท่าขึ้นเรือค่ะ เป็นจุดถ่ายรูปที่ดีอีกจุดนึง จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 10:46:04

ความคิดเห็นที่ 45 บุ๊กจังชอบชีวิตริมน้ำ มันเห็นวิถีชีวิตคนได้มากกว่าการเดินทางทางบก เวลานั่งเรือคลองแสนแสบ จะชอบนั่งข้างหน้า จะได้ชมวิว ชมสวนบ้านคนอื่นสวยๆ ท่าน้ำน่านั่ง ฯลฯ อ้าว,นอกเรื่องแล้ว ขอโทษค่ะ จากการล่องเรือ เราจะเห็นว่าอาคารริมน้ำ ด้านล่างเป็นร้านอาหาร ด้านบนเป็นโรงแรม หรือว่าโฮมสเตย์ทั้งนั้น เห็นแล้วตั้งใจว่า คราวหน้าอยากจะมา backpack แล้วอยู่โรงแรมริมน้ำแบบนี้ คงมีความสุขน่าดู (ณ จุดนั้นมันดูดีมาก แต่พอตกกลางคืน ก็ต้องเปลี่ยนใจค่ะ เปลี่ยนใจเพราะอะไรเดี๋ยวมาว่ากัน) *** ร้านอาหารเอาแฮมรมควันมาตากที่ระเบียง แฮมรมควัน ถือเป็นของดีของที่นี่อีกอย่างนึง *** จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 10:56:21

ความคิดเห็นที่ 46 กว่าจะล่องเรือเสร็จก็ห้าโมงกว่า เราก็กลับโรงแรมกันเพื่อไปกินข้าว (ตรงนี้เราตัดโปรแรมบ้านเกิดกวีดังออก เพราะคณะเราอยากล่องเรือมากกว่า) ระหว่างทางเดินกลับ พ่อค้าแม่ค้าเริ่มตั้งเต๊นท์ขายอาหารบนถนน ทำเหมือนถนนคนเดิน แต่จริงๆมันไม่ใช่อ่ะค่ะ มันแค่เหลือที่ให้รถผ่านได้เลนส์เดียวต่างหาก -_-" ทั้งคนเดิน ทั้งรถวิ่ง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันน่าดู จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 11:05:12

ความคิดเห็นที่ 47 เราทานอาหารกันที่โรงแรม เพราะไกด์บอกว่ามันเป็นดีลของโรงแรมว่าต้องทานอาหารกับเค้า ตอนแรกเรากะว่าจะกินนิดๆหน่อยๆ เพราะเล็งอาหารเต๊นท์ไว้หลายอย่าง แต่อาหารอร่อยกว่าที่คิด เลยกินไปเยอะเหมือนกัน ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 12:02:16

ความคิดเห็นที่ 48 แอบเห็นเค้าเอาไม้กวาดกวาดโต๊ะ ได้อารมณ์ชนบทดีแท้ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 12:58:51

ความคิดเห็นที่ 49 วะฮ่ะฮ่ะ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็ได้เวลาตะลุยราตรี! ของกินแต่ละอย่างมันช่างน่ากินเหลือเกิ๊น จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:00:33

ความคิดเห็นที่ 50 สีสันน่ากินมาก ใส่พริกแทบทุกอย่าง อย่างนี้คนไทยกินได้แน่ (ไอ้เจ้าหัวมันผัดนั่นน่ากินจริงๆ) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:03:07

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ว่าอิ่มมากแล้ว แถมคุณนายแม่ห้ามด้วยค่ะ กลัวไม่สะอาด เลยกินได้แต่บัวลอยน้ำหวาน มีแบบลูกเล็กลูกใหญ่ ลูกใหญ่เป็นไส้งา แล้วก็ใส่ไข่เพิ่มได้ด้วย แต่น้ำเนี่ย เป็นน้ำตาลธรรมดา ไม่ใช่น้ำขิงนะคะ แต่น้ำตาลที่ใช้ น่าจะเป็นน้ำตาลอ้อย ก็หอมๆดีค่ะ ไปเล่าให้พี่หนึ่งฟัง พี่หนึ่งบอกว่า ยังดี ยังเป็นน้ำหวาน เพราะที่เค้าเคยกิน มันเป็นน้ำเปล่าค่ะ -_-" แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 55 13:09:27 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:04:15

ความคิดเห็นที่ 52 เดินไปเดินมา เจอเด็กตะกร้าอีกแล้ว น่ารักด้วย เลยขอเค้าถ่ายรูป ท่าทางคนเลี้ยงน่าจะเป็นคุณยาย แกก็หยุดให้ถ่ายรูป พอเราขอบคุณเค้า เค้ายังบอกว่าต้องขอบคุณเราต่างหาก ที่เห็นว่าหลานเค้าน่ารักน่าถ่ายรูป คนที่นี่ เท่าที่เห็น เราว่าถ้าขอเค้าถ่ายรูปดีๆ เค้าจะชอบมาก (ยกเว้นพวกที่แต่งตัวถ่ายรูปเอาเงินนะคะ) จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:11:19

ความคิดเห็นที่ 53 *** มุมถ่ายรูป *** เราเดินจากโรงแรมมาถึงสะพานแล้วค่ะ ก่อนเข้าสะพาน ตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูปหลักเลย คนจะมาตั้งขาตั้งกล้องถ่ายรูปกันอยู่เพราะมันสวย ส่วนเราไม่มีขาตั้งกล้อง แต่ใช้กล้องช่วย เลยได้พานอราม่ามาอย่างนี้ ถ่ายรูปออกมา เห็นสวยอย่างนี้ แต่จริงๆแล้วมันไม่สวยเลยค่ะ ไฟต่างๆที่เห็นคือไฟจากร้านคาราโอเกะและดิสโก้ เสียงดังก้องออกมาทั้งสองฟากแม่น้ำ นี่ไงที่บุ๊กจังบอกว่า โรงแรมริมน้ำที่เหมือนจะดี แต่เจอเสียงดังตอนกลางคืนเข้าไป ก็ไม่น่าอยู่แน่ๆ เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกเสียดายเมือง แต่บุ๊กจังคิดว่า เนื่องจากเมืองนี้ นักท่องเที่ยวเพิ่งเข้ามา ทำให้พัฒนาเร็วเกินไป มันก็เป็นไปได้สองทางคือ เละไปเลย กับอย่างที่สองคือ รัฐบาลเข้ามาควบคุมเหมือนอย่างลี่เจียง ซึ่งบุ๊กจังว่ามันน่าจะเป็นอย่างที่สองมากกว่า ก็ต้องดูกันต่อไปว่ารัฐบาลจะทำยังไง แต่บุ๊กจังว่าเค้าไม่น่าปล่อยให้เละหรอกค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:15:54

ความคิดเห็นที่ 54 เราเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง เพื่อไปซื้อขนมลูกอมขิง จากร้านเก่าแก่ร้อยกว่าปี ที่อยู่เชิงสะพานอีกด้าน ร้านนี้ถ้าไปกับไกด์ จะได้ลดเปอร์เซนต์นะคะ ไปเองไม่ได้ลดค่ะ ราคาถุงละประมาณ 25-30 หยวน หน้าตาก็จะเหมือนขนมไม้ ที่เป็นตังเมสีน้ำตาลๆ แต่อันนี้เค้าจะตัดเป็นท่อนสั้นๆ และหอมน้ำขิงด้วยค่ะ พอเราซื้อขนมเสร็จ เราก็เดินกลับมาฟากเดิม ดูท่าพ่อแม่เราไม่อยากเดินไกล เราเลยเลียบริมน้ำทางด้านซ้าย กะว่าจะไปให้ถึงเจดีย์ริมน้ำ ซึ่งแถวๆนั้น ก็จะมีมุมถ่ายรูปอีกนะคะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:19:18

ความคิดเห็นที่ 55 บางช่วงถนนก็มีมืดๆเหมือนกัน เด็กสองคนนี้ไม่รู้พ่อแม่อยู่ไหน ปล่อยให้ลูกเล่นอยู่ริมน้ำมืดๆกันสองคน ตอนแรกเดินผ่านได้ยินแต่เสียงเด็กลอยมา หลอนดีค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:20:35

ความคิดเห็นที่ 56 เราหันกลับไปมองสะพานบ้าง จะได้วิวแบบนี้ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:21:23

ความคิดเห็นที่ 57 ตามถนนก็จะเป็นร้านค้าบ้าง โรงแรมบ้าง โรงแรมนี้มีแมวเรียกแขก กับหมาเรียกแขกอย่างละตัว น่ารักทั้งคู่เลย ไม่รู้เจ้าขาวตัวนี้พันธุ์อะไร น่ารักมาก ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:22:51

ความคิดเห็นที่ 58 ตามเสาไฟฟ้า ก็จะมีคุณป้ามานั่งขายของ ขายดอกไม้บ้าง กระทงบ้าง พวกหนุ่มๆสาวๆก็ซื้อกระทงลอยกันเหมือนกัน พี่หนึ่งเล่าว่า ตอนมาเฟิ่งหวงครั้งแรก จะมีพวกคุณยายมานั่งขายกระเป๋าลายพื้นเมือง นั่งเย็บไปขายไปอยู่ใต้โคมไฟ ได้อารมณ์มาก แต่ก็มีแต่คนถ่ายรูป ไม่มีคนซื้อ ตอนนี้พี่หนึ่งบอกว่า ไม่เห็นแล้วว่าคุณยายคนนั้นไปไหน T-T เศร้านะเนี่ย แต่ก็ตามประสาพี่หนึ่งอ่ะ มาเล่าให้ฟังในรถตอนนั่งรถออกมาจากเฟิ่งหวงแล้วอ่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:25:58

ความคิดเห็นที่ 59 ร้านค้าบางร้านก็มีการโชว์ทำขนมหน้าร้านเลย เอาน้ำตาลมานวดกับตะขอเหล็ก ... อย่างนี้จะกินลงไม๊เนี่ย -_-" จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:27:42

ความคิดเห็นที่ 60 เราเดินจนสุดทาง จนไม่มีร้านค้าแล้วเราก็เดินกลับ สวนกับกลุ่มไกด์ที่มาเดินเที่ยวกับลูกทัวร์คนอื่น เค้าบอกว่าเค้าเพิ่งกินบะหมี่ร้านดังกันมา อยู่ตรงตีนสะพานทางด้านขวา แม่เรารู้ใจพ่อ ก็ทักทันทีว่าอยากกินล่ะสิ (ลูกไม่เห็นอยากกินด้วยเลย...) แต่เอานะ ถือว่าได้ไปเก็บแต้ม RC ร้านดัง ก็ไปลองสั่งมา บอกเค้าว่า เอามาเหอะ หมูหนึ่ง เนื้อหนึ่ง เอาอันที่มันดังที่สุดอ่ะ ก็ได้มาเป็นบะหมี่หมูเปรี้ยวเผ็ด (ก็ใส่พริกน้ำส้ม) กับบะหมี่เนื้อชามนึง รสชาติก็ใช้ได้ น้ำซุปเข้มข้น เนื้อก็ไม่เหม็น เส้นบะหมี่ใหญ่ๆคล้ายอุด้ง แต่แบนกว่า กินกับผักดอง และพริกตำ เราก็ยังเสียวๆว่าจะจู๊ดๆไม๊ แต่ก็รอดปลอดภัยมาได้ตลอดทริป แสดงว่าเดี๋ยวนี้ความสะอาดของอาหารจีนชักจะเข้ามาตรฐานแล้ว จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:32:20

ความคิดเห็นที่ 61 กว่าจะกินเสร็จก็ประมาณสามทุ่ม บุ๊กจังอยากเดินต่อ แต่ท่านพ่อท่านแม่ไม่เอาแล้ว เลยต้องกลับ ถึงแม้จะเป็นหญิงที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ แต่ยังไงเราก็ต้องนึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ควรไปเดินที่ไหนแปลกๆตัวคนเดียวนะคะ ขาเดินกลับก็ได้แต่ถ่ายรูปอาหารน่าทาน เอามาเก็บไว้ในความทรงจำ พร้อมกับแค้นฝังหุ่นว่า คราวหน้าตูมา backpack เนี่ย จะกินให้หนำไปเรย ! จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:34:45

ความคิดเห็นที่ 62 ผลไม้หั่นแบบนี้ น่ากินแต่เสี่ยงอาการจู๊ดๆมาก จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:35:23

ความคิดเห็นที่ 63 ร้านอาหารตามสั่งก็มีแต่ของน่ากินไปหมด จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:36:16

ความคิดเห็นที่ 64 ของอีกอย่างที่ชาวคณะเราไปเหมาซื้อมาคือ "เมล็ดทานตะวันตัด" ค่ะ เค้าจะตัดขายเป็นชิ้นใหญ่ประมาณครึ่งกระดาษ A4 ได้ ถุงนึงมีสองชิ้น เค้าบอกมาราคานึง แต่อาเจ็กทัวร์เดียวกับเราเค้าไปต่อไว้ก่อนแล้ว ได้มาอีกราคา เราเห็นคนคณะเราไปรุมเจ้านั้นอยู่ เราเลยจูงมือแม่ให้มาอีกเจ้าที่ว่างอยู่ เพราะเราว่ามันคงเหมือนกันๆ ตอนแรกเราต่อเท่าอาเจ็ก เค้าจะไม่ขาย เราก็ชี้ไปร้านข้างๆ บอกว่าเค้าให้ราคานั้น คนขายเลยยอม (จำไม่ได้ว่าถุงละ 5 หยวน หรือ 15 หยวน) เราก็เลยซื้อเค้าซะเยอะเลย สรุปว่ากระเป๋ามาหนักเพราะขนมเนี่ยแหละ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:44:04

ความคิดเห็นที่ 65 สำหรับรีวิววันที่ 5 ก็ได้จบลงอย่างหิวๆอิ่มๆ ขอได้รับความขอบคุณจากทีมงาน (ก็คนเดียวนี่นา) มา ณ ที่นี้ พบกันใหม่ในวันที่ 6 สวัสดีค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 13:52:44

ความคิดเห็นที่ 66 ใจกล้าจริงๆนะครับเนี่ย เป็นบ้านผมคงไม่กล้าลองแน่ๆเลย (ต้องแอบ แบ็กแพ็กมาเองเหมือนกัน) จากคุณ : Quetzacoatl เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 17:12:38

ความคิดเห็นที่ 67 แวะมากดดันให้รีวิวต่อนะครับ กำลังสนุกเลยเชียว จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 01:17:33

ความคิดเห็นที่ 68 เรารอคนสวมมงกุฎดอกไม้อยู่นะคะ  ขอบคุณคะ  ได้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวด้วยคะ จากคุณ : ผึ้งน้อยafet เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 10:45:11

ความคิดเห็นที่ 69 รูปสวย ได้บรรยากาศดีจังครับ จากคุณ : artat เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 12:17:18

ความคิดเห็นที่ 70 รูปวิวจากร้านอาหารก่อนถึงเมืองโบราณเฟ่งหวง สวยมากเลยค่ะ ชอบภาพแนวนี้จัง แล้วยังมีลูกเล่นให้ดูหลายแบบหลายอารมณ์อีก  รูปอื่นๆ ก็งามมากค่ะ ได้อารมณ์หลากหลายจริงๆ ขอบคุณนะคะที่มีภาพสวยๆ มาฝากตลอดทริปเลย จากคุณ : xmzhang2011 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 21:21:24

ความคิดเห็นที่ 71 สวย  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 09:59:41

ความคิดเห็นที่ 72 ตามมาชมด้วยนะคะ ดูรูปไปหิวไป จากคุณ : เรื่องของเรา เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:23:02

ความคิดเห็นที่ 73 [CR] รีวิวจางเจียเจี้ย 8 วัน 7 คืน : บรรยายกันแบบละเอียดยิบสำหรับคนที่จะไปกับทัวร์ : Day 6 จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 14:57:09