เมื่อลูกทัวร์มาครบ คุณไกด์ก้อพาพวกเราเดินไปขึ้นรสบัส แน่นอนคะ เราสองคนเดินรั้งท้าย เพราะเราลากกระเป๋าใบโตไปด้วย ทางที่เดินไปรสบัสไม่ไกล แต่มันดันมีบันไดเล็กๆ บ้าง ก้อต้องยกกระเป๋าอย่างทุลักทุเล เราสองคนเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นรถอีกแล้ว ขึ้นไปก้อมีที่ว่างอยู่แค่ท้ายรถ รถบัสวันนี้จะเล็กกว่าเมื่อวานนิดนึง ที่นั่งฝั่งละสองสอง ส่วนท้ายรถก้อจะมีห้าที่นั่ง โดยสองที่นั่งด้านขวาก้อโดนจับจองไปแล้วโดยคู่หนุ่มสาวชาวจีน เราสองคนก้อเลยไปนั่งสองที่ด้านซ้าย อย่างน้อยก้อได้นั่งติดกัน และก้อยังดีมีที่เหลือหนึ่งที่ตรงกลางเอาไว้วางของ
ก่อนประตูรถจะปิด ชายหนุ่มจีนอีกคนก้อเดินขึ้นมาบนรถ ที่ว่างที่สุดท้ายของรถคันนี้ก้อไอ้ที่ที่เราเอาไว้วางของนั่นแหละ เราก้อเลยต้องหยิบของออกให้หนุ่มน้อยคนนี้มานั่ง จริงๆ แล้วคนนี้ไม่ใช่ลูกทัวร์คะ เป็นไกด์อีกคนที่จะไปแชงกรีล่า เราก้องงทำไมต้องมีไกด์สองคน เหมือนกับว่าในทริปนี้มีคนมาแชงกรีล่าเพื่อไปปีนเขาด้วย แล้วไกด์คนนี้ก้อจะแยกพาลูกทัวร์ไปปีนเขา
คุณไกด์หน้าตาดี แถมอารมณ์ดีอีกต่างหาก ขึ้นมาเห็นเราเป็นคนต่างชาติก้อรีบมา Say Hi ก่อนเลย เราก้อดีใจนึกว่าจะคุยภาษาอังกฤษได้ ปรากฏว่าพอเราถามเยอะๆ ก้อบอกว่า .My English is Poor อ้าวววว แต่ก้อขำดีเค้าก้อยังพยายามคุยกับเรา พอถึงจุดที่พวกเราสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ตัวช่วยก้อมักจะมาเสมอ ไม่ใช่ใครที่ไหน Wendy ผู้หญิงชาวจีนที่นั่งแถวเดียวกับเราริมหน้าต่างด้านซ้าย
บังเอิญอีกแล้วคะ Wendy เป็นคนๆ เดียวในรถที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ และดันมานั่งแถวเดียวกับพวกเราอีก โชตดีอีกละ ไม่รอช้า ไกด์หนุ่มอารมณ์ดี แนะนำทันที ให้ Wendy เป็นไกด์ท้องถิ่นให้เราโดยไม่ถาม Wendy ซักคำ 555 Wendy มาเที่ยวแชงกรีล่ากับแฟนคะ พูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว Wendy ก้อคอยแปลเฉพาะส่วนสำคัญให้เราฟังคะ รถวิ่งออกจากลี่เจียงมาประมาณชั่วโมงก้อถึง โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง
โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง เป็นที่เดียวที่รีวิวไม่ถูกเลยคะ เดินขึ้นไปประมาณสามสี่ชั้นก้อถึงจุดถ่ายรูป เป็นที่เดียวที่ขอไม่ลงรูปให้ชมนะคะ ถ่ายมาได้อนาถมาก (กลัวคนที่กำลังจะมาเที่ยวหมดกำลังใจ 555 รบกวนไป search ดูรูปสวยๆ จาก Internet เถอะคะ รูปสวยๆ ถ่ายจาก Air View)
จาก โค้งแรกแม่น้ำแยงซีเกียง ก้อขึ้นรถนั่งเพลินๆ มาอีกนิด เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงจีนโดยคุณไกด์อารมณ์ดีที่นั่งข้างๆ ละคะ ร้องซะดังลั่น สงสัยกลัวพวกเราเบื่อ แต่ไม่เบื่อหรอกคะ ทางระหว่างลี่เจียงไปแชงกรีล่า พยายามอย่าหลับนะคะ เพราะสองข้างทางนี่สวยเกินบรรยาย จุดไหนที่สวยมากๆ รถบัสก้อจะหยุดให้เราลงไปถ่ายรูป งามจริงๆ คะ ไม่เคยเห็นภูเขาสีเขียวขนาดนี้มาก่อน บางช่วงก้อสลับด้วยทุ่งดอกไม้สวยๆ
มื้อกลางวันวันนี้จะเร็วกว่าปกติ ประมาณ 11 โมงก้อมาถึงร้านอาหาร อาหารหน้าตาดีหลายจาน แต่ที่ติดใจเป็นพิเศษคือจานผัก ไม่รู้ผักอะไรเหมือนกัน แต่อร่อยคะ ผ่านจากอาหารกลางวันก้อถึงจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกจุด หุบเขา:-)ระโจน
หุบเขา:-)ระโจน (Tiger Leaping Gorge) ตามตำนานกล่าวว่า มีเสือตัวหนึ่งได้หนีการตามล่าจากนายพราน โดยกระโดดข้ามแม่น้ำที่จุดที่แคบที่สุด (กว้าง 25 เมตร) จึงเป็นที่มาของชื่อของช่องเขาแห่งนี้ แค่ทางเข้าก้ออลังการมากกก เป็นที่เดียวที่อยากใช้เวลานานกว่านี้คะ อยากเดินใกล้ชิดธรรมชาติให้นานกว่านี้ ซักพักรถก้อเข้าที่จอดรถWendy บอกว่าให้เรากลับมาตอนบ่ายครึ่ง เราก้อเดินลงบันไดที่สร้างไว้ให้เป็นทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อไปเห็นหุบเขาด้านล่าง และใกล้ชิดแรงของสายน้ำ เท่าที่เห็นจะมีบันไดสองด้านหลักๆ ที่ใช้ลงไปด้านล่าง แต่นักท่องเที่ยวและทัวร์ส่วนใหญ่จะลงมาทางด้านเดียวกับที่เราลงคะ เดินลงไปเรื่อยๆ เหนื่อยเอาการ อากาศนี่ร้อนมากนะคะ แดดแรงทีเดียว ตรงนี้ไม่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุนะคะ น่าจะเหนื่อยเกินไป เดินลงไม่เท่าไหร่ แต่เดินขึ้นขนาดเรายังหยุดพักไม่รู้กี่รอบ
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 22:51:00
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 22:49:40
จากคุณ |
:
ต้นอ้อ & ต้นข้าว
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ค. 55 22:46:24
|
|
|
|