ความคิดเห็นที่ 1 ทริปนี้เราเดินทางกันแปดคน จากสมาชิกเก่าๆที่เคยเดินทางด้วยกัน และสมาชิกใหม่อีกสองท่านครับ เมืองแรกที่เราได้แวะเที่ยวชมก็ Rio de Janeiro เรามีเวลาที่นี่ไม่มาก เพราะตามแผนเดิมเราไม่คิดว่าจะแวะบราซิลเลย แต่ด้วยกฏกติกาของสายการบินของอาร์เจนติน่า เพื่อจะให้ได้ราคาพิเศษ เราจึงต้องบินเข้าบราซิลหรือประเทศอื่นในอเมริกาใต้ก่อนจะบินเข้าอาร์เจนติน่า ริโอจึงเป็นทางเลือกที่เราคิดถึงเพราะที่นี่อยู่ไม่ไกลจากจุดหมายต่อไปของเราครับ ที่เมืองนี้เราเลือกที่จะแวะชมสิ่งนี้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:08:14

ความคิดเห็นที่ 2 Christ The Redeemer รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (ประเทศบราซิล) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นพระเยซูนี้หนักกว่า 600 ตันนี้ตั้งสูงตระหง่านสูง 38 ฟุตอยู่บนยอดเขาคาร์โควาโดเหนือเมืองริโอ เด จาเนโร โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของประติมากรชาวฝรั่งเศส พอล ลันดอฟสกี้ กับวิศวกรชาวบราซิล ไฮตอร์ ดา ซิลวา คอสต้า ใช้เวลาในการสร้างถึง 5 ปีและเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1931 นอกจากนี้ บนยอดเขายังมีการสร้างห้องสวดมนต์ไว้เป็นที่ระลึกฉลองครบรอบ 75 ปีของรูปปั้นอีกด้วย จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:14:41

ความคิดเห็นที่ 3 รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครรีโอเดจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:15:26

ความคิดเห็นที่ 4 รุ่งเช้าวันต่อมาเราได้เริ่มเดินทาง บินต่อไปยังจุดหมายที่เราวางแผนไว้เมือง Puerto Iguazu เมืองเล็กๆทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนติน่า เพื่อเที่ยวชม น้ำตกอีกัวซู จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:23:23

ความคิดเห็นที่ 5 ทุกภาพดูแปลกตามากเลยค่ะ จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:23:40

ความคิดเห็นที่ 6 ถือว่าเป็นคำชมได้ไหมครับ คุณ Flaminio แห่งอาร์เจนติน่า.... น้ำตกอีกัวซู (Iguazu) เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำอีกัวซู (Iguazu) ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนประเทศบราซิล รัฐ Parana และประเทศอาร์เจนติน่า จังหวัด Misiones น้ำตกแห่งนี้จัด  เป็นหนึ่งใน the New 7 Wonders of Nature ของโลก อีกสิ่งมหรรศจรรย์ที่เราได้เห็นอีกแล้วครับท่าน จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:27:31

ความคิดเห็นที่ 7 ว้าว สวยจังเลย เข้ามารอชมค่ะ ^^ จากคุณ : P r i m t a a เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:31:10

ความคิดเห็นที่ 8 สิ่งที่โดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือความใหญ่โต กินพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล ... แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้หากคุณได้มาเยือนที่นี่ ก็คือการซื้อทัวร์นั่งเรือผจญภัยมุดเข้าไปใกล้ชิดกับนำ้ตกมากที่สุด แบบที่ทุกคนที่นั่งเรือจะต้องเปียกโชกไปตามๆกันเลยครับ เป็นกิจกรรมที่สนุก ตื่นเต้น นักท่องเที่ยวชอบกันมากๆ แบบว่าต้องร้องขอ...เอาอีก เอาอีกๆๆๆ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:33:38

ความคิดเห็นที่ 9 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:37:59

ความคิดเห็นที่ 10 นำ้ตกแห่งนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอีกัวซู ที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1984  ด้วยความยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของตัวน้ำตกนี่เอง ที่ทำให้น้ำตกอีกัวซู ได้รับการยกย่องให้เป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเรา ที่นี่นอกจากจะได้ชมนำ้ตกสวยๆ เราก็ยังมีโอกาสเห็นสัตว์ป่าหลายชนิดระหว่างการเดินเท้าเข้าชมน้ำตกแห่งนี้ด้วยครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:44:54

ความคิดเห็นที่ 11 น้ำตกใหญ่แห่งนี้ มีพื้นที่กว้างมากหากวางแผนจะมาเที่ยว ขอให้จัดเวลาให้ที่นี่สักหนึ่งวันนะครับ กำลังดี... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:48:16

ความคิดเห็นที่ 12 ว้าวววว ไปด้วยค่ะ ไปด้วย >_< จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:49:18

ความคิดเห็นที่ 13 สวยงามมากครับ อากาศดีมากเลย นอนผมไปทั้งสองที่นี้อากาศไม่ดี โดยเฉพาะรูปปั้นพระเยูที่ริโอ คิดแล้วอยากจะร้องไห้ ToT จากคุณ : เขียนบน iPhone (อาตี๋อินเทอร์เน็ต) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:49:56

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ทริปนี้เรามีโชคพอสมควรครับ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผลออกมาทุกคนแฮปปี้ดีเกินคาดครับ ก่อนจากอีกัวซูขออนุญาตเผยโฉมสมาชิกบางส่วน กับภาพนี้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 08:53:31

ความคิดเห็นที่ 15 ติดตามๆค่ะ รูปสวยมากกกกกกกกกกกกก จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:01:05

ความคิดเห็นที่ 16 วันต่อมาเราเปลี่ยนแผน ไม่ไปอีกัวซูฝั่งบราซิลเพราะเราคิดว่าเราสนุกและพอใจกับน้ำตกแห่งนี้แล้ว หลายคนเบื่อที่บ้านต้องแช่น้ำอยู่หลายเดือน ถ้าจะไปเจอน้ำอีกวัน กลัวว่าจะเบื่อน้องน้ำมากเกินไปครับ เราจึงขอพักผ่อนสบายๆที่เมืองเล็กๆ Puerto Iguazu ก่อนจะออกเดินทางลงใต้ต่อไป ภาพยามเย็นระหว่างการเดินทางจาก El Calafate ไปยังเมือง El Chalten พาตาโกเนีย อาร์เจนติน่า จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:01:36

ความคิดเห็นที่ 17 หลังจากบินลงมาแวะพักที่บัวโนสไอเรส หนึ่งคืน รุ่งเช้าเราออกเดินทางบินลงใต้ไปยังดินแดนที่เราใฝ่ฝัน พาตาโกเนีย เราบินลงที่เมือง El Calafate จากนั้นเราแวะพักทานข้าวเที่ยง แล้วจึงขับรถเช่าต่อไปยังเมือง El Chalten เมืองเล็กๆๆที่สวยงามในเขตอุทยานที่เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติอีกแห่งของอาร์เจนติน่าครับ ภาพยอดเขา Fitz Roy ที่โดดเด่นสวยงามในยามเย็น ก่อนเดินทางถึง El Chalten จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:07:46

ความคิดเห็นที่ 18 ในคืนนั้นที่ El Chalten ท้องฟ้ามืดมิด สดใสไร้เมฆหมอก แต่หนาวจับจิต ผมจึงออกไปเก็บภาพยามราตรี ภาพนี้ดวงดาวและปลายสุดของทางช้างเผือกเหนือเมือง El Chalten ....Trekking Capital of Argentina จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:16:39

ความคิดเห็นที่ 19 ว้าวววว คุณยุทธใช่ไหมคะ นานๆ เข้ามารีวิวที แต่คุณภาพล้นแก้วเลย ยังประทับใจรีวิวกรีนแลนด์เมื่อปีที่แล้วไม่หาย ^^ รอชมต่อค่ะ สงสัยกีบเดือนนี้ต้องหมดกับรีวิวนี้แน่ๆ เลย จากคุณ : ยูจินคุง เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:23:03

ความคิดเห็นที่ 20 อีกสักภาพ กับทางช้างเผือก ระหว่างการเดินทางก่อนฟ้าสาง เพื่อไปชมยอดเขา Fitz Roy ในยามเช้าครับ ภาพนี้ไม่ชัดแจ๋วนักเพราะถ่ายแบบวางกล้องกับพื้น ไม่ได้ติดขาตั้งกล้องได้วยครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:23:12

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ คุณยูจินคุง ขอบคุณทีจำกันได้ครับ... เมือง El Chalten ที่สวยงามและมีชื่อเสียงก็เพราะมีธรรมชาติที่สวยงาม มีธารน้ำแข็งหลายแห่ง และที่เป็นสิ่งจดจำและสะดุดตาสุดๆก็คือยอดเขา Fitz Roy แห่งนี้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:28:51

ความคิดเห็นที่ 22 El Chalten is a small mountain village in Santa Cruz Province, Argentina. It is located in the riverside of Río de las Vueltas, within the Los Glaciares National Park (section Reserva Nacional Zona Viedma) at the base of Cerro Torre and Cerro Fitz Roy mountains, both popular for climbing. For this reason this village is well-visited by trekkers and climbers. จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:32:51

ความคิดเห็นที่ 23 บ่ายวันนั้นเราได้เดินทางออกจาก El Chalten กลับไปนอนที่เมือง El Calafate เพื่อทำกิจกรรมอย่างอื่นที่น่าสนใจยิ่งครับ ลาจากเมือง El Chalten ด้วยภาพนี้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:39:09

ความคิดเห็นที่ 24 เช้าต่อมาเราออกเดินทางไปยัง Perito Moreno Glacier ที่อยู่ในเขต Los Glaciares National Park ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญและเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนจะต้องแวะมาชมเมื่อไปมาเยือนเมือง El Calafate ภาพยามเช้าระหว่างขับรถไปธารน้ำแข็ง Perito Moreno จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:45:06

ความคิดเห็นที่ 25 The Perito Moreno Glacier is a glacier located in the Los Glaciares National Park in the south west of Santa Cruz province, Argentina. It is one of the most important tourist attractions in the Argentine Patagonia. The 250 km2 (97 sq mi) ice formation, and 30 km (19 mi) in length, is one of 48 glaciers fed by the Southern Patagonian Ice Field located in the Andes system shared with Chile. This icefield is the world's third largest reserve of fresh water. จะเห็นได้ว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้ใหญ่โตมากครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:53:59

ความคิดเห็นที่ 26 และวันนี้เราก็มีกิจกรรมการเดินบนธารน้ำแข็ง ที่มีชื่อว่า Big Ice Trekking ครับ กิจกรรมก็เรืิ่มตั้งแต่ราวสิบโมงจนถึงห้าโมงเย็น เป็นอีกประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีและคุ้มค่าจริงๆครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 09:58:55

ความคิดเห็นที่ 27 The Big Ice Trek excursion is a demanding guided hike of four hours of duration over the Perito Moreno Glacier. The excursion is a true trek, which you have to do with crampons; there is little time for photos, stops or lunch. But, for those of us who love trekking and being in contact with nature, the Big Ice Trek surely will be an unforgettable experience. เราติดต่อซื้อทัวร์ที่เมือง El Calafate และใช้เวลาสำหรับทัวร์นี้เต็มวัน โดยเรามีโอกาสได้เดินบนธารน้ำแข็ง Perito Moreno นานราวสี่ชั่วโมงครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:01:21

ความคิดเห็นที่ 28 ไกด์ของเราครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:02:33

ความคิดเห็นที่ 29 สวยมากค่ะ.. จากคุณ : พิกซี่ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:06:52

ความคิดเห็นที่ 30 ค่าใช้จ่ายสำหรับ Big Ice Trek คนละ  690 เปโซ หรือราว 155 USD ไม่รวมค่าเดินทางไปธารน้ำแข็งครับ เพราะเราขับรถไปกันเองครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:09:34

ความคิดเห็นที่ 31 ผมไป perito moreno เมื่อหลายปีก่อนนู้น สมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนฯ ไม่มีโอกาสได้ปีนป่ายน้ำแข็งเลย (เพราะงบไม่พอ) เสียดายมากจริงๆครับ สักวันผมจะกลับไปอีกนะครับ.. ตามรอยแผนของคุณเลย ปล. ถ้ายังพอจำข้อมูลได้ ผมขอทรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหมครับ เช่น ราคาทัวร์ ราคาตั๋วเครื่องบิน - bus ฯลฯ หลังไมค์ก็ได้ครับ.. จากคุณ : wakeupboy เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:11:21

ความคิดเห็นที่ 32 อย่างไรก็ดี เขามีเงื่อนไขว่าคนที่จะเลือกเดิน Big Ice จะต้องมีอายุไม่เกิน 50 ปี ทำให้บางคนในกลุ่มของเราต้องเลือกไปเดิน  Mini Trek ซึ่งจะใช้เวลาเดินบนธารน้ำแข็งน้อยกว่านั้นเอง(ราวชั่วโมงครึ่งครับ) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:12:51

ความคิดเห็นที่ 33 สวย  ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:21:45

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งทริปเราหมดกันคนละราว แสนหก ถึงแสนแปดครับ ทั้งนี้เพราะหกคนซื้อตั๋วโปรโมชั่นของเอมิเรตส์ทัน อีกสองคนซื้อราคาปกติครับ ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างกันไปครับ ทั้งนี้การศึกษาข้อมูลการเดินทาง การหาตั๋วราคาพิเศษ และการมีเพื่อนร่วมทางในจำนวนที่เหมาะสม ทำให้เราจบทริปแบบคุ้มค่าครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 35 ช่วงที่เราเลือกไปเป็นช่วงปลายฤดูกาลท่องเที่ยวในพาตาโกเนีย  ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีด้วยครับ แต่ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ไม่วือหวามากนัก เพราะต้นไม้มีไม่มาก ไม้ที่ให้สีสันสดใสจึงไม่ค่อยมีครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:43:26

ความคิดเห็นที่ 36 หลังจากจบการเดินบนธารน้ำแข็ง เราก็ได้มาแวะชม Perito Moreno Glacier ณ จุดชมวิวที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:46:30

ความคิดเห็นที่ 37 ปิดท้ายวันด้วยภาพนี้ครับ เราเดินทางออกจากอุทยานแห่งนี้ กลับเข้าพักค้างอีกคืนที่เมือง El Calafate ก่อนจะเดินทางไปยังพาตาโกเนียแห่งชิลีต่อ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:50:29

ความคิดเห็นที่ 38 สวยงามมากๆเลยครับบ.....ตามไปเที่ยวด้วยครับบ. จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 10:55:56

ความคิดเห็นที่ 39 จุดหมายต่อไปของเรา พาตาโกเนียแห่งชิลี เราจะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ Torres del Paine เราต้องขับรถเดินทางไกลสี่ห้าชั่วโมงจาก El Calafate ก่อนจะถึงจุดหมาย ช่วงแรกที่ออกจากตัวเมือง อากาศยังสดใส เราผ่านจุดข้ามพรมแดนไปยังชิลี ในชุมชนเล็กๆ การผ่านด่านทั้งของอาร์เจนและชิลี ใช้เวลาไม่นานนัก พอเข้าเขตชิลียิ่งใกล้ถึงจุดหมาย อากาศก็เริ่มขุ่นมัว ท้องฟ้าไม่มีแสงตะวัน แต่เราก็ยังพอจะเห็นแววของความงดงามของที่นี่ได้ครับ...อย่างเช่นจากภาพนี้ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:00:37

ความคิดเห็นที่ 40 ระหว่างเดินทางเข้าเขตอุทยาน เราได้เห็นความแตกต่างของพาตาโกเนียจากทั้งสองประเทศครับ ที่ฝั่งชิลีเราเห็นสัตว์ป่ามากมาย อย่างตัวกัวนาโค ที่เห็นนี้ มีมากและไม่กลัวคนมากเหมือนในอาร์เจนติน่า ทำให้เรามีโอกาสเก็บภาพของเหล่าสัตว์พวกนี้ได้ไม่ยากนักครับ ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเพื่อนๆที่อยากจะเดินทางไปที่นี่ดูได้จากนี้ครับ http://www.torresdelpaine.com/ingles/index.asp จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:05:41

ความคิดเห็นที่ 41 นี่ก็อีกตัวครับ ที่เราพบและถ่ายภาพได้ ล้วนเป็นสัตว์ป่าในธรรมชาติทั้งสิ้นครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:07:13

ความคิดเห็นที่ 42 ที่พาตาโกเนียชิลี เราได้เลือกสรรที่จะพัก ณ จุดที่ดีที่สุดที่จะเห็นวิวสวยๆของอุทยานได้ง่ายๆครับ เราจึงเลือกพักที่นี่ครับ Hosteria Pehoe  ซึ่งเป็นโรงแรมไม่กี่แห่งในเขตอุทยาน ที่นี่แม้จะไม่ใช่ที่ๆแพงสุดในอุทยานแต่ที่นี่วิวสวยไม่แพงที่ใดแน่นอนครับ และความสวยงามก็มากับราคาที่สูงไม่แพ้กันครับ เราพักที่นี่สองคืน สามห้อง สี่หมื่นกว่าบาทครับท่าน นับเป็นที่ๆแพงมาก แต่เราก็พอรับได้ครับ เพราะที่อื่นๆ เราพอจะประหยัดได้ แต่ที่นี่วิวสวยๆสำคัญกับการเดินทางอันแสนไกลของเราจริงๆครับ ... ภาพที่พักของเรา ในยามเช้าตรู่วันใหม่ แสงสีอมม่วงน่าประทับใจ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:15:27

ความคิดเห็นที่ 43 ดูมุมกว้างๆออกมาหน่อยครับ...จะเห็นความงามของอุทยาน Torres del Paine อย่างเต็มตา จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:17:53

ความคิดเห็นที่ 44 อีกภาพก่อนฟ้าสว่าง ก่อนแสงทองจะส่องกระทบยอดเขา... แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 11:20:00 จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:19:28

ความคิดเห็นที่ 45 แสงที่สวยงามและค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนแสงทองจะส่อง เราจะเริ่มเห็นแสงสีม่วงอ่อนๆ ปรากฏขึ้นมาก่อน...อย่างภาพนี้ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:22:17

ความคิดเห็นที่ 46 จากนั้น เมื่อเวลาเดินทาง แสงสีม่วงจะเปลี่ยนเป็นสีส้มปนกันไป ดูแล้วสวยงามจนอยากหยุดเวลา...ไว้ตรงนั้น จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:24:04

ความคิดเห็นที่ 47 และในที่สุด แสงทองก็สาดส่องออกมา ช่างงดงามคุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:26:08

ความคิดเห็นที่ 48 เช้านี้จึงเป็นเช้าที่งดงามวิเศษสุด...จริงๆ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:27:56

ความคิดเห็นที่ 49 ติดตามชม ด้วยคนครับ สวยมากๆ อยากไปมั้งจัง จากคุณ : ขนมกุบ (auddyjung) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:29:48

ความคิดเห็นที่ 50 ในวันนี้เรามีโอกาส สำรวจมุมที่งดงามของเขตอุทยาน Torres del Paine โดยทางโรงแรมเสนอพาเราเที่ยวชมทั่วทั้งอุทยานเราจึงได้เห็นความงดงามของอุทยาน ในจุดที่ดีๆ ในเวลาที่จำกัดซึ่งนับว่าคุ้มค่ากับ 80USD ต่อคนที่เราได้จ่ายไป(ราคานี้รวมค่าอาหารกลางวันมื้อพิเศษที่โรงแรมด้วยครับ) จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:38:20

ความคิดเห็นที่ 51 รูปสวยมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากสำหรับรีวิวนะคะ จากคุณ : Miss_Behaving เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:40:01

ความคิดเห็นที่ 52 กัวนาโค(Guanaco) หรือ Lama guanicoe เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องในตระกูลอูฐ ซึ่งอาศัยในพื้นที่ภูเขาแห้งแล้งของอเมริกาใต้ ต้องบอกว่าสัตว์กลุ่มนี้มีหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด จนสามารถเรียกผิดเรียกถูกกันได้ง่ายๆ กัวนาโคมีรูปร่างหน้าตาคล้ายทั้งอูฐเพียงแต่คอยาวกว่าเล็กน้อย คล้ายกับตัวลามะหรืออัลปาคา โดยสามารถพบกับเจ้าสัตว์ชนิดนี้ได้ในหลายพื้นที่ ทั้งในเขตที่ราบสูงบนเทือกเขาแอนดีสของโบลิเวีย เปรู เอกวาดอร์ ชิลี และอาร์เจนตินา ในชิลีและอาร์เจนตินาจะมีอยู่มากในเขตที่ราบสูงพาตาโกเนีย  กัวนาโคถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบกขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ ด้วยลำตัววัดถึงไหล่สูงประมาณ 3.5-4 ฟุต ตัวยาวระหว่าง 5.77-6.63 ฟุต และหนักได้ประมาณ 90 กิโลกรัม มีสีสันหลากหลายตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลปนแดงเข้ม ใต้ลำตัวเป็นสีขาว ใบหน้ามีสีเทา พร้อมหูเล็กๆชี้ขึ้น และตาสวยสีน้ำตาล บนลำตัวเป็นสีพื้นไม่มีลวดลา จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:41:01

ความคิดเห็นที่ 53 วิวสวยๆจาก Laguna Amarga ในเขตอุทยาน Torres del Paine จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:47:18

ความคิดเห็นที่ 54 อีกภาพครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:48:46

ความคิดเห็นที่ 55 เยี่ยมมากครับ  ไปเมกาใต้มาเจ็ดครั้ง ยังเที่ยวได้ไม่ถึงครึ่งของโปรแกรมข้างต้นครับ นับถือจริงๆ จากคุณ : WONDERFUL_DAY เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:49:44

ความคิดเห็นที่ 56 ที่นี่ของจริงสวยงามมากครับ เวลานั้นเกือบบ่ายสามโมง เรายังไม่ได้กินมื้อเที่ยง ก่อนจะถึงที่นี่เราเริ่มหิวมากแล้ว แต่พอมาถึงที่นี่ เราพากันลืมความหิว ถ่ายภาพอยู่นาน จนไกด์ต้องบอกว่าไปกินข้าวกันเถอะ...ผมหิวมากๆแล้ว เราจึงยอมจากมาครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:52:29

ความคิดเห็นที่ 57 สุนัขจิ้งจอก อีกตัวอย่างของความสมบูรณ์ของอุทยานแห่งนี้ ตัวนี้กำลังหาอาหารจำพวกสัตว์/แมลงตัวเล็กๆ ตามพื้นดินครับ เราเข้าไปใกล้จนถ่ายภาพได้ชัดเจน โดยเจ้าตัวนี้ไม่สนใจเราเลย แถมไม่มองกล้องอีกต่างหาก เสียดายจริงๆ.. จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:59:50

ความคิดเห็นที่ 58 สีสันฤดูใบ้ไม้ร่วง...ไม่งดงามนักครับ สู้ทางอเมริกาเหนือไม่ได้เลย จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:03:09

ความคิดเห็นที่ 59 ทริปนี้ผมทำการบ้านหนักครับ พิถีพิถันแทบทุกขั้นตอน เพราะไปกันหลายคน อันดับแรกสุดเราต้องมองว่าเราชอบอะไร อยากไปที่ไหนบ้าง จากนั้นจับทุกอย่างมาเชื่อมต่อกัน ถ้าลงตัวก็ดีไป อะไรชอบก็ให้เวลามากหน่อย อะไรชอบน้อยก็ให้เวลาน้อยลงตามไปครับ การศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะเรื่องการเดินทางอย่างละเอียด จะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากครับ ภาพนี้ระหว่างแวะกลับมากินมื้อเที่ยงที่โรงแรม เก็บภาพหลังมื้อเที่ยงแต่เวลาล่วงเลยจนเกือบบ่ายสี่โมงเย็นแล้วครับ วิวที่โรงแรมที่เราพัก สวยจริงๆครับ ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็นครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:13:19

ความคิดเห็นที่ 60 เราผ่านวันที่ดีๆไปอีกหนึ่งวัน ได้เที่ยวทั่วเขตอุทยาน และได้ภาพสวยๆบันทึกไว้ในความทรงจำอีกมากมาย จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:21:08

ความคิดเห็นที่ 61 โดยส่วนตัวผมชอบถ่ายภาพธรรมชาติในตอนกลางคืนด้วย คืนไหนที่พอมีโอกาสผมก็จะพยายามถ่ายภาพมาให้ได้ รวมทั้งคืนนี้ที่โรงแรมแห่งนี้ด้วยครับ ก็แปลกตาไปอีกแบบครับ ภาพกลางคืนที่ Hosteria Pehoe จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:25:07

ความคิดเห็นที่ 62 สวยมากค่ะ ไม่ทราบว่าค่าเสียหายทริปนี้ประมาณเท่าไหร่คะ จะได้เตรียมจัดสรร ^^ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : คุณกระป๋องทะเล เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:34:02

ความคิดเห็นที่ 63 สายๆวันต่อมาเราเดินทางกลับเข้าเมือง El Calafate อีกครั้ง  นับเป็นการสิ้นสุดการเยือนพาตาโกเนียที่เราใฝ่หา จากนี้เราก็จะเดินทางต่อเข้าบัวโนสไอเรสและไปต่อยังกรุงลิม่า เปรูครับ ที่เปรู เราติดต่อเหมารถพร้อมคนขับ ให้มารับเราทั้งแปดคนที่สนามบิน พาเราเข้าที่พักแล้วเช้ามืดก็ออกเดินทางต่อไปยัง Nazca เพื่อขึ้นชม Nazca Lines กันครับ การเดินทางจากลิม่าไปชม Nazca Lines ใช้เวลาราวหกชั่วโมงครับ ก็เป็นการเดินทางไกลที่คุ้มและไม่คุ้มครับ เพราะพวกเราสี่คนจากแปดคน อ้วกแตก...ระหว่างการบินขึ้นชม Nazca Lines ซึ่งบางคนถึงกับบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว...นึกแล้วก็สนุกดีครับ กับประสบการณ์ครั้งนี้ ภาพปลาวาฬ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:39:23

ความคิดเห็นที่ 64 ค่าใช้จ่ายของพวกเราแปดคนตกคนละระหว่างแสนหกถึงแสนแปดครับ พวกเรามากันหลายคน ได้ตั๋วราคาพิเศษ ทำให้ได้ราคาที่ค่อยข้างคุ้มค่าครับ เพราะเราไม่ได้เน้นประหยัดมากๆ แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย ถ้าไปเดี่ยวหรือน้อยๆคนอาจแพงกว่านี้ หรือถูกกว่าก็ได้ครับ แล้วแต่วิธีการกินการอยู่และการเดินทางด้วยครับ มนุษย์ต่างดาว?? จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:44:28

ความคิดเห็นที่ 65 Nazca Lines ปรากฎอยู่ในกลางผืนทะเลทรายใกล้ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในประเทศเปรู  จะพบรูปภาพบนผืนทรายที่เหมือนใครเอาไม้ไปขีดเขียนไว้เป็นจำนวนหลายร้อยรูป  ที่นี่คงไม่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ถ้าแต่ละรูปไม่ได้มีขนาดใหญ่โตถึง 200 เมตร และรูปทั้งหมดครอบคลุมเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร  ท้าทายแดด ลม ฝน เป็นเวลากว่าสองพันปี ภาพลายเส้นง่าย ๆ เหล่านี้มีตั้งแต่รูปคน  รูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง นก แมงมุม ปลาวาฬ กิ้งก่า รูปต้นไม้ จนถึงรูปทรงทางเรขาคณิต เป็นจำนวนหลายร้อยรูปเลยครับ...ผมขอเอาตัวอย่างมาให้ดูเล็กๆน้อยๆนะครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:48:43

ความคิดเห็นที่ 66 เทคนิคในการสร้างภาพลายเส้นเหล่านี้เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ทำยาก  นั่นคือการสกัดหินสีเข้มกว่าที่อยู่ที่ผิวออกให้เห็นเนื้อหินที่สีอ่อนกว่าด้านล่างให้ปรากฏออกมา และมีความลึกจากพื้นผิวเพียงแค่ 10-30 เซนติเมตรเท่านั้น  จากการศึกษาค้นคว้า ไม่พบร่อยรอยของเทคโนโลยีใด ๆ ในการก่อสร้าง  จึงพอจะสรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นแรงงานจากฝีมือมนุษย์เท่านั้น จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:52:53

ความคิดเห็นที่ 67 จากการศึกษาทางโบราณคดี  พบว่ารูปเหล่านี้สร้างขึ้นในช่วง 200 ปีก่อนคริสตศักราช  จนถึงประมาณปี ค.ศ. 700  ภาพวาดเหล่านี้ใครเป็นผู้วาด วาดด้วยจุดประสงค์อันใด   และจากขนาดและความยาวของภาพลายเส้นเหล่านี้  คงมิได้สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์บนโลกดูเป็นแน่  แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าภาพเหล่านี้จงใจสร้างขึ้นเพื่อให้มองจากท้องฟ้า   หรือนี่คือสัญญาณแสดงว่ามนุษย์เราเคยติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวมากว่าสองพันปีแล้ว จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:56:28

ความคิดเห็นที่ 68 โอ๊วววววววว...ภาพสวยแปลกตามากครับ  เห็นแต่ละคนสะพายกล้องแล้วคิดว่าฝีมือขั้นเทพแน่ๆ จากคุณ : baokalasin เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 12:58:41

ความคิดเห็นที่ 69 ยังตามดูอยู่เรื่อยๆ สวยงาม น่าประทับใจที่สุดค่ะ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:02:13

ความคิดเห็นที่ 70 หลังจากจ่ายกันคนละ 100 USD เพื่อบินขึ้นชม Nazca Lines แล้วเราก็เดินทางกลับไปยัง Huacachina เมืองเล็กๆ ระหว่างทางที่จะย้อนกลับไปยังลิม่า แม้จะอยู่นอกเส้นทางเล็กน้อยแต่ผมก็ตั้งใจจะพาพวกเราไปสัมผัสความแปลกแตกต่างของภูมิประเทศแห่งนี้ ที่นี่คือเมืองเล็กๆในทะเลทราย เมืองนี้เป็นโอเอซีสในทะเลทรายอย่างแท้จริง.... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:06:42

ความคิดเห็นที่ 71 ความหลากหลายในทริปนี้มีมากจริงๆ ครับและที่เมืองนี้ก็เป็นอีกที่ซึ่งเพิ่มความหลากหลาย จนไม่น่าเชื่อว่าเราจะรวมสิ่งต่างๆที่แตกต่างไว้ในทริปเดียวกันได้ครับ ภาพยามเช้าวันใหม่เหนือสันทราย ณ เมืองเล็กๆบรรยากาศดีๆแห่งนี้ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:13:31

ความคิดเห็นที่ 72 ความสวยงามของสันทรายยามเช้า จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:26:59

ความคิดเห็นที่ 73 ช่วงเวลาต่าง แสงสีต่างกัน แต่ก็สวยงามได้ไม่แพ้กันครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:28:31

ความคิดเห็นที่ 74 อีกสักภาพกับบรรยากาศทะเลทราย... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:30:21

ความคิดเห็นที่ 75 ที่นี่นอกจากเราจะได้พบกับวิวเนินทรายที่สวยงามแล้ว กิจกรรมอย่างหนึ่งที่สนุก คุ้มค่ามากที่สุดของทริปนี้ก็คือการนั่งรถตะลุยทะเลทราย Buggy Tour เราจ่ายไปคนละราว 18 USD แต่ได้รับความสนุกตื่นเต้น ทั้งจากการนั่งรถขึ้นลงเนินทรายและจากการเล่น Sandboarding ที่ตื่นเต้นมากๆด้วยครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:31:42

ความคิดเห็นที่ 76 ขออนุญาตอีกครั้งครับ กับภาพพวกเราและรถลุยทะเลทรายที่สุดสนุก... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:33:24

ความคิดเห็นที่ 77 สายๆของวันนั้นเราก็เดินทางออกจากเมืองโอเอซีส เข้าไปยังกรุงลิม่า เราได้เที่ยวชมลิม่าไม่นานนัก แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนักกับเมืองใหญ่แห่งนี้ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:38:05

ความคิดเห็นที่ 78 เช้าวันต่อมาเราออกเดินทางจากลิม่า ไปยังเมืองคุสโก้ โดยสายการบิน StarPeru เมือง Cuzco อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3400 m สูงไม่เบา แต่พวกเราก็พอมีประสบการณ์การเดินทางบนที่สูงมาบ้างแล้ว ที่นี่คุสโก้ อีกเมืองมรดกโลกที่เราได้สัมผัสจึงไม่ได้เป็นปัญหากับพวกเราแต่อย่างใด จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:43:09

ความคิดเห็นที่ 79 คุสโก้เป็นเมืองที่มีอายุยาวนาน และมีเสน่ห์มากมาย ผู้คนที่นี่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว และราคาสินค้าและบริการที่นำเสนอให้เรานับว่าไม่แพง นับว่าเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอีกเมือง ดีกว่าลิม่าเป็นไหนๆครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:47:05

ความคิดเห็นที่ 80 ตอนนี้หนูอายุ 24  เห็นแล้วอบากไปด้วยเงินของตัวเองมากๆ มีแรงบันดาลใจในการทำงานจริงๆค่ะ ขอบคุณพี่ๆนะคะ ยังไงต้องได้ไปก่อน 30แล้วจะเอามาแชร์ค่ะ ^^ จากคุณ : คุณกระป๋องทะเล เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 13:49:31

ความคิดเห็นที่ 81 อยากไปเที่ยวแบบนี้จังเลย ครับ จากคุณ : ขนมกุบ (auddyjung) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:00:23

ความคิดเห็นที่ 82 เราไม่ได้มีแผนอะไรมากนักที่เมืองทางผ่านแห่งนี้ แค่เดินเที่ยวชมรอบๆ เมือง นั่งที่ร้านกาแฟ จับจ่ายซื้อของ รอการเดินทางต่อไปยังเมือง Ollantaytambo ซึ่งเราได้ติดต่อเหมารถตู้ไว้ตอนบ่ายสี่โมงเย็น แล้วจึงต่อรถไฟเที่ยวเวลา 19.00-20.43 ไปยังเมือง Aguas Calientes เมืองเล็กๆปลายทาง ใกล้มาชูปิชูมากที่สุดนั่นเอง... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:05:28

ความคิดเห็นที่ 83 อีกสักภาพ ก่อนเดินทางไปต่อมาชูปิชูครับ.... จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:09:46

ความคิดเห็นที่ 84 Machu Picchu  เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภายนอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อ ไฮแรม บิงแฮม เมื่อ พ.ศ. 2454 มาชูปิชูเป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิชูให้เป็นมรดกโลก โดยทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 มาชูปิชูได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:22:25

ความคิดเห็นที่ 85 มาชูปิกชู คาดว่าสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา มาชูปิกชู ถูกปล่อยทิ้งไว้นับร้อยปี เพราะชาวสเปนรบชนะเปรูแล้วก็ฆ่าคนเปรูและคนอินคา เมืองอินคาเลยถูกปล่อยร้างไว้แล้วก็มีกษัตริย์เข้าไปพบเมืองร้างแห่งนี้แล้วแพร่ข่าวไปทั่วโลก จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:26:24

ความคิดเห็นที่ 86 มาชูปิกชูตั้งอยู่ห่างจากเมืองCuzco ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตรบนยอดของทิวเขามาชูปิกชู ที่ระดับ 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญยิ่งทางโบราณคดีของอเมริกาใต้ และเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่มาเยือนประเทศเปรู จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:30:10

ความคิดเห็นที่ 87 จากยอดเขา ณ หน้าผามาชูปิกชู เป็นหน้าผาที่มีลักษณะดิ่งชันสูงถึง 600 เมตรจากฐานที่เป็นแม่น้ำคือ แม่น้ำอารูบัมบา ที่ตั้งของตัวเมืองนับเป็นความลับทางการทหารก็เนื่องจากการเป็นหน้าผาสูงชันที่มีอันตรายที่เป็นปราการป้องกันธรรมชาติอันยอดเยี่ยมนั่นเอง ในปี พ.ศ. 2546 มีผู้คนประมาณ 400,000 คน ไปท่องเที่ยวที่มาชูปิกชู และยูเนสโกได้ส่งข้อความสารแสดงถึงความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่ไปเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันทางการเปรูจึงได้จำกัดให้มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมาชูปิกชูได้เพียงไม่เกินวันละ 2500คน สำหรับท่านที่สนใจต้องการซื้อตั๋วออนไลน์ ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดการเข้าชมแวะไปที่ http://www.machupicchu.gob.pe/   สำหรับการซื้อตั๋วเข้าชมที่นี่ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:34:13

ความคิดเห็นที่ 88 โดยรวมแล้วสิ่งก่อสร้างที่นี่ น่าประทับใจแต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ดูพิเศษและสมควรได้รับยกย่องเป็นสิ่งมหรรศจรรย์ของโลก ในความเห็นผมก็คือตำแหน่งที่ตั้งของเมือง ที่อยู่บนยอดเขาสูง ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ทำให้ที่นี่ดูสวยงามพิเศษสุดจริงๆครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:43:25

ความคิดเห็นที่ 89 อีกสักสองภาพครับ...ก่อนไปต่อ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:50:08

ความคิดเห็นที่ 90 จาก Machu Picchu ด้วยภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์พิเศษครับ ซื้อเลนส์นี้มาไม่ค่อยได้ใช้ลองดูครับ เลยชัดเฉพาะส่วนครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:52:14

ความคิดเห็นที่ 91 หลังจากเที่ยวชมมาชูปิกชู อย่างเต็มอิ่มเราก็ทยอยเดินทางกลับมาที่โรงแรม อาบน้ำและเตรียมตัวเก็บสัมภาระ เพื่อเดินทางด้วยรถไฟต่อกลับไปคุสโก้ แล้วต่อด้วยการเดินทางด้วยรถนอนไปยังเมืองปูโน่ จุดหมายต่อไปของเราครับ ภาพ Uros Floating Islands ลอยอยู่บนทะเลสาป Titicaca ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกือบสี่พันเมตรครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:57:40

ความคิดเห็นที่ 92 ภาพ คห. 90  ดูแล้วได้อารมณ์เหมือนภาพถ่ายโมเดลจำลองเลยค่ะ คุณ ykumsri ไม่ใส่ลายน้ำไว้ในภาพหน่อยเหรอคะ  ภาพสวยมากๆทั้งนั้นเลย จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 14:58:28

ความคิดเห็นที่ 93 เมืองปูโน่ เป็นเมืองทางผ่านของเรา เราต้องการมาทำวีซ่าเพื่อเข้าประเทศโบลิเวียที่เมืองนี้ครับ ที่นี่เราเลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศในการพักค้างคืน เราจะไม่พักในโรงแรมทั่วไปครับ แต่เราเลือกที่จะพักที่ Uros Homestay พักกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะ ในทะเลสาปติติกาก้า เกาะเหล่านี้มีความพิเศษคือชาวบ้านจะสร้างจากต้นกก ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปรอบๆทะเลสาปแห่งนี้ ต้นกกนับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับชาวบ้านเหล่านี้ เพราะนอกจากจะใช้สร้างเกาะแล้วก็ยังใช้สร้างบ้าน ทำเป็นเรือ บางส่วนของลำต้นใช้ทำอาหารได้ กกจึงเป็นพืชที่มีคุณค่าอย่างมากสำหรับชาว Uros ครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:12:34

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ...ก็ไม่ได้คิดเผื่อไว้จริงๆครับ ก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาเอาภาพไปใช้โดยไม่บอกกล่าวครับ ผมเองไม่หวงครับ... ดูกันต่อกับบรรยากาศที่เกาะ Uros เมืองปูโน่ เปรูครับ ภาพนี้ หนึ่งในสมาชิกเกาะที่เราไปอาศัยอยู่ด้วยครับ...แต่ละเกาะจะมีคนอาศัยอยู่รวมกันราวหกเจ็ดครอบครัวครับ แต่ละครอบครัวก็อยู่รวมกันในกระท่อมเล็กๆครับ จากคุณ : ykumsri เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:21:24