Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่าสู่กันฟัง...ประสบการณ์โดนจับหน้าอกที่สิงคโปร์ ติดต่อทีมงาน

กระทู้นี้อยากเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังถึงเรื่องการทำงานของตำรวจที่โน่น ในกรณีที่เกิดเหตุนะคะ  ที่ตัดสินใจตั้งเพราะตอนเราเกิดเหตุเราหาข้อมูลใน internet ไม่ได้เลย  เพราะประเทศนี้ไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เราเดินทางไปสิงคโปร์หลายครั้งแล้ว เพราะเป็นประเทศที่เราชอบมาก  อีกอย่างเราก็ชอบไปคาสิโนด้วย อิอิ  ปกติเราจะไปเที่ยวกับครอบครัว  ครั้งที่เกิดเหตุเราไปกับแม่ 2 คนค่ะ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนค่ะ เหตุเกิดที่ RSW sentosa บริเวณชั้นใต้ดินที่เป็นทางเข้าคาสิโน  ในวันเกิดเหตุเป็นวันที่เราต้องเดินทางกลับพอดี  เราเลยเข้าคาสิโนฆ่าเวลา  (เราจะพักที่ festive ทุกครั้งค่ะ แพงก็ต้องทน เพราะลูกเราชอบนอนที่นี่)

เราจะไม่เล่าเหตุการณ์นะคะ เพราะคงยาว เอาแค่ว่าเราถูกจับหน้าอกที่บริเวณด้านหน้าของทางเข้าคาสิโน  ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนทั่วไปของสถานที่ โดยโดนจับในลักษณะแบบจงใจ

หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ใช้เวลาติดตามจับนิดหน่อย  เพราะคนร้ายวิ่งหนีรอบ rsw เลย (ไม่ใช่รอบเกาะนะ) แล้วยังถอดเสื้อตัวนอกทิ้งเพื่ออำพรางตัวเอง  รปภ. วิ่งกันวุ่น แต่อย่างที่บอกคนร้ายดันไม่ฉลาด เลือกมาจับหน้าอกคนตอนที่อยู่ในสถานที่ปิด กล้องวงจรเพียบ ก็เลยโดนจับได้ตามระเบียบ

ตอนเราโดนจับหน้าอก เราจำหน้าคนร้ายได้ เพราะเราคว้าข้อมือคนร้ายไว้ แล้วตะโกนให้คนช่วย (แต่ไม่มีคนช่วย อาจจะเพราะไม่มีใครได้ยิน) พอคนร้ายหนีไปได้ จากช่วงชลมุน เราเลยรีบไปแจ้ง รปภ ที่อยู่ด้านหน้าคาสิโน เค้าก็ติดต่อประสานงานจนจับคนร้ายได้ แบบว่าวิ่งจับกันสนุกเลยค่ะ นักท่องเที่ยวเริ่มแตกตื่น  เพราะวิ่งกันชุลมุน

ในขณะที่วิ่งตามจับอยู่ (เพราะสถานที่มันใหญ่ แล้วคนร้ายวิ่งเร็วมาก แถมยังถอดเสื้ออำพราง) เราก็นั่งรออยู่กับที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ของ rsw securities มาอยู่ด้วย 3 คนค่ะ

ซักประมาณ 15 นาทีผ่านไป ก็มีตำรวจมาหาเรา 3นาย ก็ทำการสอบสวนไปเบื้องต้น  หลังจากนั้น มีตำรวจมาอีก 4 นาย  รวมเป็น 7 คน  บรรยากาศเริ่มคึกคัก คนมองกันเพียบ แล้วเว้นที่ให้กลุ่มของเรา รปภ และตำรวจ เหมือนบรรยากาศว่าเราเป็น superstar ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้

หลังจากนั้น มีตำรวจเพิ่มมาอีก 1 นาย  คนนี้เป็นเจ้าของคดีเรา

35-45 นาทีผ่านไป คนร้ายถูกจับได้ ตำรวจและรปภ ที่อยู่กับเราด้านบริเวณหน้าทางเข้าคาสิโน ถูกรวมตัวกันเดินไปในสำนักงานของ USS (เป็น office ของ securities ทีมของ rsw)

พอเดินเข้าประตูไปเราพบตำรวจอีก 4 นายและทีม รปภ อีกกลุ่มนึง เราได้เจอหน้าคนร้าย เพียงแค่เดินผ่าน แล้วก็ถูกแยกออกมานั่งคนละห้องกับคนร้าย  เหตุผลคือ ตำรวจแค่ต้องการให้เราดูหน้าคนร้ายว่าใช่มั๊ย แต่โชคดีที่ตอนวิ่งหนี รปภ.ช่วยวิ่งตามกันเยอะ ทำให้จำคนร้ายไม่ผิดตัว คนเห็นกันเพียบ อีกทั้งคนร้ายยังสารภาพเบื้องต้นว่าไม่ได้จะขโมยกระเป๋าเรา เค้าแค่จับหน้าอก เพราะเราหน้ากมือนแฟนเก่าคนร้าย (ช่วงจับหน้าอก คนร้ายเอื้อมมือมาจับหน้าอกด้านที่เราสะพายกระเป๋า ตอนเราคว้ามือจึงมีกระเป๋าสะพายมาชุลมุนอยู่ด้วย)

เราถูกบันทึกคำให้การประมาณ 25 -30นาที  ตอนนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาอีก 2 คน  เพื่อทำการเก็บลายนิ้วมือตามกระเป๋าและเสื้อที่เราใส่ (เราต้องเปลี่ยนเสื้อเพื่อให้เค้าเอาเสื้อไปเก็บหลักฐานลายนิ้วมือ)

หลังจากเหตุการณืเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ รปภ ระดับผู้จัดการ (ถูก head ของสายงาน securities สั่งมาให้ดูแลเรา) ทีคอยดูแลเราระหว่างอยู่ที่โน่น อยากซื้อขนมให้เรา (ประมาณว่าเป็นของขอโทษ คงเหมือนค่าทำขวัญ ในเรื่องความไม่ปลอดภัย) แต่เราไม่เอาเพราะจะรีบกลับ เนื่องจากใกล้เวลา fight ที่จะต้องบิน  (อีกอย่างเราอยากได้ห้องพักฟรีมากกว่า ทำไมมันไม่ให้ฟระ)

พอกลับมา เราติดต่อกับตำรวจเดือนละประมาณ 1 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีข้อมูลใหม่มาให้เรารับรู้ ข้อความที่ตอบกลับมา ยังคงเป็นข้อความเดิมๆ ที่ตำรวจพูดกลับมาเหมือนกับวันเกิดเหตุ

จนล่าสุดเราเพิ่งได้รับ e-mail เมื่อวันที่ 9 สค (หลังจากที่เราส่งไปวันที่ 8 เพื่อถามความคืบหน้าตามปกติ)  เราก็เลยได้รู้ว่าผู้ร้าย work permit ในวันที่ 12 นี้ เราต้องบินด่วน เพื่อไปให้การณ์ให้สมบูรณ์  ตำรวจจะได้ส่งฟ้อง เราสงสัยมาก ว่าแล้วระหว่าง 3 เดือนที่ผ่านมาผู้ร้ายอยู่ห้องขังหรือเปล่า แล้วเค้าเป็นยังไง ทั้งๆ ที่เรารู้มาตลอดว่าเค้าคือ singaporean  เรื่องนี้ตำรวจขอโทษเราด้วย ที่ไม่ให้ข้อมูล  เค้าบอกว่าเพิ่งทราบเหมือนกัน

ด้วยความโมโห เราเลยปรึกษาเพื่อนๆ ที่ห้องศาลาประชาชน ทำให้ได้ความรู้เพิ่ม ล่าสุด ตำรวจแจ้งว่าได้จับกุมคนร้ายถูกเข้าห้องขัง คดีส่วนที่เกี่ยวกับเราน่าจะจบด้วยการที่ตำรวจจะจบในส่วนของเราด้วยการที่เราจะบินไปรับค่าเสียหายและจดหมายขอโทศในวันที่ 24 สค นี้ ในส่วนคนร้ายรอการให้การสุดท้ายอีกครั้งของเรา แล้วจะถูกอัยการสั่งฟ้อง ที่นี้ก็จะแล้วแต่ศาล  (แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะจับถึงเมื่อไหร่ ระหว่างนี้จะเป็นยังไง คนร้ายจะถูกปล่อยมั๊ย)  

อ่านแล้วอาจจะ งง ถ้าเราไม่รู้เรื่องกฏหมาย ขั้นตอน และศัพท์ทางกฏหมาย เอาเป็นว่า สิ่งที่ควรทำสรุป กรณีเกิดเหตุการณืที่สิงคโปร์ คือ

1. ศึกษาหาศัพท์ความรู้ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมเยอะๆ เวลาไปต่างประเทศ เพราะไม่อย่างนั้น จะงงมาก และอธิบายลำบาก เอาง่ายๆ แค่คำว่า ผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัย คนร้าย คนถูกสั่งฟ้อง คนที่บังคับคดี ยังมีหลายคำเลย  ตอนเกิดเหตุ ตำรวจใช้คำว่า Subject ค่ะ (งง ไปเลย)

2. เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม แจ้ง รปภ หรือ เจ้าหน้าที่ หรือ ตำรวจทันที (อย่าไปแจ้งคนทั่วไป เพราะเค้าจะไม่ action จะแค่ยืนดูงงๆ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เกิดบ่อย มันเหมือนของแปลกสำหรับประเทศเค้า) เพราะถ้าตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ทุกอย่างจะจบเร็วมาก และทีนี้จะเริ่มมีคนมาช่วยคุณเยอะขึ้น  ของเราตำรวจมาประมาณ 18 คนค่ะ

3. case จับหน้าอกเป็น case ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะคนสิงคโปร์ จะยอมรับไม่ได้ คนร้ายจะถูกใช้คำว่า low ทันที  (พวกชั้นต่ำ) ทำให้รู้ว่าเรื่องแบบนี้ คือ เรื่องใหญ่สำหรับพวกเค้า  ดังนั้น อย่าเอาคดีของไทยไปเปรียบเทียบกับคดีที่เกิดในต่างประเทศ เพราะคดีใหญ่ของเรา อาจจะเป็นคดีเล็กของเค้า  อย่างคดีจับหน้าอก ของเราอาจจะจบลงที่ขอโทษ หรือจับหน้าอกฝ่ายตรงข้ามแทน อิอิ   (เมื่อ 2 เดือนก่อน ชาวต่างชาติคนหนึ่ง ถูกพิพากษาให้จำคุก 2 ปีทันที ปรับอีกหลายหมื่น เพียงแค่เอาสเปย์กระป๋องไปฉีดใส่กำแพงในเมืองสิงคโปร์)

4. ถามหมายเลขคดี และขอนามบัตรตำรวจที่รับผิดชอบ เพื่อที่เวลาเรากลับมาเราจะได้ติดต่อสอบถามไปได้ตลอด

5. เวลา e-mail ตำรวจจะไม่ให้ข้อมูลเราละเอียด ไม่รู้ว่าทำไม และตำรวจจะตัด CC ออก โดยในทุกฉบับที่ตอบกลับมา ตำรวจจะไม่ส่ง reply all  (นั่นคงเป็นเหตุผลที่เราไม่รู้เลยว่าคนร้ายเป็นยังไง ถูกทำอะไรไปแล้วบ้างหรือยัง)

6. สอบถามตำรวจให้ชัดเจน ว่าคนร้ายหรือคู่กรณีของเราเป็นคนชาติไหน เพื่อที่เราจะได้มีการวางแผนในการดำเนินการกับคดีได้  เพราะบางครั้งคนร้ายอาจจะต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ แล้วกลายเป็นถูก ban VISA แทน และการฟ้องดำเนินคดีจะไม่เกิดขึ้น  (case เรา ตำรวจบอกว่าคนร้ายเป็นสิงคโปร์ ตั้งแต่วันแรก จนเราเพิ่งมารู้ว่าเป็นต่างชาติ)  

7. กรณีเป็นคนต่างประเทศ เราแย้งกลับไปว่า work permit คือใบอนุญาตทำงานหมด มันไม่ได้หมายความว่า VISA หมด เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เกิดคดีเราร้องขอให้ตำรวจทำเรื่องขยายระยะเวลาการอยู่อาศัย (คงเป็นกระบวนการของ ตม.)  ซึ่งนั่นเลยทำให้คนร้ายเพิ่งถูกจับเข้าห้องขังเมื่อวันที่ 10 (ก่อน WP หมดอายุ 2 วัน)

8. ตำรวจไม่มีหน้าที่จัดการบังคับใดๆ เราให้ตำรวจเป็น represent  แต่ตำรวจทำไม่ได้ค่ะ เค้ายังคงมีหน้าที่แค่ประสานงานเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากทำอะไร เช่น อยากให้ถูกคุมขัง ไม่อยากให้ฟ้อง หรืออยากยอมความ  อยากเรียกค่าเสียหาย คุณต้องเป็นฝ่ายเสนอเรื่องไปเอง แล้วตำรวจจะดำเนินการต่อให้  แต่ถ้าไม่ทำอะไร เรื่องก็จะไม่คืบหน้า เพราะตำรวจจะปล่อยไปตามขั้นตอน และบางครั้งรอฟ้องเป็นกลุ่มคดี หรือรออัยการ คือ หลายๆ คดีค่อยฟ้องพร้อมกัน (อันนี้เราก็งง  คงต้องให้ตำรวจหรือ พวกอัยการมาตอบชี้แจง)

9 กรณีเราเดินทางไปเกี่ยวกับคดี เราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองนะคะ อย่าไปคิดว่าเค้าจะออกค่าตั๋วให้ เพื่อเชิญเราไปให้ปากคำนะ



ปล. ค่าปรับ ที่จะได้รับคือ 1500 SGD + จดหมายขอโทษจากคนร้ายค่ะ  เรื่องค่าเสียหายไม่แน่ใจว่าเป็นตัวกฏหมายมั๊ย  เพราะตำรวจอ้างมาตรามา 2 มาตรา (ใครจะไปตามอ่านกฏหมายฟระ ไหนจะตีความ แค่ศัพท์ปกติก็จะตายแล้ว)    ส่วนคดีจะดำเนินต่อไปยังไง ถ้ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะกลับมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ

จากคุณ : ink (siam)
เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 55 13:51:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com