ความคิดเห็นที่ 1 มหินตะเล  เป็นบุณยเขตสำคัญสูงสุดแห่งหนึ่งของลังกา  เหตุเพราะเป็นสถานที่แห่งแรกที่พระพุทธศาสนาประดิษฐานบนผืนเกาะลังกา  โดยพระสมณทูตมหินทเถระ  ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งภารตประเทศ  สมัยต่อมาอารามแห่งนี้ก่อเกิดพัฒนาการกลายเป็นวัดป่าอรัญวาสีมีพระสงฆ์จำพรรษาประมาณ 2,000 รูป  ถือว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาสำคัญแห่งหนึ่งของลังกา  ทุกวันเพ็ญเดือนเจ็ดของทุกปี  ชาวพุทธลังกาจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมุ่งหน้ามามิหินตะเลแห่งนี้  เพื่อน้อมรำลึกถึงคุณูปการของพระมหินทเถระ  เรียกกันว่า  วันโปสอนบูชา ( Poson Puja Day ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:13:36

ความคิดเห็นที่ 2 การเดินขึ้นยอดเขามหินตะเลนั้น  จะต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 1,840 ขั้น  มีอายุราว 1,500 ปี  แบ่งออกเป็น 3 ชั้น  ซึ่ง 2 ข้างทางจะมีต้นลีลาวดี ( ภาษาสิงหลเรียกชื่อว่า ต้นอะละริยะ )  อยู่ตลอด จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:14:25

ความคิดเห็นที่ 3 ตำนานมิหินตะเลเทศนา  ณ วันเพ็ญเดือน 7  ตรงกับพุทธศักราช 293  พระมหินทเถระพร้อมคณะได้เหยียบย่างบนผืนเกาะลังกา ณ มิสสกบรรพต  ประกฎต่อหน้าพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะผู้กำลังประพาสป่าล่าสัตว์  ครานั้นกษัตริย์ลังกาเกิดความกังขาสงสัยจึงตรัสถามไปว่า  พวกท่านคือใครดูกิริยาอาการพร้อมเครื่องทรงห่อคลุมกายาแปลกประหลาดตานัก  อันตัวเราผู้เป็นใหญ่เหนือปฐพีแผ่นน้ำมิเคยพบเห็นเช่นท่านมาก่อน    พระมหินทเถระกราบทูลว่า  อันว่าอาตมาภาพนั้นแล  เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชจอมจักรพรรดิโมระยะแห่งภารตประเทศ  ออกบวชเป็นบุณยเขตแห่งเผ่าพันธุ์ของพระสมณศากยโคดม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:15:18

ความคิดเห็นที่ 4 เดินทางมาลังกาตามคำบัญชาของพระราชบิดาเจ้า  เพื่อนำเอาคำสอนอันประเสริฐเกิดประโยชน์มาเผยแผ่แก่ชาวลังกา  ครั้นแล้วพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงหวนระลึกนึกภึงพระเจ้าอโศกโมริยะผู้เป็นอทิฏฐบุพพสหาย  แม้ไม่เคยพานพบหากแต่ติดต่อสัมพันธ์กันเสมอมา  จึงประณมกรวันทาอาราธนาพระเถรเจ้าพร้อมคณะให้นั่งในที่อันสูงส่ง  ส่วนพระองค์เลือกประทับนั่งลงตรงที่อันเหมาะสม  บัดนั้น  พระมหินทเถระประสงค์จะทดสอพระสติปัญญาของพระเจ้าแผ่นดินลังกา  ดูทีว่าจะเฉลียวฉลาดสามารถรองรับคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้หรือไม่  จึงตั้งคำถามเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมรอบกาย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:15:53

ความคิดเห็นที่ 5 พระเถระ :   ขอถวายพระพรมหาบพิตรสมภารราชเจ้า  อันว่าต้นไม้นี้แลชื่อว่าอะไร  พระราชา :  ชื่อว่าต้นมะม่วง  พระเดชพระคุณเจ้าขอรับ  พระเถระ :   ก็แลมะม่วงต้นอื่นนอกจากมะม่วงต้นนี้ยังมีอีกหรือ  พระราชา :  ยังมีอีกมากนัก  พระเดชพระคุณเจ้าขอรับ  พระเถระ :   นอกจากมะม่วงต้นนี้และมะม่วงต้นอื่นแล้วยังมีต้นไม้อื่นอีกหรือไม่  พระราชา :  มีขอรับพระเดชพระคุณเจ้า  แต่ต้นไม้เหล่านั้นหาใช่ต้นมะม่วงไม่  พระเถระ :   นอกจากต้นมะม่วงเหล่าอื่นและต้นไม้ที่ไม่ใช่ต้นมะม่วงทั้งหลาย                             แล้วนั้นยังมีต้นไม้อื่นอีกหรือไม่  พระราชา :  ก็ต้นมะม่วงนี้แหละ  พระเดชพระคุณเจ้า จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:17:15

ความคิดเห็นที่ 6 พระเถระ :   ดูก่อนมหาบพิตรสมภารราชเจ้า  พระองค์มีพระญาติหรือไม่ พระราชา :  มีขอรับพระเดชพระคุณเจ้า พระเถระ :   ก็แลคนที่ไม่ใช่พระญาติมีอยู่หรือไม่ พระราชา :  มีขอรับพระเดชพระคุณเจ้า พระเถระ :  ก็แลคนที่ไม่ใช่พระญาติมีอยู่หรือไม่ พระราชา :  มีมากกว่าคนที่เป็นพระญาติอีก  พระเดชพระคุณเจ้า พระเถระ :   นอกจากพระญาติและคนอื่นที่ไม่ใช่พระญาติ  ยังมีใครคนอื่นอีกหรือไม่ พระราชา :  ก็ตัวข้าพเจ้านี้แหละ  พระเดชพระคุณเจ้า พระเถระ :   “ สาธุ  มหาบพิตร  ขึ้นชื่อว่าตนแล้ว  นับว่าเป็นญาติของตนโดยแท้                   ไม่ใช่คนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ”   เพียงเท่านี้พระเถระก็ทรงทราบว่า  พระราชาทรงเป็นบัณฑิต  สามารถที่จะรู้ธรรมได้จึงได้ตรัสแสดงธรรม “ จูฬหัตถิปโทปมสูตร ” ( มัชฌิมนิกายมูลปัณณาสก์  วรรค 3 )  นับว่าเป็นพระธรรมเทศนาครั้งแรกทางพุทธศาสนาแสดงในกรุงลังกา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:19:03

ความคิดเห็นที่ 7 วัดอัมพตาลราชมหาวิหาร  เป็นที่พำนักสงฆ์หลังจากที่พระมหินทรเถระเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา  ตั้งแต่อายุ 32  กระทั่งอายุ 80  ปีก็นิพพาน  จากนั้นจึงได้มีการสร้างอัมพัตถเจดีย์  ซึ่งแปลว่า “ เจดีย์เนินมะม่วง ”  เพื่อบรรจุพระธาตุหรือพระอัฐิธาตุของพระมหินทรเถระ  ผู้ทรงมีพระคุณอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา  และเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของพระอรหันต์  ผู้มอบกายถวายชีวิตบูชาพระพุทธองค์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:19:34

ความคิดเห็นที่ 8 ถัดจากอัมพัตถเจดีย์ต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 739 ขั้นจึงจะถึง “ มหาแสยเจดีย์ ”  เชื่อกันว่าเป็นสถานที่พระมหินทเถระย่างเหยียบผืนเกาะลังกาเป็นครั้งแรก  ต่อมากลายเป็นหนึ่งในโสฬสบุณยสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวลังกา  ภายในประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอัฐิธาตุของพระมหินทเถรเจ้า  มีความสูงวัดได้ 15 เมตร  วัดขนาดโดยรอบ 41 เมตร  บริเวณลานรอบพระเจดีย์เป็นจุดชมวิว  สามารถมองเห็นตัวเมืองเก่าอนุราธปุระและบริเวณโดยรอบ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:20:15

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนอีกด้านหลังอัมพัสถลเจดีย์มีศาสนสถานสำคัญเรียกว่า “ โขดหินอาราธนา ( สุมนคะละ ) ”  กล่าวกันว่าก่อนแสดงธรรมเทศนาโปรดกษัตริย์ลังกาและข้าราชบริพาร  พระมหินทเถระแนะนำให้สมุนสามเณรอรหันต์ขึ้นไปป่าวประกาศให้ทวยเทพเทวดามาฟังธรรม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:20:47

ความคิดเห็นที่ 10 ทางเดินขึ้นค่อนข้างแคบและชัน  เมื่อขึ้นไปถึงบริเวณยอดแล้วจะสามารถเห็นมหาแสยเจดีย์และพระพุทธปฏิมาปางประทานพร แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 20:22:34 จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:21:22

ความคิดเห็นที่ 11 ตามไปเที่ยวต่อคร๊าบบบ จากคุณ : numsiam เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:22:48

ความคิดเห็นที่ 12 ทางเดินขึ้นค่อนข้างแคบและชัน  เมื่อขึ้นไปถึงบริเวณยอดแล้วจะสามารถเห็นมหาแสยเจดีย์และพระพุทธปฏิมาปางประทานพร จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:24:08

ความคิดเห็นที่ 14 รูปทางขึ้นคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:27:06

ความคิดเห็นที่ 15 บทสวดบูชามหาแสยเจดีย์ มะหาทะโย  เทวะคะเณจะ  นาเค นุสาสะยี  ยัตถะ  ธีโต  มุนินโท สัทธัมมะ  เหมัฏฐะ  ภาสะมานัง วันเท  สิลา  เจติยะ  สัมพุทธัง  ตัง ฯ พวกมนุษย์เหล่าเทวาและนาคาทั้งหลายทั้งปวง  เข้าไปหาพระเถระจอมปราชญ์  ผู้แสดงพระสัทธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  ข้าพเจ้าขอวันทามหาแสยเจดีย์อันเป็นสักขีพยานแห่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล ฯ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:27:59

ความคิดเห็นที่ 16 พระมหินทเถระเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช  และพระนางเวทิสาเทวี  บุนรีแห่งมหาเศรษฐีชาวแคว้นอวันตี  ครั้นเจริญพระชนม์พรรษาได้บรรพชาอุปสมบทภายใต้การดูแลของพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ  เพระเภราจารย์นักปราชญ์ผู้ทำหน้าที่เป็นประธานสงฆ์สังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 3 ณ เมืองปาฏลีบุตร  ต่อมาได้รับมอบหมายจากพระอุปัชฌาย์และพระราชบิดาให้เป็นสมณทูตนำคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่แลประดิษฐานที่ลังกาทวีป  จึงได้พบกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะกษัตริย์ลังกาที่มิหินตะเล  ครั้นสนทนาแสดงธรรมโปรดแล้วกษัตริย์ลังกาพร้อมบริวารประกาศตนเป็นอุบาสกยอมรับพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต  ครั้นต่อมาภายหลังได้รับมอบมหาเมฆวันอุทยานภายในกำแพงพระนครด้านทิศใต้เป็นเขตสังฆาวาส  จึงก่อร่างสร้างเป็นอารามแห่งแรกในลังกาชื่อว่ามหาวิหาร  ซึ่งภายหลังต่อมากลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาเถรวาทสืบแทนชมพูทวีป  ครั้นล่วงกาลผ่านมาพระมหินทเถระเข้าสู่ภาวะนิพพาน  อัฐิธาตุของท่านได้บรรจุไว้ภายในมหาแสยเจดีย์บนเขามิหินตะเล จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:28:58

ความคิดเห็นที่ 17 โปโฬนนารุวะเป็นหนึ่งในสองของมณฑลกลางตอนเหนือ  เล่าลือกันว่าบริเวณเมืองเดิมเป็นสถานที่บำเพ็ญพรตของปุลัสถิฤษีจึงขนานนามว่า “ ปุลัสถินูวะระ ”  ครั้นออกสำเนียงภาษาสิงหลจึงเพี้ยนเป็น “ โปโฬนนารุวะ ”  เมืองแห่งนี้ปรากฏมีในประวัติศาสตร์ครั้งแรกสมัยอาณาจักรอนุราธปุระตอนกลาง  เมื่อพระเจ้าอัคคโพธิที่ 3 ( พ.ศ. 1172 – 1182 )  โปรดให้สร้างอารามนามว่ามหาปนาทีปวิหาร  ล่วงมาสมัยพระเจ้าอัคคโพธิที่ 4 ( พ.ศ. 1210 – 1226 )  โปรดให้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่โปโฬนนารุวะชั่วคราว จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:29:47

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อมาทมิฬบุกเข้ายึดครองเกาะลังกาเมืองโปโฬนนารุวะจึงกลายมาเป็นศูนย์กลางการบริหารในชื่อใหม่ว่า “ ชนนาถปุระ ”  ต่อมาพระเจ้าวิชัยพาหุทำการกอบกู้บ้านเมืองขับไล่ทมิฬออกจากเกาะลังกา  จึงสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นโดยใช้เมืองโปโฬนนารุวะเป็นศูนย์กลางการบริหาร  อาณาจักรแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุ  ผู้เป็นกษัตริย์มหาราชหนึ่งเดียวของชาวลังกา  โดยการดูแลอุปภัมภ์พระพุทธศาสนาและชำระสะสางให้กลับบริสุทธิ์สมบูรณ์เหมือนเดิม  โดย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:30:19

ความคิดเห็นที่ 19 พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า  พระสงฆ์เป็นกลุ่มบุคคลหมู่ใหญ่  ที่ประชาชนเคารพนับถือ  เพื่อจะเข้าถึงประชาชนได้โดยง่าย  พระสงฆ์จะเป็นสื่อแห่งความบริสุทธิ์ได้เป็นอย่างดี  จึงทรงสร้างความสามัคคีขึ้นในหมู่สงฆ์ก่อน  แล้วจึงค่อยเดินแผน “ ศาสนานำการเมือง  ชาติรุ่งเรืองต้องพึ่งตนเองได้ ”  พระองค์ทรงอาราธนาพระมหากัสสปะเถระ  ที่พำนักอยู่อาศรมอุทุมพรคีรีวันวิหาร  วางแผนร่วมกันระหว่างหัวหน้าประชาชนและหัวหน้าพระสงฆ์  จุดแรกทรงมุ่งที่จะกำจัดเสี้ยนหนามของพุทธศาสนา  ได้แก่พวกพระอลัชชีเป็นอันมาก  ที่ประพฤตินอกพระธรรมวินัยจนขาดเอกภาพ  ด้วยการประทานผ้าขาวและให้ลาสิกขาบทเสีย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:30:51

ความคิดเห็นที่ 20 ครั้นเมื่อทรงชำระพระพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์  และสร้างเอกภาพขึ้นในหมู่สงฆ์แล้ว  ก็เบนเข็มมาสู่ธรรมนูญของพระศาสนา  โดยโปรดให้สีการสังคายนาพระธรรมวินัยขึ้น  คือชำระพระไตรปิฎก  พร้อมด้วยอรรถกถา  ซึ่งมีทั้งภาษาสิงหลและภาษามคธปนกันอยู่  ให้เป็นภาษามคธเสียทั้งสิ้น  พร้อมกับจารึกลงในใบลานใหญ่  นับว่าการรวบรวมร้อยกรองพระธรรมวินัยนี้  เป็นการทำสังคายนาครั้งที่ 7  ของพระพุทธศาสนาผ่านเถรวาทอีกด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:31:24

ความคิดเห็นที่ 21 ผลการทำสังคายนาครั้งนี้  ถือว่าได้ดำเนินพระราโชบาย  ตามยุคลบาทของพระเจ้าอโศกมหาราช  ด้วยการส่งพระสมณทูตนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย  ด้วยการเข้าไปตั้งหลักที่เมืองมอญก่อน  แล้วแผ่ขยายเข้ามาทางภาคใต้ของไทย  เริ่มที่เมืองตามพรลิงค์หรือนครศรีธรรมราช  โดยพระภิกษุชาวลังการรูปหนึ่งคือ  พระราหุลเถระ    อาณาจักรโปโฬนนารุวะมาถึงกาลอวสานเมื่อพระเจ้ามาฆะกษัตริย์แห่งแคว้นกาลิงคะบุกรุก  เผาทำลายจนสิ้นซากเมื่อ พ.ศ. 1758 จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:32:01

ความคิดเห็นที่ 22 ภายในอุทยานประวัติศาสตร์เมืองเก่าโปโฬนนารุวะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ  เขตพระราชฐานชั้นในและชั้นนอก  พระราชฐานชั้นในสำหรับเป็นที่อยู่ของข้าราชการสำนักฝ่ายใน  ส่วนพระราชฐานชั้นนอกเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วและบาตรของพระพุทธเจ้า  ส่วนนอกพระราชฐานนั้นโปรดให้สร้างอารามสำหรับพระสงฆ์ได้พำนักอาศัย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:32:29

ความคิดเห็นที่ 23 ไวชยันตปราสาท  หลักฐานตามคัมภีร์ยืนยันว่าปราสาทหลังนี้  พระเจ้าปรากรมพาหุโปรดให้สร้างเป็นอาคารสูงถึง 7 ชั้น  มีบันไดเวียนขึ้นโดยรอบจนถึงชั้นสูงสุด  ภายในใช้เสาไม้ขนาดใหญ่เป็นตัวค้ำยันน้ำหนักของอาคาร จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:33:06

ความคิดเห็นที่ 24 ตามฝาผนังเดิมน่าจะมีภาพวาดเกี่ยวกับพระราชภารกิจบำบัดทุกข์บำรุงสุขของอาณาประชาราษฎร์  ส่วนอาคารรอบนอกเป็นที่พักของเหล่าสนมและนางกำนัล  ถัดออกไปรอบนอกสุดเป็นที่อยู่ของชาววิเสท จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:34:01

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นที่น่าสังเกตว่าชื่อของปราสาทสอดคล้องกับที่อยู่ของท้าวสักกะแห่งชั้นไตรตรึงษ์  หลักฐานส่วนนี้อาจบ่งชี้ว่าพระเจ้าปรากรมพาหุประพฤติวัตรดังเทวราชา  มิใช่พุทธราชาดังนักวิชาการบางท่านกล่าวอ้าง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:34:28

ความคิดเห็นที่ 26 ท้องพระโรง  มีนามปรากฏว่าราชเวศยาภูชังคมณฑล  เป็นอาคารขนาดปานกลาง  ใช้เสาศิลาเป็นตัวค้ำมีหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้อง  เป็นสถานที่ออกว่าราชการสำหรับขุนนางผู้ใหญ่  อาคารโดยรอบสลักเสลาด้วยลายปูนปั้นอ่อนช้อยงดงาม  เริ่มต้นที่ฐานชั้นแรกสลักเป็นช้าง  ชั้นสองสลักเป็นรูปสิงห์  และชั้นสามสลักเป็นรูปคนแคระ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:35:45

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับบันไดทางขึ้นลงสลักด้วยลายปูนปั้นสวยงามเช่นเดียวกัน  โดยสลักเป็นรูปสิงห์ลอยตัว  ตามราวบันได้สลักเป็นตัวมังกรคายลิ้นยาวเฟื้อย  ส่วนด้านข้างบันได้สลักเป็นรูปสิงห์ยิ้ม  นอกนั้นเป็นรูปช้างและเทวดา  ทำหน้าที่เป็นทวารบาลรักษาท้องพระโรง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:36:16

ความคิดเห็นที่ 28 ศิวเทวาลัยหมายเลข1  เป็นเทวาลัยสำหรับพระศิวเจ้า  สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1  สำหรับสักการะเซ่นไหว้ของขุนนางผู้ใหญ่ชาวทมิฬอินเดีย   โครงสร้างทั้งหมดเป็นศิลปะแบบอินเดียตอนใต้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:36:54

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อมาคณะสำรวจโบราณคดีได้ทำการขุดค้นเทวลัยแห่งนี้  ได้พบเทวรูปทองเหลืองเป็นจำนวนมาก  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบฮินดูตอนใต้  ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโปโฬนนารุวะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:37:23

ความคิดเห็นที่ 30 คัมภีร์ศิลา  เป็นแท่งหินขนาดใหญ่สลักด้วยลวดลายงดงามพร้อมจารึกภาษาสิงหลสมัยโบราณ  เดิมนั้นจารึกศิลาหลักนี้อยู่ที่มิหินตะเล  นอกเมืองเก่าอนุราธปุระ  พระเจ้านิสสังกมัลละโปรดให้ชะลอมาเก็บไว้ที่วัดพระเขี้ยวแก้วแห่งนี้    เนื้อความภายในบรรยายเกี่ยวกับพระเจ้านิสสังกมัลละทรงยาตราทัพเข้าบุกรุกอินเดียใต้ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:37:57

ความคิดเห็นที่ 31 และการส่งคณะราชทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศแดนไกล  ดังเช่น  ปากีสถานและอินโดนีเซีย  ลวดลายด้านข้างของคัมภีร์ศิลามีภาพสลักของคชลักษมี  หรือภาพพระพุทธเจ้าปางประสูติ  มีแนวของหงส์ประกอบอยู่ด้วย  ถือว่าเป็นจารึกที่ใหญ่ที่สุดในเกาะลังกา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:38:28

ความคิดเห็นที่ 32 สัตตมหาปราสาท เป็นอาคารทึบก่อด้วยอิฐซ้อนกันขึ้นไป 7 ชั้น  แต่ละชั้นมีซุ้มอยู่ตรงกลาง  ทำเป็นรูปปั้นเทวดาอยู่ในท่าตรีภังค์  ส่วนทางขึ้นทำเป็นบันไดเวียนรอบนอก  อาคารรูปทรงเช่นนี้เชื่อกันว่าเป็นคติความเชื่อแบบมหายาน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:38:59

ความคิดเห็นที่ 33 พระอุโบสถ  นักวิชาการต่างแสดงความเห็นแตกต่างกันออกไป  บางท่านเห็นว่าเป็นพระอุโบสถสำหรับพระสงฆ์ทำสังฆกรรม  แต่บางท่านเห็นว่าเป็นอาคารหลังหนึ่งเกี่ยวข้องกับแฮฏทาเค  อันเนื่องมาจากรูปทรงขนาดเล็กประการหนึ่ง  แลตัวอาคารไม่ได้ตั้งอยู่ในจุดที่โดดเด่นเหมือนอาคารหลังอื่น  น่าจะเป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธปฏิมา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:39:41

ความคิดเห็นที่ 34 แฮฏทาเค  เป็นอาคารก่อด้วยศิลา 2 ชั้น  ชั้นล่างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางประทับนั่งและประทับยืน  ส่วนชั้นบนประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วและบาตรของพระพุทธเจ้า จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:40:32

ความคิดเห็นที่ 35 สันนิษฐานว่าชั้นบนน่าจะเป็นเครื่องไม้หลังคามุงด้วยกระเบื้อง  หากสอดส่องตามระเบียงโดยรอบมีลวดลายให้สังเกตหลายจุด  โดยเฉพาะบนผนังมุขด้านหน้ามีจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้านิสสังกมัลละ  นอกจากนั้นมีแนวหงส์สลักอยู่ด้วย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:41:01

ความคิดเห็นที่ 36 กล่าวกันว่าพระเจ้านิสสังกมัลละโปรดให้สร้างวิหารหลังนี้  โดยใช้ระยะเวลา 7 เดือน  บางแห่งแจ้งว่าเป็นศาสนสถานแห่งที่ 7  ที่พระองค์สร้างถวายเป็นพุทธบูชารอบเกาะลังกา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:41:27

ความคิดเห็นที่ 37 วฏทาเค  อยู่ด้านหน้าแฮฏทาเค  ถือว่าเป็นวิหารทรงกลมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของศรีลังกา  ลักษณะเป็นวิหารทรงกลมมีเสาหินค้ำยันหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้อง  สร้างโดยพระเจ้านิสสังกมัลละ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:42:05

ความคิดเห็นที่ 38 พระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานด้านหน้าเจดีย์ทั้งสี่ทิศ    สังเกตว่าพระพุทธรูปครองจีวรเรียบไม่มีริ้วและบนพระเกศาไม่มีขมวดเป็นทักษิณาวรรต จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:42:38

ความคิดเห็นที่ 39 ถัดมารอบนอกเป็นศิลาอารักษ์  นักวิชาการชาวศรีลังกายอมรับว่า  ศิลาอารักษ์แห่งนี้สมบูรณ์สวยงามกว่าที่อื่นใดภายในเมืองเก่าโปโฬนนารุวะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:43:09

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนอัฒจันทร์ศิลา  เริ่มมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงรูปร่างมากขึ้น  สังเกตได้จากเดิมสมัยอนุราธปุระ  รูปสลักลายสัตว์สี่ชนิดจะอยู่ในกรอบเดียวกัน  สมัยนี้แยกสัตว์แต่ละชนิดเป็นเอกเทศ  ส่วนพิเศษแตกต่างจากของเดิมคือรูปสลักโคหายไป  เชื่อกันว่าผู้ออกแบบรังเกียจที่จะสลักรูปโค  อันเนื่องมาจากว่าเป็นพาหนะของเทพศิวเจ้า  จุดนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของลัทธิฮินดูเคียงคู่พุทธศาสนาสมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:43:41

ความคิดเห็นที่ 41 อฏทาเค  เป็นอาคารขนาดกลางก่อด้วยศิลา 2 ชั้น  สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุ  ชั้นบนประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วและบาตรของพระพุทธเจ้า  ส่วนชั้นล่างประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทับนั่งและปางประทับยืน  สมัยพระเจ้าปรากรมพาหุโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:44:14

ความคิดเห็นที่ 42 ครั้นต่อมาพระเจ้านิสสังกมัลละโปรดให้สร้างแฮฏทาเค  จึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วและบาตรของพระพุทธเจ้าไปประดิษฐานไว้ภายใน  วิหารแห่งนี้จึงลดความสำคัญลงไป  หากสังเกตโครงสร้างวิหารหลังนี้กับแฮฏทาเค  ทำให้เห็นวิวัฒนาการสถาปัตยกรรมของลังกาชัดเจน  โดยเฉพาะศิลปะแบบอินเดียตอนใต้เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:44:40

ความคิดเห็นที่ 43 วิหารพระนอน  เป็นอาคารก่อสร้างขนาดเล็กภายในประดิษฐานพระนอนก่ออิฐถือปูน  สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุ  เป็นที่น่าเสียดายว่าอาคารชำรุดเสียหายโดยมาก  จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าศิลปวัตถุเป็นเช่นไร ( ไม่มีภาพประกอบ ) จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:44:59

ความคิดเห็นที่ 44 นิสสังกลฏามณฑป  เป็นอาคารขนาดเล็กมีเสาลักษณะเหมือนก้านบัว  หลังคาเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้อง  สร้างโดยพระเจ้านิสสังกมัลละ  สำหรับประทับสดับตรับฟังพระสงฆ์สวดพระปริตร จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:45:39

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนเจดีย์ทรงกลมขนาดเล็กภายในอาคารนั้นสำหรับประดิษฐานพระสารีริกธาตุ  กล่าวกันว่าสมัยนี้ประเพณีความเชื่อเกี่ยวกับการสวดพระปริตรเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด  และถือเป็นพระราชประเพณีที่กษัตริย์จำต้องจัดงานเป็นประจำทุกปี  เพราะมีความเชื่อว่าสามารถกำจัดเสนียด[^_^]ทั้งปวง  และเสริมดวงชะตาบ้านเมืองให้แข็งแกร่งมั่นคง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:46:11

ความคิดเห็นที่ 46 รูปปั้นพระโพธิสัตว์  เป็นรูปปั้นศิลา  ประทับยืนผินพระพักตร์ไปทางวิหารวฏทาเค  สันนิษฐานว่าเป็นรูปปั้นของพระไมตรีโพธิสัตว์  แต่เปลี่ยนนามใหม่ว่าเทพนาถะ  อันเนื่องมาจากคติความเชื่อของมหายานรุ่งเรืองมีอิทธิพลไม่แพ้เถรวาท จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:46:59

ความคิดเห็นที่ 47 สังเกตได้จากสิ่งก่อสร้างสมัยโปโฬนนารุวะล้วนกลมกลืนกันระหว่างศิลปะมหายานกับเถรวาท  ประการต่อมาเทพนาถะองค์นี้เริ่มก่อตัวกลายเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนมีชื่อเสียงสูงสุดสมัยอาณาจักรดัมพเดณิยะ  เพียงสองสามทศวรรษหลังจากอาณาจักรโปโฬนนารุวะล่มสลายแล้ว จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:47:55

ความคิดเห็นที่ 48 เรือนโพธิ์  สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1  คติความเชื่อว่าสร้างเรือนโพธิ์ไว้ภายในศาสนสถานสำคัญได้รับอิทธิพลสืบเนื่องมาจากยุคอนุราธปุระ  สังเกตได้จากโครงสร้างของอารามทุกแห่งสมัยอาณาจักรอนุราธปุระ  ล้วนมีเรือนโพธิ์เช่นเดียวกับศาสนสถานสำคัญเหล่าอื่น  เดิมเรือนโพธิ์แห่งนี้น่าจะมีการออกแบบอย่างสวยงามสลักเสลาด้วยลวดลายวิจิตรตระการตา  นอกจากนั้นน่าจะมีประเพณีบูชาต้นโพธิ์เป็นประจำไม่ขาด  เหมือนจารีตปฏิบัติเช่นเดียวกันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองเก่าอนุราธปุระ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:48:51

ความคิดเห็นที่ 49 ถูปาราม  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง  สร้างโดยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช  มีพระพุทธปฏิมาปางประทับนั่งเป็นประธานประดิษฐานตรงกลาง  ส่วนทั้งสองข้างเป็นพระพุทธปฏิมาปางประทับยืน  สันนิษฐานว่าตามฝาผนังมีภาพจิตรกรรมบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชาดก จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:52:01

ความคิดเห็นที่ 50 เล่ากันว่าที่พระประธานองค์ใหญ่ในวิหารนี้  ที่พระนลาฎาได้ฝังเพรชมีค่าไว้  คณาจารย์จีนฟาเหียน  ผู้บุกเบิกเส้นทางธรรมจาริกระหว่างอินเดียกับจีน  กล่าวไว้ในสมุดบันทึกการเดินทางถึงพระพุทธรูปองค์หนึ่ง  ซึ่งชาวลักกาเคารพนับถือมาก  ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:52:32

ความคิดเห็นที่ 51 ครั้งหนึ่งมีโจรใจร้ายเข้ามาในพระวิหารเพื่อจะลักเพชรที่อุนาโลมของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้  แต่เมื่อยื่นมือออกไปเพื่อจะแกะองค์พระก็เกิดปาฏิหาริย์ลอยขึ้นไปจนพ้นมือ  ครั้งแล้วครั้งเล่า  โจรผู้นั้นเป็นคนฉลาดเจ้าความคิด  จึงกล่าวพ้อกับพระประธานว่า จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:53:02

ความคิดเห็นที่ 52 “ ได้ยินว่าพระองค์เมื่อครั้งเป็นมหาโพธิสัตว์  บำเพ็ญบารมีแม้ว่าเลือด  เนื้อกระทั่งชีวิต  ท่านยังสละออกให้เป็นทานได้  ไฉนเมื่อเป็นพุทธปฏิมา  จึงได้หวงแหนเพรชเม็ดนี้ด้วยเล่า ”  พอสิ้นวาทะโจร  พระประธานก็ต้องยอมก้มพระเศียรลงมาให้โจรแกะเพรชที่ อุณาโลมไป  ขณะที่ไปเร่ขายมีผู้จำได้ว่า  เพชรเม็ดนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชทรัพย์ซึ่งได้ถวายบูชาพระ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:53:47

ความคิดเห็นที่ 53 ความทราบถึงพระกรรณจึงได้รับสั่งจับผู้ร้ายนั้น  พระราชาโปรดให้ไต่สวนได้ความว่าชายผู้นั้นมิได้ขโมย  แต่เป็นพระท่านประทานให้โดยก้มพระเศียรลงมา  อำมาตย์พา กันไปดูที่วิหาร  เห็นพระพุทธรูปก้มเศียรลงจริงๆ  จึงกลับไปทูลพระราชาจึงขอไถ่คืนและนำไปถวายพระประดิษฐ์ไว้ที่เดิม  พระก็เงยพระเศียรขึ้นเหมือนเดิม จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:54:31

ความคิดเห็นที่ 54 กัลวิหาร  แปลว่าวัดหิน  เดิมเรียกว่าอุตตมารามหรือวัดเหนือ  สร้างโดยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช  ชั้นเดิมมีเพียงพระพุทธปฏิมา 3 องค์  แบ่งเป็น 3 ห้อง ( ถ้ำ )  ส่วนอีกหนึ่งองค์เพิ่มขึ้นมาภายหลังสมัยพระเจ้านิสสังกมัลละ  นักวิชาการทั้งหลายต่างยกย่องสรรเสริญว่า  งานแกะสลักวัดกัลวิหารแห่งนี้  เป็นผลงานชั้นเอกอุเชิงศิลป์ของศรีลังกา จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:55:00

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้ำแรกชื่อว่า “ วิชชาธรคูหา ”  ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางสมาธิ  มีความสูง 4 เมตร  ประทับนั่งเหนืออาสนะลักษณะคล้ายผ้านิลีทะ  ใต้พุทธอาสน์ประดับตกแต่งด้วยลายปูนปั้นเป็นรูปราชสีห์  อันเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์แห่งลังกา  เหมือนเป็นนัยบอกให้รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินมีหน้าที่อุปถัมภกยอยกพระพุทธศาสนา  ตรงกลางเป็นรูปวัชระอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของนิกายตันตระ  แสดงถึงการตัดอาสวะกิเลสขาดสิ้นด้วยพระปัญญาญาณ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:55:31

ความคิดเห็นที่ 56 ด้านพระปฤษฎางค์ข้างหลังเป็นซุ้มเรียกว่าโตราน  ประดับด้วยรูปมังกรคาบสิงห์ทั้งสองด้าน  ชั้นบนมีพระพุทธรูปขนาดเล็กประดิษฐานท่ามกลางวิมานอยู่ในท่าธยาน  อันเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของนิกายตันตระ  ความงดงามของพระพุทธรูปอยู่ที่ความสมส่วนลงตัว  งดงามประณีตเหมือนมีพระชนม์ชีพ  ส่วนริ้วแห่งพระสุคตจีวรละเอียดอ่อนชดช้อยเสมือนของจริงไร้ข้อตำหนิ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:56:09

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้ำสองเรียกว่า “ นิสินนปฏิมาคูหา ”  ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดเล็ก  มีความสูงเพียง 2.74 เมตร  ประทับนั่งเหนือบัลลังก์ดอกบัว  ใต้พุทธอาสน์ประดับตกแต่งด้วยลายรูปปั้นราชสีห์และวัชระเช่นเดียวกับถ้ำแรก  พระปฤษฎางค์ด้านหลังเป็นซุ้มโตรานมีรูปมังกรคาบสิงห์สองข้างมีเทวดายืนถือแส้จามรี  อันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพระมหากษัตริย์ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:56:59

ความคิดเห็นที่ 58 ชั้นบนซ้ายขวาเป็นเทพเจ้าของฮินดูสององค์คือพระพรหมและเทพวิษณุ  ถัดมาเป็นพระอินทร์ถือสังข์ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนาเถรวาท  ส่วนชั้นบนสุดเป็นรูปฉัตรกางกั้นเหนือพระเศียร  สันนิษฐานกันว่าเดิมคงมีการระบายสีด้านหลังองค์พระ  เพราะบางแห่งยังเหลือหลักฐานให้สังเกต จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:57:27

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าสามเรียกว่า “ อุตติตปฏิมาคูหา ”  สร้างขึ้นใหม่สมัยหลัง  สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสมัยพระเจ้านิสสังกมัลละ  เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมราปางรำพึง  มีความสูง 7 เมตร  พระกรทั้งสองข้างประสานเข้ากันตระหว่างพระอุทร  เรียกว่า “ ท่าปรทุกขทุกขิตา ”  หมายถึง  ทรงพิจารณาเห็นความทุกข์ของเหล่าสรรพสัตว์  และอยู่ในลักษณะท่าตรีภังค์  กล่าวคือโค้งสามส่วน  ได้แก่  เข่า  สะโพก  และไหล่  พระพุทธปฏิมาองค์นี้แม้สร้างภายหลังแต่ความแตกต่างแทบหาไม่พบ  ยังคงความละเอียดอ่อนงดงามไม่แพ้กัน จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:58:04

ความคิดเห็นที่ 60 ถ้ำสุดท้ายชื่อว่า “ นิปันนปฏิมาคูหา ”  ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางปรินิพพาน  มีความยาว 12.19 เมตร  พระหัตถ์ขวาซ้อนพระเศียรมีหมอนหน้าสิงห์เป็นพระเขนย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:58:41

ความคิดเห็นที่ 61 พระหัตถ์ซ้ายทอดตามพระสุคตวรกาย  ส่วนพระบาททั้งสองซ้อนเหลื่อมกันเล็กน้อย  เป็นที่น่าสังเกตว่าฝ่าพระหัตถ์และพระบาททั้งสองข้างเป็นรูปดอกบัวแทนท่จะเป็นสัญลักษณ์มงคล 108 ประการ  ตามตำรามหาปุริสลักษณะโบราณ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 20:59:09

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อเข้าไปที่กัลวิหาร  ได้ยินบทสวดมนต์เลยตั้งใจฟังดูว่าจะคล้ายกับไทยหรือเปล่า  ปรากฏว่าออกเสียงคล้ายๆกันเลยท่องตาม  เจ้าหน้าที่ได้ยินคิดว่าเป็นคนที่นั่นเลยมาถาม  เราเลยบอกไปว่ามาจากเมืองไทย  เขาคงดูไม่ออกว่ามาจากที่ไหนเพราะการแต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้าน  555  ส่วนผลของยาคลายกล้ามเนื้อพอเอาอยู่  จากนี้จนหมดทริปทุกคนก็พึ่งแต่ยานี้เลย จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 21:00:09

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 55 21:08:03

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับบบ........ จากคุณ : สายลมแห่งวิงค์ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 11:03:54

ความคิดเห็นที่ 65 สวยงาม  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 13:00:49

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม  เนื้อหาค่อยข้างยาว  ส่วนมากเป็นโบราณสถานและวัดประวัติความเป็นมาเลยมีมาก  อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ ยังมีตอนที่3 ต่ออีกคะ จากคุณ : อมรปุระ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 18:26:22

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆมากๆนะครับ ตามใหว้พระด้วยคนนะครับ จากคุณ : paipaiphuart เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 21:22:29