ความคิดเห็นที่ 1 รายละเอียดของ Flight of the Gibbon เวอร์ชั่นภาษาไทย ตามลิ๊งค์นี้เลยครับ http://www.treetopasia.com/th สามารถเลือกไปเล่นได้ทั้งที่ กรุงเทพ พัทยา และ เชียงใหม่ ครับ สำหรับช่วงนี้ก็จะมีโปรโมชั่นสำหรับชาวไทย คิดท่านละ 2,399 บาท รวมรถรับ-ส่ง ไป-กลับจากโรงแรมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังสถานที่เล่น Flight of the Gibbon ที่บ้านแม่คำปอง อำเภอแม่ออน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองราว 50 กิโลเมตรครับ รวมกิจกรรมการเล่น ไปชมน้ำตก และรวมอาหารเที่ยงแบบ Set Menu เรียบร้อยแล้ว กรณีที่ท่านซื้อบัตร Flight of the Gibbon จะได้รับส่วนลด 50% ในการไปเล่น Segway Gibbon ขี่เครื่องเล่นสุดล้ำชมเมืองเชียงใหม่ด้วยครับ และมีโปรโมชั่นแถมห้องพักฟรีด้วย อย่างไรก็ลองโทรไปคุยรายละเอียดและจองกันดูนะครับ ... สำหรับที่เชียงใหม่ .... เราสามารถเลือกรอบทีจะไปเล่นโหนสลิงชมป่าเขียวชะอุ่มได้ 3 ช่วงเวลา ก็คือ Early Gibbon (6.30-14.30 น.), Standard Gibbon (8.00-16.00 น.และ Sunset Gibbon (12.00-20.00 น.) ซึ่งส่วนตัวผม ผมเลือกรอบ Early เช้าตรู่เลยครับ เพราะอากาศน่าจะเย็น ยิ่งถ้าช่วงหลังฝนตกใหม่ๆ น่าจะมีหมอกจางๆ เย้นสบายด้วย ... รถตู้ก็เลยมา pick-up ผมตั้งแต่ 6.30 น. ครับ แล้วก็หลับยาวไปจนถึงบ้านแม่คำปอง ถึงก่อน 8 โมงเช้าสบายๆ สำหรับการแต่งกาย แนะนำสวมรองเท้าผ้าใบ จะใส่กางเกงขาสั้นหรือขายาวก็ได้ แต่ควรจะทะมัดทะแมงเคลื่อนไหวได้ง่ายครับ เตรียมขวดใส่น้ำดื่มใส่กระเป๋าติดตัวไปด้วยก็ดีครับ เพราะระหว่างที่เล่นอาจจะหิวน้ำได้เช่นกัน เรียกได้ว่า เรามาถึงเป็นกรุ๊ปที่ 2 เลยครับ สำหรับแขกที่นั่งรถตู้คันไหน โปรดจำป้ายทะเบียนรถ และผู้ร่วมทริปในรถตู้คันเดียวกันไว้นะครับ เพราะเราจะต้องนั่งรถตู้คันนี้นี่หล่ะ จนกระทั่งส่งกลับถึงโรงแรมในตัวเมืองครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:41:32

ความคิดเห็นที่ 2 หลังจากที่มาถึงฐานทัพ เตรียมตัวกันก่อนนะครับ ก็จะได้นั่งพักสบายๆ ดื่ม Welcome Drink เย็นๆ พร้อมของขบเคี้ยวคือข้าวแต๋น ทางเจ้าหน้าที่จะเอาใบมาให้กรอกเพื่อยืนยันสุขภาพว่าพร้อมที่จะเล่นครับ แล้วก็เซ็นชื่อ (เป็นมาตรฐานการให้บริการของที่นี่) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:44:32

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับท่านที่มีโทรศัพท์มือถือ .... สัญญาณมีเฉพาะระบบ AIS เท่านั้นครับ ส่วนดีแต่กและทุยมูฟ ปิดเครื่องเก็บไปได้เลยครับ (แต่ช่วงที่อยู่ในหุบเขา ระหว่างการเล่นไม่มีสัญญาณ แนะนำว่าเก็บไว้ในล๊อกเกอร์ได้เลยครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:48:05

ความคิดเห็นที่ 4 กรุ๊ปที่ผมมาแจมนี่มี 7 คนครับ คือตัวผมคนไทยคนเดียว และส่วนอีก 6 เป็นครอบครัวชาวอิสราเอลครับ จริงๆ ก็ใจดีเฟรนด์ลี่กันทั้งครอบครัวนะครับ เห็นคุณ จนท. บอกว่าที่นี่ ลูกค้าชาวอิสราเอลเยอะเป็นอันดับ 1 เลยครับ (ในขณะที่สาขาพัทยา จะเจอรัสเซียครองเป็นอันดับ 1 ครับ) รองลงมาก็ทางยุโรป ส่วนคนเอเชียน้อยถึงน้อยมาก และคนไทย น้อยมากถึงแทบจะไม่ได้เจอเลย !! จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:52:07

ความคิดเห็นที่ 5 พอเซ็นเอกสารเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม เอาของเข้าไปเก็บในตู้ล๊อกเกอร์ได้เลยครับ ของผมก็เก็บทุกสิ่งอย่างเหลือแต่กล้อง แล้วก็เก็บกุญแจล๊อกเกอร์ไว้อย่าให้หายนะครับ ... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:54:52

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วก็มาแต่งตัวใส่อุปกรณ์กัน จะมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายอยู่ครับ ให้ยืนแล้วก็สวมตัวสายรัดเข้าไป จนท.จะปรับรัดให้แน่นกำลังพอดีตัวครับ ที่่สำคัญต้องสวมหมวกนิรภัยตลอดเวลาด้วยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 03:56:21

ความคิดเห็นที่ 7 ครอบครัวอิสราเอลแต่งตัวกันเสร็จแล้ว ... มีเจ้าหน้าที่จัดการให้เรียบร้อยครับ ทุกคนจะมีอุปกรณ์พร้อม อย่างในภาพนี้ ที่ตัวคุณอิสราเอลตัวพ่อ จะเห็นอุปกรณ์สีส้มๆ จะเป็นลูกรอกที่ใช้คล้องกับสลิงครับ ตัวนี้แข็งแรงและรับน้ำหนักได้พอสมควร สบายๆ เป็นแบบ double lock ด้วย ถ้าจะปลดให้หลุดออกจากสลิง ก็ต้องปลดสองครั้งครับ (เรื่องการปลดอุปกรณ์ออกจากสลิง เจ้าหน้าที่จะทำให้หมด เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรเลยครับ) สำหรับเด็กๆ เห็นว่าเด็กอายุ 2-3 ขวบก็เล่นได้แล้วครับ เด็กฝรั่งจะชอบมากๆ เลย (แต่ถ้าเด็กไทยอาจจะร้องไห้จ้าก็เป็นได้ ) แต่เวลาที่ต้องโหนสลิงระยะไกล อาจจะต้องแพคคู่ไปทีละ 2 คนเพราะถ้าน้ำหนักตัวเบาเกิน อาจจะไปโหนไหลตามสลิงไปไม่ถึงปลายทาง อาจค้างเติ่งระหว่างกลางทางก็เป็นได้) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:00:48

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้ถ่ายตัวเอง ก็จะเห็นอุปกรณ์มากมายอยู่บนตัวเรา เราก็ไม่ต้องทำอะไรครับ จนท.จัดการให้หมด ปลอดภัยสบายใจได้เลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:03:11

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อพร้อมแล้ว .... เราก็จะขึ้นรถตู้ไปยังจุดเริ่มต้น บริเวณหุบเขาที่มีสายสลิงโยงไปโยงมากว่า 32 ฐานครับ ใน 1 กรุ๊ปที่มีอยู่ 6-7 คนจะมีเจ้าหน้าที่ 2 คนประกบหัวท้ายครับ คอยดูแล เคลียร์ทาง และปลด-ใส่อุปกรณ์เข้ากับสายสลิงให้ พร้อมกับเช็คความเรียบร้อย ก่อ่นปล่อยตัวทุกครั้ง บรรยากาศยามเช้ามีหมอกจางๆ จริงๆด้วย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:06:57

ความคิดเห็นที่ 10 เจ้าหน้าที่ก็จะสาธิตวิธีการโหน และข้อกำหนด ข้อห้ามต่างๆ ครับ สิ่งที่สำคัญที่สุด ห้ามเอามือไปจับสายสลิงเด็ดขาด !! จุดที่จับได้คือ เชือกที่อยู่ใต้อุปกรณ์รอกสีส้ม และตัวรอกสีส้มเท่านั้น (จับเพื่อควบคุมทิศทางไม่ให้ตัวเราหมุนไปตามกระแสลมครับ) สำหรับ Flight of the Gibbon จะไม่มีไม้ช่วยเบรกนะครับ (ถ้าเป็นที่ Jungle Flight จะมีแต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร ไม่เคยลองทางนู้นครับ) เวลาโหนแล้วใกล้เทียบท่า ให้ยกเท้าขึ้น แล้วใช้เท้ายันกับฐานได้เลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:12:11

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อพร้อมแล้วก็เข้าคิวเตรียมตัวได้เลย กรุีปที่ 1 ออกบินกันแล้ว เด็กเล็กขนาดนี้ก็เล่นได้นะครับ แต่ตอนจังหวะปล่อยตัว เจ้าหน้าที่จะช่วยผลักตัวให้ไหลไปตามสลิง จนไปถึงฝั่งตรงข้ามครับ .... อันนี้แค่สั้นๆ อันที่ยาวๆ ของ Flight of the Gibbon คือยาว 800 เมตร และ 300 เมตรครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:14:27

ความคิดเห็นที่ 12 ด่านที่ 1 ไม่ไกลครับ สั้นๆ เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมการปล่อยตัวได้โดยจับเชือกที่อยู่ด้านหลังเราครับ ถ้าเห็นว่าพร้อมเขาถึงจะปล่อย โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนจะต้องทำงานร่วมกัน ให้สัญญาณ ก่อนที่จะปล่อยตัวทีละคนครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:18:35

ความคิดเห็นที่ 13 ระหว่างที่โหนสลิง เราสามารถถ่ายภาพได้อย่างสบายๆ ครับ (แต่คล้องกล้องไว้กับคอ หรือกับมือให้ดีๆ นะครับ เพราะถ้าหลุดก็งมไม่ได้เน้อ ) พอเรามาถึงต้นไม้อีกต้นหนึ่ง เจ้าหน้าที่จะเอาห่วงนิรภัยคล้องไวเพื่อความปลอดภัยครับ ห้ามปลดเองโดยพลการครับ ... โดยพอจะโหนข้ามไปฐานต่อไป เจ้าหน้าที่จะเป็นคนปลดเจ้าห่วงนิรภัยออก แล้วใส่รอกขึ้นสลิงพร้อม รอสัญญาณแล้วถึงจะปล่อยตัวให้โหนข้ามสลิงไปครับ ... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:22:32

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วงแรกๆ เด็กๆ หรือสาวๆ อาจจะกลัวหน่อย แต่ผมเริ่มคุ้นชินครับ ไม่กลัวเลย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:25:34

ความคิดเห็นที่ 15 เริ่มยาวมาหน่อยนึงแล้ว ถ้าไม่ถ่ายภาพก็กางแขนอิสระได้เลยครับ เหมือนบินได้ สัมผัสอากาศเย็นๆ ปะทะใบหน้า แล้วก็สูดหายใจให้เต็มปอด ... ระยะทางเหมือนจะไกล แต่แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเองครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:27:53

ความคิดเห็นที่ 16 บางฐานก็จะเป็นการเดินบนสะพานไม้นะครับ ก็สนุกดี เพลินๆ ไม่จำเป็นต้องห้อยสลิงอย่างเดียวครับ ก็มีเดินบ้าง ช่วงนี้จะเดินเพราะจะขึ้นไปดูชะนี และโหนสลิงจากยอดบนสุด ระยะทาง 800 เมตรซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:31:54

ความคิดเห็นที่ 17 ระหว่างทาง เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำพรรณไม้ที่อยู่ในบริเวณนี้ไปด้วย อาทิเช่นต้นไผ่ จำไม่ได้ว่าโตขึ้นวันละ 1 เซนติเมตร ใช่หรือเปล่านะครับ แห่ะๆๆ คุ้นๆ ว่าโตเร็วมากๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:33:34

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงแล้วครับ ด่าน 800 เมตร อันนี้ไกลที่สุดเลย อยู่บนนั้นน่าจะราวๆ 20-30 วินาทีเห็นจะได้ครับ ค่อยๆ ไหลลงไป ผ่านหุบเขาต้นไม้มากมาย ประทับใจดีครับ .... ด้วยความที่ระยะทางไกลกันมาก ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณวิทยุโต้ตอบกัน ว่าเคลียร์แล้วหรือยัง พร้อมปล่อยแขกรายใหม่ลงไปได้หรือยัง ทำนองนี้ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:37:04

ความคิดเห็นที่ 19 ระหว่างรอให้กรุีปแรกเค้าลงไปก่อน เราก็จะเดินไปดูชะนีกันครับ ซึ่งตรงนั้นก็จะมีต้นไม้ 1 ต้น มีชะนีพ่อแม่ลูก อยู่ด้วยกัน และมีคนให้อาหารอยู่ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้แฮะครับ .... รู้แต่ว่าเจ้าชะนี 3 ตัวนี้คงต้องอยู่ต้นไม้นี้ตลอดไป .... ตอนแรกผมเข้าใจว่าจะมีชะนีหลายๆ ตัวอยู่ในป่าจริงๆ ตามธรรมชาติเสียอีก (อาจจะหวังมากไป ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 04:40:37

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อทุกอย่างพร้อม ตัวพ่อตัวแม่ตัวลูกอิสราเอล ก็พร้อมจะเหินฟ้า ระยะทาง 800 เมตรครับ ฮาเลลูยา !! จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 05:30:48

ความคิดเห็นที่ 21 ระยะทางพอสมควรครับ อย่าลืมสูดอากาศให้เต็มที่ อาจจะมีการหมุนไปตามแรงลมบ้าง เพราะเรา control ตัวเองลำบากครับ เจ้าหน้าที่จะแนะนำว่า เวลาพอตัวเราผ่านต้นไม้ใหญ่ตอนใกล้จะถึงให้เตรียมยกขาพร้อมหยุด (เวลาเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณ จะส่งสัญญาณแจ้งน้ำหนักตัวของผู้ที่จะห้อยลงมา และถ้าได้ยินสัญญาณว่าเคลียร์ !! ถึงจะปล่อยตัวมาทีละคนครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 05:34:44

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อถึงปลายทาง จะมีตาข่ายคอยเบรก และแน่นอนจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยอยู่ครับ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะความเร็วที่ไหลมา 800 เมตรก็ค่อนข้างไวอยู่ ความรู้สึกที่ได้อยู่บนอากาศราวๆ 20 วินาที มันเป็นอะไรที่แบบว่า เหมือนได้บินเหินเวหาชมป่าเขียวขจี ลมตีหน้า อากาศบริสุทธิ์สุดๆ ไปเลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 05:36:51

ความคิดเห็นที่ 23 หลังจากหมดตรงนี้ไป จะมีอีกช่วงนึงที่ไกลคือ 300 เมตรครับ .... และนอกจากโหนแบบนี้ ยังมีโหนแบบห้อยกึ่งบันจี้จ้มพ์ด้วย และมีการห้อยลงในแนวดิ่ง (โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นคนควบคุมความเร็วในการโรยตัวลง) ว่าแล้วเราก็เดินกันต่อไป ไปเดินบนสะพานไม้หนุกๆ ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 05:46:42

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นแบบนี้ก็แกว่งเหมือนกันนะครับ สังเกตว่าจะมีห่วงนิรภัยคล้องไว้อยู่ด้วยกันพลาด จากนั้นโหนสลิงอีกรอบแล้วไปลงบันไดวนกัน .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:18:24

ความคิดเห็นที่ 25 ฐานต่อไป ได้ไปฮาเลลูยาแบบแพคคู่ครับ เหมาะสำหรับคู่รัก โหนไปด้วยกัน 2 คนได้เลย กอดกันบนอากาศก็ได้ ปล.เสียดายคุณเธอไม่ได้มาด้วย เลยต้องโหนคนเดียว แต่คุณเธอบอกว่า ดีแล้วหล่ะที่ชั้นไม่ได้มาด้วย แค่เห็นความสูงชั้นก็เข่าอ่อนแล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:20:23

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ละฐานอยู่บนยอดไม้ ค่อนข้างสูงจากพื้นพอสมควรทีเดียวครับ วิศวกรเค้าก็เก่งเนอะ แต่เห็นว่าตอนที่ก่อสร้างก็ใช้ช่างฝีมือชาวบ้านแถวๆ นี้ต่อไม้ไผ่ขึ้นไปทำกันครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:23:10

ความคิดเห็นที่ 27 ฐานต่อไปเป็นศาลาให้นั่งพักบนยอดไม้ครับ ถ้าจำไม่ผิด อันนี้แหล่ะที่ยาว 300 เมตร โดยมีเส้น 800 พาดอยู่ข้างบนครับ ระหว่างที่ปล่อยตัวข้างล่าง บางทีอาจจะเห็นเส้นข้างบนมีอะไรผ่านไปแว๊บๆ พร้อมเสียงหวีดร้องหรือโหยหวน อิอิ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:25:16

ความคิดเห็นที่ 28 เส้น 800 เมตรไหลลงมาแล้วอย่างเร็วเลย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:26:23

ความคิดเห็นที่ 29 เส้นต่อไป ฮาเลลูยาแบบรางคู่อีกแล้ว ถ้าเป็นเด็กๆ ต้องปล่อยคู่กัน 2 คนนะครับ ไม่งั้นน้ำหนักจะเบาเกินไป ... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:28:15

ความคิดเห็นที่ 30 ฐานต่อไป จะเป็นลักษณะกึ่งโรยตัว โดยเจ้าหน้าที่จะคล้องห่วงทางด้านหน้าของลำตัว เข้ากับสลิง ทำให้เวลาปล่อยตัวจะเหมือนกับหงายหลังลงจากที่สูงเล็กน้อย ทีนี้เราเลือกได้ครับ พวกฝรั่งอาจจะชอบความเสียวๆ Extreme หน่อย แต่ถ้าคนไทยคนไหนไม่ชอบก็บอกเค้าได้นะครับ เค้าจะได้ไม่แกล้ง จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:33:13

ความคิดเห็นที่ 31 ไปฐานต่อไปกันครับ ปล. ผมมักจะได้ปิดท้ายเสมอ และจะมีเจ้าหน้าที่ตามประกบปิดท้ายด้วยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:34:44

ความคิดเห็นที่ 32 ฐานต่อไป ก็กึ่งโรยตัว ห้อยจากด้านหลัง จากฐานที่สูงกว่าไหลไปด้านล่าง โดยไม่ได้เป็นการคล้องตรงกับสลิงครับ อันนี้จะได้บรรยากาศบินแบบเด้งดึ๋ง ไม่ได้ไหลตามสลิงตามปกติ สนุกดีครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:37:56

ความคิดเห็นที่ 33 จะเหมือนได้ดิ่งตั๋วลงไป ดึ๋งๆ กางปีกได้เลย ร่างเราจะไกลไปตามสายสลิง (แต่สายไม่ได้อยู่เหนือหัวใกล้ๆ เราอย่างฐานอื่นๆ) แล้วสุดท้ายตัวเราก็จะไปกระแทกกับตาข่ายที่เค้ากันเอาไว้ครับ อาจจะต้องออกแรงไต่ตาข่ายขึ้นมานิดนึง พักสายตากันก่อนไปฐานต่อไป .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:41:24

ความคิดเห็นที่ 34 เวลาผ่านไปเร็วครับ กับ 32 ฐาน ไม่นานเลยจริงๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:42:14

ความคิดเห็นที่ 35 อุปกรณ์รอกเลื่อนที่ใช้คล้องกับสลิง ที่เราต้องฝากชีวิตไว้ครับ จะเห็นว่าจะมีตัว double lock อยู่ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนปลดให้ครับ และจะมี ห่วงนิรภัยคล้องแล้ววางไว้บนร่อง(ด้านซ้ายและขวาของตัวรอกสีส้มนี้) ทีนี้ หากเจ้ารอกเลื่อนดันมีปัญหาหลุดออกมา (ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก) ก็ยังมีห่วงนิรภัยคล้องไว้อีกชั้นนึง เรียกได้ว่า โอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยมากๆ ครับ แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ อุปกรณ์ข่าวของที่ติดกับตัวเรา เช่นกล้องถ่ายรูป กระเป๋า หรือแว่นตา อย่างไรก็ระวังดีๆ นะครับ เพราะถ้าหล่นแล้วหายไปเลยครับ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 06:47:34 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:45:04

ความคิดเห็นที่ 36 ฐานต่อไปโรยตัวจากที่สูง โดยเจ้าหน้าที่จะคำนวนน้ำหนักแล้วก็ใช้อุปกรณ์ค่อยๆ ปล่อยเชือกลงไปครับ ถามว่าความปลอดภัยสูงไหม ให้ดูจากอุปกรณ์ตัวรอกและตัวทุ่นแรงที่เห็นในภาพนะครับ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนปล่อยเชือก ซึ่งฝรั่งที่ชอบความเสียวอาจจะปล่อยเชือกเร็วหน่อย แต่ถ้าใครกลัว ก็ให้เค้าค่อยๆ ปล่อยเชือกหย่อนตัวลงมาได้ครับ ฐานแบบนี้จะมี 2 ฐาน อันนี้เป็นฐานแรก และอีกฐานนึงตอนปิดท้ายสุดเลยครับ ลงจากต้นไม้แล้วก็จบเลย ทำนองนั้น จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:50:17

ความคิดเห็นที่ 37 ก็แอบสูงอยู่นะครับ แต่ไม่ได้น่ากลัวเลย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:51:42

ความคิดเห็นที่ 38 ลงมาแล้วเรียบร้อย มองกลับขึ้นไปบนยอดไม้ข้างบน .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:52:31

ความคิดเห็นที่ 39 ข้ามสะพานไม้อีกแว๊ว .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:53:17

ความคิดเห็นที่ 40 เราจะได้โหนรอบสุดท้าย ไปยังต้นไม้ใหญ่ ที่เป็นพระเอกของที่นี่เลย (ตรงลำต้นและกิ่งก้านสาขาดูเหมือนจะสวยกว่าต้นอื่นๆ นะครับ ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 06:58:04

ความคิดเห็นที่ 41 บนต้นไม้แห่งนี้ ก็เป็นฐานสุดท้ายครับ เมื่อลงไปข้างล่างก็คือ หมดแล้ว ... ถอดอุปกรณ์แล้วขึ้นรถตู้กลับฐานครับ ... ปล. ถึงจุดนี้ พอดีคุณ จนท.ก็เอ่ยถึงค่าน้ำบ้างอะไรบ้าง จริงๆ ผมก็เห็นใจและเค้าใจเค้านะ แต่ผมคิดว่า คนไทยไม่น้อย sensitive กับเรื่องพวกนี้หล่ะ เพราะราคาค่าทัวร์ก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่ (หากเทียบกับทัวร์ทางทะเลอื่นๆ เช่นทัวร์เกาะตาชัย one-day trip ซึ่งราคาก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน คนไทยอาจจะรู้สึกยอมจ่ายแบบไม่ตะขิดตะข่วงใจมากกว่าทัวร์เดย์ทริปทางเหนือครับ) ลูกค้าบางคนที่รู้สึกดีกับการให้บริการมาโดยตลอด อาจจะรู้สึกว่าตกม้าตายกับประโยคนี้ก็เป็นได้ครับ ส่วนฝรั่งเค้าก็อาจจะให้บ้างแล้วแต่ความพึงพอใจครับ จริงๆ ถ้าทำเป็นตู้รับค่าทิป เป็นกล่องไม้ไปเลยอาจจะดีกว่า วางไว้ข้างล่างตอนลงไปแล้ว หรือทำเป็นกล่องไม้บนรถตู้ก็ได้ครับ วางไว้ให้เห็นเลยเพราะอย่างไรแขกก็ต้องขึ้นรถกลับฐานอยู่ดี (แยกเป็นทิปของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสองคน เก็บเมื่อรถถึงฐาน, กับทิปของคนขับรถที่ไปรับ-ส่ง) ให้ลูกค้าเลือกใส่เองตามความพอใจ โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอหรืออธิบายใดๆ ครับ ปล.2 เรื่องทิป นี่ผมเห็นมาหลายครั้ง ทัวร์หลายแห่ง(โดยเฉพาะทัวร์ทางทะเล) ดูจะมีวิธีการจัดการที่แนบเนียนกว่า ผมเคยเจอทัวร์ทะเลหลายๆ เจ้าที่ให้บริการด้วยเรือ จะมีกล่องทิป ตั้งอยู่ตรงกลางเรือเด่นเป็นสง่าเลย แล้วก็เขียนข้อความน่ารักๆ ประมาณเชิญชวนว่าถ้าแฮปปี้กับบริการเราก็จัดมานะ โดยไม่มีการประกาศขอทิปใดๆ ... ในขณะที่ทัวร์บางเจ้าขอกันแบบโต้งๆ ผมเห็นแบบฝรั่งบางคนที่เคยหน้ายิ้มๆ ก็ดูหงิกขึ้นมาทันทีเลยครับ บางเจ้าถือกล่องทิปเดินไปเดินมาบนเรือ ผมว่าฝรั่งเค้าก็มองแปลกๆ เค้าอาจจะให้แต่อาจไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ ของแบบนี้ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และระวังพนักงานบางคนอมค่าทิปด้วย เช่น ... ทัวร์บางเจ้า ปล่อยให้กล่องทิปอยู่ตามลำพังกับพนักงานคนเดียว เพราะคนอื่นไป service ลูกค้าหมด เงินทองไม่เข้าใครออกใครด้วย อย่างไรก็ต้องระวังให้ดีครับ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 07:16:22 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:08:57

ความคิดเห็นที่ 42 ลงมาข้างล่าง ปลดอุปกรณ์ทุกอย่างออกจากตัว ทั้งหมวกกันน๊อกคืนเจ้าหน้าที่ครับ จริงๆ ตรงจุดนี้มีตู้น้ำเย็นด้วย (แต่น้ำดันหมดซะงั้น !!) จึงแนะนำว่าพวกน้ำส่วนตัวไปดีที่สุดครับ เดินผ่านสะพานข้ามลำธารนี้ก็จะพบกับรถตู้จอดรออยู่แล้ว กลับฐานทัพครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:20:31

ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อกลับฐานแล้ว .... พอดีกรุ๊ปครอบครัวอิสราเอลเค้าจะรีบกลับไปขึ้นเครื่องตอนบ่ายครับ โดยจะขอสละสิทธิ์ไม่ไปชมน้ำตก แค่จะทานข้าวเที่ยงก่อนแล้วกลับเลย แต่ด้วยความที่ผมมาทำรีวิวแบบ SR ผมก็คิดว่าต้องเก็บให้ครบตามที่ตั้งใจไว้ (หรืออีกนัยนึง ก็คือทำตามจุดประสงค์ที่เจ้าของสถานที่หรือผู้สนับสนุนวางเอาไว้) ผมก็เลยตามหารถเกาะไปน้ำตก โดยหารู้ไม่ว่า... งานเข้าผมแล้วหล่ะ "มารถตู้คันไหนต้องกลับกับรถตู้คันนั้น" ปล. ใครบอกว่าทำรีวิว SR ได้มาฟรีโดยไม่ต้องคิดอะไร ขอบอกว่าไม่ใช่นะครับ ตระหนักดีเสมอว่า ถ้าได้รับมอบหมายให้ทำ SR นั่นคือเรามาทำงาน เราไม่ได้มาเที่ยวครับ !!! จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:25:30

ความคิดเห็นที่ 44 เอาหล่ะ ในเมื่อทาง จนท.เค้าบอกว่าเราเปลี่ยนรถตู้ไปคันที่ไปน้ำตกได้ เราก็โดดขึ้นรถตู้ ... (ความลำบากเริ่มอยู่ตรงนี้หล่ะครับ เหมือนเปลี่ยนกรุ๊ปไปเลย) ต้องอธิบายก่อนว่า รถตู้แต่ละคันรับหน้าที่มาดูแลกรุ๊ปของตนเท่านั้น หมายถึงตั้งแต่รับจากโรงแรมมาถึงฐานทัพ จากฐานทัพ บางทีอาจจะทานข้าวก่อน บางทีอาจจะไปน้ำตกก่อน และบางทีอาจจะไปโหนสลิงก่อน อาจจะสลับกันไปสลับมาแล้วแต่เวลาที่ออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ ดังนั้นโปรแกรมของรถตู้แต่ละคันจะไม่เหมือนกันครับ ตัวอย่างเช่น ... รถตู้คันที่ผมนั่งมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ พอแก๊งค์อิสราเอลทานข้าวเสร็จ เค้าก็จะกลับไปส่งในเมือง (และแน่นอนว่า ถ้าผมนั่งรถตู้คันนั้นกลับ คุณลุงเค้าก็จะไปส่งผมถึงออฟฟิศผมเลย) ส่วนรถตู้คันที่ผมติดมาน้ำตก พอดีเค้าทานข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะไปน้ำตก พอเสร็จจากน้ำตกก็จะแวะมาใส่อุปกรณ์แล้วไปโหนสลิงรอบบ่ายต่อ ส่วนรถตู้บางคันที่เป็นรอบบ่าย (Sunset Gibbon) อาจจะตรงดิ่งไปโหนสลิงก่อน ตามด้วยน้ำตกแล้วทานอาหารมื้อเย็นก็เป็นได้ ดังนั้น เราต้องเกาะติดรถตู้ที่เรานั่งมาจนจบครับ ถ้าหากพลัดหลง หรือมีการสลับรถตู้ขึ้น งานเข้าแน่นอนครับ .... เอาหน่ะ ไปรื่นเริงบันเทิงใจที่น้ำตกกันก่อนนะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:31:48

ความคิดเห็นที่ 45 น้ำตกแม่กำปอง จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากนะครับ รถตู้จะจอดที่นี่ครึ่งชั่วโมง (ถ้าไม่ได้มา SR นี่ผมก็คงเลือกกลับไปกับแก๊งค์อิสราเอลแล้ว ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:34:02

ความคิดเห็นที่ 46 ข้างล่างตรงศาลาจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการน้ำสมุนไพรเย็นชื่นใจ พร้อมแจกผ้าเย็นอยู่ครับ ก็พักผ่อนสบายๆ ซักแป๊บนึง แล้วก็กลับฐาน .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:37:39

ความคิดเห็นที่ 47 ลงมาที่ฐาน ... ผมก็เริ่มงงๆ เอ๋อๆ ว่าจะทำไงต่อ เพราะรถตู้ที่ติดไป ทั้งกรุ๊ปทานข้าวแล้ว แล้วจะไปสวมอุปกรณ์โหนสลิงรอบบ่าย พอดีเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องเค้าก็หายไปไหนไม่รู้ ผมก็เลยเดินมาตามป้ายนี้ เคลื่อนที่เข้าหาแหล่งอาหารแบบ Kinesis จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:39:16

ความคิดเห็นที่ 48 เรือนรับประทานอาหาร .... ถูกเซ็ทไว้เป็นโตีะๆ ตามกรุ๊ปครับ !! (คือหน้าผมเริ่มซีดเผือด... โห ไมใช่ SR ไม่ทำแบบนี้จริงๆนะเนี่ยะ) พูดอะไรไม่ออกเลย เพราะแต่ละกรุ๊ปก็กำลังทานข้าวกันอยู่ ส่วนแก๊งคือิสราเอลเค้ากลับไปแล้ว พนักงานในห้องอาหารก็งงว่า ทำไมผมมาคนเดียว ก็เลยไปแทรกที่นั่งให้ทานร่วมกับกรุ๊ปอื่น กรุ๊ปฝรั่งล้วนทั้งโตีะเค้าก็ยิ้มๆ ไม่ว่าอะไรยังไง อาหารที่นี่เป็นแบบ Set Menu นะครับ ไม่ใช่บุฟเฟต์ นั่นหมายถึง บนโต๊ะจะมีกับข้าวประมาณ 3-4 อย่าง สำหรับ 4-5 คน เมื่อกับข้าวหมดก็คือจบข่าว ไม่มีการเติมอีก มีอย่างเดียวที่เติมได้คือข้าวครับ และอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างขัดใจผม ก็คือเรื่องน้ำดื่มครับ ... ทางพนักงานในห้องอาหารจะยื่นเมนูเครื่องดื่มเล็กๆ มาให้ แล้วสอบถามว่าใครจะรับเครื่องดื่มอะไรยังไง ... น้ำเปล่าก็ขวดละ 10 บาท เครื่องดื่มอื่นๆ ก็ราวๆ 30 บาทขึ้นไป คือ ... ผมคิดว่าอาหารที่ให้บริการในทัวร์ ขั้นพื้นฐานควรต้องมีน้ำดื่มให้บริการครับ ส่วนเครื่องดื่มพิเศษอื่น ก็แล้วแต่ลูกค้าจะสั่งแล้วก็จ่ายเพิ่มก็ไม่ว่ากัน ปล. ภาพทัวร์ทะเลเกาะตาชัยผุดขึ้นมาในหัวทันที แต่ละเจ้าแข่งขันเรื่องอาหารบุฟเฟต์อลังการ แบบไม่มีใครยอมใครเลย เครื่องดื่มจัดหนักจัดเต็มทุกเจ้าจริงๆ ทั้งๆ ที่ต้นทุนการดำเนินงานต่อทริป ผมว่าทัวร์ทะเลระยะทาง 50 กิโลเมตรน่าจะสูงกว่าทัวร์ลักษณะนี้ซึ่งลงทุนสูงกับสินทรัพย์ในครั้งแรก แต่ต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) ไม่ได้สูงมากเท่าทัวร์ทะเลแล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:46:36

ความคิดเห็นที่ 49 ระหว่างการรับประทานก็จะมีการบรรเลงเครื่องดนตรีพื้นเมือง ให้ฟังเพลินๆ ฝรั่งก็คงชอบหล่ะครับ แต่ตัวผม ผมก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไป รู้สึกอยากกลับแล้วอ่ะ ก็คุยกับฝรั่งข้างๆ ไปบ้างตามมารยาทเวลาไปร่วม Join Tour ที่ไหนถ้าฝรั่งชวนคุยเราก็ต้องคุย แม้จะไม่ค่อยอยู่ในโหมดที่จะคุยก็ตาม และอารมณืเหมือนแย่งกับข้าวกัน เพราะกับข้าวหมดเกลี้ยง เจอสายแข็งมานั่งรวมกัน จนกระทั่งสาวๆ ฝรั่งอีกโต๊ะต้องส่งกับข้าวมาให้สายแข็งทาน รู้สึกยังไงไม่รู้ครับ ถ้าเป็นบฟเฟต์แบบให้ตักเองผมว่าอาจจะดูดีกว่านะ ปล .เครื่องดื่มของผมคือ น้ำดื่มจากตู้กดน้ำเย็นที่ฐานทัพ ฝั่งตรงข้ามครับ ทานเสร็จเดี๋ยวค่อยไปกิน พนักงานก็มองหน้าเล็กน้อยว่า จะไม่สั่งอะไรเลยใช่ไหม (SR ก็คือ SR ครับ) ฝรั่งเค้าก็สั่งกันทั้งโต๊ะ ผมก็ไม่แคร์ เหอๆๆ) ปล.2 ใครบอกว่า SR จะได้รับการดูแลที่ดีกว่า CR ส่วนตัวผมผมไม่เคยคาดหวังครับ ผมก็ปฏิบัติตัวเสมือนกับลูกค้า CR ที่เสียเงินมาตามปกตินั่นหล่ะ แม้จะเป็นกระทู้ SR แต่ผมไม่ได้ไปขอเค้าเพื่อจะไปฟรีหรือใช้บริการฟรีด้วยของตัวผมเอง ผมจึงมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นเหมือนกระทู้ CR ทุกประการ หากเค้าไม่เลือกผมเพราะผมไม่อวย ผมก็ไม่คิดอะไรครับ เพราะผมก็มีมาตรฐานของผมอยู่ ทั้งนี้หากทางทัวร์แจ้งถึงความสำคัญของรถตู้แต่ละคัน ว่าจะต้องเกาะติดไปกับกรุ๊ปที่มาด้วยให้มากกว่านี้ น่าจะดีครับ เราจะไม่รู้สึกตะขิดตะข่วงใจเลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:55:19

ความคิดเห็นที่ 50 กรุ๊ปนี้เค้าไปน้ำตกต่อครับ .... ส่วนตัวผมก็เลยแยกออกมา หารถกลับเข้าเมือง !! ไปถามเจ้าหน้าที่แคชเชียร์ ก็หน้าตาสิ้นหวังมากมาย บอกว่าคงต้องรอให้กรุ๊ปที่เพิ่งมาถึงนี้กลับ (คือกรุ๊ปนี้กำลังจะเตรียมอุปกรณ์ไปโหนสลิง แล้วให้ผมรออีก 2-3 ชั่วโมงคงไม่ไหวม้างง) ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ ... พอรถตู้คันไหนมาจอด ผมก็จะเดินไปถามพี่รถตู้เลยว่า พี่ครับ พี่กลับเข้าเมืองหรือเปล่าครับ ถ้าคันไหนบอกว่าจะเข้าเมือง ผมก็จะได้โดดขึ้นรถคันนั้นเลย ... ลุงรถตู้ก็มองหน้าผมแปลกๆ ก็รออยู่พักนึงครับ จนเจอรถคันนึงจะเข้าเมือง ผมก็ถามว่าจะผ่านไปทางไหนบ้างครับ จริงๆ ผมขึ้นมาจากทางวัดเจ็ดยอด ... แกบอกว่าแกไม่ไปหรอก (ขึ้นรถตู้มาคันไหนต้องกลับกับคันนั้น!!) ผมก็เลยถามว่า แล้วแกผ่านตรงไหนบ้าง แกบอกว่าลงท่าแพไหม โอเคครับ งั้นผมลงที่ Head Office สำนักงานใหญ่ Flight of the Gibbon ตรงประตูท่าแพละกันครับ ... คุณลุงรถตู้ทำท่าไม่ค่อยแน่ใจว่าผมเป็นใครอะไรยังไง ก็เลยวิ่งไปบอกคุณแคชเชียร์ให้มาช่วยบอกหน่อย คุณแคชเชียร์ก็เลยตรงดิ่งมาเคลียร์กับคุณลุงว่าไปส่งแขกที่ Head Office ได้เลย เฮ้อ ดีใจครับ ได้กลับบ้านแล้ว แม้จะไปลงที่ท่าแพก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวหารถกลับเองได้ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 08:01:50

ความคิดเห็นที่ 51 ผ่านไปราว 50 นาทีผมก็หลับสบาย เหนื่อยครับ ... มาถึงสำนักงานใหญ่ ประตูท่าแพเรียบร้อย ขอบคุณคุณลุงที่มาส่งด้วยครับ จริงๆ มาแวะที่ท่าแพก็โอเคเหมือนกันตรงที่ ผมจะได้พูดถึงเครื่องเล่นสุดล้ำมูลค่า 6 หลัก ที่เราสามารถขี่ชมวัดวาอารามที่สวยงามในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ครับ ... นี่คือ "Segway Gibbon" ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 08:04:30

ความคิดเห็นที่ 52 หายไปน๊าน นาน ... มาพูดถึงเรื่อง Segway Gibbon กันบ้างครับ สำหรับ Segway Gibbon เป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่น่าสนใจในการเที่ยวรอบๆ เขตเมืองเก่า โดยที่เราไม่เหนื่อยซักนิด ด้วยพาหนะสุดไฮเทค หลายๆ คนคงจะเคยเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในสนามบินสุวรรณภูมิ ขี่อุปกรณ์ที่มีสองล้อวิ่งไปโฉบไปมาในสนามบินกัน ทางไฟล์ทออฟเดอะกิบบอน ก็เลยได้นำอุปกรณ์ชิ้นนี้มาให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ... โดยเรียกชื่อว่า Segway Gibbon ครับ อุปกรณ์หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ แนะนำให้จองคิวไว้ก่อนครับ โดยในแต่ละรอบจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ 2 คน ปิดหัวท้ายแถวคอยกันรถให้ครับ เป็นอุปกรณ์ที่ขี่ไม่ยากเลย แต่ควรจะต้องมีน้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัมขึ้นไป และต้องไม่เกิน 110-120 กิโลกรัม สำหรับเด็กเล็กๆ อาจจะยังขี่ไม่ได้ครับ รอบที่มีให้เลือกคือแบบ 1 และ 2 ชั่วโมง แนะนำว่า แบบ 2 ชั่วโมงจะไปได้รอบๆ เต็มอิ่มกว่า ได้ใช้อุปกรณ์จนคล่องมือ และได้ไปวนรอบที่ใหญ่กว่าครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 23:10:44

ความคิดเห็นที่ 53 สำหรับแพคเกจ 2 ชั่วโมง รู้สึกจะราคา 1,390 บาทครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นหน้าโลว์คือ ซื้อ 2 ท่านแถมห้องพักในเครือโรงแรมอิมพีเรียล (และอิมม์) 1 คืน หรือกรณีที่ไปเล่น Flight of The Gibbon มาก็จะได้รับส่วนลด 50% ในการเล่น Segway Gibbon ด้วยครับ รายละเอียดของ Segway Gibbon อยู่ที่นี่ครับ http://www.segwaygibbon.com เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายปีที่แล้ว เดือนธันวาคม 2554 ครับ สำหรับที่สำนักงาน เราก็จะพบกับเจ้าหน้าที่ คอยสอนวิธีการใช้เครื่องเล่นจนคุ้นก่อน เริ่มจากเอาเท้าก้าวขึ้นไปเหยียบบนเครื่อง โดยเครื่องนี้จะทำหน้าที่ควบคุมสมดุล เราสามารถคอนโทรลโดยการลงน้ำหนักไปทางด้านหน้า เพื่อเคลื่อนตัวไปทางด้านหน้า หรือ ลงน้ำหนักไปทางด้านหลังเพื่อถอย หรือหยุดนิ่งๆ ด้วยการยืนนิ่งๆ ครับ ถามว่ายากไหม แค่ 10 นาทีก็เริ่มจะคุ้นเคยกันแล้วหล่ะครับ ลองควบคุมในห้องสำนักงานก่อนที่จะออกไปด้านนอก ไปทดสอบกันบริเวณเนินลานจอดรถ หลังโรงแรมอิมม์ท่าแพกันจนคล่อง ก่อนที่จะไปตามตรอกซอกซอยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 23:17:14

ความคิดเห็นที่ 54 พอเราคุ้นเคย เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องถือแฮนด์เลยก็ได้ครับ แต่ความจิงก็ถือ เพราะเราต้องควบคุมทิศทางซ้ายขวา โดยใช้แฮนด์นี้ควบคุมการเลี้ยวนั่นเอง หลังจากที่ออกจากลานจอดรถโรงแรมอิมม์ท่าแพ ก็จะออกซอยทะลุออกมาผ่าน สำนักงานขายแอร์เอเชียหน้าประตูท่าแพ แล้วก็ไปทดสอบความเร็ว ซิ่งกันฉวัดเฉวียนกันตรงลานหน้าประตูท่าแพได้เลยครับ โดยเจ้าเครื่องนี้จะถูกจำกัดความเร็วให้วิ่งได้ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเราเราพยายามเอนตัวลงไปยิ่งมาก ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดจุดหนึ่ง เครือ่งจะเริ่มต้านครับ เราจะรู้สึกได้ว่า แผ่นเท้าจะมีการยกตัวขึ้นเพื่อเบรก กรณีเราต้องการเบรกกระทันหัน ให้ยืนนิ่งๆ หรือย่อตัวก็ช่วยได้ครับ เครื่องจะหยุดวิ่งทันที ต้องการหมุนโคจรรอบตัวก็ได้ ช่วงที่เราอยู่ตรงประตูท่าแพก็เล่นได้เต็มที่ครับ เพราะทีนี้เราจะเริ่มเดินทางไกลรอบใหญ่กันแล้ว ... เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำประวัติความสำคัญของสถานที่ต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ฟังด้วย ไม่เหนื่อยเลยครับ แนะนำมารอบสายคือรอบ 10 โมงเช้าหรือรอบ 4 โมงเย็นจะดีครับ ไม่ร้อนเกิน จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 23:21:50

ความคิดเห็นที่ 55 คือ หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เอ้ย ทำไมราคาโปรแกรมถึงค่อนข้างแพงจังเลย ... แค่ได้ยินราคาเครือ่งนี้ ผมก็แอบขนลุกซู่แล้วครับ เพราะ ซื้อเจ้าเครื่องนี้ 2 คันรวมกัน สามารถซื้อรถซิตี้ได้ทั้งคันเลยทีเดียว (เห็นว่ามูลค่าประมาณ 270,000 บาทไม่รวมภาษีนำเข้า กรณีมีปัญหาส่งซ่อมที่สิงคโปร์อย่างเดียว) ดังนั้น ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่สนุกดีครับ เราก็เริ่มลัดเลาะจาก ประตูท่าแพ ผ่าน ตลาดต้นพยอม ทะลุเข้าซอยเล็กๆ หลบรถกันหน่อย .. ไปไหว้พระที่วัดเชียงมั่น จากนั้นก็ผ่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ไปวัดพระสิงห์ เวลาเข้าไปในวัด ไกด์เจ้าหน้าที่จะพาทะลุเข้าไปตามทางเดินเล็กๆ ในวัดด้วย (ซึ่งได้ยินว่าทาง Segway Gibbon เป็นคนสร้างถวายวัด และขอพาแขกเข้ามาชมในวัดด้วย) บรรยากาศในวัดร่มรื่นเย็นสบายๆ ไกด์ก็ทำหน้าที่เล่าประวัติไป ... จบจากวัดพระสิงห์ เราก็จะไปแวะทานกาแฟ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านกาแฟ ตรงข้ามโรงแรมบีพีเชียงใหม่ครับ (ต้องขออภัยที่ไม่มีภาพประกอบเลยเพราะวันทีไปเล่นไม่ได้ติดกล้องไป ไม่ค่อยสะดวกถ่ายภาพด้วยครับ) กรณี ซื้อเป็นแพคเกจ 2 ชั่วโมงจะรวมค่าเครื่องดื่มมูลค่า 65 บาท/ท่านไว้แล้ว (กรณีสั่งอะไรแพงกว่านี้โปรดจ่ายส่วนต่างเองนะครับ แฮ่ๆ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 23:27:27

ความคิดเห็นที่ 56 โอเคแล้วครับ ... คห. สุดท้ายแล้ว หลังจากที่แวะทานกาแฟ ก็จะไปแวะชมวัดเจดีย์หลวง วัดพันเตา ก่อนกลับไปฉวัดเฉวียน ประตูท่าแพให้เต็มอิ่ม ก่อนจะกลับออฟฟิศครับ สนุกสนานดี ได้ลองเล่นเครื่องเล่นใหม่ๆ ถ้าให้เสียเงินเองผมก็คิดว่าคุ้มอยู่ครับเพราะเครื่องก็มูลค่านักหนาใช้ได้ อย่างไรถ้าท่านไหนมาเชียงใหม่ก็ลองหาโอกาสมาเล่นกันดูนะครับ กระทู้นี้ขอขอบคุณ -- บริษัทบัตรกรุงไทยจำกัด (มหาชน) หรือบัตรเครดิตเคทีซี ที่เชิญให้ไปร่วมกิจกรรม -- ทาง Flight of The Gibbon และ Segway Gibbon และเจ้าหน้าที่ที่ได้ดูแลเป็นอย่างดีครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 23:30:58