ความคิดเห็นที่ 1 เกริ่นก่อนบิน ล่อง และเดินเท้าท่องเที่ยว วางแผนเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์           ฉันเชื่อว่าการไปประเทศไหนให้สนุกและเจาะลึกนั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ ควรจะเข้าใจถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ และการจะเข้าใจวัฒนธรรมประเทศนั้นได้ ก็ต้องเริ่มทำความรู้จักกับประเทศนั้นซะก่อน  ฉันเคยอ่านหนังสือ “หน้าต่างสู่โลกกว้าง สวิตเซอร์แลนด์” แล้วก็ตกใจเนื่องจากมีชาวอังกฤษท่านหนึ่ง เขาเป็นนักวิชาการและศึกษาประเทศนี้อย่างจริงจัง ได้กล่าวไว้ว่า “สวิตเซอร์แลนด์ควรเป็นประเทศหรือไม่เพราะที่แห่งนี้ไม่มีพรมแดนทางธรรมชาติ ไม่มีภาษา หรือวัฒนธรรมและศาสนาประจำชาติร่วมกันเลย” แต่ทำไม ??? ปัจจุบันประเทศนี้จึงสงบนักและเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมันน่าสนใจจริงๆ  เพราะประเทศไทยมีทั้งพรมแดนทางธรรมชาติ มีภาษาไทย มีวัฒนธรรมไทย และชาวไทยก็นับถือศาสนาได้อย่างอิสระ แต่ชาวไทยยังไม่รักสามัคคี จำได้ว่าทุกวันในตอนเวลาประมาณเก้าโมงเช้า วิทยุจะออกอากาศเรื่อง พระเจ้าอชาตศัตรู เพื่อสร้างสามัคคีและความปรองดองของคนในชาติ เอ...หรือว่าเรื่องราวที่ออกอากาศจะเข้าหูซ้ายออกหูขวาซะก็ไม่ทราบได้            เมื่อมองจากแผนที่โลก สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตก ไม่มีทางออกสู่ทะเล ถูกล้อมรอบไปด้วยประเทศต่าง ๆ คือ มีพรมแดนติดกับเยอรมนีทางเหนือ ฝรั่งเศสทางตะวันตก อิตาลีทางใต้และติดกับออสเตรียและลิกเคนสไตน์ทางตะวันออก ทำให้ภาษาที่ใช้กันในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันไป โดยประชาชนส่วนใหญ่จะพูดภาษาเยอรมันประมาณสองในสามของประเทศ รองลงมาก็เป็นฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน ดังนั้นตามสถานที่ต่างๆ ตารางเวลารถไฟ หรือแม้แต่ประกาศต่างๆ ก็จะต้องพูดทีละสามภาษาเลยทีเดียว แต่ภาษาประจำชาติไม่ได้มีอยู่แค่สามภาษาเท่านั้น ยังมีอีกภาษาที่เรียกว่า Rhaeto-Romance ซึ่งปัจจุบันใช้กันน้อยมาก (น้อยกว่า 50,000 คน)           ใคร ๆ บอกฉันว่าไปเถอะ ไปตะลุยประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลยไม่ต้องกลัว เพราะชาวสวิสเยอรมันมักพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่ทางแถบฝรั่งเศสและอิตาลีนั้นใครสามารถพูดภาษาเยอรมัน อิตาเลี่ยนหรือฝรั่งเศสได้ละก็ถือได้ว่าเป็นกำไรชีวิต ฉันขอเถียงหัวชนฝา เพราะไม่ว่าจะไปภูมิภาคไหน หาคนพูดภาษาอังกฤษได้ยากมาก ฉันเคยหลงทางครั้งหนึ่งแถวหมู่บ้าน Gruyeres กลับหาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักคน เกือบแย่           สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อทางการคือ  สมาพันธรัฐสวิส (Swiss Confederation) โดยมี Confoederatio Helvetica (อ่านว่า “กอนฟอยเดราตีโอ เฮลเวตีกา”) เป็นชื่อทางการในภาษาละติน การที่เลือกใช้ภาษาละตินนั้น เพื่อหลีกเลี่ยง 4 ภาษาราชการนั่นเอง ฉันเดาว่าป้องกันการเลือกที่รักมักที่ชังเดี๋ยวจะทะเลาะกันเองกระมังเพราะชาวสวิสนั้นเขารักสงบค่ะ โดยคำย่อก็คือ CH ซึ่งเรามักจะเห็นจากหน้าเวปไซต์ต่าง ๆ ของสวิสที่จะลงท้ายด้วย (.ch) และเมื่อเข้าไปอ่านก็มักจะเขียนเป็นภาษาราชการ 3 ภาษา คือ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน ส่วนภาษาอังกฤษจะมีค่อนข้างน้อย หรือถ้าจะมีก็เป็นเวปไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วก็จะมีการลงท้ายด้วย (.com) เช่น www.myswitzerland.com เป็นต้น และในสกุลเงินของสวิสที่เรียกว่า ฟรังก์สวิสก็มีการใช้ตัวย่ออย่างเป็นทางการคือ CHF (Confoederatio Helvetica franc)  แต่ตัวย่อที่ใช้กันทั่วไปคือ Fr. จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:15:16

ความคิดเห็นที่ 2           เมื่อพูดถึง ตระกูลเงินฟรังค์ ในยุโรปส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้เงินยูโรกันแล้วยกเว้นแค่บางประเทศเท่านั้นคะ และในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และลิกเคนสไตน์ก็ยังคงใช้สกุลเงินฟรังก์สวิสกันอยู่ ร้านค้าต่าง ๆ ติดป้ายราคาไว้ทั้งเงิน ฟรังก์สวิสและเงินยูโร แต่ถ้าไปแค่ประเทศเดียวแนะนำให้แลกเงินเป็นฟรังก์สวิสจะดีกว่าคะ แบงค์ที่ใช้มีตั้งแต่ 10, 20, 50, 100, 200 และ 1000 ฟรังก์ มีหน่วยเงินย่อยเรียกว่า Rappen (Rp.) ในภาษาเยอรมัน หรือ Centimes ในภาษาอิตาเลี่ยน โดย 1 ฟรังก์สวิสมีค่าเท่ากับ 100 Rappen เหรียญที่มีให้ใช้คือ 5, 2, 1, 1/2 Fr. และ 20, 10 และ 5 Rappen  จากรูปด้านบนจะเห็นว่าเหรียญทุกเหรียญจะมีสีเงิน ยกเว้น 5 Rp. เท่านั้นที่มีสีทอง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:18:09

ความคิดเห็นที่ 3  สมาพันธรัฐสวิสนั้นประกอบด้วย 26 รัฐ (cantons) แต่ละแคนตันจะปกครองตนเองโดยจะมีลักษณะการรวมกันของรัฐต่างๆ ภายใต้รัฐบาลกลางที่เรียกว่า สมาพันธรัฐ มีเมือง Bern เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐแต่เมือง Zürich กลับเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและผู้คนมากมายมักเข้าใจผิดคิดว่าเมืองนี้เป็นเมืองหลวงของประเทศ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:21:29

ความคิดเห็นที่ 4           ภูมิประเทศของสวิตเซอร์แลนด์สร้างความตะลึงงันชวนฝันกับนักท่องเที่ยวมานักต่อนัก ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยที่หลงใหลประเทศนี้เข้าเต็มเปา ก็ประเทศอะไรก็ไม่รู้ ที่ทั้งประเทศเต็มไปด้วยเทือกเขาสูง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าและดอกไม้ป่า โดยทางตอนใต้ของประเทศ คือ เทือกเขาสวิสแอลป์  ทางตอนเหนือเป็นเทือกเขายูรา และตอนกลางเป็นที่ราบสูง แต่เทือกเขาแอลป์ก็กินพื้นที่ตั้งแต่ตอนกลางของประเทศไปยังตอนใต้ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 60% ของพื้นที่ทั้งหมด มียอดเขาที่สูงที่สุดอยู่ที่ชายแดนติดกับประเทศอิตาลี คือ ยอดเขา Dufourspitze (Monte Rosa 4,634 เมตร) หุบเขานับไม่ถ้วนสามารถพบได้ในสวิส ทำให้เกิดน้ำตกและธารน้ำแข็งมากมาย  แม่น้ำสายหลักของยุโรปหลายสายไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ Rhine, Rhone, Inn, Aare และ Ticino ต่างพากันมาสิ้นสุดสายน้ำที่ทะเลสาบในสวิตเซอร์แลนด์กันทั้งนั้น เช่น ทะเลสาบ Geneva, Zürich, Neuchatel และ Constance จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:22:55

ความคิดเห็นที่ 5           ยอดเขาชื่อดังในสวิตเซอร์แลนด์ คือ Matterhorn (4,478 เมตร) เป็นภูเขาหน้าตาเหมือนปิระมิดปลายงองุ้มเหมือนตะขอ เด็ก ๆ รู้จักยอดเขานี้ดีเพราะทาง Kraft food  ได้นำมาเป็นสัญลักษณ์ของช็อกโกแลตนมชื่อดัง “Toblerone”  ช็อกโกแลตรูปปิระมิด ซึ่งผลิตครั้งแรกโดยนาย Theodor Tobler และ Emil Baumann ในกรุง Bern(1908) โดยสัญลักษณ์จริงๆ ของ toblerone นั้นต้องมีหมีตัวใหญ่แอบซ่อนตัวอยู่ในยอดเขา Matterhorn ด้วยคะ ใครมีอยู่ติดตู้เย็นลองหยิบขึ้นมาดูถ้าไม่มีแสดงว่าเป็นของปลอมแน่นอน เพราะเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงถึงเมืองที่เริ่มผลิตช็อกโกแลตชนิดนี้ก็คือ Bern เมืองแห่งหมีนั่นเอง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:26:41

ความคิดเห็นที่ 6         สภาพอากาศของสวิตเซอร์แลนด์แตกต่างกันไปในแต่ละส่วนของประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันออกไป ในบริเวณทะเลสาบมักมีความชื้นมากกว่าบริเวณอื่น และบริเวณเทือกเขาก็จะมีอุณหภูมิต่ำกว่าในพื้นราบ นอกจากนี้ในบริเวณตอนใต้ก็ได้รับอิทธิพลของลมที่นำพาความอบอุ่นมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ฤดูร้อนและฤดูหนาวในบางพื้นที่ตอนใต้มีความแตกต่างกันไม่มากนัก สวิตเซอร์แลนด์สามารถแบ่งได้เป็น 4 ฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ฤดูใบไม้ร่วงช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนและฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์  ครั้งเมื่อฉันและแม่ติ๋มตกลงใจว่าจะกระเตงกันเที่ยวไปในสวิตเซอร์แลนด์ คำถามแรกก่อนที่จะคิดถึงเรื่องอะไรก็ตาม คือ “จะไปช่วงเวลาไหนดี” แค่คำถามแรกว่าจะไปช่วงเวลาไหนดี ก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหมองไม่น้อยเพราะนอกจากต้องไปดูว่าชีวิตช่วงไหนที่ลงตัวที่สุด เหมาะแก่การหนีอาจารย์เที่ยวแล้ว ยังต้องให้ตรงกับฤดูกาลที่เราอยากเที่ยวอีกด้วย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:28:10

ความคิดเห็นที่ 7           การเลือกมาเที่ยวฤดูกาลไหนนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนคะ แต่ยังไงก็ตามอากาศของสวิสไม่แน่ไม่นอน ฝนอยากตกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครบอกได้ว่าฤดูไหนฝนไม่ตก และถ้าวันไหนฝนตกขึ้นมา อากาศจะมีอุณหภูมิลดต่ำลงฮวบจนบางครั้งฟันกระทบกันดังสนั่น ดังนั้น ร่มหรือเสื้อกันฝน จึงเป็นอุปกรณ์ที่ควรพกพามาด้วยทุกครั้ง เพราะซื้อจากสวิสแพงมากมาย ไปครั้งล่าสุดนี้ พวกเราเลือกเที่ยวช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่โชคร้ายที่อากาศแปรปรวน อุตส่าห์มาในช่วงฤดูร้อน แต่ฝนตกตลอดทำให้ต้องกระเตงใส่เสื้อกันฝนกันทั้งวัน อากาศเย็นลงมาก เกือบเป็นไข้หวัด ดีที่เอายาไปทานกันไว้หลายแผง แต่ฤดูนี้ที่ฉันชอบนักหนา เพราะว่าพระอาทิตย์ตื่นแต่เช้า และกลับบ้านดึกมาก กว่าจะเลิกทำงานก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม ทำให้ดูเหมือนว่าช่วงเวลาเที่ยวยาวนานมาก ข้อดีของฤดูนี้ยังไม่หมด เพราะเป็นฤดูที่สวยที่สุดกว่าทุกฤดู (ในความคิดผู้เขียน) เป็นฤดูที่ดอกไม้กำลังผลิดอกสวยงาม ยิ่งเราวางแผนขึ้นไปดูดอกไม้ป่าแล้วละก้อ ฤดูนี้เราจะเห็นดอกไม้ป่าที่หาดูไม่ได้จากข้างล่าง ต่างกำลังแข่งกันออกดอกสวยไปทั้งทุ่งทีเดียว คำถามที่สองของฉันก็คือ “จะไปกันทั้งหมดกี่วัน”  สิ่งที่ตอบในใจและตั้งคำถามขึ้นใหม่ก็คือ แล้วเราว่างกี่วัน ค่าใช้จ่ายมีแค่ไหน บัตรสวิสพาสมีแบบกี่วันบ้าง จะได้ไปให้คุ้ม <จะอธิบายรายละเอียดทีหลัง>           เมื่อเราตอบคำถามต่างๆ ในใจได้แล้ว เราจะได้พร้อมในการจองตั๋วเครื่องบินกันสักที จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:30:05

ความคิดเห็นที่ 8 ละเอียดดีจัง  ไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:31:17

ความคิดเห็นที่ 9 ตามมาติดตามด้วยคนค่ะ จากคุณ : Muffin (muffin_ch) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:34:28

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่า คุณเล็กทาโร่ ตอนนี้จะละเอียดหน่อย รูปน้อยนะคะ เกริ่นนำเรื่องอะค่ะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:34:55

ความคิดเห็นที่ 11 ตามไปพักผ่อนด้วยคนนะคะ จากคุณ : เจ๊อวบ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:36:50

ความคิดเห็นที่ 13          เมื่อพูดถึงสายการบินที่บินตรงไปยังสวิตเซอร์แลนด์นั้นจะมีด้วยกัน 2 สายการบิน คือ 1. สายการบินไทย (Thai Airways) มีเที่ยวบินจากกรุงเทพ-ซูริค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศุนย์บริการสำรองที่นั่ง (Thai Contact Center) โทร 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมงหรือที่บริษัทนำเที่ยวชั้นนำต่าง ๆ เว็ปไซต์: www.thaiairways.co.th/  2. สายการบินสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ (Swiss International Air Lines)  มีเที่ยวบินจากกรุงเทพ-ซูริค สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานบริษัทสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ ชั้น 18 อาคาร Q House Asoke ถ.สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110 โทร    0 2204 7744 หรือที่บริษัทนำเที่ยวชั้นนำต่าง ๆ  เว็ปไซต์: www.swiss.com แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 16:24:17 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:39:31

ความคิดเห็นที่ 14           ในการเดินทางครั้งนี้ฉันเลือกสายการบินสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ เนื่องจากสาเหตุสำคัญ 5 ข้อด้วยกัน คือ 1) รวดเร็ว ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 12.30 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ได้เที่ยวแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเครื่องให้วุ่นวาย และคุณผู้อ่านเคยไม๊คะ ที่เวลาเดินทางไปเที่ยวเมื่อไหร่ ขาไปจะรู้สึกว่านานกว่าขากลับมากมาย ก็เพราะใจมันไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ก่อนตัวนั่นเอง  2) เวลาเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกสายการบิน แนะนำให้เลือกสายการบินที่มาถึงสวิสตอนเช้า และกลับก็ออกจากสวิสตอนค่ำ ๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์อย่างคุ้มกับเวลามากที่สุดและใช้บัตร Swiss Pass อย่างไม่ยอมขาดทุน 3) ไม่ต้อง confirm ตั๋วเดินทาง 4) เป็นสายการบินที่ตรงเวลาเป็นที่หนึ่ง  5) เคยเลือกสายการบินที่มีการเปลี่ยนเครื่อง แต่ตกเครื่องถึง 2ครั้ง เข็ดจริง ๆ คะ...มาคราวนี้ไปกับแม่ เลยเอาให้ชัวร์ไปเลยว่าถึงสวิตเซอร์แลนด์แน่นอน ไม่ค้างเติ่งที่ไหน            นอกจากการซื้อแบบแพคเกจทัวร์หรือเลือกสายการบินแบบบินตรงแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่าราคาแพงจังเลย มีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกละก็ ฉันขอแนะนำว่า ลองแยกจองดูซิค่ะ เริ่มจากเลือกสายการบินที่มีการเปลี่ยนเครื่อง เพราะราคาถูกกว่ากันมาก คุณน่าจะโชคดีไม่เจออย่างฉันนะ (แต่ฉันขอเลี่ยงเพราะเข็ดจริง ๆ)  ซื้อบัตร Swiss Pass จากตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทย รับรองว่าถูกกว่าไปซื้อที่สวิสแน่นอน และเลือกพักโรงแรมราคาถูก เช่น hostel ต่าง ๆ รับรองค่าใช้จ่ายลดลงกว่าครึ่งเลยละ......ไม่จริงให้เหยียบ (เหยียบใครดีละ...)   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 13:41:37

ความคิดเห็นที่ 15 เดี๋ยวมาต่อนะคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:20:11

ความคิดเห็นที่ 16 จะรอ... ครับ รอตามติด ...ติดตาม ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อมูล จากคุณ : macpro777 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 14:39:40

ความคิดเห็นที่ 17 ตามด้วยครับ จากคุณ : วางแผนดีๆแล้วจะรักยุโรปครับ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 15:42:00

ความคิดเห็นที่ 18 @ คคห. 13 "เมื่อพูดถึงสายการบินที่บินตรงไปยังสวิตเซอร์แลนด์นั้นจะมีด้วยกัน 2 สายการบิน คือ a) สายการบินไทย (Thai Airways) มีเที่ยวบินจากกรุงเทพ-ซูริค และกรุงเทพ-เจนีวาทุกวัน" ขอโทษนะคะ คือคิดว่าการบินไทย ยกเลิกไฟล์ทบินกรุงเทพฯ-เจนีวา มานานแล้วนะคะ (ปี 2004 หรือเปล่า...) และตอนนั้นก็รู้สึกว่าบิน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์น่ะค่ะ (และก็ไม่ใช่บินตรง แต่เป็น extension ZRH-GVA-ZRH คือ via ซูริคค่ะ) แต่หากว่าเข้าใจผิดไป ก็ขออภัยด้วยนะคะ... จากคุณ : Miss_Behaving เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:08:50

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่าคุณ Miss_Behaving ถ้ามีอะไรผิดพลาดอีกแจ้งได้นะคะ เพราะบางทีข้อมูลก็ไม่ได้อัพเดตล่าสุด บางเรื่องไปค่ะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:20:21

ความคิดเห็นที่ 20 การเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์           การเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าลองเปิดค้นข้อมูลทางอินเตอร์เนตดูจะพบว่า การเดินทางโดยรถไฟนั้นกำลังฮิตมาก ใครไปเที่ยวประเทศนี้ ต่างอยากมีประสบการณ์การขึ้นรถไฟกันทั้งนั้น บริษัทนำเที่ยวต่างโฆษณาขายทัวร์เที่ยวสวิสโดยรถไฟกันมากมาย เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ฉันคิดว่านั่นเป็นเพราะการเดินทางโดยรถทัวร์มันโบราณและน่าเบื่อหน่ายนั่นเอง ดังนั้นนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ไฟแรงที่ต้องการเที่ยวด้วยตนเอง ฉันขอแนะนำเลยว่าง่ายมาก เพราะระบบคมนาคมขนส่งของประเทศนี้ยอดเยี่ยม มีเครือข่ายครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศ เกือบทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟ รถประจำทางและเรือ โดยทั้งหมดอยู่ในการดูแลของการรถไฟแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss Federal Railways <SBB>) ซึ่งคุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sbb.ch            รถประจำทาง (Post bus) เป็นคันสีเหลืองให้บริการในเส้นทางบนเขาและเส้นทางที่รถไฟไม่สามารถเข้าถึงได้ สถานีของรถประจำทางส่วนใหญ่มักอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ เวลารถออกและรถเข้าก็มักจะสอดคล้องกับเวลารถไฟออกและเข้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเดินทาง  ใครสนใจก็ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่   www.swisspost.ch              ในเมืองและหมู่บ้านขนาดใหญ่ วิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ คือ การโดยสารรถประจำทางและรถราง ส่วนเมืองขนาดใหญ่ เช่น Zürich, Bern และ Geneva จะมีเครือข่ายรถประจำทางหรือรถไฟท้องถิ่นที่เรียกว่า S-Bahn พาผู้โดยสารไปส่งยังชานเมืองและเมืองใกล้เคียง บางเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เช่น Lausanne และ Fribourg จะมีรถรางไต่เขาให้บริการ            อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีค่าครองชีพสูง ซึ่งก็มีผลทำให้ค่าโดยสารรถไฟ รถประจำทางหรือเรือมีราคาแพงตามไปด้วย แต่นักท่องเที่ยวกระเป๋าเบาอย่างเราไม่ต้องกังวลเพราะสวิตเซอร์แลนด์ออกบัตรพิเศษที่มีชื่อว่าบัตร Swiss Pass และบัตร Flexi Pass ให้สิทธิพิเศษเฉพาะนักท่องเที่ยวในการเดินทางไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตามเงื่อนไขของบัตรแต่ละประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะสำหรับแต่ละสไตล์ของการเดินทาง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:29:52

ความคิดเห็นที่ 21 บัตร Swiss Pass            บัตร Swiss Pass เป็นตั๋วเหมาจ่ายที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางในระบบคมนาคมขนส่งของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทั้งทางรถไฟ เรือ รถราง รถประจำทางในเมืองและระหว่างเมือง และรถประจำทางของเอกชนเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นรถไฟขึ้นเขาหรือกระเช้าไฟฟ้าที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่ก็ไม่แพงอย่างที่คิดเพราะแค่เพียงคุณแสดงบัตร Swiss Pass ก็จะได้รับส่วนลดถึง 50% บัตรนี้เน้นการเดินทางแบบต่อเนื่อง มีให้เลือกทั้งแบบเดินทาง 4, 8 ,15 ,22 วันและ 1 เดือน  และเมื่อคุณเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป คุณสามารถเลือกซื้อบัตร Swiss Pass ที่เรียกว่า Swiss Saver Pass ได้ซึ่งจะประหยัดขึ้นอีก 15% ต่อคน สำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 26 ปีที่เดินทางมาเที่ยวด้วยตนเอง ฉันแนะนำให้ซื้อบัตร Swiss pass ที่เรียกว่า Swiss Youth Pass ซึ่งจะประหยัดขึ้นอีก 25% ต่อคน บัตร Swiss Flexi Pass           บัตร Flexi Pass เป็นตั๋วเหมาจ่ายมีสิทธิพิเศษเหมือนกันกับบัตร Swiss Pass ทุกอย่าง แต่เน้นการเดินทางแบบไม่ต่อเนื่อง มีให้เลือกทั้งแบบเดินทาง 3, 4, 5 และ 6 วัน ซึ่งคุณสามารถเลือกเดินทางได้ภายในหนึ่งเดือน จะวันไหนก็ได้ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าซื้อบัตรแบบเดินทาง 3 วัน คุณสามารถเดินทางในระบบคมนาคมขนส่งของสวิตเซอร์แลนด์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ในระยะเวลา 3 วัน จะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งเดือนไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน ซึ่งถ้าวันอื่น ๆ นอกเหนือจาก 3 วันนี้แต่ยังไม่หมดช่วงเวลาของการใช้บัตร คุณสามารถซื้อตั๋วเดินทางได้ในราคาที่ลด 50% จากราคาปกติ และถ้าคุณเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปอย่าลืมซื้อบัตรที่เรียกว่า Swiss Saver Flexi Pass ซึ่งจะทำให้คุณประหยัดเพิ่มขึ้นได้อีก 15% ทีเดียว จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:35:10

ความคิดเห็นที่ 22 สิทธิพิเศษเมื่อคุณซื้อบัตร Swiss pass และบัตร Swiss Flexi pass 1. สามารถเดินทางในระบบคมนาคมขนส่งของสวิตเซอร์แลนด์ได้โดยไม่จำกัด จำนวนครั้ง 2. ส่วนลด 50% สำหรับรถไฟไต่เขาและกระเช้าไฟฟ้า 3. ฟรีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศกว่า 400 แห่ง 4. ส่วนลด 50% สำหรับค่าไกด์นำเที่ยว Zürich, Basel และ Schaffhausen 5. ส่วนลด 20% สำหรับค่าไกด์นำเที่ยว Lucerne, Lausanne, Geneva และ Bern 6. ส่วนลด 50% สำหรับค่า audioguide (tour with ipod) นำเที่ยว Bern 7. ได้รับส่วนลดในการจองโรงแรมมากมายโดยค้นข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.swisstravelsystem.ch/en/content/offer/zusatzleistungen/hotels 8. ส่วนลด 20% สำหรับตั๋วรถไฟไอน้ำ The Furka Steam Train โดยค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.furka-bergstrecke.ch/eng/index.htm   9. ส่วนลด 20% สำหรับค่าเข้าชม Swissminiatur Melide           นอกจากบัตร Swiss Pass และบัตร Swiss Flexi Pass แล้ว สวิตเซอร์แลนด์ยังออกตั๋วพิเศษอีกมากมายเพื่อตอบสนองแต่ละสไตล์ของนักเดินทาง เช่น Swiss Card, Swiss Transfer Ticket และ Swiss Half Fare Ticket  <สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.swisstravelsystem.ch/en/>  แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยผู้นิยมท่องเที่ยวแบบต่อเนื่อง ไม่ได้แวะพักที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลานานๆ ฉันว่าไม่มีอะไรจะเหมาะเท่าบัตร Swiss Pass และบัตร Swiss Flexi Pass อีกแล้วค่ะ            ถ้าใครถามว่าบัตร Swiss Pass ควรซื้อที่ไหน ขอตอบเลยว่าซื้อที่ประเทศไทยถูกกว่าไปซื้อที่สวิตเซอร์แลนด์แน่นอน ฉันแปลกใจเหมือนกันแต่เมื่อลองเข้าไปค้นราคาในเวปไซต์ดูก็พบว่าการซื้อตั๋วในแต่ละทวีปราคาจะแตกต่างกันออกไปจริงๆ และที่เมืองไทยราคาก็ถูกกว่าที่ยุโรปหลายพันบาท โดยสามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายที่ให้ไว้ด้านบน...แต่บริษัทใหญ่ที่ฉันเคยซื้อ คือ   บริษัทดีทแฮล์ม แทรเวล (ประเทศไทย) จำกัด 140/1 อาคารเคี่ยนหงวน 2 ชั้น 14 ถ.วิทยุ กรุงเทพ 10330 โทรศัพท์ 0-2660 7040            ราคาตั๋วแต่ละประเภท จะแบ่งเป็นชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งราคาชั้นหนึ่งจะแพงกว่ามาก ฉันแนะนำให้เลือกชั้น 2 ก็เพียงพอแล้วเพราะไม่แตกต่างกันมาก แค่ที่นั่งกว้างกว่า มีผ้าปูรองศรีษะ มีที่นั่งเดี่ยวเท่านั้นเอง นอกนั้นฉันว่าเหมือน ๆ กัน ดีกว่ารถไฟไทยชั้นสองเยอะคะทั้งสะอาดและทันสมัย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:39:35

ความคิดเห็นที่ 23 เที่ยวที่ไหนในสวิตเซอร์แลนด์ การเริ่มต้นหาแหล่งท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ของฉัน เริ่มจาก   1. ค้นหาหนังสือนำเที่ยวทั้งไทยและเทศ ซึ่งฉันก็มีลูกบ้าพอที่จะหอบขนหนังสือกลับมาบ้านเป็นกระตัก แต่ที่ฉันประทับใจมากที่สุดก็คือ เล่มที่มีชื่อว่า สวีท สวิตเซอร์แลนด์ เขียนโดย คุณยุพดี ปานบุปผา ภายในเล่มจะเล่าเรื่องราวของเหล่าป้า ๆ ที่พาตนเองและผองเพื่อนท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์แบบโหดมันฮา และที่เที่ยวในแต่ละที่ก็ไม่ซ้ำแบบใคร ทั้งสวยงามและน่าประทับใจ จนเมื่อฉันอ่านจบก็เป็นการสร้างความฝันที่อยากจะไปตามรอยเป็นที่สุด 2. ฉันขอแนะนำเวปไซต์การท่องเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ  www.myswitzerland.com มันช่วยให้ฉันสามารถหาที่เที่ยวตามใจตนเองได้รวดเร็วและแสนง่ายดายค่ะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:41:51

ความคิดเห็นที่ 24 ขั้นตอนการค้นหารายละเอียดการเดินทาง 1. เริ่มแรกก็เข้า link www.sbb.ch/en/  กันก่อน ที่หน้านี้คุณสามารถกำหนดสถานที่เริ่มเดินทางจากที่ไหน (From) แล้วจะไปที่ไหน (To) ต้องการให้ผ่านทางใด (Via) ไปวันไหน (Date) เวลาใด (Time) ได้ตามใจชอบ สมมุติว่าฉันวางแผนจะไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง (Ice Pavillion) ที่หมู่บ้าน Saas Fee ละกันนะคะ 2. ฉันก็จะเขียนรายละเอียดการเดินทางตามภาพข้างล่าง คือ จะเดินทางจากสนามบิน Zürich (Zurich Flaughafen) ไปยังหมู่บ้าน Saas Fee ในวันที่ 06/04/11 ในเวลา 6.35 น. เขียนเรียบร้อยนำ mouse ไปกดที่ search connection ได้เลยคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:44:45

ความคิดเห็นที่ 25 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:45:30

ความคิดเห็นที่ 26 3. รอสักพักจะได้รายระเอียดการเดินทางดังนี้.......  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:47:11

ความคิดเห็นที่ 27 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 16:47:47

ความคิดเห็นที่ 28 ขอไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : POKO (funnal) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 17:55:16

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับบ.............. จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 19:05:03

ความคิดเห็นที่ 30           จะเห็นว่ามีเวลาให้เลือกถึง 4 แบบด้วยกัน ซึ่งถ้าต้องการเวลาเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ก็สามารถกดเลือกที่ Earlier หรือ later ซึ่งอยู่ด้านล่างได้คะ ส่วนรายละเอียดการเดินทางของแต่ละแบบสามารถทำได้โดยใช้ mouse กดตรงเครื่องหมายถูกหน้าตัวแลข <ยกตัวอย่างแบบที่ 1 คะ>   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:07:51

ความคิดเห็นที่ 31 รายละเอียดของการเดินทางจากสนามบินซูริคมายังหมู่บ้าน Saas Fee โดยเริ่มจาก a) นั่งรถไฟ IC 810 ที่ชานชาลาที่ 4 เดินทางจากสนามบินซูริคเวลา 6.40 น. ไปยังเมือง Visp ถึงเมือง Visp ที่ชานชาลาที่ 6 เวลา 9.02 น. b) เดินเท้ามาที่สถานีรถประจำทางใช้เวลาประมาณ 4 นาที c) ต่อรถประจำทางสาย 611 จากเมือง Visp เวลา 9.10 น. ไปถึงหมู่บ้าน Saas Fee เวลา 9.59 น. d) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3.19 ชั่วโมง ซึ่งการเดินทางตามแผนนี้จะมีทุกวันคะ 4. ถ้าสถานที่นั้นต้องไปโดยการขนส่งเอกชนเราก็สามารถหารายละเอียดได้จาก  http://www.สถานที่เที่ยวที่เราต้องการไป.ch  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:10:04

ความคิดเห็นที่ 32 คราวนี้มาลองดูแผนการท่องเที่ยวของฉันบ้าง (ทริป 14 วัน 13 คืน) Day1 :   ขึ้นเครื่องสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์> ถึงสวิตเซอร์แลนด์ประมาณหกโมงเช้า> เที่ยว Bern เมืองหมีในดวงใจ เที่ยวชมเมืองเก่าและสวนกุหลาบบนเนินเขา> เที่ยวต่อเมือง Murten ย้อนเวลาหาอดีต> นอนพักค้างคืนที่บ้านพักแสนประทับใจใน Chatel-SurMontsalvens Day 2 :   เที่ยว Gruyeres และ Moleson หมู่บ้านเนยแข็งแบบดั้งเดิม ชมวิธีการทำเนยแข็งรุ่นบุกเบิก เล่นเครื่องเล่นต่าง ๆมากมาย เช่น minigoft ,Bob sleigh และ Grass scooters จบท้ายด้วยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมยอดเขา Le Moleson ก่อนกลับมาพักค้างคืนที่เดิม Day 3 :   เดินทางไปยังเมือง Lausanne>ผิดหวังกับการมาเที่ยวทะเลสาบ Lac Sauvabelin> ตกบ่ายเที่ยว Morges เมืองดอกไม้ แวะพักทานอาหารกลางวันริมทะเลสาบเจนีวา ก่อนนั่งรถบัสไปชมทุ่งดอกลิลลี่ ไร่องุ่นและสวนผลไม้ที่ปราสาท Vullierens> พักค้างคืนที่ YH Sion Day 4 : Valais พันธรัฐที่น่าค้นหา   ล่องทะเลสาบใต้ดินใหญ่ที่สุดในยุโรปที่เมือง St-Leonard> ตกบ่ายขึ้นเขาเที่ยวเขื่อนสูง Grand dixence จากนั้นกลับไปค้างคืนที่เดิมที่ YH Sion Day 5 :   เที่ยวถ้ำน้ำแข็งใหญ่ที่สุดในโลก ณ. หมู่บ้านชนบท Saas Fee> Kandersteg เมืองที่ฉันหลงใหล> เนี่ยนะทุ่ง Ricola> ใบไม้ไม่เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบสีน้ำเงิน> อิ่มอร่อยกับปลาเทร้าท์เนื้อนุ่ม> พักค้างคืนที่ Hotel Zur Post Day 6 :   Oeschinensee ทะเลสาบในหุบเขาลึก> ตกบ่ายพาล่องทะเลสาบ Thun กันให้หนำใจ> แวะพักผ่อนที่ Thun เมืองริมทะเลสาบ> อยากร้องไห้กับที่พักบนเขาในหมู่บ้านธารน้ำแข็ง Grindelwald Day7 :   Hiking อย่างง่ายไปเที่ยวทะเลสาบ Bachalpsee> ออบหลวงที่สวิตเซอร์แลนด์ Day8:   น้ำตกลอดถ้ำแห่งเดียวในสวิตเซอร์แลนด์> ย้อนรอยเจมส์บอนด์ 007 ที่ยอดเขา Schilthorn> ยลโฉมดอกไม้ป่าในหุบเขา Berner Oberland> เมือง Interlaken ประตูสู่เขต Berner Oberland Day 9 :   ชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Ballenberg >จบท้ายด้วยการล่องทะเลสาบที่ใสที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ทะเลสาบ Brienz (Brienzersee)  Day 10 : เบื่อแหละ ย้ายก้นเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์แถบอิตาลี   จับโบกี้สีน้ำเงินลงใต้ ..รถไฟสวิสเปลี่ยนไป> อากาศเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน> กินช็อกโกแลตที่โรงงานAlprose> เดินเล่นเมือง Lugano> พักที่ YH Locarno  Day11 :   ขึ้นรถรางเที่ยวโบสถ์ Madonna del Sasso ในเมือง Locarno> แวะปีนปราสาทมรดกโลกที่เมือง Bellinzona> และตอนบ่ายย้ายก้นเที่ยวเกาะพฤษชาติ Brissago ก่อนกลับมาพักค้างคืนที่เดิม YH Locarno Day12 : เดินทางไกลจากใต้ขึ้นเหนือ   ล่องเรือโต้เกลียวคลื่นเที่ยวน้ำตก Rhein< เดินเที่ยวเมืองเก่าแสนน่ารัก Stein Am Rhein< พักเมืองน้ำแร่ Baden Day13 :   เที่ยวเมืองลูกกวาด Appenzell< แวะเยี่ยมสวนสัตว์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ทีเมือง Gossau< แวะซื้อช๊อคโกแล็ตก่อนกลับบ้านที่โรงงานเมือง Frawil< กลับมาพักค้างคืนที่ YH Baden Day14 : เที่ยวก่อนกลับบ้าน   เลือกเที่ยวหุบเขามังกร Pilatusหรือเที่ยวสวนสัตว์เมืองซูริคดี< เดินเล่นชิว ๆในเมืองซูริค< ยังไม่อยากกลับเลยสวิตเซอร์แลนด์ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:14:43

ความคิดเห็นที่ 33         เป็นยังไงบ้างคะกับแผนการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ของฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นไปตามแผนรึเปล่า แต่ก่อนไปก็ได้ทำตารางเวลาเดินทางไว้พร้อมรบเต็มที่และเตรียมแผนสำรองไปด้วยเผื่อฉุกเฉิน คุณก็ลองทำตามดูซิค่ะ รับรองการเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ เมื่อวางแผนการท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้วคุณก็จะทราบว่าในแต่ละวันไปที่เมืองไหนบ้าง ต้องจองโรงแรมที่ไหนดี แนะนำให้จองที่พักตั้งแต่อยู่เมืองไทยเลยนะคะอย่าไปเดินหาให้เสียเวลาเลยเพราะเหตุผลสำคัญคือ เสียเวลาเที่ยวค่ะและก็ไม่แน่ว่าจะมีห้องรึเปล่าด้วยโดยเฉพาะในช่วง high season                การจองที่พักถ้าเลือกการเดินทางแบบแพคเกจ ทาง travel agents ก็จะจองโรงแรมตามเงื่อนไขของแพคเกจนั้น ๆ ให้ และถ้าคุณต้องการจองเพิ่มก็สามารถติดต่อกับทาง travel agents ได้โดยตรงเลยค่ะ แต่ถ้าต้องการจองด้วยตนเองฉันแนะนำให้จองผ่านอินเตอร์เนตไปเลย ง่ายและสะดวกมาก ๆ <เชื่อไม่เชื่อต้องลองดูเองค่ะ> จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:16:27

ความคิดเห็นที่ 34 การจองที่พัก           สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศแห่งการโรงแรม ดังนั้นเฉือดขนมกินได้เลยว่าโรงแรมในสวิสจะดีเลิศแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมว่าราคามันก็สูงเป็นเงาตามตัวไปด้วย ดังนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าเบา ฉันขอแนะนำที่พักราคาประหยัดให้ค่ะ ซึ่งฉันก็ใช้บริการที่นี่เกือบตลอดในการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตนเอง นั่นคือ ที่พักแบบบ้านพักนานาชาติ  ที่พักแบบบ้านพักนานาชาติ          ที่พักแบบบ้านพักนานาชาติในประเทศสวิตเซอแลนด์ดำเนินการโดยสมาคมบ้านเยาวชนสวิส ทุกแห่งที่ฉันเคยพักล้วนมีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยและสะอาด ทุกคนสามารถมาใช้บริการที่นี่ได้ไม่จำกัดเฉพาะแต่เยาวชนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก็ได้ แต่จะเสียค่าใช้จ่ายแพงกว่า  6 CHFต่อคืน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:19:08

ความคิดเห็นที่ 35 การสมัครสมาชิกสมาคมบ้านเยาวชนแห่งประเทศไทย  สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ สมัครด้วยตนเอง และ สมัครแบบ on-line ซึ่งคุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tyha.org                         ที่อยู่ของสมาคม คือ เลขที่ 25/2 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพ 10300   โทร  0 2628 7413-5 FAX 0 2628 7416 ขั้นตอนการจองห้องพัก ขั้นตอนการจองห้องพักผ่านสมาคมด้วยตนเอง 1. เลือกดู hostel ที่คุณต้องการพัก รวมทั้งดูประเภทห้องพักและวันว่างที่สามารถจองได้จาก www.hihostels.com  โดยประเภทห้องพักส่วนใหญ่มักเป็นห้องพักรวม มีทั้งแบบ 4 เตียง 6 เตียงหรือ 8 เตียง แยกส่วนชาย-หญิง มีห้องน้ำรวมต่างหาก แต่ถ้าต้องการพักคนเดียวหรือพักเป็นคู่ทาง hostelบางที่ก็มีห้องพักแบบ single, 2-beds หรือ double room ให้บริการ ถึงแม้จะแพงกว่าแบบห้องพักรวมแต่ราคาก็สบาย ๆ กว่าที่จะเลือกพักในโรงแรม และคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบมีห้องน้ำในตัวหรือเฉพาะอ่างล้างหน้าก็ได้ โดยแบบมีห้องน้ำในตัวจะแพงกว่าคะ <แต่ส่วนใหญ่ฉันจะเลือกแบบห้องน้ำรวมเพราะพวกฝรั่งไม่ค่อยอาบน้ำกันหรอก ห้องน้ำว่างกันตลอด ลดค่าใช้จ่ายได้อีก> 2. กรอกข้อมูลการจองโดย Download  แบบฟอร์มการจองได้ที่ www.tyha.org แล้วพิมพ์แบบฟอร์มนี้ไว้ 3. เดินทางมาที่สมาคมฯ (สามารถให้คนอื่นมาดำเนินการแทนได้) พร้อมทั้งนำแบบฟอร์มการจอง บัตรสมาชิก Hostel ของทุกคนที่จะเข้าพักมายื่นให้เจ้าหน้าที่ทำการจอง hostel <–ทางสมาคมฯ ขอความกรุณาสมาชิกมาติดต่อจองห้องพักก่อนเวลา 16.00 น ในวันธรรมดา (พักเที่ยง) และ 11.30 น. ในวันเสาร์เนื่องจากระบบการจองที่พักจะปิดหลังเวลาดังกล่าว>  4. หากมีที่พักว่างคุณต้องชำระเงินร้อยละ 10 ของค่าที่พักเป็นค่ามัดจำ โดยเงินมัดจำดังกล่าว ไม่สามารถขอคืนได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น (รับเฉพาะเงินสดสกุลบาท โดยระบบจะคำนวณเป็นเงินบาทให้ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้นที่กำหนดจากสำนักงานใหญ่ Hostelling International ที่ลอนดอน)     <กรุณาดู hostel สำรองเผื่อในกรณีที่ hostel ที่คุณต้องการไม่ว่าง> 5. เมื่อจองเสร็จสมาคมฯ จะมอบหนังสือรับรองการจอง (Booking) บ้านนานาชาติให้สมาชิก โดยสมาชิกจะต้องนำหนังสือรับรองนี้ไปยื่นให้บ้านพักนานาชาติเมื่อจะเข้าพัก พร้อมทั้งชำระค่าที่พักส่วนที่เหลือร้อยละ 90 เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งจำนวนเงินได้แสดงไว้ในหนังสือจองแล้ว - โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีที่คุณต้องการใช้หนังสือรับรองการจองเพื่อยื่นวีซ่าด้วย • ในกรณีที่เข้าพักมากกว่า 1 ท่าน ที่ด้านหลังหนังสือรับรองการจองทางสมาคมฯ จะดำเนินการพิมพ์รายชื่อผู้เดินทางทั้งหมดให้คุณ ซึ่งสมาชิกต้องตรวจสอบว่ามีรายละเอียดดังกล่าวครบถ้วนตามที่คุณจองหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในการยื่นเอกสารขอวีซ่า • ทั้งนี้หนังสือรับรองที่ได้รับให้ไปถ่ายสำเนา และนำฉบับสำเนาไปยื่นที่สถานทูตเพื่อขอวีซ่า ส่วนตัวจริงให้นำไปแสดงที่บ้านนานาชาติในวันที่เข้าพัก ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ไม่สามารถออกหนังสือรับรองให้สมาชิกใหม่ได้ในกรณีที่ทำเอกสารหาย เนื่องจากเป็นการจองผ่านระบบออนไลน์ • ในกรณีที่คุณเข้า Check-in หลังเวลา 18.00 น. (เวลาอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นกับเงื่อนไขของแต่ละ hostel) กรุณาอีเมล์ไปแจ้งเวลาที่คุณจะเข้า Check-in ที่ hostel ที่จองก่อนเพื่อยืนยันว่าจะเข้าพักแน่ มิฉะนั้น hostel ที่จองอาจนำห้องพักของคุณให้แขก Walk-in เนื่องจากคิดว่าคุณไม่เข้าพักแล้ว  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:22:33

ความคิดเห็นที่ 36 ขั้นตอนการจองติดต่อผ่านอินเตอร์เนตด้วยตนเอง 1. เปิดอินเตอร์เนตและลิงค์ไปที่ http://www.hihostels.com/dba/country-CH.en.htm   2. กำหนดเมืองที่ต้องการพัก วันที่เข้าพัก และจำนวนคืนที่ต้องการพัก จำนวนผู้ที่เข้าพักให้เรียบร้อยจากนั้นกด check จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:23:42

ความคิดเห็นที่ 37 3. ระบบจะทำการสืบค้นข้อมูลว่าในวันที่คุณจองว่างไหมและประเภทห้องที่ว่างเป็นแบบไหนถ้าคุณ OK กดbook เพือทำรายการต่อไป จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:24:47

ความคิดเห็นที่ 38 4. แต่ถ้าห้องไม่ว่างหรือเหลือประเภทห้องพักน้อยไม่พึงพอใจอยากเปลี่ยนวันก็สามารถทำได้โดยให้ดูข้างล่างถัดลงมาจะเป็นแบบฟอร์มที่เสนอการเปลี่ยนวันพร้อมทั้งแสดงปฏิทินให้คุณทราบด้วยว่าในแต่ละวันเหลือห้องพักแบบไหนบ้าง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:25:56

ความคิดเห็นที่ 39 5. เลือกประเภทของห้องที่คุณต้องการพัก จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:26:56

ความคิดเห็นที่ 40 6. คุณจะต้องชำระเงินค่ามัดจำผ่านบัตรเครดิตร้อยละ 5 จากยอดเต็ม + ค่าบริการจองประมาณ 2.45 US$ โดยเงินมัดจำดังกล่าวไม่สามารถขอคืนได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น 7. เมื่อจองเสร็จแล้วอย่าลืมพิมพ์หนังสือรับรองการจอง (Booking) บ้านนานาชาติเก็บไว้ด้วยค่ะเพราะจะต้องนำหนังสือรับรองนี้ไปยื่นให้บ้านพักนานาชาติเมื่อจะเข้าพักพร้อมทั้งชำระค่าที่พักส่วนที่เหลือร้อยละ 95 เป็นเงินสกุลท้องถิ่นซึ่งจำนวนเงินได้แสดงไว้ในหนังสือจองแล้ว และถ้าคุณไม่ใช่สมาชิกจะเสียเพิ่มอีก 6 CHF ในวันที่เข้าพัก  8. การเปลี่ยนแปลงการจองคุณสามารถติดต่อกับทางบ้านนานาชาติที่จะเข้าพักได้โดยตรง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:27:55

ความคิดเห็นที่ 41 การยกเลิกห้องพัก สมาชิกสามารถทำการยกเลิกด้วยตนเองโดยผ่าน  www.hihostels.com   ในส่วนของ"My booking/Cancellation" โดยใส่รหัสจองของคุณหรือสามารถยกเลิกโดยติดต่อกับทางบ้านนานาชาติที่จะเข้าพักโดยตรง (ด้วยการแจ้งรหัสการจองห้องพัก) ระยะเวลาที่กำหนด กรณีการยกเลิกการจอง การเรียกเก็บเงิน 1.ยกเลิกการจองก่อนการเข้าพักไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ไม่มีการเรียกเก็บ 2.ยกเลิกการจองภายใน 24ชั่วโมง เรียกเก็บเท่ากับจำนวนที่พัก 1 คืน 3.ไม่มีการแจ้งยกเลิก-ไม่เข้าพัก เรียกเก็บเท่ากับจำนวนที่พัก 2 คืน    หมายเหตุ บ้านพักนานาชาติบางแห่งมีเงื่อนไขระยะเวลาในการยกเลิก/เปลี่ยนแปลงการจองที่แตกต่างกันไป กรุณาสอบถาม/ดูเงื่อนไขของแต่ละบ้านนานาชาติก่อนทำการจอง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:29:21

ความคิดเห็นที่ 42           นอกจากบ้านพักนานาชาติแล้วฉันจะขอแนะนำที่พักราคาประหยัด (hostel) ซึ่งดำเนินงานโดยเอกชนคะ ที่นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกก็สามารถมาพักได้ เหมาะกับนักเดินทางสะพายเป้เป็นที่สุด ห้องพักส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกับบ้านพักนานาชาติคือ เป็นแบบห้องนอนรวมแต่ก็มีบ้างที่มีห้องเดี่ยวหรือนอนคู่ แต่ที่แตกต่างจากบ้านพักนานาชาติก็คือ ในเรื่องความยืดหยุ่นของกฏระเบียบต่าง ๆ เวลาต้อนรับหรือเวลาเปิด-ปิด เป็นต้น สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและจองห้องพักแบบนี้ได้จาก www.hostels.com, www.hostelworld.com, www.hostelseurope.com ซึ่งบางกลุ่มของที่พักแบบนี้ก็อยู่ในเครือ Swissbackpacker ด้วยโดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.backpacker.ch            แต่ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอแนะนำที่พักที่เรียกว่า Bed and Breakfast(B&B) ที่พักแบบนี้มักจะดัดแปลงมาจากบ้านของชาวสวิสเองและเจ้าของก็เป็นผู้ดำเนินกิจการขนาดเล็กนี้ ดังนั้นที่พักจะน่ารักกุ๊กกิ๊กตามสไตล์ยุโรปและมักอยู่แถวชนบทสักหน่อย ข้อดีของที่พักคือ คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมของเขาอย่างแท้จริง ที่พักแบบนี้คุ้มมาก ๆ เชียร์ให้คุณลองมาสัมผัสดูสักครั้งหนึ่งคะแล้วคุณจะติดใจ โดยสามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bnb.ch หรือ www.room.ch  อ้อ...ลืมบอกข้อเสียของที่พักไปก็คือ ที่พักแบบนี้ถึงแม้จะดีตรงที่เราได้อยู่ในชนบท ได้สัมผัสถึงตัวตนจริง ๆ ของชาวสวิตเซอร์แลนด์ก็ตาม แต่มันก็ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวไปหน่อยทำให้ค่อนข้างลำบากในการเดินทาง....แต่ฉันว่าก็คุ้มกับสิ่งที่ได้มาคะ           ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนตุลาคม ฟาร์มหลายแห่งในสวิตเซอร์แลนด์จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและนอนพักบนฟางข้าวในยุ้งฉาง ที่พักแบบนี้ราคาค่อนข้างถูกและมักรวมอาหารเช้าและที่อาบน้ำไว้ให้ด้วย นักท่องเที่ยวที่จะมาพักแบบนี้ควรเตรียมถุงนอนมาด้วย ถ้าคุณสนใจลองหารายละเอียดใน www.bauernhof-ferien.ch, www.reka.ch และ www.abenteuer-stroh.ch           สำหรับที่พักแบบสุดท้ายที่อยากแนะนำก็คือ ที่พักแปลกแหวกแนวจากปกติที่ใคร ๆ พักกัน เช่น พักที่ Mountain Inns ที่พักบนยอดเขาสูง ลองคิดดูว่า ตื่นเช้ามาเปิดหน้าต่างดูวิวด้านนอกมันจะร้องอู้ฮูดังลั่นขนาดไหน...ที่ยอดเขาหิมะมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือไปจับเท่านั้น หรือเลือกพักในกระท่อมของชาวเอสกิโมในฤดูหนาว หรือพักในโบสถ์ พักในปราสาทเก่า ที่ไหนแบบไหนก็ตามคุณสามารถหารายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.myswitzerland.com  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 20:31:40

ความคิดเห็นที่ 43 ทำวีซ่ายังไงดี.......           สมัยเด็ก ๆ ที่เดินทางไปทัวร์ยุโรปนั้นจำได้ว่า ทุกครั้งที่รถทัวร์ขับเข้าประเทศไหน แต่ละประเทศจะมีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าทัวร์จะทำหน้าที่แบกหนังสือเดินทางตั้งสูงของลูกทัวร์ไปยื่นที่ด่านตรวจ บางครั้งจะมีเจ้าหน้าที่ด่านขึ้นมาบนรถทัวร์เพื่อตรวจเช็คดูว่าลูกทัวร์ที่นั่งกันสลอนบนรถนั้น สำเนาถูกต้องหรือไม่ รึมีใครแอบย่องเบาแฝงตัวขึ้นมาสวมรอยกันบ้าง แต่บางด่านก็ผ่านง่าย ๆ แค่ยื่นหนังสือเดินทางก็ผ่านแล้วคะ ต่อมาตั้งแต่ที่กลุ่มสหภาพยุโรปได้ทำความตกลงเชงเกน (Schengen agreement) กันแล้ว ทำให้สมาชิกในกลุ่มประเทศสามารถเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และสำหรับประเทศนอกกลุ่มเมื่อทำการขอวีซ่าเชงเกนก็มีสิทธิในการเดินทางได้ชั่วคราว โดยรวมเวลาในการพำนักในประเทศกลุ่มสมาชิกเชงเกนได้ไม่เกิน 90 วัน ดังนั้นด่านหรือป้อมตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่กระทำความตกลงเชงเกนก็ถูกรื้อทิ้งออกจนบางครั้งนักท่องเที่ยวก็จะงง ๆ ว่าตอนนี้เราอยู่ประเทศไหนกันแน่            ประเทศสมาชิกที่ทำความตกลงเชงเกนทั้งหมดหลังจากเข้าร่วมเพิ่มในเดือนธันวาคมปี 2008 ประกอบด้วย   1. เบลเยี่ยม 2. ฝรั่งเศส 3. อิตาลี 4. ลักเซมเบิร์ก  5. เนเธอร์แลนด์ 6. เดนมาร์ก 7. กรีซ 8. โปรตุเกส 9. สเปน 10. เยอรมนี 11. ออสเตรีย 12. ฟินแลนด์ 13. สวิตเซอร์แลนด์ 14. สวีเดน 15. นอร์เวย์ 16. ไอซ์แลนด์ 17. มอลตา 18. สาธารณรัฐเช็ก 19. เอสโตเนีย 20. ฮังการี 21. โปแลนด์ 22. สโลวาเกีย 23. สโลวีเนีย 24. ลัตเวีย 25. ลิทัวเนีย             จะเห็นว่ามีประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่ในรายชื่อประเทศในกลุ่มทำความตกลงเชงเกนด้วย ซึ่งจริง ๆแล้วสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแต่อย่างใด แต่สวิตเซอร์แลนด์เพิ่งขอเข้าร่วมเป็นกรณีพิเศษเฉพาะเรื่องการเข้ากลุ่มเชงเก้นเท่านั้นซึ่งมีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2008 ไปเองดังนั้นถ้าคุณต้องการไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์หรือมีแผนการเดินทางท่องเที่ยวยุโรปโดยแวะพักและเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์นานที่สุดแล้วละก้อเดินทางไปสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตนเองพร้อมกับฉันนะคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:00:43

ความคิดเห็นที่ 44 เอกสารประกอบการขอวีซ่าเชงเกน (คัดลอกจากเว็บไซต์ของสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์) 1. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าสามารถค้นหาได้ที่ http://www.bfm.admin.ch/bfm/en/home/themen/einreise/visumantragsformular.html  ถ้าไม่ได้เตรียมไปก็สามารถไปขอที่สถานทูตได้ แต่ฉันแนะนำให้เขียนจากที่บ้านเลยจะได้รวดเร็วขึ้นโดยถ้าไม่แน่ใจว่ากรอกอย่างไรสามารถอีเมล์ไปถามที่สถานทูตได้คะ ส่วนการกรอกข้อมูลต่าง ๆในแบบฟอร์มจะต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นและลงวันที่กับลายเซ็นด้านท้ายด้วยลายมือของผู้ยื่นคำร้อง 2. รูปถ่าย 1 รูปขนาด 2 นิ้วโดยมีข้อแม้ของรูปที่ใช้ คือ ต้องเป็นภาพที่เพิ่งถ่ายมีอายุไม่เกิน 6 เดือน เป็นภาพสีพื้นหลังสีขาว และรายละเอียดในรูปนั้นต้องเป็นการซูมภาพผู้ยื่นคำร้องใกล้ ๆ ให้เห็นเฉพาะศรีษะและบ่า ดังนั้นภาพถ่ายจะเห็นส่วนของศรีษะประมาณ 70-80% ของภาพ ภาพคมชัดไม่มีรอยเปื้อน ตามตัวอย่างเลยคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:02:56

ความคิดเห็นที่ 45 3. หนังสือเดินทางที่มีอายุไม่น้อยกว่า 3 เดือนหลังจากเยือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์หรือประเทศในกลุ่มข้อตกลงเชงเกน พร้อมสำเนาหนึ่งชุดในหน้าข้อมูลประวัติที่มีรูปหน้าของคุณ 4. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน ระบุวันไป-กลับ <แต่อย่าเพิ่งซื้อตั๋วก่อนได้รับวีซ่านะคะเพราะบางครั้งการขอวีซ่าอาจมีการล่าช้าหรือขอไม่ผ่านได้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้แล้วคุณซื้อตั๋วเครื่องบินไปก่อนทางสถานทูตจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น> 5. หลักฐานการจองโรงแรมที่พักตลอดระยะเวลาที่พักในประเทศกลุ่มข้อตกลงเชงเกน และ/หรือจดหมายเชิญจากผู้ที่อาศัยในประเทศกลุ่มข้อตกลงเชงเกน 6. ประกันการเดินทางและประกันสุขภาพซึ่งทำโดยบริษัทประกันที่ได้รับการรับรองจากสถานทูต ให้การคุ้มครองทั่วทั้งประเทศกลุ่มข้อตกลงเชงเกนในวงเงินขั้นต่ำ 1,500,000 บาท 7. หนังสือรับรองการทำงาน (สำหรับนักเรียนและนักศึกษาจะต้องมีหนังสือรับรองสภาพการศึกษาจากสถานศึกษาด้วย) 8. หลักฐานการเงินของผู้ยื่นคำร้องซึ่งแสดงว่าสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาในการพำนักประเทศในกลุ่มเชงเกน (100 CHF/วัน) ซึ่งก็คือสมุดเงินฝากธนาคารที่แสดงรายการเงินฝากถอนในบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน 9. สำหรับผู้ยื่นคำร้องที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีพ่อแม่สามารถยื่นคำร้องแทนได้โดยให้จัดเตรียมใบสูติบัตรมาพร้อมกับใบคำร้องที่กรอกเรียบร้อยแล้วโดยเขียนในช่องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายว่า “Parent” และให้เซ็นชื่อทั้งพ่อและแม่ ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยโดยหนังสือจะต้องทำที่อำเภอ แบบฟอร์มการขอวีซ่าจะต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนเอกสารต่าง ๆ ที่จะนำมายื่นประกอบการขอวีซ่าก็จะต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดด้วย อีกทั้งเอกสารทุกอย่างที่นำมายื่นจะต้องเป็นตัวจริงมีอายุไม่เกิน 3 เดือนย้อนหลัง และควรถ่ายสำเนาด้วยอีกหนึ่งชุดค่ะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:04:50

ความคิดเห็นที่ 46 ขั้นตอนการขอวีซ่าเชงเกนที่สถานทูตสวิตเซอแลนด์            เมื่อเตรียมเอกสารประกอบการขอวีซ่าเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปที่สำคัญมากก็คือ การเตรียมตัวให้พร้อมในการเดินทางไปขอวีซ่ากันที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าถามว่าขอวีซ่าทำยากไหม........สำหรับฉันการขอวีซ่าเป็นครั้งแรกมันเครียดมาก อ่านกระทู้ต่าง ๆ ในอินเตอร์เนตแต่ละคนก็บอกกันว่าทำยากยังงั้น ทำยากยังงี้ กลัวไม่ได้ไปไง จองตั๋วเครื่องบินเอย จองที่พักเอย เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญฉันเตรียมใจพร้อมแล้วถ้าไม่ได้ไปคงเสียใจน่าดู คราวนี้จะได้ไปหรือไม่ก็อยู่ตรงนี้แล้วละคะ และเมื่อฉันมีประสปการณ์การขอวีซ่าแล้วฉันก็ขอแนะนำขั้นตอนที่ทำให้การขอวีซ่ามันง่ายกว่าที่คิด 1. ควรติดต่อนัดหมายเวลาทำวีซ่าที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ก่อน (เบอร์โทรศัพท์1-900 222 340, นาทีละ 9 บาท) ถ้าไม่โทรนัดคุณได้เดินทางไปฟรี ๆ แน่......เพราะคงไม่ได้ทำ  2. ต้องไปด้วยตนเองฝากใครไปแทนไม่ได้นะคะ ยกเว้นเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ผู้ปกครองไปแทนได้   3. ก่อนเดินทางไปสถานทูตให้ตรวจสอบว่าได้เตรียมเอกสารประกอบการขอวีซ่าเรียบร้อยแล้ว เตรียมเงินให้พร้อม โดยค่าธรรมเนียมวีซ่า  2,400 บาท (ข้อมูลปี 2011) รับเฉพาะเงินสดและเตรียมให้พอดีเพราะที่นี่ไม่มีการทอนเงินแถมเจ้าหน้าที่ยังบอกฉันว่าถ้าไม่ได้เตรียมมาให้พอดีก็จะไม่สามารถยื่นคำร้องได้....... เอากะเขาซิคะ  (** ราคาอาจเปลี่ยนแปลง โปรดโทรเช็ค **) 4. สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใกล้กับทางฝั่งแยกเพชรบุรี การเดินทางมาที่นี่ก็แสนง่าย ฉันไม่แนะนำให้เอารถยนต์ส่วนตัวมาเองนะเพราะไม่มีที่จอดรถ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ขึ้นรถไฟฟ้า BTS โดยลงที่ สถานีเพลินจิต จากนั้นมองหาป้ายแสดงทางออกไปยัง สถานทูตอังกฤษ เดินตามเลยคะสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์อยู่เยื้อง ๆ กันนั้นแหละ 5. ถ้ามาถึงหน้าสถานทูตแล้วก็ทำการแลกบัตรที่หน้าประตูทางเข้าจากนั้นเดินตรงไปตามป้ายที่เขียนว่า “ทำ VISA” ได้เลย ที่นี่บริเวณด้านนอกจะมีเจ้าหน้าที่เตรียมเอกสาร คุณก็เพียงแค่ยื่นเอกสารพร้อมค่าธรรมเนียมวีซ่า 2,400 บาท เจ้าหน้าที่จะให้เซ็นลายชื่อและขอรหัสลับกับคุณ (Quote ที่คุณจะได้ตอนโทรมานัดหมายไงคะ) ถ้าตรงกันกับที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนแรก จากนั้นก็รอเรียกเพื่อเข้าด้านในต่อไป เมื่อคุณยื่นคำร้องที่ด้านในแล้วรอสักพักจะมีฝรั่งเรียกไปคุย ในขั้นตอนนี้นะฝรั่งเรียกฉันไปถามว่าพูดภาษาอังกฤษเป็นไม๊ ฉันก็ตอบไปว่า “ได้นิดหน่อยคะ” จากนั้นเขาก็ขอสมุดเงินฝากธนาคารตัวจริงและอีก 2 วันมารับวีซ่าได้เลย .งงคะ จะไม่งงได้ไงฉันเดินทางขึ้นเครื่องบินมาตั้งไกล ถามข้อมูลแค่เนี๊ย แต่ก็ดีง่ายจัง คุณว่าง่ายไหม ฉันว่าถ้าคุณเตรียมเอกสารพร้อม ใจพร้อมแล้วละก็ไม่มีปัญหาหรอกเชื่อเถอะ เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบอกเลยว่า คุณพร้อมที่จะเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์แล้วตั้งหน้าตั้งตานับวันรอได้เลยคะ  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:06:52

ความคิดเห็นที่ 47 เตรียมข้าวเตรียมของพร้อมมาสวิตเซอร์แลนด์ กระเป๋าเป้หลัง           เป้สำหรับใส่ของที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละวันต้องเลือกให้เหมาะสมกับคุณเพราะการเดินทางพร้อมกับเป้สะพายหลังเนี่ยถ้าไม่เหมาะสมก็อาจทำให้คุณปวดหลังหรือไหล่ได้ ฉันมีวิธีในการเลือกและการแบกเป้ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถแบกของได้นานขึ้น ลดอาการปวดบ่า ปวดหลังได้คะ                                            (เนื้อหาบางส่วนคัดลอกจาก www.kroobannok.com/blog/10176) 1. เลือกซื้อเป้ที่ผลิตจากเนื้อผ้าที่มีความแข็งแรงทนทาน กันน้ำ และมีน้ำหนักเบา มีแผ่นรองหลังที่นุ่มสบายและระบายอากาศได้ดี สามารถปรับสายสะพายไหล่ สายรัดอก สายรัดสะโพกให้กระชับกับรูปร่างของคุณเพื่อช่วยการกระจายน้ำหนักไปทั่วแผ่นหลัง ไม่เกิดการถ่วงหรือมีน้ำหนักกดเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง สายสะพายไหล่ควรมีลักษณะที่หนานุ่มลดแรงกดบริเวณไหล่ ภายในเป้เลือกที่มีการแบ่งเป็นหลายช่องอันนี้สำคัญเลยละเพราะจะช่วยในการกระจายน้ำหนักได้อย่างมาก ถ้าเลือกแบบที่มีช่องเดี่ยวกว้าง น้ำหนักมันจะถ่วงลงด้านล่างก็จะปวดไหล่ได้เหมือนกัน 2. สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเป้ก็คือ คุณต้องได้ลองสะพายเป้ด้วยตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่เลือกซื้อจากอินเตอร์เนต เพราะคุณจะได้ทราบว่าเป้ที่คุณเลือกซื้อนั้นเหมาะสมกับตัวคุณ 3. หาเป้ที่มีความยาวเหมาะสมกับความยาวของลำตัว เพราะถ้าใหญ่เกินไปจะทำให้สายรัดสะโพกไม่รัดอยู่ในระดับกระดูกเชิงกรานทำให้สะโพกไม่ช่วยผ่อนน้ำหนัก เลยตกภาระการรับน้ำหนักอยู่ที่บ่าเพียงอย่างเดียว เวลาคุณเดินไปมานาน ๆ ก็จะเริ่มปวดหลังปวดไหล่ได้คะ  เป้ถ้าให้พูดตรง ๆ นั้นไม่ได้เชียร์ของนอกนะแต่เป้ที่ผลิตในเมืองไทยมักมีให้เลือกเพียงขนาดเดียวในแต่ละรุ่นเท่านั้น ลองหาเป้ที่ผลิตจากต่างประเทศดูนะเพราะมีขนาดให้เลือกบ้าง....แต่ก็ไม่มากนัก 4. เวลาเดินทางคุณต้องไม่แบกน้ำหนักเกินความสามารถของคุณ โดยทั่วไปแนะนำว่าไม่ควรแบกของที่น้ำหนักเกิน 15% ของน้ำหนักตัวคะ เช่น ถ้าน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมก็ไม่น่าจะแบกเป้บรรจุของเกิน 7.5 กิโลกรัม 5. การบรรจุสิ่งของต่าง ๆ ลงเป้ แนะนำให้จัดสิ่งของหนัก ๆ ไว้ด้านบนเสมอเพราะถ้าใส่ของหนักด้านล่างน้ำหนักจะถ่วงไปด้านหลังเวลาเดินต้องคอยโน้มตัวมาด้านหน้าตลอดเวลา ทำให้ปวดเมื่อยสะโพกได้ 6. เวลาเดินทางไปไหนให้ล๊อคสายรัดอก รัดสะโพกให้กระชับทุกครั้งเพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก และเมื่อต้องยืนนาน ๆ ก็ควรปลดเป้ลงเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของไหล่และหลัง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:08:29

ความคิดเห็นที่ 48 เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย           เสื้อผ้าจัดตามฤดูกาลคะ แต่แนะนำให้นำ เสื้อกันฝนและร่ม ไปด้วยเพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้กับอากาศที่สวิตเซอร์แลนด์ เน้นนะคะ เอาทั้งสองอย่างไปเลยสบายหายห่วง และก็อย่างที่ฉันเคยเล่าว่าเคยไปสวิตเซอร์แลนด์หลายครั้งก็ไม่มีครั้งไหนที่จะหลุดรอดไม่เจอฝนกับเขาสักครั้งเจอมันทู๊กครั้งโดยเฉพาะครั้งสุดท้ายเจอกันบ่อยยังกับสนิทกันมานาน            อ้อ...ร่มที่บอกให้เอาไปนะคะขอให้เอาไปแบบที่ ไฮโซ หน่อยไม่ใช่แบบแถมมาเพราะครั้งที่แล้วที่ฉันไปแอบถูกคะ เอาของแถมไปใช้ยังไม่ทันข้ามวันดีปะทะกับลมสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น ร่มกระเด้งบินขึ้นไปหมดจนใช้การไม่ได้ต้องตัดสินใจซื้อใหม่ที่สวิส ขอเตือนว่าแพงมากถึงมากที่สุด และที่แนะนำให้เอาเสื้อกันฝนไปด้วยก็เพราะมันมีประโยชน์หลายอย่างมากคะ ที่ดีที่สุดก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างใต้เสื้อกันฝนมันไม่โดยละอองฝนไงคะ ลองคิดดูซิว่ามันดีแค่ไหนที่เป้สะพายหลังเอย กล้องแสนทะนุถนอมเอยมันจะแห้งสบายหายห่วง หรือถ้าไปเที่ยวที่น้ำตกไรด์หรือน้ำตกลอดถ้ำคนอื่นเปียกกันหมดแต่เราสบายสบายชิวชิว คุณอาจจะถามว่าแล้วเอาร่มไปอีกทำไม..ก็ตอบง่าย ๆ ว่ามันก็ช่วยป้องกันฝนลงศรีษะไงคะ ให้ฉันคอยแต่สวมหมวกที่ติดกับเสื้อกันฝนแล้วรูดตรงคอออกแนวป้าย่นลองจินตนาการภาพดูซิว่าจะน่าเกลียดแค่ไหน นอกจากนี้ร่มยังกันแดดได้อีกนะแดดสวิตเซอร์แลนด์เนี่ยร้อนได้ที่ใกล้สุกเหมือนกัน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:10:00

ความคิดเห็นที่ 49 แว่นกันแดด           ฉันแนะนำให้ใส่ตอนขึ้นยอดเขาสูงเพราะบนนั้นจะมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีทั้งชาติ การใส่แว่นกันแดดจะช่วยถนอมสายตาคุณจากแดดที่สะท้อนขึ้นมาจากหิมะสีขาวโพลน  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:10:50

ความคิดเห็นที่ 50 รองเท้า           การเลือกรองเท้าขอให้เลือกที่ใส่สบาย ไม่กัดและไม่ควรเป็นรองเท้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่เลยเห่ออยากใส่ไปอวดที่ต่างประเทศ ห้ามเด็ดขาดคะ เพราะรองเท้ายังไม่ได้ปรับรูปทรงให้เข้ากับเท้าของคุณนั่นอาจทำให้เกิดการกัดเท้าจนคุณอยากจะกัดรองเท้าแทนเพราะทำให้การท่องเที่ยวของคุณหมดสนุกไป รองเท้าผ้าใบก็เป็นทางเลือกที่ดีสามารถใส่ไปเที่ยวชมเมืองหรือเดินขึ้นเขาก็ได้ แต่ควรเลือกชนิดที่มีส้นหนาสักหน่อยเพื่อช่วยรองรับเท้า ไม่ควรเลือกแบบที่เป็นรองเท้าผ้าใบแฟชั่นเพราะพื้นรองเท้าบางและแบนไม่รองรับอุ้งเท้าเมื่อเดินไปนาน ๆ จะปวดฝ่าเท้าและข้อเท้า โดยเฉพาะในกรณีที่เดินหนัก ๆ เช่น เดินขึ้นเขา ลงเขา หรือง่าย ๆ ที่พบได้บ่อยก็คือ ถนนในเขตเมืองเก่าจะเป็นถนนที่อนุรักษ์ของเก่าของโบราณเอาไว้ ตามพื้นมักปูด้วยหินก้อนเล็กก้อนน้อยตะปุ่มตะป่ำไปหมด เดินไปสักพักถ้ารองเท้าไม่ดีก็จะปวดและอาจลามไปปวดถึงหัวเข่าได้           ถ้าเลือกไปในช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิที่อากาศยังปรวนแปร บางวันร้อนจัด บางวันฝนตกหรือบางวันหิมะตก แนะนำให้เลือกรองเท้าผ้าใบที่เกาะพื้นได้ดีหน่อยเพราะตามถนนหนทางมันลื่นมาก และควรมีพื้นที่หนา ตะเข็บต่าง ๆ ก็ควรที่จะกันน้ำได้บ้างเพราะถ้าน้ำซึมเข้าเท้าแล้วละก้อมันหนาวอย่าบอกใคร หรือแวะหาซื้อรองเท้าที่ใช้ในการลุยหิมะที่เรียกว่า Snow shoes ตามร้านขายรองเท้าทั่วไปในสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:11:48

ความคิดเห็นที่ 51 กล้องถ่ายรูป             เตรียมกล้องถ่ายรูป แบตเตอรี่สำรองไปให้พร้อม......นำไปให้เพียงพอกับรูปแบบการเดินทางของแต่ละบุคคลด้วย และถ้าพูดถึง memory card ฉันว่าถ้าเอาไปหลายอันจะดีกว่า เช่น ถ้าต้องการเอาไปสัก 4 GB ก็ซื้อแบบ 2 GB ไปสัก 2 การ์ดดีกว่า เพราะถ้าอันไหนหายหรืออันหนึ่งอันใดพังข้อมูลจะได้ไม่หายไปหมด แต่ตอนฉันเดินทางฉันไม่ได้พกการ์ดไปเยอะหรอกนะ ฉันเอา Data Storage Device ไปด้วย ปัจจุบันมีขายเยอะแยะไม่กี่พันบาทเอง ลองหาซื้อกันได้แถวพันทิพย์นะ อุปกรณ์อันนี้ฉันว่ามีประโยชน์ดีเพราะเขาจะช่วยสำรองข้อมูลจากกล้องดิจิตอลมาเก็บไว้ใน hard disk ขนาดพกพาโดยไม่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์หรือ Notebook หมดกังวลเรื่องหน่วยความจำจากการ์ดไม่พอไปเลยคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:12:34

ความคิดเห็นที่ 52 ขออนุญาตนะครับ ผมว่าซื้อสวิสพาสที่นู่นถูกกว่าที่ไทยนะครับ เพราะว่าไม่ต้องเสียค่าออกตั๋ว ส่วนเนื้อหาอื่นดีมากครับ ลึกจริงๆ มีทริปไปทางใต้ด้วย นึกว่าจะไม่มีใครไปคล้ายๆผมซะแล้ว จากคุณ : GTK เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:15:54

ความคิดเห็นที่ 53 Travel adapter plug           เวลาคุณเดินทางไปต่างประเทศและจำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนตัว เช่น คุณผู้หญิงที่ไม่สามารถขาดไดร์เป่าผมได้ หรือคุณนักเดินทางผู้พิศมัยการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ การขาดแท่นชาร์ดแบตเตอรี่ก็เหมือนจะขาดใจแล้วละก้อ ปัญหาที่คุณต้องเจอก็คือ ปลั๊กมักเสียบกันไม่ได้กับเต้าเสียบตามโรงแรมที่พัก ทำให้คุณไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ฉันแนะนำว่าก่อนที่คุณจะเดินทางไปประเทศใดควรจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณกระแสไฟฟ้า ปลั๊กและเต้าเสียบของประเทศนั้นก่อนจะได้ไม่พลาด แต่ถ้าคุณขี้เกียจค้นข้อมูลละก็เร่เข้ามาทางนี้คะฉันจะแนะนำให้ .           ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะใช้กระแสไฟแบบ 220 V เหมือนในเมืองไทย แต่ปลั๊กและเต้าเสียบจะแตกต่างกัน คือ เป็นปลั๊ก 3 ขากลมขนาดเล็ก (ตามรูปนะคะ) เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างของเราก็เสียบได้ค่ะ แต่ที่แปลกหน่อยก็คือ ถ้าบริเวณไหนเป็นบริเวณเปียกน้ำ เช่น ในห้องครัวหรือห้องน้ำ เต้าเสียบจะมีเบ้ารูปหกเหลี่ยมยื่นออกมา ดังนั้นถ้าปลั๊กไฟของคุณกว้างเกินช่องนี้ก็เสียบไม่เข้าแน่ โดยเฉพาะถ้าคุณนำแท่นชาร์ตที่มีปลั๊กติดกับตัวแท่นมาด้วยหมดสิทธิ์ไปเลยค่ะ ตอนไปสวิตเซอร์แลนด์ฉันก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะตามที่พักมักมีปลั๊กให้เสียบเฉพาะในห้องน้ำหรือห้องครัวเท่านั้น ส่วนแบบที่ไม่มีเบ้าก็อยู่ที่หน้าห้อง ดังนั้นก็ต้องคอยระแวดระวังให้ดีคะ ดีนะที่เมืองนี้เขาปลอดภัยหายห่วง ถ้าถามฉันว่าแล้วแบบปลั๊ก 2 ขากลมขนาดเล็กที่ใช้กันทั่วยุโรปใช้กับปลั๊กที่นี่ได้ไหม ขอตอบว่าได้เลยค่ะไม่ต้องห่วง คราวนี้ก็ถึงตาคุณแล้วลองไปมองดูปลั๊กเสียบของเครื่องใช้ไฟฟ้าดูสิคะว่ามีหน้าตาแบบไหน ถ้าแตกต่างจากที่ฉันเล่ามา คุณก็ต้องไปหาซื้อ travel adapter plug ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือที่สนามบิน แต่ถ้าจะเอาแบบถูก ๆ ก็ต้องที่พันทิพย์พลาซ่า ตะวันนา คลองถมมีหมดค่ะ ดีกว่าไปหาซื้อที่เมืองนอกหรือหยิบยืมที่โรงแรมที่พักเยอะเลย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:19:33

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณ คุณ GTK ที่มาให้ข้อมูลค่า  ส่วนตัวเคยทราบแต่ว่าราคาแต่ละประเทศจะไม่เท่ากันค่ะ  ดังนั้นราคาในประเทศเลยถูกกว่าที่ซื้อที่สวิตเซอร์แลนด์  แต่ที่ทราบก็เป็นแค่ทฤษฏีเท่านั้น ไม่เคยซื้อที่นั่นเพื่อเปรียบเทียบราคาสักที   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:28:34

ความคิดเห็นที่ 55 แลกเงินไปสวิส         ที่รับแลกเงินที่สะดวกสบายและง่ายที่สุดก็คงไม่เกินที่สนามบินเพราะทุกคนที่ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องมาขึ้นเครื่องบินที่นี่กันทุกคน คงไม่มีใครนั่งเรือไปกันหรอกนะคะ แต่อัตราแลกเปลี่ยนที่สนามบินก็มักแอบแพงกว่าธนาคารที่ตั้งอยู่นอกสนามบินและตามธนาคารต่าง ๆ ที่ตั้งรับแลกเงินเองก็มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน สำหรับร้านรับแลกที่ไม่ใช่ธนาคารก็มีมากมาย ทั้งแบบถูกกฏหมายและก็เปิดแบบผิดกฏหมายแต่อัตราแลกเปลี่ยนมักจะดีกว่าที่ธนาคารเยอะคะ ดังนั้นถ้าคุณแลกเงินจำนวนไม่มากก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าแลกเงินเป็นจำนวนมากก็ทำให้เงินที่แลกได้แตกต่างกันมากเหมือนกัน       ยังไงก็ตามฉันก็มักไปแลกที่ธนาคารมากกว่าเพราะน่าเชื่อถือและสะดวกดี เลือกไปสำนักงานใหญ่ใกล้บ้านมากกว่าสาขาย่อยเพราะเงินสกุลนี้ไม่ได้มีการนำมาซื้อขายเป็นประจำทุกวันทำให้ตามสาขาย่อยมักไม่มีเงินสกุลดังกล่าวให้แลก แต่ถ้าใครไม่สะดวกไปสำนักงานใหญ่ลองติดต่อสำนักงานสาขาย่อยใกล้บ้านดูเพราะเขามีบริการเบิกเงินจากสำนักงานใหญ่มาให้ แต่ต้องใช้เวลาสักนิดถึงค่อยมารับคะ ส่วนคุณจะแลกเงินแบบไหนนั้นฉันว่าเริ่มแรกลองเข้าไปดูอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละธนาคารเทียบกับร้านรับแลกเงินต่าง ๆ จากนั้นชั่งตวงวัดเทียบกับความสะดวกสบายของการเดินทาง จะเลือกแบบไหนเลือกโลดเลยคะ แต่ถ้าเลือกร้านรับแลกเงินขอให้เลือกร้านที่น่าเชื่อถือนะคะ ระวังได้เงินไม่ครบหรือได้แบงค์ปลอมกลับมาจะได้ไม่คุ้มเสีย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:30:18

ความคิดเห็นที่ 56 จะแลกเงินเท่าไหร่ดีนะ น่าจะเป็นคำถามต่อมาที่คุณจะถามฉันแต่ฉันก็ไม่สามารถตอบคุณได้เหมือนกันเพราะขึ้นอยู่กับการวางแผนท่องเที่ยวของคุณ บางคนถือคติว่าที่พักแบบไหนก็ได้เอาให้ถูกเพราะเป็นแค่ที่หลับนอนเท่านั้นพอวันรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยวต่อแล้ว แต่บางคนต้องอยู่อย่างสบายเพราะถือคติว่าโรงแรมเป็นวิมานของเรา หรือบางคนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันก็เพียงพอ แต่บางคนบอกว่าได้มาสวิตเซอร์แลนด์ทั้งทีขอให้ได้ทานอาหารพื้นบ้านสวิสแสนแพงบ้าง  ดังนั้นค่าใช้จ่ายส่วนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณ แต่สรุปแล้วค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายเพิ่มเติมนอกจากค่าตั๋วเครื่องบินและบัตรสวิสพาสที่คุณจ่ายมาตั้งแต่เมืองไทยแล้วก็คือ ค่าที่พัก ค่าอาหารและเบ็ดเตร็ดต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าขนมขบเคี้ยว ค่าช้อปปิ้ง ค่าฝากกระเป๋า ค่าของฝากและค่าสุดท้ายก็คงเป็นค่าตั๋วรถไฟหรือกระเช้าไฟฟ้าขึ้นเขา ซึ่งจะเห็นว่าค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณทราบราคาแน่นอนอยู่แล้วและอีกส่วนหนึ่งคุณก็ต้องประมาณราคาคร่าว ๆ เอาไว้ แต่ถ้าคุณเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์แล้วพบว่ากะตังค์ของคุณมันบ่จี๊แล้วละก็ มันก็มีวิธีที่คุณสามารถเลือกได้คะ 1. ถ้าคุณพกเงินไทยมาด้วย ลองหาสถานที่รับแลกเงินดูซิคะ เช่น ที่สนามบิน สถานีรถไฟ ธนาคารและโรงแรมที่พัก โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด คือ ที่ธนาคาร โดยธนาคารส่วนใหญ่จะเปิดในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 8.30-16.30 น. ยกเว้นในเมืองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ จะปิดตอนกลางวันตั้งแต่ 12.00-14.00 น. ถ้าคุณสังเกตเห็นรูปธงชาติไทยที่บอร์ดแสดงอัตราการแลกเปลี่ยนแล้วละก็แลกได้เลยคะ 2. ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เช่น Visa หรือ MasterCard ซึ่งได้รับการยอมรับมากกว่า American Express หรือ Diner Club 3. กดเงินจากตู้ ATM โดยในปัจจุบันบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิตและบัตรเครดิตของคุณสามารถใช้ได้ทั่วโลกรวมทั้งที่สวิตเซอร์แลนด์นี้ด้วย ก็ต้องขอบคุณเครือข่ายที่เรียกว่าGlobal cash network คะ...ซึ่งเครือข่ายนี้อนุญาตให้การ์ดต่าง ๆ สามารถกดเงินที่ต่างประเทศได้ เครือข่ายบัตรเครดิตยักษ์ใหญ่ที่รู้จักกันดีคือ Visa และ MasterCard ได้จัดสร้างเครือข่าย Global cash network ของตนเองขึ้นโดยของวีซ่า เรียกว่า PLUS <รู้จักกันในชื่อ Visa PLUS> ในขณะที่ MasterCard จะมีการจัดการอยู่ 2 เครือข่าย คือ Maestro และ Cirrus เอาละคะคราวนี้ลองหงายดูด้านหลังบัตรต่าง ๆ ของคุณ ถ้าพบสัญลักษณ์ PLUS  Cirrus หรือ Maestro แล้วละก้อแสดงว่าบัตรอันนั้นสามารถเบิกเงินที่สวิตเซอร์แลนด์ได้แน่นอน ถ้าคุณพบว่าด้านหน้าบัตรและหลังบัตรไม่สัมพันธ์กัน เช่น พบสัญลักษณ์ Cirrus อยู่บนบัตรเครดิตVisa ก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะเพราะระบบเครือข่ายบัตรเครดิตจะแยกใช้ต่างหากกับเครือข่าย Global cash network คะ คราวนี้เมื่อจะเริ่มกดกะตังค์ก็ไม่ใช่ว่าทุกตู้ ATM จะรับบัตรของคุณ ต้องดูที่ตู้ด้วยว่ามีสัญลักษณ์เหมือนด้านหลังบัตรคุณไม๊ถ้าเหมือนกันแสดงว่ากดเงินได้โลดคะ  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:31:43

ความคิดเห็นที่ 57 แผนการเดินทางพร้อมตารางเวลารถไฟ เรือและรถประจำทาง แนะนำเลยนะคะสำหรับคุณที่ต้องการท่องเที่ยวแบบไม่ง้อใครการทำแผนการเดินทางพร้อมตารางเวลารถไฟ เรือและรถประจำทางนั้นมีประโยชน์มาก ๆ เพราะจะทำให้คุณเดินทางได้ไม่พลาด ไม่งง  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:33:18

ความคิดเห็นที่ 58 สำเนาเอกสารสำคัญ เอกสารสำคัญต่าง ๆ เช่น หนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน บัตรสวิสพาส ใบยืนยันการจองที่พัก และอื่น ๆ ควรมีการสำเนาไว้สักหนึ่งชุดโดยแยกเก็บต่างหากกับเอกสารตัวจริง เผื่อเอาไว้คะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะได้มีหลักฐานยืนยัน  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:34:09

ความคิดเห็นที่ 59 อาหารและขนมขบเคี้ยว แหม....คนไทยเราไม่ค่อยจะชินกับอาหารฝรั่งเท่าใดนักคะ ทานกันไม่กี่วันชักรู้สึกเลี่ยน ก็ต้องมีพกพวกน้ำพริก น้ำปลา มะนาว ไปบ้างและที่ลืมไม่ได้ก็พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะทั้งอร่อยแล้วยังประหยัดอีกด้วย นอกจากนี้บางคนอาจนำพวกหมูหยอง หมูเค็ม ปลาทอดไปด้วย โดยเฉพาะหมูหยองเนี่ยทานร่วมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือทาขนมปังร่วมกับน้ำพริกเผาอร่อยอย่าบอกใคร แต่คุณคุณทั้งหลายโปรดฟังทางนี้คะ...เพราะจากประกาศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2007 เป็นต้นมา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้กำหนดกฏระเบียบควบคุมห้ามประเทศนอกสหภาพยุโรปนำอาหารต้องห้ามเข้าประเทศอย่างเคร่งครัด โดยอาหารที่พูดถึงก็คืออาหารประเภทเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนมและสัตว์ เช่น ไข่ นม เนยแข็ง หรือแม้แต่น้ำผึ้งก็ห้ามนำเข้าประเทศ ถ้าคุณนำอาหารเหล่านี้เข้ามาในสวิตเซอร์แลนด์และแอบซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางโดยไม่สำแดงหรือแจ้งให้กรมศุลกากรทราบแล้วละก้อ ถ้าจับได้โดนเสียค่าปรับหมดตัวแน่ <เตือนแล้วนะคะ> จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:35:27

ความคิดเห็นที่ 60 ยาประจำตัว ยาประจำตัวสามารถนำเข้าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ แต่ไม่ควรเยอะมากจนกินกันทั้งเดือนก็ไม่หมด (ยกเว้นยาเสพติดร้ายแรงห้ามนำเข้าคะ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามประเภทของยาต้องห้ามได้ที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทยก่อนการเดินทาง) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:36:08

ความคิดเห็นที่ 61         เมื่อจัดเตรียมของต่าง ๆ เรียบร้อยก็นับวันรอเริ่มต้นการเดินทางของคุณได้เลย สำหรับฉันการเดินทางเริ่มต้นและได้สิ้นสุดไปนานแล้ว แต่อยากระลึกถึงความทรงจำที่แสนสวยงามเรียงร้อยออกมาเป็นถ้อยคำเพื่อเป็นประโยชน์และเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกของคุณในการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เมืองแห่งความฝัน พร้อมยังคะมาเที่ยวพร้อมกันกับฉันได้เลยค่ะ                ติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณที่แวะมาจ้า แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 05:58:05 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:37:48

ความคิดเห็นที่ 62 ตามมาเที่ยว+ข้อมูล ขอบคุณมั๊กมากจ้า........ จากคุณ : คนอยากเที่ยว เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 07:47:13 A:113.53.99.141 X: TicketID:306427

ความคิดเห็นที่ 63 สุดยอดครับ รับรองได้เป็นกระทู้ในตำนาน จากคุณ : Rachkhun เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 09:54:27

ความคิดเห็นที่ 64 ตามมาขอข้อมูล และขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ดอกคูณสีอิฐ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:47:17

ความคิดเห็นที่ 65 ตามมาเก็บข้อมูล .. ขอบคุณมาด้วยค่ะ ^_^ จากคุณ : เกษศิ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 12:57:34

ความคิดเห็นที่ 66 Link ตอนที่ 2 ---> http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12188809/E12188809.html กระทู้ดีๆ ตกเร็วจริงๆ จากคุณ : BaaByy เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 09:33:42

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณสำหรับข้อมูลสวิสค่ะ^^ จากคุณ : Bowa Bowa เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 08:35:45