|
++ เอาเรื่องเที่ยวอย่างเดียวนะครับ ++
เอาเป็นอันว่า พักในย่านฝั่มหงูหลาว (Pham Ngu Lao) ซึ่งดีที่สุดครับ สำหรับการเดินเที่ยว 1 วันเต็มๆ สถานที่ท่องเที่ยวดังที่หลายท่านยกมาข้างต้นนั้นล้วนอยู่ในเขต "อำ้เภอที่ 1" ทั้งหมด เดินเที่ยวได้ครับ เหนื่อยก็ค่อยจับแท็กซี่เป็นช่วงๆ ไป ทั้งนี้ยกเว้นอุโมงค์กู๋จี (Cu Chi) เพียงแห่งเดียว ซึ่งอยู่อำเภอกู๋จี ออกไปทาง <i>ตะวันตกเฉียงเหนือ</i>สัก 40 กม.เห็นจะได้ เพราะฉนั้นวันแรกเอาในเมืองไว้ก่อนแหละดี
กางแผนที่ ดูทิศเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตกให้เข้าใจ แล้วเดินครับ ..
1. จากฝั่มหงูหลาว ราว 10 นาทีก็ถึง 6 แยกตลาดเบ๊นแถ่ง (สำเนียงฮานอยครับ) สังเกตดูอนุสาวรีย์ขุนพลขี่ม้า หากไม่รู้จะไปยังไงให้ยึดเกาะกลางถนนฝั่มหงูหลาวนั่นแหละครับ ตรงดิ่งไปเลย เดินไปเรื่อยก็จะชนตลาดเอง จริงๆ แล้วที่นี่เป็นแหล่งช้อป น่าจะเป็นปลายทางสุดท้าย แต่เอาเถอะ เที่ยวกลับค่อยไปละลายทรัพย์ในนั้น ไปดูๆ ไว้ก่อนก็ได้ ตลาดไม่ได้ใหญ่ได้โตอะไร .. จากนั้นเดินครับ
2. ยึดถนนเลเลย (Le Loi) เป็นเส้นทางครับ เป็นบูลเลวาร์ดกว้างใหญ่ เป็นถนนสายใจกลางของอำเภอที่ 1 ครับ เป็นสายฟู่ฟ่าที่สุด ดูทันสมัยที่สุด เพราะตัดผ่านใจกลางย่านธุรกิจ ดูตึกรามบ้านช่องทั้งเก่าและใหม่ ดูอาคารสูง หากไม่แวะที่ไหนเลย อีกราว 20-25 นาทีต่อมา ก็จะถึงสี่แยกใหญ่ตัดกับถนนเหวียนเหวะ (Nguyen Hue) .. บริเวณนี้มีที่น่าชมหลายแห่ง ใครที่ชอบดูหนังสงครามเวียดนามจะเห็นสถานที่พวกนี้ในหนังหลายเรื่องครับ ตั้งแต่อนุสาวรีย์ลุงโฮอุ้มเด็ก (ผมเรียกของผมเอง-- ง่ายดี) ซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลาว่าการนครโฮจิมินห์ ข้างๆ กันเป็นโรงแรม Rex Hotel เก่าแก่ ที่สุมหัวของพวกนักข่าวสงครามในอดีต เดินหันหลังกลับไปเป็นโรงอุปรากร หรือ โอเปราเฮ้าส์ โรงแรมคาราเวล กับคอนติเนนตัล ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าทั้งนั้น .. แต่ที่ว่ามานี้มันก็ทำได้เพียงไปชะโงกๆ ดูแล้วก็ถ่ายรูป บริเวณนั้นเป็นสวนสาธารณะย่อมๆ ต้นไม้่สูงร่มรื่น รถไฟฟ้าใต้ดินจะลอดผ่านบริเวณนั้น ตอนนี้นั่งพักนั่งดื่มได้ หากหัวใจยังปั๋งอยู่ก็เหล่สาวๆ ออฟฟิศได้ เที่ยงวันพวกเธอจะลงมากัน เป็นสาวในเมืองแต่งอ๋าวหญ่ายสวยมากครับ หรือใกล้ๆ กันนั้นก็มีห้างสรรพสินค้า Sastra หรืออะไรประมาณนี้ ซึ่งก็เหมือนในในบ้านเรามีให้ดื่มให้กินเยอะแยะครับ.. หายเหนื่อยเตรียมขยับเท้าต่อครับ
3. แนะนำให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกไปแม่น้ำไซ่ง่อน จากอนุสาวรีย์ลุงโฮ เดินตามถนนเหวียนเหวะ (Nguyen Hue) ไปเลย ถนนสายสั้นๆ ครับ ควรเดินไปเพราะมีอะไรให้ดูชมอีกเยอะ มีตึกรามบ้านช่อง โรงแรม 4-5 ดาวอีกหลายหลัง มีแมนชั่นเก่าๆ ยุคอาณานิคม ไปโฮจิมินห์หากไม่ไปดูแม่น้ำก็จะไม่ครบองค์ ไปดูทัศนียภาพไปดูคน เมื่อก่อนที่นั่นเป็นท่าเรือสินค้ากับเรือโดยสารใหญ่โต แต่ตอนนี้ท่าเรือร่นลงไปทางใต้อีกราว 2 กม. แต่ตอนนี้มีสะพานข้ามแม่น้ำผุดขึ้นมาให้เห็นในช่วงนั้นถึง 2 สะพาน เป็นสะพานขึงสวยงาม ใต้ลงไปอีกนิดจะมีอุโมงค์ลอดแม่น้ำไซ่ง่อน เปิดใช้เมื่อต้นปีนี้ แต่คงจะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปเดินลอด -- ถนนเลียบแม่น้ำไซ่ง่อนชื่อถนนโตนดึ๊กถัง (Ton Duc Thang) ครับ เป็นถนนสายยาวที่สุดอีกสายหนึ่ง ย่านนั้นริมน้ำเป็นที่ตั้งโรงแรมเก่าแก่อายุ 100 ปีอยู่ 2-3 หลัง โรงแรมมาเจสติก โรงแรมเรอนาซอง ฯลฯ ชะโงกๆ ดูแล้วเดินต่อไปครับ ขึ้นเหนือเลียบแม่น้ำอีกชั่วอึดใจจะถึงบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำ 5 แยก อนุสาวรีย์ขุนพลอีกคนหนึ่ง ดูเหมือนจะชื่อเจิ่นก๊วกต๋วน (Tran Quoc Tuan) บริเวณนั้นเคยเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยัง อ.ถูเทียม (Thu Thiem) ที่อยู่อีกฝั่ง แต่ตอนนี้สะพานมา อุโมงค์มา เรือเฟอร์รีก็หายปกับกาลเวลา กลายเป็นภัตตาคารลอยน้ำผุดขึ้นมาแทน ..หายเหนื่อยแล้วเดินต่อครับ
4. จากอนุสาวรีย์.. หันหน้าเข้าถนนฮายบ่าจึง (Hai Ba Trung) ถนนสายกว้างที่สุดจากวงเวียน 5 แยกแห่งนี้ เดินย้อนกลับไปทางทิศตะวันตก ชมบ้านชมเมืองไป ปลายทางข้างหน้าคือมหาวิหารโนเตรอะดามโบสถ์คาทอลิคเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณานิคม ถนนสายนี้จะเฉียดๆ ศาลาว่าการนครฯ กับโอเปราเฮ้าส์ไป เพราะเป็นถนนเส้นคู่ขนานกัน อยู่กันคนละบล็อกเท่านั้น ผมเคยเดินไปราว 45 นาที ก็ถึงโบสถ์ คือเดินๆ ดื่มๆ แวะโน่นแวะนี่ หาเรื่องจีบสาวบ้าง หากิจกรรมทำไปเรื่อย พอถึงวิหารโนเตรอะดามก็หายเหนื่อย ที่นั่นทั้งอาณาบริเวณเป็นสวนกับลานกว้างร่มรื่น บรรยากาศประมาณว่าคล้ายๆ กับสนามหลวงหรือลานพระบรมรูปฯ บ้านเรา แต่กว้างใหญ่กว่ามาก ผู้คนไปพักผ่อน หาความร่มเย็น หากไปวันอาทิตย์ น่าจะแวะเข้าโบสถ์เสียเลยก็จะเห็นชาวเวียดนามคาทอลิกในอีกอารมณ์หนึ่ง
โอ้วววว ระหว่างทางแวะเที่ยวชมไปรษณีย์กลางได้ด้วย.. กางแผนที่ มองหาเลยครับ ผมบรรยายก็จะยาวไป ....
5. จากโนเตรอะดาม (กางแผนที่ต่อครับ) หันหน้าลงทิศใต้ เดินไปอีก 2 แยก ก็จะถึง "ทำเนียบแห่งเอกภาพ" (Unification Palace) หรือ ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนามใต้เมื่อก่อน ที่พวกเวียดกงขับรถถังชนประตูเข้าไปปักธงนั่นแหละครับ ผมไม่เคยเข้าไปข้างใน แต่ทราบว่าเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ อาณาบริเวณร่มรื่นดีครับ
6. ดูแถวๆ นั้นเบื่อแล้ว เดินต่อครับ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ นะครับ คราวนี้ ยึดทิศใต้เอาไว้ ไม่ช้าไม่นานผ่าน 2 สี่แยนกไฟแดง ก็จะไปถึงถนนเลเลย กับตลาดเบ๊นแถ่ง จุดเริ่มต้น อีกครั้งหนึ่ง
จะกลับโรงแรมก่อนมั้ยครับ? ไปอาบน้ำเอาแรงหน่อยมั้ย? หรือจะหาร้านแถวนั้นนั่งพักดื่มกาแฟเย็นๆ ..
(สั่งกาแฟในเวียดนามควรพิถีพิถันหน่อย เพราะชาวเวียดนามกินกาแฟกลิ่นม็อคคากับกาแฟที่ใส่กลิ่นวานิลลาเป็นหลัก เขาเรียก "กาแฟเวียดนาม" หน้าตาเฉย แต่ผมว่ามันไม่ใช่กาแฟ มันเป็นอะไรไปแล้ว เพราะมันไม่ให้กลิ่นกาแฟ มันเป็นกลิ่นวานิลลา เขาก็ผสมกลิ่นวานิลลามากเหลือเกิน ผมเหม็นครับ เดี๋ยวนี้ทำกันหลากหลายยี่ห้อ เจ้าตลาดอย่าง "จุง-งเวียน" (Trung Nguyen) ก็ทำ แต่ก็ไม่ต่างกันครับ "กาแฟห่วย" เป็นสิ่งเดียวที่ผมไม่แฮ็ปปี้เมื่อไปเวียดนามไม่ว่าจะเหนือหรือใต้ อันอื่นเรื่องกินเรื่องอยู่ เรื่องห้องน้ำห้องท่า ผมยังพอทำใจได้และรู้ว่าจะหาห้องน้ำสะอาดๆ ได้ที่ไหน แต่เรื่องกาแฟนี่สุดฝืนและหดหู่ครับ เพราะเป็นคนผมกินกาแฟ กินจริงๆ ผมกินมากเหลือเกิน ผมกินกาแฟของทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงญี่ปุ่นและฮาวาย -- ไม่ได้โม้นะครับ -- แต่ก็มาลงเอยที่กาแฟจากดอยช้าง ดอยวาวี อย่างที่เขาเรียกกันว่า "กลับมาตายรัง" นี่แหละครับ มันน่าเศร้าตรงที่ปีนี้เวียดนามส่งออกกาแฟเป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้ว เฉือนบราซิลไปแล้ว (อ่านจากข่าวครับ) แต่ทำกาแฟไม่เข้าปาก.. มีโอกาสเมื่อไรจะว่าเรื่องนี้อีกทีครับ เอาเรื่อง "กาแฟเวียดนาม" เพียวๆ ไปเลย.. เจ็บใจ)
หลายคนไปเที่ยวแล้วก็ลองดื่มลองกิน แล้วก็พูดกันว่า "กาแฟเวียดนาม" อร่อยดี แต่ผมไม่ ผมไม่เคยพูดเพื่อเอาใจใครในเรื่องกาแฟ ย่านฝั่มหงูหลาวก็มีคอฟฟี่ช้อฟแบบสากลๆ อยู่หลายแห่งครับ มีอย่างอื่นให้เลือก มีกาแฟมากมายหลายรส ราคาตั้งแต่ถ้วยละ 50 บาท (2.5 ดอลลาร์) ขึ้นไป เลือกเอาครับ -- ขออภัยนอกเรื่องไปไกล
ขออนุญาตนำเสนอต่อ ...
7. จากตลาดเบ๊นแถ่ง เริ่มจากที่เดิมครับ ผมกำลังจะชวนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ กับท่าเรือหญ่าหรง (Nha Rong) ไปแม่น้ำไซ่ง่อนอีกครั้ง แต่คราวนี้อยู่ใต้ลงไปจากบริเวณที่เราไปมาแล้ว ใช้เวลาเดินสั้นกว่าด้วย จะเดินหรือจะจับแท็กซี่ดี?
คราวก่อนเราไปตามถนนเลเลย แต่คราวนี้ให้มองหาถนนหั่มหงิ (Ham Nghi) เป็นบูลเลอวาร์ดสายใหญ่พอๆ กัน.. จากนั้นเดินครับ ตรงดิ่งไปเรื่อยๆ หรือจะนั่งแท็กซี่มีเตอร์ก็สะดวกรวดเร็วดี ไม่แพงหรอกครับ ไม่ต้องซอกแซก แท็กซี่จะพาเราตรงไปยังสถานที่ทั้ง 2 แห่งซึ่งอยู่ใกล้กัน จากพิพิธภัณฑ์ก็จะมองเห็นบรรยากาศทะเล... เพราะมีเรือเดินทะเล มีท่าคอนเทนเนอร์สินค้ามากมายก่ายกอง ซึ่งอยู่ในเขตรอยต่อของอำเภอที่ 1 กับ อำเภอที่ 4 ครับ
นครโฮจิมินนเดินไปได้เรื่อยๆ เพราะมีอะไรๆ ให้ดูเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง หารองเท้านุ่มๆ สำหรับเดินสักคู่ ใส่แล้วเดินครับ โฮจิมินห์เป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมส่งออก มีเสื้อผ้าสวยๆ รองเท้าสวยๆ ให้เลือกมากมาย ผมเองสนใจสินค้าพวกนี้ หารองเท้าไนกี้หรืออะดีดาส ที่หลุด QC ออกมาจากโรงงานคู่ละไม่ถึงพันบาท สวยๆ ทั้งนั้นครับ ไม่มีใครรู้หรอกครับมันผิดปรกติตรงไหน ฯลฯ เรากินข้างถนน ดื่มข้างถนนแบบชาวบ้านชาวเมืองเขา อาหารร้อนๆ ทั้งนั้น ไปเข้าห้องน้ำในศูนย์การค้า ซึ่งมีอยู่เป็นระยะๆ ถ่ายรูปไป แวะทักทายถามทางกับผู้คน ยิ่งสาวๆ นี่ยิ่งอัธยาศัยไมตรีดี สาวออฟฟิศส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือ อย่างน้อยพวกเธอก็เต็มใจที่จะพูดจะคุยด้วย
ในตลาดเบ๊นแถ่งมีร้ายขายเครื่อง Crystal Ware ยี่ห้อสวาร้อฟสกี้ที่เลื่องลือชื่อจากจากยุโรป ของแท้ ราคามีตั้งแต่ปรกติจนถึงแพงสุดขั้ว ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นอะไร ไม่ต้องไปซื้อถึงเวียนนาหรือกรุงปร๊ากครับ แต่ผมก็ไม่เคยซื้อ เคยแต่ไปถามๆ ราคาให้แม่ค้าหมั่นไส้เล่น เพราะไม่มีรสนิยมในเรื่องนี้.. บุญไม่ถึงครับ
โรงแรม 5 ดาวในโฮจิมินห์ผมนอนมาแล้วหลายหลัง พักหลังๆ นี้ผมไม่เข้าอีกแล้ว เสียดายเงิน ส่วนที่ถนนฝั่มหงูหลาวผมเคยพักทั้ง Liberty 3 และ 4 เป็นโรงแรมสามดาวทั้งคู่ แต่ค่าห้องคืนละ 1,600 บาทไทย ครั้งหนึ่งเป็นไฮซีซั่นโดนเข้าไป 2,300 ยังเจ็บไม่หาย แต่โดยรวมแล้วผมไม่ค่อยชอบย่านนี้ครับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะแก่ แถวนั้นคนจอแจไปหน่อยและอบายมุขก็เยอะ ตอนนี้ผมมีโรงแรมประจำชื่อ "เก๋เฮือง" (Que Huong) หรือ โรงแรมชองปาญ (Champagne Hotel) หันหน้าเยื้องๆ ตลาดเบ๊นแถ่งหน่อยนึง คืนละ 35 ดอลลาร์ เป็นโรงแรม 4 ชั้นหลังเล็กๆ คูหาเดียว สะดวกสบาย สะอาดสะอ้าน ใกล้ๆ มีที่ดื่มที่กินเยอะแยะ มีโรงนวดแผนโบราณ (จริงๆ) ไม่มั่วสุม ผมชอบร้านอาหารบลูจินเจอร์ (Blue Ginger) ซึ่งอยู่ไม่ไกล มีกาแฟอร่อยให้กิน (แน่นอนมี "กาแฟเวียดนาม") หากสนใจ "บลูจินเจอร์" ก็ลองถามคนแถวๆ นั้นให้เขาชี้ทางให้ครับ อยู่ชั้นใต้ดินอาคารสำนักงานหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทม์ส (Saigon Times -- บ๋าว ไซ่ก่อง ไทมส์) .. ด้านหน้าร้านเขามีที่เสียบนามบัตร สำหรับผู้ไปเยือน นามบัตรผมอยู่ที่นั่นแล้ว อาหารไม่แพงครับ เข้าร้าน KFC บ้านเราได้ ก็ทานข้าวที่ร้าน "ขิงสีน้ำเงิน" นี้ได้ บรรยากาศมันแบบ "ปารีส ปารีส" ดีมากๆ ครับ เรื่องอื่นๆ แนะนำไปเรียนรู้เอาในวันแรก และสำหรับโปรแกรมอีก 2 วันที่เหลือ แพลนเองได้ครับ จะลงเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงหรือจะไปกู๋จิ แล้วทะลุพรมแดนออกกัมพูชาเข้าพนมเปญก็ยังได้ ชายแดนหม็อกบ่าย (Moc Bai) ห่างจากโฮจิมินห์ราว 80 กม. ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ออกไปทาง อ.กู๋จี นั่นแหละครับ คืนแรกนอนฝั่งกัมพูชาที่บ่าเว็ต (Bavet) รุ่งขึ้นเที่ยวเมืองชายแดนต่อ ก่อนจับรถเวียดนามเข้าสวายเรียงและพนมเปญ (มีรถโดยสารโฮจิมินห์-พนมเปญวันละนับสิบเที่ยว) เข้าเขมรแล้วไปตายเอาดาบหน้า .. มันกลับบ้านจนได้แหละครับ ไปโลดเลย พวกเราชาวอาเซียนไม่ต้องใช้วีซ่าใดๆ
ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ผมรักนครโฮจิมินห์ครับ ถึงแม้จะไม่ชอบ "กาแฟเวียดนาม" ก็ตาม ชีวิตผมมีอันต้องไปโฮจิมินห์บ่อย เพราะช่วง 20 มานี้ผมไปบ่อยกว่าไปเชียงใหม่หรือหาดใหญ่เสียอีก ไปๆ มาๆ จนนับจำนวนครั้งไม่ได้ เพราะมันมีหน้าที่จะต้องไป พักหลังๆ ไปเช้าเย็นกลับซะอีก.. ไปถึง 10 โมงทำงานให้เสร็จ ตกเย็นๆ ก็ไปสนามบินเตินเซินเญิต จับเจ้าจำปีเที่ยว 2 ทุ่มครึ่งกลับบ้าน สนามบินอยู่ในเมือง จากฝั่มหงูหลาว-ตลาดเบ๊นแถ่งไม่น่าจะเกิน 8 กม. .. ไม่อยากจะรีบ แต่การจราจรมันแย่หน่อย มันคาดเดาได้ยาก
โฮจิมินห์มีอะไรเสนอให้คุณๆ มากมาย
ขอให้มีความสุขนะครับ.
(ภาพผมถ่ายวันที่ 28 พ.ย.2553 ไปโฮจิมินห์ครั้งล่าสุด ใกล้ค่ำรถราคับคั่ง ยืนอยู่ประตูหน้าตลาดเบ๊นแถ่ง-- ปีที่แล้วน้ำท่วมบ้านไม่ไปไหน ปีนี้ไปฮานอยตอนต้นปี พ.ย.นี้ต้องไปอีกครั้ง.. ขอให้มีความสุขในโฮจิมินห์นะครับ.)
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 11:47:08
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 55 11:46:16
แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 23:26:35
จากคุณ |
:
MidnightBlue
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ย. 55 23:10:26
|
|
|
|
|