ความคิดเห็นที่ 1 ทำความเข้าใจก่อนอ่าน ตรงนี้ผมขอนิดนึงนะครับ เนื่องจากกระทู้นี้ จขกท. เอง ตั้งใจรวบรวมข้อมูล และตั้งใจทำมากกกกกกก โดยส่วนตัวแล้ว จขกท. ค่อนข้างชอบรถไฟอยู่แล้ว และต้องการให้ความรู้ที่ จขกท. มีนั้นได้ส่งถึงบุคคลอื่นๆที่มีความสนใจ เนื่องจากเป็นบทความที่มอบความรู้แก่ผู้ที่ต้องการรายละเอียดแบบจริงจัง และจริงจริง ผมขอความร่วมมือ และ กราบกราน ผู้ที่ไม่มีจิตพิศวาสรถไฟ ผู้ที่มาเม้นแบบค่อนขอด หรือ ว่ากล่าวรถไฟ ผมขอให้ท่านหยุดคิดสักนิด คิดถึงใจเขาใจเราว่า หากเราพูดในเรื่องไม่ดีของสิ่งที่ท่านชอบ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ผมขอให้กระทู้นี้ เป็นกระทู้สะอาด ปลอดดราม่า และอุดมไปด้วยสาระ ตามความต้องการของผม ของคนที่รีเควสให้ผมมารีรันอีกรอบ ของเพื่อนๆผม และของรถไฟที่ผมรัก ขอขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งครับ ปล. หากท่านมาอ่านแล้ว คันไม้คันมือคันปากคันสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วอยากด่ากราดอะไรลงไปหรืออย่างไร แนะนำให้อ่านจนจบ แล้วลองเอาความคิดตรงนั้นมาลองดูว่า เพราะอะไร ทำไม และเหตุใด คุณจะเข้าใจรถไฟมากขึ้นครับ ขอขอบพระคุณอีกครั้งด้วยไมตรีจิต จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:40:21

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะให้พูดถึงการเดินทางด้วยรถไฟ ใครต่อใครก็จะบอกว่ารถไฟนั้น “ช้า” และ “ล้าสมัย” แต่ในความเป็นจริงนั้น รถไฟถือได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย และเป็นสิ่งที่ทำให้สยามรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสที่แผ่ขยายอำนาจมาทางภาคอีสานของไทยแล้ว รถไฟไทยนั้น เริ่มที่จะมีการทำมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แต่ยังไม่ได้ทำสำเร็จก็ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเสียก่อน รัชกาลที่ 5 จึงสานต่อเจตนารมย์ของผู้เป็นพระบิดา ปี 2439 ทางรถไฟสายแรก กรุงเทพ – นครราชสีมา ได้สร้างเสร็จบางส่วนไปถึงสถานีกรุงเก่า (อยุธยาในปัจจุบัน) ได้เปิดเดินรถในวันแรก คือ 26 มีนาคม 2439 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในการเปิดเดินรถไฟครั้งแรก และในวันที่ 27 มีนาคม 2439 จึงได้เดินรถเพื่อเป็นการเดินทางของประชาชนทั่วไปนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จวบจนวันนี้ก็ผ่านมา 115 ปีแล้ว (เหตุที่เป็น 115 ปี เพราะว่า ในปี 2439 ปีใหม่ไทยยังคงใช้วันที่ 13 เมษายน อยู่ ก่อนจะเปลี่ยนตามสากล) การพัฒนาของการรถไฟนั้น ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกๆ การเปิดเดินรถได้ขยาย จากกรุงเก่า ไปนครราชสีมา ไปอุบล เชียงใหม่ และอีกหลายๆแห่งในปีต่อๆมา จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:41:23

ความคิดเห็นที่ 3 โหวตให้ก่อน กดเก็บเข้าคลังแล้ว(ใครๆก็กดเก็บได้ แม้กระทั่งจขกท.) กิ้ฟหมด มารออ่าน,ชม จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:43:18

ความคิดเห็นที่ 4 เส้นทางรถไฟของไทยนั้น แบ่งออกเป็น 4 เส้นทางหลัก และ 1 เส้นทางรอง โดยแต่ละสายนั้นจะเริ่มต้นที่สถานีกรุงเทพ หรือ ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าสถานีหัวลำโพง และจะผ่านในเส้นทางต่างๆตามภูมิภาคนั้นๆ ซึ่งมักมีหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมบางจังหวัดที่เจริญๆรถไฟถึงไม่ผ่าน เช่น ภูเก็ต หรือ เชียงราย เพราะเส้นทางรถไฟนั้นจะตัดผ่านในส่วนของจังหวัดที่เป็นศูนย์กลาง หรือความเจริญในสมัยนั้นๆ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทางรถไฟบางเส้นเช่นสายใต้ ทำไมต้องผ่านไปทาง อ.นาสาร อ.เวียงสระ อ.ทุ่งสง แล้วมีเส้นทางแยกไป อ.เมืองนครศรีธรรมราช ทั้งๆที่น่าจะตัดเข้า อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ออกไป อ.ดอนสัก อ.สิชล และเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราชเลย เพราะในอดีตนั้น อ.นาสาร อ.เวียงสระ ถือได้ว่าเป็นแหล่งแร่ดีบุกที่ส่งออกประเทศได้ดีที่สุด นั่นเอง มีอีกทฤษฎีหนึ่งซึ่งมองเห็นภาพได้ชัดที่สุด ในสมัยอดีตนั้น การเดินทางถูกจำกัดอยู่แค่ ทางน้ำ หรือทางเกวียน มีชุมชุนขนาดใหญ่หลายแห่งเกิดขึ้นริมแม่น้ำนั้น ทางรถไฟสายเหนือ ลองพิจารณาตามแผนที่แล้วนะครับ จะสร้างผ่านแม่น้ำสายหลักทั้งนั้น เริ่มจาก สถานีกรุงเทพ อยู่ใกล้กับเยาวราช และแม่น้ำเจ้าพระยา ทางรถไฟจะตัดเลียบกับคลองเปรมประชากร และชิดกับแม่น้ำป่าสักบริเวณพระนครศรีอยุธยา จากนั้น ก็จะตัดข้ามแม่น้ำป่าสักที่ท่าเรือ อันเป็นจุดต่อช้างไปยังพระพุทธบาท และก็ผ่านที่ชุมชนเก่าแก่โบราณ เช่น บ้านหมี่ จันเสน ตาคลี ไปจนถึงปากน้ำโพ แล้วทางรถไฟก็จะขนานไปกับแม่น้ำน่าน ผ่านเมืองริมน้ำสำคัญๆ เช่น ชุมแสง ตะพานหิน พิจิตร พิษณุโลก พิชัย และข้ามแม่น้ำน่านที่บ้านดารา จากนั้นทางรถไฟจะวกขึ้นเขา เพื่อข้ามไปยังเมืองเด่นชัย อันเป็นแอ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำยม และ น่าน โดยจะเลียบแม่น้ำยม และข้ามที่บริเวณแก่งหลวง ก่อนจะตัดข้ามเขาเพื่อไปหาแม่น้ำวังที่ลำปาง และจบท้ายด้วยแม่น้ำปิงที่เมืองเชียงใหม่นั้นเอง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:46:00

ความคิดเห็นที่ 5 สถานีกรุงเทพ หรือ ที่เรียกกันติดปากว่าสถานีหัวลำโพงนั้น จะมีกี่คนที่จะทราบว่าแท้จริงแล้ว เป็นคนละสถานีกัน สถานีกรุงเทพ เป็นต้นทางของกรมรถไฟหลวง (รฟล.) ที่เริ่มต้นจากพระนคร ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปอีสาน แต่สถานีหัวลำโพง เป็นสถานีต้นทางของทางรถไฟสายปากน้ำ ซึ่งเริ่มต้นจากหัวลำโพง ผ่านสามย่าน คลองเตย พระโขนง สมุทรปราการ ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว ตั้งแต่ 1 มกราคม 2503 พร้อมกับการจากไปของสถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีสามย่าน สถานีศาลาแดง และสถานีอื่นๆในเส้นทางจนถึงศาลากลางสมุทรปราการ และได้มีการสร้างถนนทับทางรถไฟเดิมแทน ถนนนั้นคือ ถนนพระราม4 ถนนทางรถไฟสายเก่า และ ถนนสุขุมวิท บางช่วง สถานีกรุงเทพ กับ สถานีหัวลำโพง จึงเรียกได้ว่าเป็นคนละสถานี ทั้งชื่อ และ ตำแหน่งที่ตั้ง ถ้านึกภาพไม่ออกว่าเดิมที่สถานีหัวลำโพงอยู่ตรงไหน ให้นึกถึงสถานีรถไฟใต้ดินหัวลำโพง บริเวณแยกหัวลำโพง นั่นแหละครับ สถานีหัวลำโพงที่แท้จริง ส่วนด้านหน้าสถานีกรุงเทพนั้น บริเวณวงเวียนหน้าสถานี จะเห็นป้ายชื่อจารึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “สถานีกรุงเทพ” แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 55 21:48:30 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:47:44

ความคิดเห็นที่ 6 ทางรถไฟในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 4 เส้นทางหลัก และ 1 เส้นทางรอง เส้นทางหลักคือ 1. สายเหนือ 2. สายตะวันออกเฉียงเหนือ 3. สายใต้ 4. สายตะวันออก และสายรองคือ สายแม่กลอง แบ่งเป็น 2 ส่วนย่อยคือ 1.1 วงเวียนใหญ่ - มหาชัย 1.2 บ้านแหลม - แม่กลอง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:49:12

ความคิดเห็นที่ 7 ทางรถไฟสายเหนือ ทางรถไฟสายเหนือมีจุดเริ่มต้นที่สถานีกรุงเทพ ผ่านตามจุดต่างๆ ดังนี้ จ.กรุงเทพมหานคร ผ่าน เขตปทุมวัน  เขตดุสิต  เขตจตุจักร  เขตบางเขน  เขตหลักสี่  เขตดอนเมือง จ.ปทุมธานี  ผ่าน อ.เมืองปทุมธานี(รังสิต)  อ.คลองหลวง (เชียงราก) จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่าน อ.บางปะอิน  อ.พระนครศรีอยุธยา   อ.นครหลวง(มาบพระจันทร์)  อ.ภาชี  อ.ท่าเรือ จ.สระบุรี  ผ่าน อ.บ้านหมอ  อ.หนองโดน จ.ลพบุรี  ผ่าน อ.เมืองลพบุรี  อ.บ้านหมี่ จ.นครสวรรค์  ผ่าน อ.ตาคลี  อ.พยุหะคีรี(เนินมะกอก)  อ.เมืองนครสวรรค์  อ.ชุมแสง จ.พิจิตร ผ่าน อ.บางมูลนาก  อ.ตะพานหิน  อ.เมืองพิจิตร จ.พิษณุโลก  ผ่าน อ.บางกระทุ่ม  อ.เมืองพิษณุโลก  อ.พรหมพิราม จ.อุตรดิตถ์  ผ่าน อ.พิชัย  อ.ตรอน  อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย  ผ่าน อ.ศรีนคร(คลองมะพลับ)  อ.สวรรคโลก จ.แพร่  ผ่าน อ.เด่นชัย  อ.ลอง จ.ลำปาง  ผ่าน อ.แม่จาง  อ.แม่เมาะ  อ.แม่ทะ  อ.เมืองลำปาง  อ.ห้างฉัตร จ.ลำพูน  ผ่าน อ.แม่ทา  อ.เมืองลำพูน จ.เชียงใหม่  ผ่าน อ.สารภี  อ.เมืองเชียงใหม่ ระยะทางจาก กรุงเทพ – เชียงใหม่ คือ 751 กม. สภาพทาง จากกรุงเทพ – ศิลาอาสน์ จะเป็นทางราบ  แต่จากนั้นไปจะเป็นภูเขาตลอดเส้นทาง สลับด้วยที่ราบแคบๆ จนถึงสถานีหนองหล่ม อ.เมือง จ.ลำพูน และจะเป็นทางราบไปจนถึงสถานีเชียงใหม่ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:50:31

ความคิดเห็นที่ 8 สายตะวันออกเฉียงเหนือ สายนี้แยกออกมาจากสายเหนือที่สถานีชุมทางบ้านภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านไปยังจังหวัดในภาคอีสาน และมีเส้นทางหลัก 2 เส้นคือสายอุบลราชธานี และ สายหนองคาย สายอุบลราชธานี ผ่านสถานที่ดังต่อไปนี้ จ.สระบุรี  ผ่าน  อ.หนองแซง  อ.เมืองสระบุรี  อ.แก่งคอย  อ.มวกเหล็ก จ.นครราชสีมา  ผ่าน อ.ปากช่อง  อ.สีคิ้ว  อ.สูงเนิน  อ.เมืองนครราชสีมา  อ.เฉลิมพระเกียรติ(ท่าช้าง)  อ.จักราช  อ.ห้วยแถลง จ.บุรีรัมย์  ผ่าน  อ.ลำปลายมาศ  อ.เมืองบุรีรัมย์  อ.ห้วยราช  อ.กระสัง จ.สุรินทร์  ผ่าน อ.เมืองสุรินทร์  อ.ศีขรภูมิ  อ.สำโรงทาบ จ.ศรีสะเกษ  ผ่าน อ.ห้วยทับทัน  อ.อุทุมพรพิสัย  อ.เมืองศรีสะเกษ  อ.กันรารมย์ จ.อุบลราชธานี  ผ่าน อ.วารินชำราบ (สถานีอุบลราชธานี) สายหนองคาย แยกจากสายอุบลราชธานีที่สถานีชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา โดยจะผ่านดังต่อไปนี้ จ.นครราชสีมา  ผ่าน  อ.เมืองนครราชสีมา  อ.โนนสูง  อ.คง  อ.บัวใหญ่  กิ่งอ.บัวลาย จ.ขอนแก่น  ผ่าน  อ.พล  อ.บ้านไผ่  อ.โนนศิลา(บ้านหัน)  อ.บ้านแฮด  อ.เมืองขอนแก่น  อ.น้ำพอง  อ.เขาสวนกวาง จ.อุดรธานี  ผ่าน อ.โนนสะอาด  อ.กุมภวาปี  อ.ประจักษ์(ห้วยสามพาด)  อ.เมืองอุดรธานี   จ.หนองคาย  ผ่าน  อ.เมืองหนองคาย ทั้งนี้ ยังมีเส้นทางสายย่อย 1 เส้นทาง คือ สายแก่งคอย – บัวใหญ่  เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสายหนองคาย กับ สายอุบล โดยไม่ต้องผ่านนครราชสีมา เป็นเส้นทางที่ผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และทุ่งทานตะวันด้วย โดยจะผ่านสถานที่ดังนี้ จ.สระบุรี  ผ่าน  อ.แก่งคอย   จ.ลพบุรี  ผ่าน  อ.พัฒนานิคม(แก่งเสือเต้น)  อ.ชัยบาดาล(ลำนารายณ์)  อ.ลำสนธิ(โคกคลี) จ.ชัยภูมิ  ผ่าน  อ.เทพสถิต(บ้านวะตะแบก)  อ.บำเหน็จณรงค์  อ.จัตุรัส  อ.เนินสง่า(หนองฉิม)   จ.นครราชสีมา  อ.บ้านเหลื่อม  อ.บัวใหญ่ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:50:57

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามารออ่านค่ะ โดยส่วนตัว เคยแหกขี้ตา ตื่นมานั่งรถไฟที่หัวลำโพง รอบตี 5.50 เพื่อไปไหว้พระที่หลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา เป็นขบวนที่ไปถึงอรัญประเทศเลยค่ะ  จึงได้เห็นเหล่า backpacker ฝรั่ง แบกเป้ใบโต นั่งรถไฟเพียบเลยค่ะ ตอนนั้นฟินสุดๆเลยค่ะ นั่งมองเหล่าbackperฝรั่ง แล้วก็คิดว่าพวกคุณเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของชั้น 555 รถไฟชั้น 3 ไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ร้อนมาก  แถมฟรีด้วย ชอบจังเยย :) จากคุณ : แฟนlinKinPark เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:51:52

ความคิดเห็นที่ 10 ตามเข้ามา อ่านต่อครับ พร้อมเก็บเข้าคลับกระทู้ ตามที่ คุณต้นโพธิ์ต้นไทร แนะนำไว้ครับ ปล.สอบถามคุณแฮมมึน ครับ การซื้อตั๋วรถไฟไปลงบัตเตอร์เวอร์ธ ซื้อล่วงหน้าที่สถานนีหัวหมาก ได้หรือเปล่าครับ และที่สถานีหัวหมากรับบัตรเครดิตไหมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:52:16

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบก่อน.... คุณ ATM ครับ ตั๋วล่วงหน้าซื้อได้ทุกสถานีในเขตกรุงเทพ และสถานีใหญ่ๆทั่วประเทศได้เลยครับ ส่วนเครดิต ตอนนี้ในกรุงเทพ รับแค่ กรุงเทพ สามเสน บางซื่อ และดอนเมืองครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:54:20

ความคิดเห็นที่ 12 สายใต้ ทางรถไฟสายใต้จะมีต้นทาง 2 แห่ง คือสถานีกรุงเทพ และ สถานีธนบุรี โดยทางสายใต้ จะแยกจากทางสายเหนือที่สถานีชุมทางบางซื่อ และจะผ่านสถานที่ดังต่อไปนี้ จ.กรุงเทพมหานคร ผ่าน เขตบางซื่อ  เขตบางพลัด(บางบำหรุ) เขตบางกอกน้อย(ธนบุรี) เขตตลิ่งชัน  เขตทวีวัฒนา(ศาลาธรรมสพน์) จ.นนทบุรี  มีบางส่วนของทางรถไฟเข้าไปในท้องที่ของ อ.บางกรวย บริเวณตั้งแต่สะพานพระราม6 จนถึงสถานีบางบำหรุ จ.นครปฐม  ผ่าน อ.พุทธมณฑล(ศาลายา)  อ.นครชัยศรี  อ.เมืองนครปฐม  จ.ราชบุรี  ผ่าน อ.บ้านโป่ง  อ.โพธาราม  อ.เมืองราชบุรี  อ.ปากท่อ จ.เพชรบุรี  ผ่าน อ.เขาย้อย  อ.เมืองเพชรบุรี  อ.ท่ายาง(หนองจอก)  อ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์  ผ่าน  อ.หัวหิน  อ.ปราณบุรี  กิ่งอ.สามร้อยยอด  อ.กุยบุรี  อ.เมืองประจวบฯ  อ.ทับสะแก  อ.บางสะพาน  อ.บางสะพานน้อย จ.ชุมพร  ผ่าน  อ.ปะทิว  อ.เมืองชุมพร  อ.สวี  อ.ทุ่งตะโก(ปากตะโก)  อ.หลังสวน  อ.ละแม   จ.สุราษฎร์ธานี  ผ่าน  อ.ท่าชนะ  อ.ไชยา  อ.ท่าฉาง  อ.พุนพิน(สถานีสุราษฎร์ธานี)  อ.บ้านนาเดิม(สถานีบ้านนา)  อ.บ้านนาสาร(สถานีนาสาร)  อ.เวียงสระ(สถานีบ้านส้อง) จ.นครศรีธรรมราช ผ่าน  อ.ฉวาง  กิ่งอ.ช้างกลาง(สถานีหลักช้าง)  อ.นาบอน  อ.ทุ่งสง  อ.ร่อนพิบูลย์  อ.เมืองนครศรีฯ(สายแยกนคร)  อ.จุฬาภรณ์(สถานีควนหนองคว้า)  อ.ชะอวด   จ.ตรัง ผ่าน อ.ห้วยยอด อ.เมืองตรัง อ.กันตัง (สายย่อย) จ.พัทลุง  ผ่าน  อ.ควนขนุน(สถานีปากคลอง)  อ.เมืองพัทลุง  อ.เขาชัยสน  อ.บางแก้ว  อ.ปากพะยูน(สถานีหารเทา) อ.ป่าบอน(สถานีโคกทราย) จ.สงขลา  ผ่าน  อ.ควนเนียง  อ.บางกล่ำ  อ.หาดใหญ่  อ.นาหม่อม(นาม่วง)  อ.จะนะ  อ.เทพา จ.ปัตตานี  ผ่าน  อ.โคกโพธิ์(สถานีปัตตานี)  อ.แม่ลาน(สถานีคลองทราย) จ.ยะลา  ผ่าน  อ.เมืองยะลา  อ.รามัน จ.นราธิวาส  ผ่าน  อ.รือเสาะ  อ.ระแงะ(สถานีตันหยงมัส)  อ.เจาะไอร้อง  อ.สุไหงปาดี  อ.สุไหงโกลก "ทั้งนี้ยังมีสายแยกอีก ดังนี้" 1. สายสุพรรณบุรี แยกจากสายหลักที่ชุมทางหนองปลาดุก ผ่าน จ.นครปฐม ใน อ.กำแพงแสน และผ่าน จ.สุพรรณบุรี ใน อ.สองพี่น้อง  อ.บางปลาม้า และ อ.เมืองสุพรรณบุรี 2. สายกาญจนบุรี แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก ผ่าน จ.ราชบุรี ใน อ.บ้านโป่ง  จ.กาญจนบุรี ที่ อ.ท่ามะกา  อ.ท่าม่วง  อ.เมืองกาญจนบุรี  และ อ.ไทรโยค 3. สายคีรีรัฐนิคม แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์  ผ่าน อ.พุนพิน และ อ.คีรีรัฐนิคม 4. สายกันตัง(หรือเรียกว่าสายตรัง) แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางทุ่งสง ผ่าน อ.ห้วยยอด  อ.เมืองตรัง และ อ.กันตัง 5. สายนครศรีธรรมราช แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางเขาชุมทอง ผ่าน อ.ร่อนพิบูลย์ และ อ.เมือง 6. สายปาดังเบซาร์ แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ ผ่าน อ.สะเดา จ.สงขลา และเข้าสู่ประเทศมาเลเซียที่สถานีปาดังเบซาร์ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 12:33:08 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 12:32:12 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:54:49

ความคิดเห็นที่ 13 สายตะวันออก สายตะวันออกเป็นทางรถไฟที่แยกออกจากทางหลักที่กรุงเทพเลย ซึ่งจะมี 2 เส้นทางหลักคือ สายอรัญประเทศ และ สายสัตหีบ สายอรัญประเทศ จ.กรุงเทพมหานคร ผ่าน เขตราชเทวี  เขตห้วยขวาง  เขตสวนหลวง  เขตคประเวศ  เขตลาดกระบัง   จ.ฉะเชิงเทรา ผ่าน อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ปราจีนบุรี ผ่าน อ.บ้านสร้าง อ.เมืองปราจีนบุรี อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี จ.นครนายก มีเสี้ยวหนึ่งที่ผ่าน อ.ปากพลี และกลับเข้าสู่ อ.เมืองปราจีนบุรีอีกครั้ง จ.สระแก้ว ผ่าน อ.เมืองสระแก้ว อ.วัฒนานคร และ อ.อรัญประเทศ สายสัตหีบ แยกจากสายอรัญประเทศที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ข้ามแม่น้ำบางปะกงที่บริเวณตลาดบ้านใหม่ ผ่านสถานที่ดังนี้ จ.ฉะเชิงเทรา ผ่าน อ.เมืองฉะเชิงเทรา อ.บ้านโพธิ์(ดอนสีนนท์)   จ.ชลบุรี  ผ่าน อ.พานทอง  อ.เมืองชลบุรี  อ.ศรีราชา  อ.แหลมฉบัง(สายสินค้า)  อ.บางละมุง  เทศบาลเมืองพัทยา  และ อ.สัตหีบ(บ้านพลูตาหลวง) จากนั้นจะมีอีกสายหนึ่งไปมาบตาพุด แยกออกจากสายสัตหีบที่สถานีชุมทางเขาชีจรรย์ จะผ่าน อ.บ้านฉาง และสุดปลายทางที่สถานีมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งเส้นนี้จะมีแค่รถสินค้าผ่านเท่านั้น จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:56:41

ความคิดเห็นที่ 14 สายแม่กลอง เป็นสายที่แยกออกจากเส้นทางหลักอย่างสิ้นเชิง โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตอนวงเวียนใหญ่ - มหาชัย จะเริ่มต้นที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ (จะอยู่บริเวณตำแหน่งหางม้าของสมเด็จพระเจ้าตากสิน) ผ่านไปทางจอมทอง บางบอน ไปปลายทางที่สถานีมหาชัย บริเวณตลาดมหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:57:52

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าหากต้องการเดินทางไปแม่กลอง ให้นั่งเรือจากท่ามหาชัย ไปท่าฉลอม (ถ้านั่งรถไฟมาในจังหวะมีช่วงต่อพอดี ก็จะมีเรือไปส่งที่ท่าวัดบ้านแหลม) จุดนี้จะเริ่มต้นจากสถานีบ้านแหลม ไปปลายทางที่สถานีแม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม หรือที่เรารู้จักกันโดยทั่วไปว่า "ตลาดร่มหุบ" ซึ่งทั้งสองสายนั้น อินดี้ ไม่ร่วมกับสายอื่นๆที่เป็นสายหลักครับ เพราะเดิมเป็นของเอกชนมาก่อน และดำเนินการแล้วจะเจ๊ง รฟท.ก็เลยมารับภาระส่วนนั้นไป จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 21:58:53

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อแตกต่างของรถไฟ กับ ยานพาหนะชนิดอื่นๆ หลายคนมักจะตั้งคำถามว่า ทำไมรถไฟถึงวิ่งช้า จริงๆแล้วรถไฟไม่ได้วิ่งช้าหรอกครับ ความเร็วนั้นไม่ต่างกันกับรถทัวร์ที่วิ่งปุเลงๆไปมาทุกวันนี้ แต่ข้อจำกัดของรถไฟนั้นมีเยอะ และเป็นข้อจำกัดที่มีทั่วโลกด้วยซ้ำ เรื่องของความชัน เครื่องบิน ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเขามีทางของเขาชัดเจน ไม่มีใครเป็นอุปสรรคนอกจากฟ้าฝนและอุกาบาต (อาจรวมถึงจรวดมิซไซ) เราจึงขอผ่านเขาไปโดยไม่ต้องอ้างอิงอีก รถทัวร์ สามารถใช้ถนนอะไรก็ได้ในการเดินทาง เพราะถนนนั้นมีหลายสาย ถ้าตรงนี้รถติดก้เลี่ยงไปใช้เส้นอื่นได้ และอีกอย่างหนึ่งคือความลาดชันของถนนนั้นจะไม่จำกัดมาก ขึ้นเขา หรือขึ้นสะพาน ก็เป็นความชันที่สามารถให้รถทัวร์ หรือรถยนต์ไต่ระดับได้ แต่ทางรถไฟนั้น จะมีทางเดียว ใช้เลี่ยงไปทางอื่นไม่ได้ยกเว้นสายอีสาน ซึ่งถ้าหากมีเหตุแถวๆปากช่อง รถไฟสามารถใช้เส้นทางเลี่ยงออกไปทางเขื่อนป่าสัก และอ้อมลงมาบัวใหญ่ เข้านครราชสีมาได้ แต่จะเสียเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง อีกเรื่องคือความชัน รถไฟจะไม่สามารถไต่ระดับความชันแบบมหาโหดอย่างรถยนต์ได้ เพราะข้อจำกัดเกี่ยวกับหน่วยลากจูง น้ำหนัก และแรงโน้มถ่วงของโลก ความชันสุดๆของรถไฟนั้น นับหน่วยเป็นเปอร์มิล คือ 26 เปอร์มิล อยู่ที่บริเวณดอยขุนตาล ก็คือ ระยะทาง 1000 เมตร ความสูงจากจุดเริ่ม จนถึงจุด 1000 เมตร จะสูง 26 เมตร เป็นแบบสามเหลี่ยมมุมฉาก หรือถ้ามองดูง่ายๆ ก็ชันน้อยกว่าทางขึ้นสะพานพุทธเสียอีก จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:02:16

ความคิดเห็นที่ 17 ความเร็ว เครื่องบินของผ่าน 555+ รถยนต์ และรถทัวร์ จะใช้ความเร็วได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับความตีนผี และการประคองตัวของผู้ขับ อยากขับแบบลมโชยก็ตามสบาย หรืออยากซิ่งเหยียบซัก 140 ก็เรื่องของคนขับว่าจะสามารถขับโดยใช้ชีวิตรอดได้อย่างไรนั่นเอง แต่กับรถไฟนั้น จะมีการจำกัดความเร็ว โดยป้ายข้างทางจะปักๆๆๆๆเอาไว้ บอกพนักงานขับรถว่าอย่าขับเกินนี้นะ เพราอะไรน่ะเหรอครับ เพราะว่ารถไฟนั้นมีน้ำหนักเยอะ ยิ่งเข้าโค้งยิ่งมีแรงเหวี่ยงเยอะ กฎอะไรทางฟิสิกส์นั้นผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่เข้าโค้งแคบๆ เร็วๆทีไร เหวี่ยงทุกที ฉะนั้นแล้ว โค้งรัศมีแคบๆ (หรือความหมายของรถยนต์คือโค้งหักศอก) รถไฟก้จะต้องชะลอความเร็ว อีกอย่างที่เป็นอุปสรรคเลยคือ ถนนตัดผ่าน และที่ชุมชน ถึงถนนจะตัดผ่านเยอะอย่างไร รถไฟก็เร่งพยายามทำที่กั้น แต่ถนนที่ลักลอบทำ หรือ ทำโดยไม่มีเครื่องกั้น ก็โผล่ขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และบางที่มีเครื่องกั้นอัตโนมัติแล้ว แต่คานนั้นจะกั้นเฉพาะเลน ก้ยังอุตส่าห์จะซิกแซกเข้าไป...อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึกแล้วล่ะครับแบบนี้ พอเจอแบบนี้ไป รถไฟก็ต้องชะลอตัวอีก.... พูดถึงเรื่องของความเร็วรถไฟกันต่อ ความเร็วนั้นจะถูกกำหนดเอาไว้เลยคือ รถจักร ความเร็วสูงสุด จะได้ 90 กม./ชม. รถดีเซลราง ความเร็วสูงสุด จะได้ 120 กม./ชม. ใครว่าไม่เร็ว ปกติ รถเขาก็ขับความเร็วเท่านี้กันตามท้องถนน แต่!!! มีข้อแม้เรื่องหลักวิทยาศาสตร์อีก เพราะรถไฟนั้นมีน้ำหนักมาก แรงเฉื่อยสูง การหยุดนั้นจะไม่ ABS เหมือนรถยนต์ ทุกครั้งเลยการเบรค จะต้องลงเบรคก่อนถึงจุดที่ต้องการหยุด “ร่วมกิโลเมตร” หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนตัวออก ก็จะเริ่มจากเชื่องช้า สะสมพลังงานไปจนความเร็วได้ระดับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:04:50

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องของทาง ถนนความเร็วจะต่างกันสำหรับยางมะตอย กับ คอนกรีตเสริมเหล็ก ซึง่ทางโค้งก็มีปัจจัยกับความเร็วด้วย สำหรับทางรถไฟนั้น ขนาดราง หมอน และความแน่นของหิน เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความเร็วของรถไฟ ยิ่งรางมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ หินแน่นเท่าไหร่ จะเป็นหมอนไม้ หรือหมอนปูน ก็วิ่งเร็วได้ แต่ถ้ารางเล็ก หินหลวม ก็วิ่งเร็วไม่ได้ แต่โครงสร้างที่ดี แข็งแรง ย่อมมีค่าใช้จ่ายจากการบำรุงรักษาที่มากเป็นพิเศษตามมา จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:06:01

ความคิดเห็นที่ 19 มารู้จักรถไฟกันก่อน รถไฟ เป็นยานพาหนะชนิดหนึ่ง ซึ่งเดินทางไปตามรางเหล็กที่ตัดผ่านสถานที่ต่างๆ รถไฟนั้นจะพ่วงต่อกันไปยาวๆ ในหนึ่งขบวนจะมีหลายตู้ รถไฟที่ให้บริการในประเทศเรานั้นมีชนิดหลักๆอยู่ 2 ชนิดคือ 1. รถลาก คือ ขบวนรถไฟที่ใช้หัวรถจักรลากรถพ่วง ซึ่งรถพ่วงนั้นจะไม่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อน และ กำลังของตัวเอง จึงต้องใช้หัวรถจักรลากออกไป รถแบบนี้จะค่อนข้างเปลืองพลังงาน เนื่องจากว่าหัวใจหลักคือหัวรถจักร อันเดียว คันเดียว ใช้กำลังมหาศาลในการฉุดกระชากลากถูรถพ่วงอีกหลายสิบคันที่ตามหลังมา ประมาณว่าเร่งเครื่องทีดูดน้ำมันไป 2 ลิตรเลยทีเดียว จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:06:44

ความคิดเห็นที่ 20 2. รถดีเซลราง คือ ขบวนรถไฟที่มีกำลังขับเคลื่อนด้วยตัวเอง มีความคล่องตัวสูง น้ำหนักเบา สามารถทำความเร็วได้ดี ข้อสังเกตคือ รถจะสั้นกะทัดรัดน่ารักน่าชม ห้องโดยสารมีทุกตู้ไม่ต้องมีหัวรถจักรเลย ทุกคันสูบน้ำมันโดยพร้อมเพรียงกัน อัตราเร่งไม่มาก ไม่เปลือง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:07:17

ความคิดเห็นที่ 21 เรามารู้จักลักษณะนามของรถไฟกันก่อน ตู้รถไฟนั้น มีลักษณะนามว่า “คัน” หรือ “ตู้” ไม่ใช่ “โบกี้” โบกี้ คืออุปกรณ์รับน้ำหนักตู้รถขนาดใหญ่ ซึ่งจะอยู่บริเวณล้อ การที่เราเรียกกันติดปากว่าโบกี้นั้นเพราะว่าตุ้รถไฟคันนั้นใช้โบกี้ในการรับน้ำหนัก และมี 8 ล้อ จึงเรียกว่า “รถแบบโบกี้” ขบวน ขบวนคือ รถหลายๆคันมาต่อรวมกัน เราเรียกว่า “ขบวน” หลักบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆ 2 ล้อ = 1เพลา 2 เพลา = 1แคร่(โบกี้) 2 แคร่(โบกี้) = 1 คัน หลายๆคัน = 1 ขบวน จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:08:27

ความคิดเห็นที่ 22 ประเภทของรถไฟ รถด่วนพิเศษ Special Express รถด่วนพิเศษ เป็นขบวนรถที่ให้บริการในเส้นทางไกล เน้นหนักไปที่รถชั้น 2 และชั้น 1 มีสถานีหยุดให้บริการในส่วนของสถานีที่สำคัญ คิดเป็นเปอร์เซนต์การหยุดรับส่งผู้โดยสาร จะอยู่ราวๆ 20% ของเส้นทาง รถด่วนพิเศษที่มีให้บริการ สายเหนือ รถด่วนพิเศษนครพิงค์ที่ 1/2 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ รถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ สายใต้ รถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 กรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ รถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37/38 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:09:34

ความคิดเห็นที่ 23 รถด่วนพิเศษดีเซลราง (Special Express) รถด่วนพิเศษดีเซลราง เป็นการให้บริการประเภทรถด่วนพิเศษ แต่ว่าจะมีแค่รถนั่งอย่างเดียวเท่านั้น จะใช้รถดีเซลรางในการทำขบวน มักเรียกกันติดปากว่า “สปรินเตอร์” มีสถานีหยุดรับส่งผู้โดยสารคิดเป็นประมาณ 30% ของเส้นทาง และจะมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถให้ด้วย ขบวนรถที่ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3/4 กรุงเทพ – สวรรคโลก – ศิลาอาสน์ / ศิลาอาสน์ - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 11/12 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 21/22 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 39/40 กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 41/42 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/44 กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ (ขบวน 39 และ 41 จะวิ่งไปด้วยกัน และ ขบวน 42 กับ 44 จะวิ่งไปด้วยกัน) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:13:42

ความคิดเห็นที่ 24 รถด่วน Express รถด่วนจะมีรถให้บริการหลายรูปแบบ บางขบวนจะมีแค่ชั้น 3/2 บางขบวนมีครบทั้ง 1/2/3 หรือบางขบวนมีแค่ชั้น 1/2 จะแบ่งอัตราส่วนรถนั่งกับรถนอนไว้ประมาณ 50:50 มีสถานีหยุดตามรายทางประมาณ 40% ของเส้นทาง ขบวนรถที่ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ (ไม่มีชั้น 1) สายอีสาน ขบวนรถด่วนที่ 67/68 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 69/70 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:15:28

ความคิดเห็นที่ 25 รถด่วนดีเซลราง (Express) เป็นซับเซตของขบวนรถด่วน คือใช้รถดีเซลรางทำขบวน และมีแต่รถนั่ง ซึ่งจะมีให้เลือก 2 แบบคือ ชั้น 3 และ ชั้น 2 ปรับอากาศ ขบวนประเภทนี้จะมีสถานีหยุดรายทางประมาณ 50%ของเส้นทาง ขบวนที่ให้บริการ สายอีสาน ขบวนรถด่วนที่ 71/74 กรุงเทพ – ศรีสะเกษ - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 73/72 กรุงเทพ – ศีขรภูมิ – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 75/78 กรุงเทพ – อุดรธานี – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 77/76 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:16:11

ความคิดเห็นที่ 26 รถเร็ว Rapid รถเร็ว เป็นรถที่ให้บริการในเส้นทางที่มากกว่า 500 กม.ขึ้นไป เน้นหนักไปที่รถนั่งมากกว่า จะมีชั้น 2 และชั้น3 ส่วนในบางขบวนนั้นจะมีรถนอนให้บริการด้วย ขบวนรถเร็วจะหยุดรายทางประมาณ 60% -70% ของเส้นทาง ขบวนที่ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถเร็วที่ 105/106 กรุงเทพ – ศิลาอาสน์ – กรุงเทพ (ใช้รถดีเซลราง และมีรถแอร์) ขบวนรถเร็วที่ 107/108 กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ (ข.109 มีรถนอน/*ข.102ไม่มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 111/112 กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 115/116 กรุงเทพ – พิษณุโลก – กรุงเทพ (ขบวนนี้จอดค่อนข้างเยอะ) สายอีสาน ขบวนรถเร็วที่ 133/134 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 135/136 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 139/140 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 141/142 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 143/144 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ (ขบวนนี้จอดค่อนข้างเยอะ) สายใต้ ขบวนรถเร็วที่ 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ (มีรถนอน) ขบวนรถเร็วที่ 175/176 หาดใหญ่ – สุไหงโกลก – หาดใหญ่ ขบวนรถเร็วที่ 177/178 ธนบุรี – หลังสวน – ธนบุรี จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:17:22

ความคิดเห็นที่ 27 รถธรรมดา Ordinary รถธรรมดา เป็นรถบริการเชิงสังคมให้บริการในเส้นทางระยะไม่เกิน 500 กม. โดยมีแต่รถชั้น 3 ส่วนในบางขบวนจะมีรถชั้น 2 พ่วงด้วย แต่ไม่สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ โดยจะหยุดให้บริการตั้งแต่ 80%-100% ของเส้นทาง ในกรณีที่ไม่ใช่รถไฟฟรี (หรือหมดอายุไปแล้ว) ก็จะไม่เก็บค่าธรรมเนียม ขบวนที่ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถธรรมดาที่ 201/202 กรุงเทพ – พิษณุโลก – กรุงเทพ (มีชั้น2) ขบวนรถธรรมดาที่ 207/208 กรุงเทพ – นครสวรรค์ – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 209/210 กรุงเทพ – บ้านตาคลี – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 211/212 กรุงเทพ – ตะพานหิน - กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถธรรมดาที่ 233/234 กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถธรรมดาที่ 251/252 ธนบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ - ธนบุรี ขบวนรถธรรมดาที่ 255/254 ธนบุรี – หลังสวน – ธนบุรี (มีชั้น2) ขบวนรถธรรมดาที่ 257/258 ธนบุรี – น้ำตก – ธนบุรี ขบวนรถธรรมดาที่ 259/260 ธนบุรี – น้ำตก – ธนบุรี ขบวนรถธรรมดาที่ 261/262 กรุงเทพ – หัวหิน – กรุงเทพ สายตะวันออก ขบวนรถธรรมดาที่ 275/276 กรุงเทพ – อรัญประเทศ – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 277/278 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 279/280 กรุงเทพ – อรัญประเทศ - กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 281/282 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ ขบวนรถธรรมดาที่ 283/284 กรุงเทพ – บ้านพลูตาหลวง – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันจันทร์ – ศุกร์) ขบวนรถธรรมดาที่ 285/286 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:18:20

ความคิดเห็นที่ 28 รถชานเมือง รถชานเมือง เป็นรถที่ให้บริการในส่วนของชานเมืองและปริมณฑล ในรัศมีไม่เกิน 300 กม.จากกรุงเทพ ซึ่งมีให้บริการหลายเส้นทาง แต่ต้องตรวจสอบให้ดีว่าขบวนไหนมีเดินเฉพาะวันทำงาน หรือบางขบวนจะมีเดินเฉพาะวันหยุดเท่านั้น สายเหนือ ขบวนรถชานเมืองที่ 301/302 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันหยุด) ขบวนรถชานเมืองที่ 303/304 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ (ข.303เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 305/306 กรุงเทพ – อยุธยา – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 311/376 กรุงเทพ – รังสิต - หัวตะเข้ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 313/314 กรุงเทพ – บ้านภาชี – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 315/316 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 317/318 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) สายอีสาน ขบวนรถชานเมืองที่ 339/340 กรุงเทพ – แก่งคอย – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 341/342 กรุงเทพ – แก่งคอย – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 343/344 กรุงเทพ – แก่งคอย – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันหยุด) สายใต้ ขบวนรถชานเมืองที่ 351/352 ธนบุรี – ราชบุรี – ธนบุรี ขบวนรถชานเมืองที่ 355/356 กรุงเทพ – สุพรรณบุรี – กรุงเทพ ขบวนรถพิเศษศิริราช 919/920 เที่ยว1 ธนบุรี – ศาลายา – ธนบุรี ขบวนรถพิเศษศิริราช 919/920 เที่ยว2 ธนบุรี – ศาลายา – ธนบุรี ขบวนรถพิเศษศิริราช 919/920 เที่ยว3 ธนบุรี – ศาลายา – ธนบุรี ขบวนรถพิเศษศิริราช 919/920 เที่ยว4 ธนบุรี – นครปฐม – ธนบุรี ขบวนรถพิเศษศิริราช 919/920 เที่ยว5 ธนบุรี – ศาลายา – ธนบุรี สายตะวันออก ขบวนรถชานเมืองที่ 367/368 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 371/372 กรุงเทพ – ปราจีนบุรี – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 376/378 รังสิต – หัวตะเข้ – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 379/380 กรุงเทพ – หัวตะเข้ – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 391/388 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 383/384 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงาน) ขบวนรถชานเมืองที่ 381/386 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 389/390 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ขบวนรถชานเมืองที่ 394 ฉะชิงเทรา – กรุงเทพ (เดินเฉพาะวันทำงานวันสุดท้าย) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:18:56

ความคิดเห็นที่ 29 ขบวนรถท้องถิ่น ขบวนรถท้องถิ่นนั้นจะให้บริการในส่วนภูมิภาค และไม่ได้เริ่มต้นจากสถานีกรุงเทพหรือธนบุรี โดยจะหยุดบริการทุกสถานีและเกือบทุกป้ายหยุดรถ รถท้องถิ่น 401/402 ลพบุรี - พิษณุโลก - ลพบุรี รถท้องถิ่น 403/410 พิษณุโลก - ศิลาอาสน์ - พิษณุโลก รถท้องถิ่น 407/408 นครสวรรค์ - เชียงใหม่ - นครสวรรค์ รถท้องถิ่น 409 อยุธยา - ลพบุรี สายอีสาน รถท้องถิ่น 415/418 นครราชสีมา - หนองคาย - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 417/416 นครราชสีมา - อุดรธานี - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 419/420 นครราชสีมา - อุบลราชธานี - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 421/422 นครราชสีมา - อุบลราชธานี - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 423/424 ลำชี - สำโรงทาบ - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 425/426 ลำชี - อุบลราชธานี - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 427/428 นครราชสีมา - อุบลราชธานี - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 429/430 นครราชสีมา - บัวใหญ่ - นครราชสีมา รถท้องถิ่น 431/432 แก่งคอย - ขอนแก่น - แก่งคอย รถท้องถิ่น 433/434 แก่งคอย - บัวใหญ่ - แก่งคอย รถท้องถิ่น 437/438 แก่งคอย - ลำนารายณ์ - แก่งคอย รถท้องถิ่น 439/440 แก่งคอย - ลำนารายณ์ - แก่งคอย สายใต้ รถท้องถิ่น 445/446 ชุมพร - หาดใหญ่ - ชุมพร รถท้องถิ่น 447/448 สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก - สุราษฎร์ธานี รถท้องถิ่น 451/452 นครศรีธรรมราช - สุไหงโกลก - นครศรีธรรมราช รถท้องถิ่น 453/454 ยะลา - สุไหงโกลก - ยะลา รถท้องถิ่น 455/456 นครศรีธรรมราช - ยะลา - นครศรีธรรมราช รถท้องถิ่น 457/458 นครศรีธรรมราช - พัทลุง - นครศรีธรรมราช รถท้องถิ่น 463/464 พัทลุง - สุไหงโกลก - พัทลุง รถท้องถิ่น 485/486 หนองปลาดุก - น้ำตก - หนองปลาดุก รถท้องถิ่น 489/490 สุราษฎร์ธานี - คีรีรัฐนิคม - สุราษฎร์ธานี จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:19:16

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ แอบเจอกระทู้เดิมด้วยครับ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/04/E11967420/E11967420.html จากคุณ : One Light One Shadow เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:19:31

ความคิดเห็นที่ 31 ลักษณะของรถพ่วงที่ให้บริการ รถไฟจะแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 และจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆอีกคือ รถนั่ง รถนอน และรถปรับอากาศ จะมีข้อมูลดังต่อไปนี้ รถนอนปรับอากาศชั้น 1 (บนอ.ป) รถนอนปรับอากาศชั้น 1 นั้นจะมีลักษณะห้องโดยสารเป็นห้องๆ ใน 1 ห้องจะเป็นเตียงนอน มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่ง รฟท. มีรถนอนปรับอากาศชั้น 1 ให้บริการ 2 แบบ คือ รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด 24 ที่นั่ง (บนอ.ป24) รถนอนประเภทนี้ จะแบ่งเป็น 12 ห้อง ใน 1 ห้อง จะมี 2 เตียง เป็นเตียงล่าง 1 เตียง เตียงบน 1 เตียง และห้องที่เป็นคู่ๆกันมีประตูสามารถเปิดเข้าหากันได้ คือ ห้อง 1/2 ,3/4 ,5/6, 7/8, 9/10, 11/12 ขบวนที่ให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถด่วนพิเศษนครพิงค์ที่ 1/2 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ (จะพ่วงในวันที่ไม่มี บนอ.ปJR) สายอีสาน ขบวนรถด่วนที่ 67/68 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 69/70 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 กรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ (ตัดรถแค่หาดใหญ่) ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37/38 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ รู้ไว้ใช่ว่า... รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ในเที่ยวไปห้องนอนจะอยู่ฝั่งซ้ายของขบวนรถ ส่วนขากลับ ห้องนอนจะอยู่ขวามือของขบวนรถ ห้องน้ำ จะมี 2 ห้อง ไม่มีหน้าต่าง แต่จะมีพัดลมดูดอากาศแทน จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:19:59

ความคิดเห็นที่ 32 ลักษณะผังที่นั่งของชั้น 1 ห้องใดสีเดียวกัน คือมีประตูเชื่อมห้องเข้าหากันได้ครับ เหมาะมากกับการเดินทางแบบวงไพ่ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:20:39

ความคิดเห็นที่ 33 รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด JR-West (บนอ.ปJR) รถรุ่นนี้เป็นรถนอนเดิมของ JR-West ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดที่ใหญ่และความกว้างค่อนข้างมาก ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ตาม ซึ่งมีความแตกต่างกับรุ่นเดิมคือ มีห้องนอน 10 ห้อง ห้องละ 1 เตียงเท่านั้น และห้องที่เป็นเลขคู่กันสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วย ขบวนรถที่มีให้บริการ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพ – เชียงใหม่ - กรุงเทพ รู้ไว้ใช่ว่า เที่ยวไปห้องนอนจะอยู่ฝั่งขวามือของขบวนรถ ส่วนเที่ยวกลับจะอยู่ซ้ายมือ นี่คือชั้น 1 นะฮะ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:21:15

ความคิดเห็นที่ 34 ผังที่นั่งของ บนอ.ป JR ในกรณีของรถ JR นะครับ เนื่องจากมีแค่ 2 ตู้ทั้งประเทศ หากวันใดขบวน 13/14 ไม่สามารถนำรถรุ่นนี้พ่วงมาได้ อันเกิดจากเหตุอาเพทอะไรสักอย่าง การรถไฟจะเอา บนอ.ป รุ่น 24 ที่นั่งมาพ่วงแทน และสามารถรับเงินค่าส่วนต่างคืนได้ที่ปลายทาง 500 บาท ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:23:10

ความคิดเห็นที่ 35 รถนอนชั้น 2 รถนอนชั้น 2 ที่มีให้บริการในการรถไฟนั้น จะมีอยู่ทั้งสิ้น 6 ประเภท 1. รถนอนชั้น 2 พัดลม (บนท.32) 2. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 32 ที่นั่ง (บนท.ป32) 3. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 36 ที่นั่ง (บนท.ป36) 4. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นโตคิว (บนท.ป40) 5. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นแดวู (บนท.ป40) 6. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 34/30/26 ที่นั่ง JR-West (บนท.ปJR) เลขที่นั่ง เตียงบน = เลขคี่ เตียงล่าง = เลขคู่ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:23:50

ความคิดเห็นที่ 36 แวะมาช่วยกดเก็บเข้าคลังด้วยคนครับ กระทู้ดีๆ แบบนี้จัดไปครับ จากคุณ : โต้งซัง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:26:08

ความคิดเห็นที่ 37 รถนอนชั้น 2 (บนท.32) รถนอนชั้น 2 หรือ รถนอนพัดลมชั้น2ตามชื่อสามัญที่เรียกกันนั้น เป็นการให้บริการลักษณะนั่งกลางวัน นอนกลางคืน การออกแบบรถนั้นตรงกลางจะเป็นทางเดินยาวไปตลอดแนว ส่วนเตียงนอนและที่นั่งนั้นจะอยู่ฝั่งซ้าย และขวาของทางเดินยาวไปตลอดแนว เก้าอี้นั่งนั้น ในกลางวันจะมีลักษณะคล้ายชั้น 3 คือหันหน้าเข้าหากัน แต่ในเวลากลางคืนนั้น เก้าอี้ทั้ง 2 จะ จับมาชนกันปรับนั่น ดึงนี่ ก็จะกลายเป็นฐานรองเตียงล่าง แค่ปูฟูก และผ้าปูที่นอน วางหมอนวางผ้าห่ม มันก็จะกลายเป็นเตียงล่างอย่างสมบูรณ์ ส่วนเตียงบนนั้นจะไขออกมา และจัดเตียงให้เรียบร้อย ก็กลายเป็นเตียงบนให้นอนแล้ว **** สำหรับรถนอนพัดลมนั้น อาจจะเหมาะกับคนที่อยากนอน แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความสบายแบบขีดสุด เนื่องจากมันไม่มีแอร์ วิธีการนอนที่ฟินที่สุดนะครับ หากคุณเป็นคนไม่ชอบอยู่ที่อึดอัดชนิดต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน ควรเปิดกระจก 1/2 ของหน้าต่าง และปิดบานเกล็ดลงมา 1/2 ของหน้าต่าง เพื่อให้ลมนั้นเข้ามาตามรอยแง้มได้ หรือถ้าหากลมตีผ้าม่านที่ปิดตรงทางเดิน ก็ให้เอาเหน็บไว้ใต้ฟูก เราก็จะรู้ด้วยว่า มีใครเลิกผ้าม่านเราเข้ามารึเปล่า เพื่อความปลอดภัยของเราด้วย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:26:17

ความคิดเห็นที่ 38 ผังที่นั่งของรถนอนพัดลม บริเวณที่นั่งเบอร์ 1-4 และ 29-32 จะเป็นช่วงล้อพอดีนะครับ อาจจะมีการสั่นไหว และโยกเยกตามจังหวะราง ถ้าอยากนอนสบายๆ ก็เป็นตรงกลางครับ ส่วนห้องน้ำ ห้องสุขา จะอยู่ทางเตียงเบอร์ 1-4 จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:27:58

ความคิดเห็นที่ 39 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 32 ที่นั่ง (บนท.ป32) รถนอนประเภทนี้จะดัดแปลงมาจากรถนอนพัดลมชนิด 32 ที่นั่งครับ ลักษณะเลยจะไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่แล้วด้วย เรียกได้ว่าเป็นรถนอนรุ่นบุกเบิกเลยล่ะ ขบวนที่มีให้บริการ ขบวนรถเร็วที่ 107/108 กรุงเทพ - เด่นชัย - กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:29:41

ความคิดเห็นที่ 40 ผั่งที่นั่งของรถนอนชั้น 2 ปรับอากาศชนิด 32 ที่นั่ง รถชนิดนี้จะไม่มีปลั๊กไฟนะครับ และเครื่องปรับอากาศหึ่งๆๆๆ จะอยู่บริเวณเตียงเบอร์ 1-4 ส่วนตรงกลางตู้ จะมีเป็นประตูแบ่งโซนเล็กน้อยนะครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:30:30

ความคิดเห็นที่ 41 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 36 ที่นั่ง (บนท.ป36) รถนอนรุ่นนี้ดัดแปลงมาจากรถนอนแสตนเลสพัดลมชนิด 36 ที่นั่ง มีให้บริการอยู่ในขบวนรถดังต่อไปนี้ สายเหนือ รถด่วน 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ สายใต้ รถเร็ว 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ รถเร็ว 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ รถเร็ว 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ รถเร็ว 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:35:39

ความคิดเห็นที่ 42 ผังที่นั่ง รถนอนปรับอากาศชนิด 36 ที่นั่ง รุ่นนี้มีปลั๊กด้วยนะครับ จ้องไปที่สีเขียวสว่างๆได้เลย แต่ถ้าอยากใช้ปลั๊กแบบ full option จริง ก็พกปลั๊กสามตาไปด้วย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:36:35

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาปาดครับ นั่งรำลึกความหลัง สมัยที่ยังบ้ารถไฟอยู่ เคยนั่ง บน.ท.32 เตียงล่าง อยู่ครั้งนึงครับ สั้นกระทัดรัดดี เวลาถึงศิลาอาสน์อยากกินผัดไทย ก็เปิดหน้าต่าง เปิดแผงบังลมออกไปซื้อได้เลย ปล.กำลังคิดว่า โปรเจคในอนาคตหากมีเที่ยวบินที่ LCCT ดอนเมือง แล้วทางรถไฟสายเหนือปรับปรุงเสร็จแล้ว (แถมเวลา 1-2 ชม.พอนะ) จะชวนคุณเธอกลับไปขึ้นรถไฟซักทีนึงครับ เพราะเราไม่เคยขึ้นรถไฟตู้นอนด้วยกันซักครั้งเลย เคยแต่รถไฟฟรีสายมหาชัย หนุกหนานมากมาย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:37:13

ความคิดเห็นที่ 44 ตามอ่านอยู่ครับ คุณแอมมึน ถามเพิ่มเติมครับ ขบวนรถที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุล่าสุด ขบวน 36 ซ่อมเสร็จหรือยังอ่ะ แล้วมีผลกระทบอะไรหรือเปล่าครับ ก็อย่างที่บอกครับผมจะเดินทางไป บัตเตอร์เวอร์ธ วันที่ 19 ตค.นี้อ่ะครับ จากคุณ : ATM รุ่นนี้กดง่าย แค่ใช้รหัสใจ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:40:00

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ ATM...ทุกอย่างปกติแล้วครับ ปกติมาได้ 2 วันแล้วครับผม @ พี่หมอยุ่ง.... อีก 3 ปีอ่ะครับพี่ ตามสัญญาที่ผู้ว่าจ้างปรับปรุงเส้นทาง แต่ตอนนี้ผมดูความคืบหน้าแล้ว ราง และ หมอน ไปรออยู่ตามไซต์ค่อนข้างเยอะแล้ว ส่วนโค้งก็มีตัดเขา ตัดทางใหม่เพิ่มอีกหลายจุดเหมือนกันครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทางดี แต่รถเน่า จะเศร้าเหมือนกัน จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:42:38

ความคิดเห็นที่ 46 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง (รุ่นโตคิว) รถนอนรุ่นนี้เป็นรถนอนปรับอากาศรุ่นที่เป็นพื้นฐานของรถไฟไทย จะมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง เบาะหนังสีน้ำตาล แต่ข้างในจะค่อนข้างดูคับแคบเพราะบันไดขึ้นเตียงบนจะวางในแนวทำมุมฉากกับเตียงจนพื้นที่ทางเดินมีน้อย ขบวนที่มีให้บริการ สายตะวันออกเฉียงเหนือ รถด่วน 67/68 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ รถด่วน 69/70 กรุงเทพ – หนองคาย - กรุงเทพ สายใต้ รถด่วนพิเศษ 37/38 กรุงเทพ – สุไหงโกลก - กรุงเทพ รถด่วน 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ รถด่วน 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:44:26

ความคิดเห็นที่ 47 ผังที่นั่งรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นโตคิว (หรือโตกิว) ตามแต่จะเรียกครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:44:56

ความคิดเห็นที่ 48 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นแดวู เป็นรถนอนปรับอากาศที่มีขนาดเตียงใหญ่ที่สุดในบรรดารถทั้งหมด จะพ่วงให้บริการเพียง 2 ขบวนเท่านั้นในประเทศ สายเหนือ รถด่วนพิเศษนครพิงค์ 1/2 กรุงเทพ – เชียงใหม่ - กรุงเทพ สายใต้ รถด่วนพิเศษระหว่างประเทศ 35/36 กรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ โดยขนาดที่กว้างขวางนั้นทำให้คนที่จะไปเชียงใหม่ หรือ หาดใหญ่ ถึงได้ไขว่คว้าหาตั๋วขบวนนี้กันให้ควั่ก คุณรู้หรือไม่ว่า เตียงที่กว้างนั้นเกิดจากการออกแบบบันไดให้ติดกับผนังเตียง จึงทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้น แต่เตียงบนมีขนาดเท่ารุ่นเดิมนะจ๊ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า รถรุ่นนี้ที่ไว้กระเป๋าจะค่อนข้างแย่ ถึง แย่มากๆ คือเตียงบนน่ะครับ มันจะเป็นเหมือนหิ้งเล็กๆเท่านั้นเอง ส่วนเตียงล่าง แนะนำว่ายัดไว้ใต้เตียงจะดีที่สุด หรือ ไว้ที่ในเตียงเราเลยก็ได้เช่นกันครับผม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:46:12

ความคิดเห็นที่ 49 ผังที่นั่งของรถนอนแดวู ปลั๊กอยู่กลางตู้นะครับ ถ้าเตียงหมายเลข 1-4 และ 38-40 หน้าต่างจะเป็นแบบเต็มบานนะครับ คือไม่มีหน้าต่างล่างกับหน้าบนที่ไว้ใช้เปิดตอนแอร์เสีย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:52:13

ความคิดเห็นที่ 50 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 รุ่น JR-West รถนอนปรับอากาศรุ่นนี้จะต่างกับรุ่นอื่นๆ คือ รถรุ่นอื่นนั้นจะมีทางเดินตรงกลาง ส่วนซ้ายขวาของทางเดินจะเป็นเตียงนอนไปตลอดแนว แต่รถ JR หรือที่เรียกว่า "บลูเทรน" (ถึงตอนนี้จะม่วงแล้วก็เหอะ) ทางเดินจะมีอยู่ฝั่งเดียวริมหน้าต่าง และอีกฝั่งจะเป็นห้องโดยสาร (ไม่มีประตูปิด) ในห้องหนึ่งจะมี 4 เตียง เป็นเตียงล่าง 2 เตียงบน 2 ขบวนที่มีให้บริการ มีขบวนเดียวเท่านั้น คือ รถด่วนพิเศษ 13/14 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ ตามภาพครับ (ภาพนี้นำมาจากเวปของญี่ปุ่นครับ เพราะว่าผมถ่ายภาพมาแล้วมันไม่ค่อยชัดเจน ดูแบบนี้จะเข้าใจกว่า) *** เหมาะกับการเดินทางกันเป็นกลุ่ม แต่เสียงดังอาจไม่ค่อยได้นะครับเพราะมันไม่มีประตูกั้นห้อง หากคุณเบื่อที่จะอยู่ในห้อง บริเวณทางเดินหน้าห้อง มีเก้าอี่้เล้กๆพับได้ให้นั่งชมวิวด้วย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:53:34

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพตอนมาอยู่ไทยครับ ต้องเปลีย่นพื้นจากพรมเป็นผ้ายาง เพราะบ้านเราฝนตกเยอะ แล้วมันจะอับพรม ให้มองภาพชัดๆกันอีกครั้งหนึ่ง ความยาวของเตียงนั้น ยาวกว่ารถรุ่นอื่นๆครับ แต่ความกว้างเตียง รุ่นอื่นชนะเลิศเลย เตียงแบบนี้จะแคบ แต่พื้นที่หายใจหายคอเยอะครับ เพดานสูง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:54:36

ความคิดเห็นที่ 52 ผังที่นั่ง รถนอนชั้น 2 JR ครับ รถรุ่นนี้มีปลั๊กเฉพาะรุ่นที่ไม่มีประตูกั้นห้องนะครับ ส่วนรุ่นที่ไม่มีปลั๊กเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยเพียง 12 คันเท่านั้น อ้อ จะบอกอีกอย่างหนึ่งว่า รถรุ่นนี้จะจำหน่ายตั๋วแค่ 30 ที่นั่ง ถ้าหากมา 2 คน และไม่ซีเรียสที่จะนอนกับพนักงาน ก็จองเบอร์ 29-30 ได้เลย แต่ถ้าโป๊ะแตก ไปเจอรถรุ่น 34 ที่นั่ง ก็จะได้เพื่อนผู้โดยสารเบอร์ 33-34 เพิ่มเข้ามาในวันเดินทางครับ และก็ ไม่แนะนำให้จองใกล้ห้องน้ำ เพราะห้องน้ำแบบญี่ปุ่นมันจะกลิ่นเข้าระบบระบายอากาศ แต่ตอนนี้เป็นส้วมระบบเปิดแล้ว ปัญหานี้จึงน้อยลงครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:56:57

ความคิดเห็นที่ 53 สรุปรูปรถนอนให้เห็นชัดๆนะครับ รถนอนชั้น 2 พัดลม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:57:31

ความคิดเห็นที่ 54 รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 32 ที่นั่ง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:57:55

ความคิดเห็นที่ 55 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 36 ที่นั่ง หรือที่เรียกกันว่า CTV จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:58:26

ความคิดเห็นที่ 56 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นโตคิว  (รุ่น 40 ที่นั่งรุ่นเก่า) จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:58:59

ความคิดเห็นที่ 57 รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่ รุ่นแดวู จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:59:27

ความคิดเห็นที่ 58 รถนอนปรับอากาศชั้น 1 รุ่นเตียงคู่ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:59:59

ความคิดเห็นที่ 59 รถนอนปรับอากาศชั้น 1 รุ่นเตียงเดี่ยว จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:00:16

ความคิดเห็นที่ 60 ด้วยแต่ละรุ่นนั้นมีราคาค่าธรรมเนียมที่ต่างกัน จึงส่งผลต่อราคารวมที่ต่างกันด้วยนะครับ อย่างเช่น ด่วนพิเศษ รถนอนแอร์ ไปหาดใหญ่ ถ้าขบวน 35 (ด่วนพิเศษบัตเตอร์เวอร์ธ) จะราคา 945 บาท แต่ขบวน 37 (ด่วนพิเศษทักษิณ) จะราคา 905 บาท นั่นเกิดจาก ขบวน 35 ใช้รถรุ่นแดวู ซึ่งมีราคาแพงกว่า รุ่นโตกิวของขบวน 37 อยู่ 40 บาท นั่นเอง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:01:50

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อน สำหรับกระทู้นี้ด้านล่างต่อไปนี้ จะเป็นส่วนของรถนั่งครับ อาจจะคล้ายๆกับของเดิมที่เคยโพสไว้ แต่งวดนี้จะกระชับเนื้อหา และ มีเพิ่มเข้ามาคือ "ข้อมูลของขบวนรถแต่ละขบวน" ไว้ให้พิจารณากันอย่างถ้วนถี่ ขอลาไปนอนก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:03:22

ความคิดเห็นที่ 62 ข้อมูลแน่นมากครับ ว่าจะนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยว แต่สุดท้ายยังไม่มีโอกาสไปซะที มีแต่เกือบเพราะขึ้นไม่ทัน เลยตกรถไฟ ต้องใช้บริการวินรถตู้แทน ปล. ถ้าจะลงรีวิว ผมแนะนำให้เลือก "บันทึกนักเดินทาง" ดีกว่าครับ ไม่อย่างนั้นคนจะ smart search หากันไม่เจอครับ จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:41:50

ความคิดเห็นที่ 63 จบแล้วนะ ไม่อยากเล่าเรื่องขัดจังหวะ แต่ก็อยากเล่า ขอเล่าประสบการณ์นั่งรถไฟแบบมีเรื่องประกอบ หลายเที่ยวไม่มีเรื่อง ก็ไม่เล่า ตอนเด็กๆประมาณ ๔๐ปีมาแล้ว  นั่งรถไฟจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ชมวิวไปตลอดทาง ไปค้างที่โรงแรมรถไฟ ก่อนนอนก็ปกติดี แต่ตอนตื่นลืมตาไม่ขึ้น คิดแบบสมัยก่อนก็ต้องบอกว่าน้ำตาไหล+ฝุ่น คิดแบบสมัยนี้ก็ต้องบอกว่าเจอฝุ่น+น้ำส้ม(ว) ต้องล้างหน้าล้างตาอยู่นานกว่าจะลืมตาได้ พออายุ ๑๒ขวบ ก็นั่งรถไฟคุมของไปหาดใหญ่คนเดียว ลุยตั้งแต่เด็กๆเลย โตขึ้นมาอีก ซื้อตั๋วขึ้นรถสายใต้ที่หัวหิน รถมาถึงห้าทุ่มกว่า คนแน่นมากจนเข้าในตู้ไม่ได้เลย ต้องปูหนังสือพิมพ์นอนตรงข้อต่อระหว่างตู้ สมัยหนึ่งไปชุมพรบ่อยๆ รถไฟจอด ต้องรีบวิ่งไปซื้อเหล้าที่ร้านหน้าสถานี เพราะที่รถเสบียงแพง กลับมาขึ้นรถเกือบไม่ทันก็มี ตอนเด็กมากๆ เราคิดว่าเคยนั่งรถสายหาดใหญ่-สงขลาด้วย ล่าสุดเดือนมีนา อยากนั่งรถไฟฟรีหาประสบการณ์ชีวิต แต่ซื้อตั๋วที่ศรีราชาไม่ได้เพราะตั๋วเต็มตั้งแต่กรุงเทพซึ่งเปิดเร็วกว่า เลยต้องนั่งรถด่วน ซึ่งก็แปลกใจมาก สมัยเด็กๆเคยนั่งรถติดรถไฟนั่งนับตู้รถไฟมี ๑๗-๑๘ตู้ แต่เดี๋ยวนี้รถด่วนมี ๗-๘ตู้เอง ข้าวผัดรถไฟสมัยก่อนอร่อยมาก เดี๋ยวนี้มีรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้นึกออกแค่นี้ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 55 23:46:57 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:44:27

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณ คร้าบบ ทำให้ได้รำลึกความหลัง จากคุณ : เย็นตาโฟไม่หู้ไม่เลือดไม่ไทย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:45:00

ความคิดเห็นที่ 65 เผื่อใครนึกภาพไม่ออกว่าที่นั่งในรถนอนจะแปลงร่างเป็นที่นอนด้อย่างไร ดูคลิปนี้ได้นะครับ จากคุณ : komen_wong เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:51:07

ความคิดเห็นที่ 66 ส่วนอันนี้ จากที่นอนก็กลับสู่สภาพเบาะนั่ง จากคุณ : komen_wong เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 23:51:58

ความคิดเห็นที่ 67 กระทู้ดีมีประโยชน์มากครับ จากคุณ : PAEstudio เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 00:28:40

ความคิดเห็นที่ 68 Vote จ้า เคยนั่ง ชั้น 3 หนองคาย-กทม. กทม-เชียงใหม่ แบคแพค 19 วัน ไปเที่ยวอย่างเดียว เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นการเที่ยวอย่างจริงจัง จากคุณ : ข่อยขอนแก่น เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 01:00:49

ความคิดเห็นที่ 69 บนทป 36 มันพิเศษ. กว่า บนทป 40 รุ่นเก่ายังไงเหรอครับทำไมราคาต่างกัน. ผมก็เคยนั่งทั้ง. 171/174/168. ยังไม่เคยได้นั่ง รุ่น 12xx เลย.แถมเมื่อสงกานต์ที่ผ่านมา171 ดันพ่วงรุ่นใหม่มาอีกโชคดีไปเลย. :) จากคุณ : Xxi เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 01:02:28 A:110.49.249.221 X: TicketID:356748

ความคิดเห็นที่ 70 มันต่างกันตรงที่ เอารถพัดลมรุ่นสแตนเลส มาใส่แอร์ใหม่ ทำเบาะใหม่และภายในใหม่ทั้งหมดครับ คือเมื่อก่อนรถนอนพัดลมมี 2 รุ่น คือ รุ่น 32 ที่นั่ง และ 36 ที่นั่ง ครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:07:52

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณคุณแฮมมีนมากนะคะ แต่เส้นทางสายใต้ที่คุณยกมาไม่เห็นมีรถไฟสาย จ.ตรังเลยค่ะ ตอนนี้ยังมีวิ่งอยู่ใช่ไหมคะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9248394/E9248394.html http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9401709/E9401709.html http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp http://www.thaitransport-photo.net/railmap/Trang.htm http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 07:38:26 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 07:36:43 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 07:34:37 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 07:32:03 จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 07:31:45

ความคิดเห็นที่ 72 อื้มมมม เรื่องเน่าและโทรม ผมคงไม่คาดหวังมากครับ แต่ขอให้รักษาสภาพแบบนี้ไว้ก่อนแล้วกัน เพราะภาพที่เห็น ณ วัยเยาว์ กับกระทู้นี้ สิ่งที่อัพเดตขึ้นมาก็คือโบกี้ของ JR เท่านั้น นอกนั้นเคยลองมาหมดแล้ว โบกี้รุ่นโตคิว (2517-2518) แอร์เย็นฉ่ำจับใจจริงๆครับ เหมือนจะมี 2 เวอร์ชั่นด้วยใช่ไหมครับ คือรุ่นที่ขอบกระจกซีลด้วยยาง รุ่นนี้น้ำไม่รั่ว ส่วนอีกรุ่นนึงน่าจะเก่ากว่า ไม่มีซีลขอบยาง เวลาฝนตกหนักๆ ก็สาดเข้ามาเหมือนกัน ยังจำเหตุการณ์ตอนเด็กๆ ตอนที่ช่วยแม่เอาผ้าซับขอบหน้าต่างไม่ให้น้ำซึมเข้ามาได้อยู่แล้ว แฮ่ๆๆๆ ส่วนรุ่นแดวู (2539) ผมเห็นด้วยครับว่าที่เก็บของแทบไม่มีเลย ไม่ซุกใต้ที่นั่งก็ต้องไว้ข้างบน แต่ชอบตรงที่เตียงล่างกว้าง 1 เมตร นอนด้วยกัน 2 คนสบายๆ เลยครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 08:38:59

ความคิดเห็นที่ 73 คุณเด็กศิลป์ >>> มีครับ 4. สายกันตัง แยกจากสายหลักที่สถานีชุมทางทุ่งสง ผ่าน อ.ห้วยยอด  อ.เมืองตรัง และ อ.กันตัง สายนี้คือสายกันตัง จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:09:34

ความคิดเห็นที่ 74 ขอต่อเลยนะครับ รถนอนผ่านไปแล้ว ขอพูดถึงรถนั่งกันบ้างนะครับ รถนั่งชั้น 2 (บชท.) ท. ตัวสุดท้ายของตัวย่อ นั้นมาจากคำว่า “โท” ที่แปลว่า 2 รถนั่งชนิดนี้เบาะนั่งเป็นหนังขนาดใหญ่พอดีลำตัว สามารถปรับเอนได้ และมีข้อได้เปรียบกว่ารถแอร์คือ ที่นั่ง และพื้นที่เหยียดขา “กว้างมากกกกก” เพราะทั้งตู้มีแค่ 48 ที่นั่งเท่านั้น เหยียดสบ๊ายยยยยย อีกทั้งการออกแบบค่อนข้างดี ถึงจะเปิดหน้าต่างรับลมทุกบาน แล้วนั่งเอนกายสบายใจบนเบาะ คุณเชื่อหรือไม่ว่า “ลมไม่ตีโดนหน้า” เก๋ป่ะล่ะ... แต่เสียอย่างเดียว เบาะรุ่นใหม่ที่ดูสวยงามน่าสัมผัสนั้น กลับสวยแต่รูป จูบไม่ค่อยหอม กล่าวคือ เอนได้ค่อนข้างน้อย และมีขนาดเบาะใหญ่จนพื้นที่ให้หายใจหายคอนั้นมีน้อยลง รวมถึงถาดวางอาหารที่เมื่อกางออกมาแล้ว แทบจะชนพุง......อย่างว่าแหละครับ ของเก่าอาจจะไม่สวยแต่การใช้สอยนั้นดีกว่าของใหม่ที่สวยงามเยอะเลย ขบวนที่มีให้บริการ สายเหนือ ขบวนรถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ สายอีสาน ขบวนรถเร็วที่ 135/136 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 139/140 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ สายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ - สุไหงโกลก - กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ ขบวนรถเร็วที่ 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:27:03

ความคิดเห็นที่ 75 ผังที่นั่งของรถนั่งชั้น 2 (ไม่มีปลั๊กนะจ๊ะ) ถ้าหากว่า ใครมากัน 4 คนแล้วอยากจะหมุนเบาะมาหนัาชนกันก็กระทำได้เช่นกัน แต่มีข้อแม้นิดหนึ่งคือ ในเที่ยวไป เบาะที่จะหันหน้าชนกันได้ โดยที่ "ไม่เบียดเบียนการเอนนอนของเบาะด้านหลัง" เที่ยวไป > ชุดเบอร์ 1-2/6-5 และ ชุดเบอร์ 3-4/8-7 เที่ยวกลับ > ชุดเบอร์ 43-44/48-47 และ ชุดเบอร์ 41-42/46-45 ส่วนห้องน้ำของ บชท.นั้นจะค่อนข้างกว้างมากครับ นอนเล่นได้สบ๊ายยย จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:36:19

ความคิดเห็นที่ 76 รบกวนสอบถามคุณแฮมมึนหน่อยครับ ถ้าผมจะไปเชียงใหม่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 ขบวน 13 บนอ.ปJR ผมจะต้องไปซื้อตั๋วที่หัวลำโพงวันไหนเป็นวันแรกของล่วงหน้า 60 วันครับ แล้วเริ่มจำหน่ายตั๋วกี่โมงครับ จองที่สถานีกับจองในเวป เริ่มวันเดียวกันใช่ไหมครับ แล้วจองในเวปเริ่มเวลา 00.01น.ของวัน ใช่ไหมครับ คือไม่อยากพลาดครับ (มีแค่ 10 ที่นั่งเอง) เพราะใฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะนั่งชั้น 1 คนเดียว แต่ไม่มีโอกาสสักที เคยแต่นั่งชั้น 2 พัดลม,แอร์ ขอบคุณครับ. จากคุณ : surasakmu เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:36:39

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ surasakmu ขอตอบนะครับ การจอง 60 วัน นั่นคือ ให้เรานับวันที่เราจะเดินทางเป็น "วันที่ 1" แล้วย้อนหลังกลับมา วันที่ 60 อยู่ตรงไหน นั่นคือวันแรก ที่สามารถจองได้ตั้งแต่ 8.30 ทั้ง 2 ช่องทางครับ และหลังจากนั้นไป คือวันที่ 59 58 57..... จะสามารถจองได้ตลอดเวลา ยกเว้น 23.30 - 00.30 ซึ่งเป็นช่วงของการ update ข้อมูลระหว่างวันครับผม จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:47:45

ความคิดเห็นที่ 78 รถนั่งชั้น 2 ปรับอากาศ (บชท.ป) รถนั่งชั้น 2 รุ่นนี้ บางคันเคยเป็นรถนั่งชั้น 1 มาก่อน และดัดแปลงเป็นชั้น 2 เพราะชั้น 1 นั่งนั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เบาะจะเป็นหนังแต่เสียอย่างคือปรับเอนได้น้อยมาก แต่เรื่องความเย็นแอร์ชนะเลิศ รถแบบนี้จะมีแค่ขบวนเดียวเท่านั้น สายเหนือ ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 09:58:27

ความคิดเห็นที่ 79 ขออนุญาตเว้นวรรคสักครู่ งานหลวงมาแล้วครับ ^^ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 10:27:23

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณค่ะ ที่ถามเพราะใน คห.12 ไม่เห็น จ.ตรังอยู่ในลิสต์รวมกัน จังหวัดอื่นเลยค่ะ พอคุณบอกเลยสังเกตอีกทีก็เห็นแต่แตกเป็นย่อยๆ จากกันตัง เนื่องจากเช็คที่เว็บการรถไฟ และทางเว็บบอร์ดอื่นๆ แล้ว เห็นมีรถไฟจากสถานีกรุงเทพฯ ไปจังหวัดตรังโดยตรงด้วย เพราะถ้าเป็นตัวดิฉันอยากจะใส่ จ.ตรังร่วมกับจังหวัดอื่นในภาคใต้ด้วย เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้โดยสารบางท่านที่ต้องการไป จ.ตรังโดยตรงเนื่องจากบางท่านคงไม่อ่านรายละเอียดมากนักและอาจเข้าใจผิดว่าไม่มีรถไฟผ่านจังหวัดนี้อีกแล้ว เหมือน จ.นครศรีธรรมราช ที่มีจุดจอดหลายที่แต่ถ้าต้องการไป อ.เมือง ก็จะมีทางรถไฟแยกจากชุมทางเขาชุมทองอีกที แล้วแต่ค่ะ ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 11:06:35 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 10:49:08 จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 10:48:23

ความคิดเห็นที่ 81 คุณเด็กศิลป์ครับ เหตุที่ต้องแยกย่อยไว้ เพราะสายตรัง สายนครศรีฯ นั้นไม่ใช่สายหลัก อารมณ์เป็นทางแยกเข้าไปครับ เพราะไม่ใช่สายหลัก รถไฟส่วนมากจึงไม่ผ่าน นอกเสียจากขบวนที่ไปสถานีนั้นๆเท่านั้นครับผม ต่อกับชั้น 3 นะครับ รถนั่งชั้น 3 (บชส.) นี่คือชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ด้วยจำนวนและปริมาณที่มหาศาลและความป๊อปปูล่าสำหรับพี่น้องชาวไทยที่กำลังทรัพย์ไม่เอื้อกับการนั่งรถนอนหรือรถแอร์ ด้วยความที่เป็นรถพัดลมด้วย ที่นั่งเยอะด้วย ขายตั๋วยืนได้ด้วย ก็เลยมีความอึดอัด และไม่ชอบใจตามมา "ซึ่งส่วนมากคนที่มีประสบการณ์การนั่งรถไฟไม่ค่อยดี ก็เพราะไอ้รถชั้น 3 เนี่ยแหละ แถมยังมาพาลไปหารถไฟทุกประเภทอีกด้วย " ก่อนนั่งรถชั้น 3 คุณต้องทราบข้อมูลดังต่อไปนี้ไว้ก่อนเลยนะครับ จะเป็นประโยชน์กับคุณมากๆเลย 1. รถนั่งชั้น 3 “เกือบทั้งหมด” ไม่มีแอร์ 2. รถนั่งชั้น 3 ไม่สามารถปรับเบาะได้ 3. รถนั่งชั้น 3 ที่เป็นรถทางไกล และเป็นรถไฟปกติที่วิ่ง จะใช้เบาะนวม ไม่ใช่เบาะไม้ 4. รถนั่งชั้น 3 ระยะใกล้ๆ คุณเจอเบาะไม้แน่ แต่จะเจอมากเจอน้อยแล้วแต่ดวง 5. รถนั่งชั้น 3 มีที่นั่งระบุในตั๋ว (ทางไกล) ฉะนั้นใครเนียนมานั่ง จับกระชากลงจากเก้าอี้ได้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:15:39

ความคิดเห็นที่ 82 รถนั่งชั้น 3 นั้น จะเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างลำดับแรกๆของผู้โดยสารที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย หรือ นักเรียน นักศึกษาที่ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มเยอะๆ ซึ่งทำให้หลายคนพาลคิดไปว่า รถไฟมีแค่แบบนี้แบบเดียว ด้วยความที่เป็นชั้นประหยัดสุดๆ ทำให้มีคนใช้เยอะมาก และสิ่งที่ตามมาคือความโทรมของรถ รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของห้องน้ำด้วย ซึ่งกรณีนี้จะมีข้ออธิบายเหตุและผลว่าทำไมห้องน้ำถึงมีกลิ่นได้ จะขอเอ่ยไว้ในลำดับถัดไปครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:17:14

ความคิดเห็นที่ 83 รถเบาะนวมนั้น จะถือได้ว่าเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ มีอยู่ 2 แบบชัดๆคือ 1. แบบ 76 ที่นั่ง จะแบ่งที่นั่งเป็น 2 : 2 2. แบบ 96 ที่นั่ง จะแบ่งที่นั่งเป็น 3 : 2 และจะมีแบบอื่นๆเยอะแยะมากมาย เช่น แบบ 2 แถว แบบนั่งเหมือนรถเมล์ในกรุงเทพ หรือ ห้องน้ำอยู่ตรงกลางก็เช่นเดียวกัน เบาะนวมนั้นอาจทำให้เมื่อยหลังพอสมควร แต่ดีที่มีนวมนั้นเป็นตัวรับน้ำหนักที่ก้นครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:20:42

ความคิดเห็นที่ 84 รถนั่งเบาะไม้ จะมี 72 ที่นั่ง จะพบได้ในรถที่วิ่งระยะสั้นๆ เช่น รถธรรมดา รถชานเมือง รถท้องถิ่น เพราะรถประเภทนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ถ้าวิ่งระยะไกลรวมกับรถหนักอาจมีการลอยละล่องได้ สำหรับที่นั่ง มหัศจรรย์มากที่รถเบาะไม้กลับรับสรีระมนุษย์ได้ดีกว่ารถนวม แต่เพราะความแข็งกระด้างของไม้ทำให้นั่งไม่สบายอยู่ดี จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:23:15

ความคิดเห็นที่ 85 รถนั่งชั้น 3 แบบปรับปรุงใหม่ จะใช้เก้าอี้ลักษณะเหมือนกับรถเมล์จีนที่วิ่งปุเลงๆในกรุงเทพ ความสบายหากนั่งระยะใกล้ๆนั้น ถือว่าดี แต่ถ้านั่งไกลๆไม่ไหวครับ เพราะเบาะพิงนั้นจะอยู่ที่ชั่วงสะบักเราเท่านั้น จะพิง จะเอนตัวลงนอนทำแทบไม่ได้เลยนอกจากซบไหล่คนข้างๆ แต่เรื่องความนุ่มนั้น ชนะรถเมล์อย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:24:35

ความคิดเห็นที่ 86 ผังที่นั่งของรถชั้น 3 (จะใช้ รถแบบ 76 ที่นั่งเป็นมาตรฐานเท่านั้นครับ) ปกติแล้ว การสำรองที่จะได้ 76 ที่นั่งเต็มๆ แต่บางขบวนจะให้สำรองแค่ 50 ที่นั่งเท่านั้น ส่วนเลขที่นั่ง 51-76 (บางคัน ถึง 96) ก็จะเป็นที่นั่งเปล่า ใครจะนั่งก็ได้ เพราะว่าในขบวนนั้นอาจจะมีรถแบบ 50 ที่ หรือ แบบ 72 ที่พ่วงร่วมด้วยครับผม ใน สี่เหลี่ยม 1 ชุด นั่นคือ ชุดที่นั่งหันหน้าเข้าหากันครับ จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:27:27