ความคิดเห็นที่ 1 ไม่จำเป็นเลยที่ว่าจะเที่ยวแล้วไม่ต้องมีรถมีบ้านอยู่ หากคุณเที่ยวแบบประหยัดเป็น การมีรถจะช่วยคุณประหยัดค่าเที่ยวได้อีกมาก ผมรู้จักพี่อยู่คนนึงชอบเที่ยวมากเค้าซื้อบ้านมือสองแถบชานเมืองเอาไว้พักอาศัยจะได้ไม่ต้องไปเช่าหออยู่ให้เปลืองเงิน ซื้อรถมือสองมาติดแก็ส เอาไว้ไปทำงานและก็เที่ยว ท้ายรถพี่เค้ามีทั้งเต็นท์, เตาแก๊สปิคนิค, หม้อหุงข้าว จานชามพร้อมเที่ยวอยู่เสมอ ทุกคืนวันศุกร์พี่เค้าก็จะออกเดินทางจากกรุงเทพ ไปนอนตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวแต่ละครั้งไม่เกิน 1 พันบาท ใช้น้อยกว่าอยู่ในกรุงเทพซะอีก ลองคิดดูนะครับ เที่ยวแบบนี้ก็มีบ้านและรถได้ จากคุณ : LekStudio เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:49:45

ความคิดเห็นที่ 2 คิดไว้ว่าจะเก็บเงินเพื่อเที่ยว สร้างบ้านดิน ซื้อรถ ........ ^^ จากคุณ : ไผ่พริ้ว (PyDE) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:55:45

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตแบบที่บอกค่ะ  เพราะมีบ้าน มีรถ มีครอบครัว  ฐานะก็ไม่ร่ำรวย แต่ไม่เดือนร้อน แต่...ทำไมวัน ๆ คิดแต่เรื่องเที่ยว  อยากไปนั่น ไปนี่ ไปโน่น  มีแผนในหัวสมองตลอดเวลา ต้องเข้าห้อง Blue ทุกวัน  เปิดเวปโรงแรมทุกวัน ไม่รู้ใครเป็นเหมือนเราหรือเปล่า????? จนบางครั้งแอบคิดเหมือนกันว่า...จะไม่คิดเก็บให้มันมากขึ้นหรือไง??? จะเที่ยวไปถึงใหน???  แอบเครียดเล็ก ๆ เหมือนกัน แต่ยังแอบคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ๆ ว่า  คนเราจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่ายังไม่รู้ วันนี้อยากทำอะไรก็จงทำ..... จากคุณ : nonggam_pong เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:57:15

ความคิดเห็นที่ 4 อื้มมมม ผมสารภาพตามตรงว่า ... ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมเองค่อนข้างหมดเงินไปกับการท่องเที่ยวพอสมควร ประสบการณ์ในชีวิตได้มาจริง ... เคยทำบัญชีพบว่า หมดเงินไปพอจะดาวน์บ้านได้เลย .... แต่ถามว่ามีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเป็นสมบัติของตัวเอง ชื่อตัวเองนั้น แทบจะไม่มีเลย !! อย่างบางท่านอาจจะคิดว่า เอ่อ แล้วทำไมเราจะต้องขวนขวายด้วย บ้านพ่อแม่เราก็มี เราไม่มีคู่อยู่กับพ่อแม่ก็ได้ (หรือถ้ามีคู่แล้วพ่อแม่แฮปปี้ก็ลากคู่เข้าบ้านไปเลย) รถก็ใช้รถของที่บ้านก็ได้ มีตั้งหลายคัน ผลัดกันใช้ก็ได้ (ทุกอย่างชื่อของพ่อ-แม่หมด) ทั้งนี้ รูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ ดังนั้น ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ผมก็เลยพยายามลดการเที่ยวลงพอสมควร และเริ่มสร้างสมบัติของตัวเองมากขึ้น โอเค ยอมรับว่า เราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากมาย ไม่ได้มีมรดกถึงขนาดสร้างตัวเองได้อย่างที่อยากเป็น แต่แทนที่จะเอาเงินไปฝากธนาคารแอร์เอเชียข้ามปี เราก็เอาเงินไปผ่อนจ่ายหนี้ๆ ซึ่งมันก็จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของเราในอนาคต จะดีกว่าไหม ... ทั้งนี้ ผมภูมิใจ และเข้าใจดีกับคำว่า 'หนี้แห่งความสุข' คืออะไร อย่างน้อย ผมก็พูดได้เต็มปากว่า ผมมีที่พักอาศัยเป็นชื่อของตัวเอง เป็นคนวัยยังไม่ถึง 30 เพียงไม่กี่หลังในโครงการ ที่เป็นเจ้าของบ้านแบบหามาจ่ายเอง (เพื่อนบ้านบางทีอายุเท่ากัน แต่ก็ต้องมีการ support ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อาทิเช่นคู่สมรสอายุมากกว่ามาก เป็นต้น) ผมก็โอเคนะครับ ว่า .... แม้เราจะเที่ยวน้อยลง ไม่ได้นอนหรู เดินทางอย่างใจนึก โปรฯ มาข้าจองได้ไม่อั้นแบบแต่ก่อน ได้เดินทางบ่อยจริง แต่กลับมาก็ไม่มีอะไร ว่างเปล่าโบ๋เบ๋ ผมก็รู้สึกแฮปปี้ ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่พักอาศัยในชื่อตัวเอง ไม่มีใครมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตเราได้ (นอกจากเจ้าหนี้) ซึ่งระยะยาวย่อมเป็นอะไรที่ดีกว่าครับ ปล. ชีวิตคนเราไม่เหมือนกันครับ ผมเคยคิดว่า ถ้าผมไม่ได้เจอกับคู่ชีวิต ผมอาจจะยังตะลอนๆ เที่ยวๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้ เงินมาข้าเที่ยวอย่างเดียว อยู่บ้านพ่อบ้านแม่ตลอดไปแน่ๆ .... ทั้งนี้ดูความจำเป็นดีกว่าครับ อย่างคุณ จขกท. ถ้าคิดว่าอย่างไรจะอยู่แบบไม่มีคู่ อยู่บ้านพ่อแม่ดูแลท่านได้ตลอด จะใช้ชีวิตในแนวท่องเที่ยวบันเทิงใจ ก็ไม่ผิดครับ เพราะในวันนึง สินทรัพย์เหล่านั้นก็อาจจะตกเป็นของลูกหลานอยู่ดี ... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:59:21

ความคิดเห็นที่ 5 เก็บเงินเพื่อเอาเงินเก็บไปเที่ยว ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนผู้ชายที่ตั้งความหวังว่าชีวิตนี้จะนอนกับผู้หญิงให้ได้มากที่สุด แล้วเอาเงินเก็บไปลงกับผู้หญิงน่ะครับ สุดท้ายเงินหมดไปไม่เหลือทรัพย์สินที่งอกเงย หรือแต่ความทรงจำที่มีคุณค่าสำหรับตัวเอง แต่กับคนอื่นอาจจะมองอีกแบบหนึ่ง ว่าใช้เงินไม่เป็น คุณ จขกท คิดว่าคุ้มมั๊ยครับ ถ้าว่าคุ้มก็โอเคครับ ถ้าให้แนะนำ ผมขออนุญาตแนะนำว่าเอาเงินเก็บไปลงทุน แล้วเอาสิ่งที่งอกเงยจากการลงทุนไปเที่ยว น่าจะคุ้มค่ามากกว่าครับ แถมเงินเราไม่มีหมดด้วย จะติดก็แต่เที่ยวได้น้อยลงเท่านั้นเอง ****เพิ่มเติม**** เรื่อง บ้าน/คอนโด ผมว่าถ้ามีที่อาศัยก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องซื้อ เพิ่งบางทีก็ซื้อเหมือนเป็นแฟขั่นว่าเพื่อนซื้อเราก็ต้องซื้อ ยิ่งรถแล้วถ้าชีวิตประจำวันไม่ได้ใช้ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่ต้องซื้อครับ จอดทิ้งไว้มีแต่ราคาลง น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน เอาไปลงกับอย่างอื่นคุ้มกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 16:07:47 จากคุณ : น้ำค้างในยามเช้า เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 15:59:52

ความคิดเห็นที่ 6 เรามีคอนโด มีรถขับ และมีแฟน แต่ยังไม่คิดจะแต่งงานค่ะ แนวความคิดจะว่าไปก็คล้ายกับเจ้าของกระทู้อยู่บางส่วนคือ เราชอบไปเที่ยวสถานที่ต่างๆค่ะ เราเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว ก็เลยจะไม่เปลืองเงินไปกับเสื้อผ้าเครื่องสำอางมากนัก ตอนนี้พยายามเก็บเงิน เอาไว้เป็นต้นทุนชีวิต หากต้องการใช้เงิน .. แล้วก็แบ่งส่วนนึงมาเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับการเที่ยวสถานที่ต่างๆค่ะ จากคุณ : Lukie Kwan เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:01:20

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเจ้าของกระทู้ครับ ที่ว่าไม่ซื้อบ้าน คอนโด รถ คือ หมายถึง เปลี่ยนเป้าหมาย จากที่ตั้งหน้าตั้งตา เก็บเงินเพื่อจะซื้อทั้งหมด 3 อย่าง มาเป็นเก็บเงินไว้เที่ยวเป็นหลักน่ะครับ เพราะตอนนี้มีบ้านอยู่แล้ว ถึงจะเป็นบ้านพ่อ แต่ยังไงๆ เดี๋ยวมันก็ต้องกลายเป็นบ้านผมอยู่ดี อิอิ ส่วนรถ ตอนนี้มีใช้อยู่คันนึง แต่ต้องใช้ร่วมกับน้องชาย  จริงๆ ผมก็มีความคิดจะซื้อรถเป็นของตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่แทนที่จะซื้อเร็วๆนี้เลยอย่างที่เคยคิดไว้แต่แรก  ก็พักโครงการไปก่อน ตอนนี้ก็เที่ยวไป กินไปเป็นหลัก แต่ระหว่างนั้นก็กันเงินส่วนนึงไว้เรื่อยๆ จังหวะเหมาะๆ อีกซัก 4 - 5 ปี ค่อยซื้อรถเล็กๆซักคัน แทนที่จะรีบซื้อตอนนี้ อะไรทำนองนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 16:07:48 จากคุณ : จขกท. (เด็กข้างห้างฯ) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:03:39

ความคิดเห็นที่ 8 ในชีวิตจะขอมีคอนโด และเที่ยวพอค่ะ รถไม่ขับ แต่ตอนนี้ต้องผ่อนบ้านให้พ่อแม่ก่อน หมดแล้วคงได้คอนโดของตนเอง ^^ จากคุณ : nasaae เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:08:10

ความคิดเห็นที่ 9 ป้า เป็นคนหนึ่งที่โสด  ทำงานทุกวันจนเครียส อยากเที่ยวมาก แต่หาเวลาไม่ได้ วันๆ มีแต่งาน พอหยุด อยากเที่ยว ไม่มีคนเที่ยวด้วย พอชวนคนอื่นเที่ยว ก็บอกว่าไม่มีเงิน เืั้้ที่ยวคนเดียวไม่เป็นอะ ชีวิตเราไม่สมดุลเลย จากคุณ : สปาเก็ตตี้ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:08:22

ความคิดเห็นที่ 10 เงินได้จากการทำงาน = 100 ใช้ในชีวิตประจำวัน = 50 เก็บสำรอง = 30 เก็บไว้เที่ยว = 20 รู้จักเก็บมันก็พอครับ จากคุณ : ichioini เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:08:53

ความคิดเห็นที่ 11 นึกถึงตอนสมัยทำงานประจำ ตอนยังอยู่คนเดียวได้อยู่เลย ไปธนาคาร ถามแพคเกจการลงทุน หรือฝากเงินเอาดอกเบี้ยสูง ... เก็บเงินได้เยอะพอสมควร เพราะตั้งวินัยแบบ ฝากประจำทุกเดือนๆ ตอ่เดือนก็ค่อนข้างสูง ได้เที่ยวไหมก็ได้เที่ยวบ้าง แต่มีขีดจำกัดตรงทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ หยุดไป 1 วันจะทำอะไรได้มากมายนัก แค่ขนาดทำงานมา 2 ปีกว่าไม่เคยลาป่วยแม้แต่ครั้งเดียว ขอขยับวันหยุด 2 วัน สัปดาห์ต่อไปทำงานติดกัน 13 วันรวด ติดเจ้านายตายังเขียวปั๊ดเลย !! ผมคิดว่าถ้าอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนช่วยใช้เงิน ศึกษาการลงทุนเงินต่อเงินก็ดีจริงๆ ครับ เลือกลงทุนตามความเสี่ยงก็ได้ ถ้าไม่มั่นใจก็ Low Risk, Low Return ได้น้อยแต่ชัวร์กว่าไปก่อน ยิ่งถ้ากลุ่มที่มรดกมาเห็นๆ อยู่แล้ว ผมว่าจะเป็นประโยชน์มากกก ผมเห็นเพื่อนผมหลายๆ คนคุยในเฟสฯ เรื่องการเล่นหุ้น เรื่องบัญชีฝากประจำโปรฯ ตัวนั้นตัวนี้ ผมได้แต่มองตาปริบๆ เพราะแต่ก่อน ผมทำได้ แต่เดี๋ยวนี้ผมทำไม่ได้แล้ว .... เพราะอยู่ในสภาพคนที่อยู่ในสภาพแบบก่อร่างสร้างตัวสร้างสมบัติในชื่อตัวเองไปแล้วนั่นเอง (อย่างที่บอกไงครับว่า คนเราไม่เหมือนกัน) ปล. ปัจจุบัน ... ถ้าผมไปธนาคารนี่ ก็เรื่องสินเชื่ออย่างเดียวเลยครับ แบ๊งค์ไหนเป็นไง ยินดีให้คำปรึกษาได้ครับ ทั้งสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:17:52

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ ผมเคยได้มีโอกาสคุยกับพี่คนนึง .... พี่คนนี้ทำธุรกิจหลายอย่างครับ ... และที่สำคัญ เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียววัย 40 กว่า ที่บ้านทำธุรกิจมีฐานะพอสมควร พอมีเงินก็เอาไปลงกับอสังหาริมทรัพย์ ร่วมทุนกับเพื่อนๆ ซื้อคอนโดในย่านที่มีศักยภาพและกำลังซื้อเหมาะสมกันทีละหลายห้องแล้วปล่อยเช่าทีเป็น 10ๆ ห้อง มากมายหลายแห่ง โดยเธอก็ทำหน้าที่คล้ายกับเป็นคนบริหารจัดการห้องเช่าทั้งหลายแทนเพื่อนแล้วได้รับค่านายหน้าไป เงินสะพัดน่าดูเหมือนกันครับ แต่สุดท้ายเธอก็บอกว่า เหตุผลจริงๆ ที่ซื้อคอนโดไว้ก็เพราะคิวว่ายามแก่ตัวแล้วไม่มีใคร อย่างน้อยก็มีคอนโดของตัวเองอยู่ได้อย่างสบายและปลอดภัย เท่านั้นเอง ปล. ก็ต้องเลือกหล่ะครับว่าอยากจะลงทุนเงินต่อเงินแบบไหน คนที่มีโอกาสมากกว่าย่อมได้เปรียบกว่า แต่ก็ต้องตัดสินใจเลือกช่องทางและวิธีการที่ถูกต้องด้วยนะครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นขาดทุนแทน .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:25:30

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเจ้าของกระทู้ครับ เพิ่งรู้ว่าคุณ ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ นอกจากจะเป็น กูรูด้านท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็น กูรูด้านการเงินอีกด้วย อิอิ จากคุณ : จขกท. (เด็กข้างห้างฯ) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:27:59

ความคิดเห็นที่ 14 "ไม่ซื้อบ้าน/คอนโด/รถ..ไม่มีแฟนและไม่คิดแต่งงาน!!" เอ่อ .... มันเป็นแบบนี้อยู่อะค่ะ!! ..... (คืออ่านหัวข้อ แล้วมันดูเป็นประโยคที่ดูว่าการเป็นแบบนี้มันดูแปลกและไม่ค่อยดี ซึ่ีงเราว่ามันก็ปกตินะ เลยมาแชร์ซักนิด) แต่..... - บ้านมีให้อยู่แล้วนะคะ จะ(อาศัย)อยู่บ้านไหนก็อยู่ไป และคงไม่ซื้อคอนโดเพื่ออยู่คนเดียว (เราไม่ได้ร่ำรวยนะ) - รถ ก็มีอยู่แต่เก่า ขับไปทำงานได้ก็พอ ไม่ได้คิดจะขับไปเที่ยว - สองอันหลัง ถ้าไม่มีแฟนก็คงไม่มีใครคิดแต่งงานหรอก (มั้ง) จากคุณ : greatsky เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:31:50

ความคิดเห็นที่ 15 ทุกวันนี้โดนกดดันจากทางบ้านเหมือนกันครับว่าให้ลงหลักปักฐานได้เเล้ว เเต่ก้ได้เเต่ผลัดผ่อนไปว่าเดี๋ยวอายุ30ค่อยเริ่ม ตอนนี้ขอเที่ยวก่อนละกัน :) จากคุณ : Traveller Among Mountains เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:36:25

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าวันใด-วันหนึ่ง คุณมีรถขึ้นมา เผื่อ..ไว้อีกหลายๆ เรื่องด้วยนะครับ เช่น...ค่าบำรุงรักษา ,ค่าประกัน ,ฯลฯ หากตั้งหน้า-ตั้งตาเก็บเงินเที่ยวซะลูกเดียว  และพอถึงเวลานั้นๆ ดันมีเหตุให้ใช้จ่ายเงินเกี่ยวกับเรื่องรถขึ้นมา บางทีมันก็จะทำให้เรื่องเที่ยวลดน้อยลงไป แต่ถ้าคุณซื้อรถใหม่ ! 1 ถึง 5 ปี คุณอาจจะไม่เจออะไหล่เสีย หากหลังจากนั้น โช๊คเสื่อม ,ช่วงล่างมีปัญหา ,ยางต้องเปลี่ยน ,ผ้าเบรคอีก  ต่างๆ เหล่านี้ แต่ละอย่างมันก็หลายพันเหมือนกัน  ไหนจะประจวบเหมาะกับวันเวลาที่คุณต้องเสียค่าประกันอีก ,ภาษีอีก  และที่สำคัญ..คนพึ่งมีรถใหม่ๆ ก็ย่อมห่วงรถ ดูแลรถ อะไรขาดๆ เกินๆ มันก็ต้องเอารถไปทำอีก และที่สำคัญอีก...ถ้าคุณผ่อนรถอีก ,ไหนจะค่าน้ำมันอีก (หากคุณไม่ติดก๊าซ) และคุณก็ลองมาคำนวณ ค่าน้ำมัน กับระยะทางที่จะวิ่ง ประเมินกันแบบคร่าวๆ ก็ได้ครับ  คือ..ถ้าผมจะคิดไปไหน ต่อไหน (ตจว. นะ) และตอนนี้ ค่าน้ำมัน มันก็แพงลิ่วอีก คุณก็ลองเลือกมา 1 จังหวัด  ยกตัวอย่าง เช่น กท. - หัวหิน  สมมุติว่า....280 กม. ผมก็จะคูณด้วยสองไปเลย ได้เท่าไร นั้นแหระมันคือค่าน้ำมัน เช่น...เมื่อปลายปีที่แล้ว  ผมเอารถ Toyota 1.6 ไป จ.เลย วิ่งไปโน้น ไปนี่ ไปนั้น เบ็ดเสร็จแล้ว ไป-กลับ 1,200 กม.  และได้เติ่มน้ำมันไปทั้งหมด 2,400 บาท อย่าลืมนึกถึงประเด็นต่างๆ เหล่านี้ด้วยครับ เมื่อก่อนๆ ผมก็คิดแบบคุณนี่แหระ คือ...ถ้าได้ค่างานมา ก็จะเอาเงินส่วนหนึ่งไปเที่ยว ไปๆ มาๆ รถดันมีปัญหา ถึงขนาดกับต้องโอเวอร์ฮอล์เครื่อง   พอดีกันครับ ฝันที่วาดหวังไว้ ก็ต้องกินแห้วตามระเบียบ จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:36:41

ความคิดเห็นที่ 17 ความเห็นที่ 14 เรายังเคยคิดว่าหากเราไม่มีลูก  เราคงเที่ยวเป็นบ้า เป็นหลัง  ไม่มีวันข้างหน้าให้คิดไกล ๆ     ดีน่ะ...ที่เรากับแฟนมีบ้าน , มีรถ  ก่อนที่ (เรา) ใจจะหมกมุ่นแต่เรื่องเที่ยว   แต่ตอนนี้...ก็พยายามเบา ๆ เพราะยังมีอีก 2 ชีวิตที่ต้องให้เรารับผิดชอบ บางครั้ง...อยากหายารักษาให้หายเหมือนกัน  อยากคิดได้เหมือนกัน แต่เหมือนเสพแล้วมันติดหน่ะค่ะ จากคุณ : nonggam_pong เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:51:39

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยกับหมอยุ่งฯ ว่า ควรรู้จักการลงทุนซักนิดหน่อยครับ การลงทุนมีหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่เราจะเลือก ผมทำงานการการเงิน การลงทุน ไม่ได้มีทุนมาก แต่รู้วิธีการทำให้เงินงอกเงย ด้วยตัวของมันเอง ทุกวันนี้การฝากเงินออมทรัพย์มีแต่ทำให้ มูลค่าของเงินลดลง(เงินเฟ้อ) ควรจะเพิ่มผลตอบแทนบ้าง หากคิดอะไรไม่ออก เดินไปแบงค์ หยิบเอกสารมาดูเลยครับ กลับมาเปิดเวบหาข้อมูลเพิ่ม เล่นหุ้นไม่เป็น ก็ไม่เป็นไร หาทางอื่นยังมีอีกเยอะครับ รถเป็นสินทรัพย์ที่มีแต่การด้อยค่า เสื่อมสภาพลงทุกปี ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่แนะนำเลย หากมีวินัยในการใช้เงิน จะมีเงินเหลือเที่ยวอยู่แล้วครับ เรื่องมีครอบครัว ผมก็ไม่รู้เพราะยังไม่มี แต่คิดไปคิดมาก็เครียด มีคนเคยบอกผมว่า "ตรูทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต ได้มาอย่างเดียว --> เมีย" ... 555 จากคุณ : realp** เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 16:57:01

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนหน้านี้เราก็เป็นอย่างจขกท.ค่ะ มีเงินเท่าไหร่เที่ยวหมด ปีนึงเที่ยวแทบทุกเดือนเลย ไปต่างประเทศปีละ 2 ทริปเป็นอย่างต่ำ อายุจะขึ้นเลข 3 (ณ ตอนนั้น) ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย บ้านอยู่บ้านพ่อแม่ รถไม่มีขับ มีแฟนแต่ไม่คุยกันเรื่องแต่งงานซักที (ตอนนี้เลิกกันแล้วค่ะ) แต่มันมีเหตุให้เราเริ่มกลับมาคิดใหม่ อย่างน้อยก็เรื่องรถล่ะ บ้านเราอยู่กัน 5 คน พ่อแม่และน้อง 2 คน มีคนมีรถและขับกัน 2 คน คือพ่อกับแม่ แต่พ่อเราแก่แล้วค่ะ 70 กว่าๆ แล้ว ปีที่แล้วพ่อขับรถแล้วประสบอุบัติเหตุโดนมอเตอร์ไซค์พุ่งชนกลางลำเลย พ่อเราไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่คนขับมอเตอร์ไซค์เจ็บหนักเข้าไอซียู เอาเข้าจริงคนที่ผิดคือมอเตอร์ไซค์แหละค่ะ แต่พ่อเรา ก็มีปัญหาเรื่องสายตาด้วย คืออายุเยอะ จอตาแคบ เลยมองเห็นไม่รอบด้าน เลยคิดได้ว่าควรจะต้องขับรถเองแล้วนะ จะพึ่งพ่อไปตลอดคงไม่ได้ เลยไปเรียนขับรถแล้วก็ออกรถใหม่ค่ะ ตอนนี้เราเพิ่งออกรถมา พร้อมกับหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต จากนี้คงเที่ยวน้อยลงแล้วล่ะค่ะ แต่จะให้หักดิบไม่เที่ยวเลยคงไม่ไหวนะ แค่ลดความถี่ลงจากเดิมอะค่ะ แล้วก็เริ่มคิดว่าถ้าผ่อนรถหมด (อีกซัก 5 ปี) คงต้องเริ่มลงทุนอะไรบ้างละ อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว แต่เรื่องแต่งงาน ก็คงแล้วแต่โชคละมั้ง ตอนนี้ไม่มีแฟนแล้วก็ไม่ได้ขวนขวายจะหาอะไร อาจจะได้แต่ง หรืออาจจะได้อยู่เป็นโสด ไปตลอดชีวิตก็ได้ ไม่ซีเรียสค่ะ จากคุณ : ยูจินคุง เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:00:33

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้ที่คุณคิดอย่างงี้ก็ไม่ผิด หลายๆคนคิดอย่างงี้ก็ไม่ผิดเพราะตอนนี้คุณยังมีความสุขกับการกิน การเที่ยว มีความสุขกับการเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดคุณคิดว่าเหนื่อยแระเดินทางคนเดียว ไปไม่ไหวแระสังขารไม่ให้ หรืออะไรอีกหลายๆอย่าง เช่น เห็นเพื่อนมีแฟนดูเขามีความสุข เห็นเพื่อนมีลูกดูน่ารัก คุณจะมาคิดเก็บทีหลังมันก็อาจจะช้าไปนะ แต่ถ้าดูแค่ตอนนี้ รถอาจจะไม่สำคัญ บ้านอาจจะยังไม่จำเป็น แฟนยังไม่มีไม่เป็นรัย แต่คุณน่าจะเก็บเงินเพื่ออนาคตข้างหน้าบ้าง ไม่ใช้เก็บไว้แค่เที่ยวกับเผื่อฉุกเฉินแค่นั้น อย่าลืมแค่ว่าอนาคตข้างหน้าไม่มีอะไรแน่นอนอย่างที่เราคิดแค่นั้นก็พอค่ะ จากคุณ : Ann_pp เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:10:38

ความคิดเห็นที่ 21 อยากแบ่งปันบ้าง เพื่อเป็นวิทยาทาน เราอายุอานามก็ไม่น้อย ก็เลยเบญเพสมานิดนึง สถานะปัจจุบันโสด ไม่เคยมีแฟนด้วย และไม่คิดมีแฟนด้วย และที่สำคัญเราไม่คิดจะแต่งงาน เรากะว่าถ้าเราแก่ตัวไปเกษียณไปก็จะไปบวชชีจนแก่ตายในพระพุทธศาสนา บ้านเราเคยอยากได้นะ เคยเก็บเงินจะซื้อบ้าน แต่พอเราไปบวชชีแล้ว เรารู้สึกว่า การมีชีวิตอยู่มันสั้นมาก ควรรีบๆ ทำอะไรที่อยากทำ จากนั้นเราก็เริ่มเที่ยว ตั้งแต่เรียนม.ปลาย เงินที่มีเก็บก็มีส่วนหนึ่ง ไปเที่ยวส่วนหนึ่ง ให้แม่ส่วนหนึ่ง เพราะการเก็บเงินเที่ยวคือ การพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันแม่เราไปเที่ยวต่างประเทศมาแล้วเกือบสิบประเทศ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เรื่องเงิน เราก็แต่งตัวบ้างเน้นประหยัด ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เคยกินเหล้า และไม่เคยสูบบุหรี่ เงินส่วนใหญ่คือไปลงกะเที่ยว และเที่ยว ที่ส่วนใหญ่แบ็คแพ็คลุย ๆ พร้อมแม่เราด้วย เรามีความสุขกับชีวิตแบบนี้ซะอีก ไม่ต้องขวนขวายไม่ต้องเหนื่อยมาก แถมยังได้พักผ่อน โลกใบนี้มีอะไรอีกมากที่เรายังไม่ได้เห็น แถมเรายังได้ทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ด้วย มันแล้วแต่วิถีชีวิตของแต่ละคนมากกว่า คนที่เค้ามีแฟนคนอยากแต่งงานมีครอบครัว ส่วนเราไม่มีแฟน เลยไม่คิดตรงจุดนี้มั้ง เที่ยวไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ดีกว่า แก่แบบแม่เรานะ เพราะบางที่แม่เราก็ไปไม่ได้เพราะว่าแม่ไม่ไหวแล้ว สำหรับเราการเที่ยวตอนที่เรามีแรง เรามีกำลัง ดีกว่าอยากเที่ยว มีเงินแต่ไม่มีแรง ไม่มีกำลังนะ จากคุณ : กุหลาบคิมหันต์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:12:02

ความคิดเห็นที่ 22 อย่าเรียกผมว่าผู้รู้ด้านการเงินเลยครับ รู้สึกว่าเป็นแค่คนถนัดใช้เงินมากกว่าหาเงินครับ พอจะแนะนำเรื่องสินเชื่อต่างๆ ตามประสบการณ์ที่มีผมเท่านั้นเองครับ ... แต่เรื่องจะลงทุน ไปปรึกษาธนาคารดีกว่าครับ จริงๆ ผมชอบบริการของแบ๊งค์เขียวนะ ในเรื่องของ K-Weplan หรือบริการที่เกี่ยวกับการวางแผนการเงิน แบบว่า จนท.เค้าก็อธิบายละเอียดดี กึ่งๆ เชียร์ให้ใช้บริการของเค้าด้วย แต่เราก็มีสิทธิ์จะเลือกว่าจะทำยังไง มองเห็นภาพตัวเองออกว่า ... อีก 10 ปี 20 ปี ความมั่งคั่งทางการเงินจะเป็นอย่างไรครับ ... ในธนาคารก็จะมีแผ่นพับเรื่องการลงทุนหลายๆ อย่างเยอะเหมือนกัน เอามาศึกษาก่อนก็ได้ครับ หรือจะลองไปสิงอยู่ที่โต๊ะสินธรก็ได้ว่า พวก 'กูรู' ตัวจริงเค้าทำอะไรยังไงกันบ้าง จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:13:38

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้ชายเรามันต้องมีอะไรให้รับผิดชอบสักอย่างสิคะ เพราะมันเป็นตัวผลักดันให้ชีวิตมันพุ่งต่อไปข้างหน้าค่ะ จากคุณ : ฮิปโปฟันผุ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:15:51

ความคิดเห็นที่ 24 เราเป็นแบบนี้อยู่ค่ะ อายุเพิ่งขึ้นเลข3ไม่นานมานี้เองค่ะ เราทำงานประจำนะ แต่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ และมีรถให้เราใช้อยู่แล้ว เรามีคติว่า ตราบใดที่ยังอยู่กับพ่อแม่ ก็จงใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสทอง ให้รีบเก็บเงิน เราเลยตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงิน(ให้พ่อแม่ทุกเดือนนะคะ) ทุกวันนี้เราไม่มีสมบัติอะไรติดตัวค่ะ มีแต่เงินสด เงินที่ลงทุนในหุ้น และเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ เท่านั้นค่ะ บ้าน รถ คอนโด ทอง ไม่ใช่เราเลยจริงๆ และเราก็เที่ยวหนักมาก555 เที่ยวคนเดียวบ้าง กะเพื่อนบ้าง เพราะเราไม่คิดจะผูกพันกับใครค่ะ ดังนั้นเรื่องแต่งงานสำหรับเรามันแทบไม่มีในหัวเลย เราเก็บเงินได้ดีและกันเงินไว้เที่ยวและหาความสุขด้วยการไปกินอะไรอร่อยๆ ไปเรียนตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ และอื่นๆอีกเยอะค่ะ เราคงใช้ชีวิตแบบที่คุณจขกท บอกมาแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ เก็บเงินสดตามที่เราตั้งเป้าไว้ เอาเงินส่วนนึงลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ต่อไป และกันไว้กิน-ดื่ม-เที่ยวตามประสาคนโสดค่ะ จากคุณ : torta เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:18:13

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องรถ นี่ ... ผมเห็นหลายๆ คนหลงระเริงไปกับส่วนลดภาษี 100,000 บาท ผมสารภาพว่า ที่ผมซื้อ ผมซื้อก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการนี้มาได้ครึ่งปีครับ แอบซีดเหมือนกัน แต่พอคำนวนดอกเบี้ยแล้ว ผมได้รุ่นดอก 1.99% ถ้าซื้อรุ่นทีหลัง ได้ส่วนลดจริงแต่ต้องจ่ายดอกแพงกว่า การซื้อรถนี่ นอกจากค่าน้ำมัน ยังมีค่าดูแลรักษาตามระยะด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้ใช้จริงก็มีปัญหา ผมเคยจอดนังแจ๊สไว้ 10 กว่าวัน เป็นเรื่องเลย แบตเตอรี่เสื่อมต้องเปลี่ยนแบตใหม่ซะงั้น ค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ตามคุณภาพ เอาสังเคราะห์แท้ก็สองพันกว่าบาท ไหนจะค่าภาษีทะเบียนรถปีละ 1,645 บาท ค่าประกันภัยชั้น 1 ตามมูลค่ารถอีก (ของผมก็ราว 2 หมื่นบาท) เรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้มีเหตุจำเป็นต้องใช้จริงๆ ผมว่าซื้อรถไปนี่ภาระเอาเรื่องจริงๆ ครับ ส่วนซื้อบ้านซื้อคอนโด ผมรู้สึกว่าผมโชคดีที่ซื้อก่อนกรมธนารักษ์ปรับราคาประเมินที่ดิน เพราะถ้าให้ซื้อตอนนี้ก็ซื้อไม่ไหวเหมือนกันครับ ราคาเด้งไปเยอะพอสมควร สรุปก็คือ เอาตามความจำเป็นครับ ถ้าอยู่บ้านพ่อแม่ได้ดีแฮปปี้และท่านต้องการคนดูแลก็อยู่กับท่านไปดีที่สุดครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:22:39

ความคิดเห็นที่ 26 วิธีการบริหารทรัพย์สินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน..บางคนชอบเห็นเงินในบัญชีเยอะๆ บางคนชอบซื้อหุ้น ที่ดิน คอนโด นาฬิกา สินค้าแบรนด์เนม แต่เราชอบเที่ยวต่างประเทศไปอย่างน้อยปีละ 4 ครั้งไปเองตลอดเพราะที่ที่อยากไปทัวร์มักไม่จัด เข้าห้องบลูทุกวัน...มีความสุขกับการหาข้อมูล อ่านหนังสือท่องเที่ยว เก็บตั๋วโปร  หาวิธีประหยัดเท่าทีหาได้ ตั๋วเครื่องบินถ้าไม่โปร..ก็ใช้ไมล์แลก เพราะชอบเที่ยวอย่างนี้แล...จึงเก็บเงินสดไม่ได้ มีเงินหาเรื่องเที่ยวทันที นี่ดีนะทีคนไทยไปไหนส่วนใหญ่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ ถ้าไม่ต้องขอมีหวังเลยเถิดมากกว่านี้...เลยใช้วิธีเก็บเงินด้วยการสร้างหนี้โดยซื้อทรัพย์สินเก็บไว้บ้าง (เน้นที่มูลค่าเพิ่มมากกว่าเงินเฟ้อเช่นที่ดิน ตึกแถว)ผ่อนหมดก็หาชิ้นใหม่ผ่อนต่อไป อย่างน้อยตอนแก่ๆจะได้มีค่าเช่าเก็บกิน จากคุณ : TRL เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:48:20

ความคิดเห็นที่ 27  ตอนอายุ 35 ปี เลยตั้งหน้าตั้งตาเที่ยว แม้ว่าจะเป็นข้าราชการผู้น้อย(มากๆ) ไปทัวร์ต่างประเทศปีละครั้ง..............10 ปีติดกัน ภายในประเทศ...ไปทุกหน้าหนาว ตลอดเวลาทำงาน 30 ปี ไม่มีภาระทางบ้านเพราะ เป็นน้องคนเล็ก...พี่ๆ  3 คน ทำงานเอกชนระดับแนวหน้ากันหมด มีบ้านอยู่  ค่าใช้จ่ายในบ้าน แทบไม่ต้องเสีย ทุกวันนี้ เกษียณแล้ว...อยู่บ้านหลังเดิม ไปเที่ยวกับคนในครอบครัวบ้าง...เพื่อนที่รวมกลุ่มกันบ้าง ล่าสุด...เมื่อเดือนที่แล้ว จากคุณ : @NBC เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:57:44

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่ามันอยู่ที่เราจะจัดความสมดุลระหว่าง ชีวิตที่มั่นคงทางการเงิน กับ ความสุขในการใช้ชีวิต ได้อย่างไรน่ะครับ แล้วไอ้คำว่า ความมั่นคงทางการเงิน ถ้าเอามาวัดด้วยจำนวนเงิน ความมั่นคงของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากันอีกนะครับ เพราะแต่ละคนมีเงื่อนไข มีการใช้ชีวิต มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ แตกต่างกันไป ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้ดีที่สุด หรือประเมินได้ดีที่สุดเท่าตัวของเราเองหรอกครับ คนอื่นจะทำได้เพียงแค่แนะนำช่องทาง เครื่องมือ วิธีการ ในการรักษาความสมดุลทางการเงินของเราเท่านั้น อยู่ที่คุณแหละครับว่าจะจัดสมดุลชีวิตอย่างไร ให้สามารถทำตามที่ใจปรารถนา และสามารถดำเนินชีวิตได้โดยไม่ลำบาก คุณจะมีอะไร ไม่มีอะไร จะซื้อหรือไม่ซื้ออะไร ไม่มีใครคิดแทนคุณได้หรอกครับ จากคุณ : David_kop เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 18:59:47

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเจ้าของกระทู้ครับ อ่านๆทุกความเห็นแล้วได้แง่มุมดีๆหลายอย่างทีเดียว จริงๆ คงต้องขยายความนิดนึงว่า จุดประสงค์ของคำว่าเก็บเงินเพื่อการเที่ยวเป็นหลัก มันคล้ายกับที่ในหลวงทรงสอนให้พอเพียงน่ะครับ คือ แต่เดิมผมมุ่งแต่จะเก็บเงินเพื่อเรื่องบ้าน เรื่องคอนโด เรื่องรถ เพราะเพื่อนสนิทมันพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ ว่าเราควรสร้างฐานะการเงินให้มั่นคง แต่พอมาคิดได้ว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้ต้องการจะสร้างครอบครัว หรือจะเป็นคนร่ำรวยอะไร ทางบ้านเองก็มีฐานะการเงินพอจะอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก อย่างน้อย ทำงานราชการ ก็พอได้อาศัยสวัสดิการสำหรับตัวเองและคนในครอบครัว เมื่อยามเจ็บป่วย ก็ลดภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้บ้าง และสิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือ การกิน การเที่ยวอย่างที่เราชอบ --------------------------------------------------------------------- ก็เลยกะว่าจะเปลี่ยนแนวทางเป้าหมายหลักของการเก็บออมเงิน แทนที่จะมุ่งแต่เรื่องเอาเงินไปซื้อบ้าน หรือ คอนโด โดยมองว่าเป็นการเพิ่มสินทรัพย์ แต่ก็ต้องแลกกับการผ่อนกันยาวจนเกษียณ แล้วเงินเดือนที่จะใช้ในแต่ละเดือนคงจะไม่มากพอจะไปเที่ยวอย่างที่เราต้องการ เช่น กู้ผ่อนบ้านหรือคอนโด 25 ปี ซึ่งเอาจริงๆ อาจจะโปะให้จบได้ ภายใน 15 ปี แต่ระหว่างนั้น ระดับเงินเดือนราชการที่ได้รับ เมื่อหักค่าผ่อนบ้าน กับค่าใช้จ่ายประจำแต่ละเดือนแล้ว มันอาจจะทำให้ผมไม่มีเงินพอที่จะไปเที่ยวในที่ๆอยากไป กว่าเงินเดือนจะขึ้นมาถึงระดับที่หักค่าผ่อนบ้านแล้วยังเหลือมากพอให้เที่ยวได้ ตอนนั้นก็คงเริ่มจะหง่อมจนไม่ค่อยมีแรงไปเที่ยวแล้ว ---------------------------------------------------------------------- ส่วนเรื่องลงทุนก็สนใจอยู่ครับ (แต่เรื่องหุ้นเคยลองแล้ว เจ๊งมาแล้วครับ 555) ตอนนี้เลยยังคิดไม่ออกว่าจะเอาไปลงกับอะไรดี ก็ได้แต่เก็บเงินไปก่อน ตอนนี้สัดส่วนการใช้เงินของผมในแต่ละเดือน 1. ปัจจุบัน รายจ่ายประจำ 50 / เก็บ 50 ถ้าเดือนไหนจะเที่ยว ก็เอาจากส่วนที่เป็นเงินเก็บมาใช้ ซึ่งจริงๆแล้วปีนึงก็กะจะเที่ยวซัก 4 - 6 ครั้ง แต่ละครั้งบางทีก็ใช้เงินไม่ถึงครึ่งของเงินเก็บในแต่ละเดือน นอกนั้นยังมีเงินก้อนจำนวนมากพอสมควรอีกส่วนหนึ่ง ที่เก็บมานานแล้วสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน 2. แต่กรณีถ้าซื้อบ้านหรือคอนโด จะเป็น รายจ่ายประจำ 50 / ผ่อนบ้าน,คอนโด,รถ 40 / เก็บ 10 /เที่ยว ?? ดูแล้วผมสบายใจกับอย่างแรกมากกว่าน่ะครับ ---------------------------------------------------------------------- เพิ่มเติม ส่วนเรื่องรถ ตอนนี้ก็เก็บๆเงินไว้ พอที่จะซื้อรถระดับราคา 7 แสนได้ครับ แต่คันเดิมที่ใช้มาเกือบ 10 ปี ยังโอเคอยู่ เข้าศูนย์ตลอด ไม่งอแง และแม่ผมเป็นคนซื้อคันนี้ เค้ารักมากยังไงก็ไม่ยอมให้ขายแน่ๆ แล้วยังมีปัญหาเรื่องที่บ้านจอดได้คันเดียว แถมน้องชายผม วันทำงานมันก็ไม่ใช้รถด้วย จะใช้เฉพาะวันหยุด ซึ่งตอนแรกผมก็เซ็งๆ ตรงที่ว่าอยากไปเที่ยววันหยุดก็เอารถไปไม่ได้ แต่ตอนหลังประมวลปัญหาทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว คิดว่าถ้าซื้อมาใหม่ตอนนี้ก็อาจจะใช้ไม่คุ้มทั้งคันเก่าและใหม่ วิธีแก้ที่คิดไว้ คือ ถ้าไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ ไปกับเพื่อนก็รถเพื่อน ไปคนเดียวก็เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ แล้วไปเช่ารถเอาปลายทาง ถ้าจังหวัดใกล้ๆ รถเพื่อน ไม่งั้นก็หาเช่ารถจากกรุงเทพไป ถึงจะไม่สะดวกเท่ารถตัวเอง แต่ก็น่าจะคุ้มกว่าซื้อคันใหม่มาเพิ่มอีกคันในตอนนี้มั้งครับ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 19:25:46 จากคุณ : จขกท. (เด็กข้างห้างฯ) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:09:33

ความคิดเห็นที่ 30 รักจะเที่ยวต้องมีวินัยนิดนึง คือจะกันรายได้ส่วนหนึ่งไว้สำหรับการณ์นี้ ^^ เริ่มจากบัญชีเงินเดือน พอสิ้นเดือนจะถอนออกหมด เหลือแค่พอไว้ใช้จ่ายประจำวัน (20%) ออมแบบ fix เท่ากันทุกเดือน (30%) ชำระบัตรเครดิต (30% > คชจ.ในบ้าน&ใช้เบ็ดเตล็ดส่วนตัว) อีก 10 กว่า% ฝากไว้ในบัญชีอื่นๆ เอาไว้เป็นเบี้ยน้อยหอยน้อย เผื่อปลายเดือนเงินไม่พอใช้ ก็ช่วยชีวิตได้ หลังหมดภาระโน้นนี้ก็เริ่มใช้ 10% อันหลังสุดนี่ละค่ะไว้เป็นเงินเที่ยว เก็บไปใช้ไป ช่วงเที่ยวถี่ๆตัวเลขก็ลดวูบๆ - -" อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว วางแผนระยะยาวไว้หมดแล้ว ทุกคนในบ้านอยู่สุขสบายดี ฉะนั้น เครียดเมื่อไหร่ ที่บ้านจะไล่ให้ไปเที่ยวทันที เง้อ! จขกท. ตั้งกระทู้ถามได้น่าตอบมากค่ะ b^^ จากคุณ : แพ็ตตี้ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:17:23 A:58.9.147.225 X: TicketID:374298

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งที่เหมือนกับ จขกท ：อยากเที่ยว ชอบเที่ยวและอาชีพเดียวกัน (เงินเดือนน้อย) สิ่งที่แตกต่างกับ จขกท ：เก็บเงินซื้อบ้าน (ผ่อนหมดแล้ว) เก็บเงินซื้อรถ (มีรถแล้ว) และแต่งงานแล้ว และเที่ยวตปท.ปีละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-12 วัน จากคุณ : maeil (Maeil) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:18:36

ความคิดเห็นที่ 32 อ้าวลืม ส่วนโบนัส จะเก็บไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ (ประกัน,ต่อทะเบียน,ซ่อมบำรุง) และเบี้ยประกันชีวิต ถ้ายังมีเหลือบ้างก็เก็บใส่บัญชีเล็กน้อยไว้เที่ยวอีกค่ะ จากคุณ : แพ็ตตี้ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:21:07 A:58.9.147.225 X: TicketID:374298

ความคิดเห็นที่ 33 เราคล้ายๆ จขกท นะคะ โสดไปวันๆ ไม่คิดจะซื้อบ้าน รถ คอนโด ฯลฯ อยู่บ้านพ่อแม่ น้องชายทิ้งทุ่นไปอยู่ตปท ฉนั้นบ้านหลังนี้ก็เป็นของเราอยู่ดี รถก็เป็นชื่อคุณพ่อ ซึ่งซื้อให้น้องชาย น้องชายไม่อยู่รถก็เป็นของเรา เก็บเงินทุกเดือน หยอดกระปุกไว้เที่ยวอย่างเดียว เพราะไม่มีเรื่องอะไรอื่นที่ต้องใข้ อาจจะดูมองชีวิตง่ายไป แต่เราก็มีความสุขดี ปล. เราก็ชอบเที่ยวคนเดียว ไปหลายคนแล้วรำคาญค่ะ ฮ่าๆ ปีหน้าจัดไป 3 ทริปแล้ว เที่ยวทุก 2-3 เดือนเลย (จะหยอดกระปุกทันไหมเนี๊ยะ >.<~) จากคุณ : ฟ้าวันนี้มีเมฆสีคล้ำ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:45:15

ความคิดเห็นที่ 34 ผมคิดเหมือนเจ้าของกระทู้อยู่ส่วนหนึ่งครับ คือ หาเงินไว้เที่ยว...ส่วนซื้อรถ-ซื้อบ้านและมีเมียผมไม่เห็นด้วยครับ ทุกวันนี้จะคุยกับแม่บ้านตลอดเรื่องการวางแผนการใช้เงิน ถ้ามีเวลาสิ่งที่จะทำคือเที่ยวอย่างเดียวครับ ผมมานั่งนับดูเล่นๆนะประเทศไทยเหลืออยู่3จังหวัดที่ยังไม่เคยไปครับ สตูล-ปัตตานี-นราธิวาสครับ นอกนั้นไปมาหมดทุกจังหวัด คือนับตั้งแต่ผ่านหรือไปค้างคืน บางที่ไปมา2-3รอบถ้าชอบ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆตลุยมาหมดครับ ลาวเหลืออยู่2แขวงครับ อัตตะปือกับสาละวัน นอกนั้นตลุยมาหมด เวียตนามไปมา3-4เมือง คือเวียตนามกลางครับ กำลังวางแผนไปเหนือกับใต้ รอถนนR3Aเสร็จกะขับรถเข้าเมืองสิงห์แล้วเข้าเดียนเบียนฟูแล้วก็ฮานอยครับ อยู่ห่างเชียงรายแค่300กม.เอง จีนตอนใต้12ปันนาก็ตลุยมายกเว้นพม่าไปแค่เมืองใกล้ๆ เพราะความไม่สงบของเขาก็เลยไม่ค่อยได้ตลุยครับ ผมว่าชีวิตเรามันสั้นนัก ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุขทำไปเถอะครับ ไม่มีผิดและถูกครับ ถูกของเราอาจจะผิดของคนอื่นได้ สนับสนุนให้ทุกคนเที่ยวครับสมองจะได้ไม่อันไซม์เมอร์ก่อนวัย จากคุณ : คนเจียงฮาย เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:00:48 A:118.172.84.188 X: TicketID:376031

ความคิดเห็นที่ 35 ในอดีตเคยยึดติดในความหรู บ้าแบรนด์ อยากมีรถ บ้าน คอนโด ไม่เคยมีเงินเก็บ จนก้าวแรกที่ได้ไปต่าง ปท ด้วยตนเองกับเพื่อน หาของอร่อยกิน ตอบตัวเองด้วยความรู้สึกเดียวกับ จขกท ว่าเราชอบเที่ยวกับกินนี่หน่า ผ่านไปทริปแล้วทริปเล่า ตัวตนที่แท้จริงของเราชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ว่าไม่ได้ชอบของนอกกายเหมือนที่เคยรู้สึกแล้ว รู้จักธรรมะที่แท้จริงก็จากการท่องเที่ยวนี่แหละ รถมีไว้ใช้เพื่อความจำเป็น บ้านมีไว้อยู่เพื่อพักผ่อนและเป็นมุมส่วนตัว ของทุกอย่างมีใช้เพื่อความจำเป็นทั้งสิ้น เงินมีแบ่งไว้เก็บและทำให้งอกเงยบ้าง แต่ออกเที่ยวเป็นภาคบังคับในชีวิตที่เต็มใจทำมากที่สุด ทุกวันนี้ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี รวมทั้งของคุณแม่ด้วย ขยันเก็บเงินอย่างมีจุดหมายทุกปี เพื่อจะได้ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจที่สุด เราโชคดีที่ไม่มีภาระอะไร (ก่อนหน้านี้เคยดูแลคุณพ่อตอนเดินไม่ได้ แต่ก็ยังแอบเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย และได้ส่งคุณพ่อไปที่สุขสงบอย่างดีที่สุดแล้ว) ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย เราก็ยังขอเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตบนโลกใบนี้ในตอนที่เรายังมีดวงตา สองเท้า และประสาทสัมผัสครบสมบูรณ์ เพื่อวันหนึ่งเราจะได้ไม่เสียดายวันเวลาที่ผ่านไป ...จริง ๆแล้ว มันคงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน และการบริหารจัดการตัวเองภายใต้ข้อจำกัด เป็นศิลปะในชีวิตอย่างหนึ่งค่ะ จากคุณ : ตามใจตัวเองสักวัน เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:04:02

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องเที่ยวเราคิดเหมือนคุณจขกท. ว่าต้องไปตั้งแต่ยังมีแรง เพราะถ้ามีเงินก่อนค่อยไปคงแรงเหลือน้อย แต่ถึงแม้แรงเหลือน้อยเราก็จะยังคงเที่ยวแบบใช้แรงน้อยๆ จากคุณ : TRL เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:15:56

ความคิดเห็นที่ 37 มีคอนโดเล็กๆ มีรถเก่าๆ ไม่มีแฟน ไม่แต่งตัว งานมั่นคง คิดแต่เรื่องเที่ยว. เข้าแต่บูล  มีความสุขกับปัจจุบัน. แค่นี้พอค่ะ จากคุณ : ขึ้นกับฟ้า เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:25:19

ความคิดเห็นที่ 38 ---ตกใจที่รู้ว่าหมอยุ่งฯ อายุยังไม่ถึง 30 ดูจากเขียนกระทู้แล้วผมนึกว่า35+ ------------------------------------------------------------------------------------- ---จขกท.ต้องหันมาดูตัวเองครับ รายได้เราพอทำอะไรได้บ้าง...แบ่งเป็นส่วนๆ เหมือนที่ท่านอื่นๆ แนะนำ...บางทีมันอาจไม่มากพอที่จะทำอะไร ไม่ว่าจะซื้อบ้านหรือซื้อรถ --ซื้อบ้าน...ก็มาดูว่าคุณเดือดร้อนเรื่องที่อยู่มั้ย..ถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่จำเป็นแบ่งเก็บเป็นเงินก้อนดีกว่า ---ซื้อรถ...ส่วนตัวผมมีความรู้สึกว่า...มีรถแล้วมีค่าใช้จ่ายมาก ต้องดูแลต้องคอยเป็นห่วง...อย่างเราจะไปไหนใกลๆ ก็เป็นห่วงรถที่อยู่ที่บ้าน..ถ้ายังไม่แก่มากเดินทางไปไหนมาไหนไม่ลำบากยังไม่ซื้อก็ได้ครับ ---ถ้ามีเงินผมแนะนำให้ซื้อสลากออมสินครับ..เอาไปทำอะไรก็ได้..เก็บง่าย..ค่าตอบแทนสูงผมซื้อไว้จำนวนหนึ่ง...ถูกสลากทุกงวด ดอกเบี้ยก็ได้..ถอนเมื่อใหร่ก็ได้ไม่มีความเสี่ยงครับ..เมียไล่ออกจากบ้านก็สามารถเอาติดตัวไปได้ทุกที่(ประสบการณ์ตรง) จากคุณ : กำนันเปล่ง เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:37:56

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องแบบนี้ ! คุยยันสิ้นปี ก็ยังไม่จบ อยากจะแนะ จขกท. แบบนี้ดีกว่าครับ คือ...เรื่องเที่ยว ! อยากให้เป็นประเด็นหลังๆ ดีกว่าครับ เพราะดูๆ แล้ว  ถ้าคุณไปเที่ยวจริงๆ ยามที่คุณเงียบ (กับกรณีที่คุณไปคนเดียว) ผมคิดว่า คุณก็ต้องคิดถึงเรื่องต่างๆ นาๆ (กับตรงที่คุณได้บรรยายแตกละเอียดออกมา) และ..มันจะทำให้การไปเที่ยวของคุณ ปนไปกับความทุกข์ได้อีกเช่นกัน ผมก็ไม่รู้นะ ว่าคุณอายุประมาณเท่าไร ?  แต่ถ้าคุณอยากจะเก็บออมเงิน จะมีวิธี หรือจะมีความเป็นไปได้อีกมั้ยครับ ที่คุณจะทำธุรกิจอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกซัก 1 อย่าง คุณอาจจะใช้เวลาหลังเลิกงาน หรือวันหยุด ส-อ หากคุณมารอแต่เงินเดือนอย่างเดียว ! ขอบเขตของความคิด มันก็จะถูกจำกัดไงครับ ผมก็ประสานงานกับรุ่นน้องหลายคน  เค้าก็เป็นวิศวกรประจำหน่วยงานรัฐบาลนี่แหระ เค้าก็ยังหาจ๊อบทำที่บ้าน.....ไปๆ มาๆ เงินของงานจ๊อบ มากกว่าเงินเดือนหลายเท่าเลยครับ ไม่ได้มาดูถูกคนทำงานหลวงทุกคนนะ ! แต่บางคนที่เห็น เค้าก็ไม่คิดที่จะกระตือรือร้นอะไรบ้างเลย (ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเค้าก็มีโอกาส) แถมสร้างหนี้กับเรื่องที่ไม่อันควรอีก ลองดูครับ ! คุณจบอะไรมา คุณก็น่าจะพอรู้ได้บ้างละครับ ว่ามันจะสามารถหาอะไรทำเสริม ได้มาก-น้อย ขนาดไหน ถ้าไม่ได้เลย ! ก็เตรียมจับฉลากได้เลย ว่า.....จะได้ไปเที่ยวจังหวัดอะไร ? จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:31:44

ความคิดเห็นที่ 40 ความสุขในชีวิตคนเรานั้นแท้จริงขึ้นกับตัวเราเป็นหลักครับ  อย่าพยายามหรือตามค่านิยมหรือมาตรฐานคนอื่น ๆ ครับ  คิดและอยู่ให้ได้กับสภาพความเป็นจริงของเรา ณ ขณะนั้น ๆ ก็สุขีได้ตลอดครับ เรื่องเที่ยว เรื่อง กิน เรื่อง ทรัพย์สินก็คือสิ่งปรุงแต่งที่เราไปผูกมันไว้  แต่ละคนก็เลือกมควา สุขในแบบต่าง ๆ กันไป ใจเราเป็นสุขในสิ่งทค่เลือกก็ดีแล้ว  ปล่อยวางได้ยามไม่ได้ดังหวังก็สามามารถสุขได้ ตลอก ไ ครับ อิอิ    ผมเป็นคนนึงที่ใช้รายได้เกือบครั่งไปกับการทองเที่ยว :-)  ในขณะเพื่อน ๆ ผมเลือกผ่อนหนือลงทุนในสิ่งต่าง ๆ มากมาย  ผมยินดีกับการมีบ้านเล็ก ๆ ชานเมือง รถคันเล็ก ๆ ไว้ใช้ มีเงินสดเผื่อะกเฉิน  มาดว่า การเลือกเป้นหนค้ :-)   อย่าไปสนคนอื่นมากนักเลือกในแบบทค่เรามีความสุขดีทค่สะดครับ  มันอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีทค่สุดในสายตาเรา หรือใคร ๆ  แต่เป็นทางเลือกทค่เราเลือกแล้วมีความสุขครับ    ปล. ชีวิตมันสั้นนักอย่าคิดมาก หุหุ จากคุณ : ok3 เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:36:52

ความคิดเห็นที่ 41 มีครบหมดแล้วอ่ะ แต่เที่ยวยังไปไม่หมด  ที่อยากจะไป  อิอิ ป้าหนิงแก่แล้ว  ขอป้าเที่ยวก่อนน๊า... อีกไม่นานจะไม่มีแรงเที่ยวอ่ะ จากคุณ : ข้าวเหนียว-ส้มตำ-ปลาเผา เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:40:07

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้ามีเป้าหมาย ถ้ามีภาระ จะคิดหาเงินเพิ่มจากรายได้ประจำที่ดูอาจจะเหลือเืฟือแล้ว เที่ยวได้ถ้ามีแรงมีกำลังทรัพย์ไม่เดือดร้อน แต่จะภูมิใจกว่าไหม ถ้าหากได้ซื้อบ้านหรือรถได้ด้วยกำลังตัวเอง หมดแรง มีเงิน มีเวลา แต่ไปไม่ได้ งั้นก็ต้องคนละครึ่งทาง อีกอย่างคนที่ติดเที่ยวมากๆ หากแต่งงาน เป็นภาระกับอีกฝ่าย เพราะคุณจะหยุดเที่ยวไม่ได้ แต่หากคุณไม่มีครอบครัวพ่อแม่คุณท่านจะเป็นกังวล รวมถึงไม่มีหลานมาให้ท่านอุ้ม ดังคำโบราณว่า เมือ่ไร จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เปรียบเหมือนบ้าน ไม่มีฝาผนัง จะสุขสบายอบอุ่นได้อย่างไร แก่ตัวมายามเจ็บไข้ได้ป่วยใครจะอยู่ดูแลคุณ คุณจะยิ่งโหยหาคนใกล้ตัวที่ไว้ใจได้สนิทใจ แต่ถ้าทำหน้าที่ครบถ้วนแล้ว แก่ตัวมามีหลักฐานมั่นคง จะกลับมาเที่ยวใหม่อีกรอบแบบผู้สูงวัย ก็ไม่สายเกินไป ปัจจุบัน ตัวเอง ยังคงตั้งเป้าหมายไว้ว่า ปีหนึ่ง ไปต่างประเทศครั้ง ส่วนในประเทศแล้วแต่โอกาส เพราะเที่ยวไปเกือบหมดประเทศละ แต่ชอบไปกับคนรู้ใจ หรือไปคนเดียวมากกว่า สบายใจ สบายกระเป๋าเพราะเรากำหนดงบเองได้ ขอให้มีความสุขในการเที่ยวค่ะ .............. จากคุณ : UlingChi เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:43:20

ความคิดเห็นที่ 43 อยากบอกว่าเป็นเหมือนกันเปะๆเลย ไม่มีบ้านรถทรัพย์สินใดๆ และคิดแต่จะเอาเงินไปเที่ยว เคยคิดว่าตัวเองเป็นโรคเสพติดการท่องเที่ยว(มันมีไหมหว่า) พยายามจะลดละเลิก แต่ทำไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงกะชีวิต เคยรู้สึกไหม -*- จากคุณ : meaw-angle เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:30:57

ความคิดเห็นที่ 44 เคยคิดคล้ายๆ จขกท ค่ะ เมื่อก่อน เก็บเงินส่งเสียตัวเองเรียน แล้วก็เที่ยวถ้ามีโอกาส ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีแฟนแต่ไม่เวิร์ค เลิกกันไป เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ เพราะเราเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ชีวิตไม่คิดอะไร แค่มีความสุขเวลาได้เที่ยวก็พอ แต่หลังจากที่แม่เราเสีย เราเริ่มคิดแล้วว่า ถ้าวันหนึ่ง เราไม่เหลือใครเลย เราจะอยู่ยังไง ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้นะ เราอยู่คนเดียวจนชินแล้ว แต่จากที่เคยคิดว่า จะไม่ซื้อบ้าน ไม่ซื้อรถ ไม่มีแฟนก็อยู่ได้ ความคิดก็เปลี่ยนค่ะ เพราะว่า บ้านพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด ก็ให้พี่สาวอยู่กับครอบครัวเค้าไป น้องชายเรามีครอบครัวก็แยกบ้านไปแล้ว เหลือเราคนเดียว ที่ต้องไปสร้าง ไปหาเอาใหม่ เพราะเราคงไม่กลับไปอยู่กับครอบครัวของเค้า มันดูแปลกๆ เหมือนเราไปอาศัยเค้าอยู่ และงานเราก็อยู่นี่ (งานมั่นคง) แล้วอีกอย่าง เราจะเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ไปเรื่อยๆจนแก่เลยเหรอ ความคิดที่อยากจะซื้อบ้านก็เลยเกิดค่ะ ตอนนี้เรามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว พอพ่อเราเสีย เรายิ่งรู้สึกว่า ชีวิตมันว้าเหว่ขึ้นทุกวันนะ เพราะคนที่เรารัก จากไปทีละคน สองคน เมื่อก่อนเราอยู่คนเดียวก็จริง แต่ยังกลับไปเยี่ยมไปหาท่านได้ ยังโทรคุยกันได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้จะกลับไปหาใครค่ะ ความคิดที่อยากจะมีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ก็เริ่มเกิดอีก ตอนนี้เราก็มีแฟนแล้วค่ะ กำลังจะแต่งงานกัน และโชคดี ที่แฟนเราชอบเที่ยวเหมือนเรา คิดกันไว้ว่า จะเที่ยวไปทั่วโลกถ้าทำได้และมีกำลังพอค่ะ เราว่า ชีวิตมันเปลี่ยนไปตามช่วงของมันนะ บางทีเราไม่ได้กำหนดอะไรไว้ แต่มันมาเอง บางทีเราไปกะเกณฑ์ชีวิตมากไป แต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้นหรอกค่ะ เมื่อถึงช่วงชีวิตหนึ่ง  จขกท อาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ค่ะ  ^^ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 22:40:55 จากคุณ : ShiNyShadoWy เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:36:17

ความคิดเห็นที่ 45 ผมมีบ้านอยู่แล้ว และมีรถอยู่แล้วครับ ขาดตรงคู่ชีวิตเนี่ยแหละ(กำลังเก็บเงินแต่ง) แต่เรื่องเที่ยวนี่คิดไปเรื่อยครับ เก็บเงินแต่งงานก็มีส่วนหนึ่งแบ่งออกมาเก็บเพื่อไปเที่ยวนี่แหละ แล้วก็ชอบเข้ามาอ่านreviewในห้องbpบ่อยๆ ที่นั่นที่นี่ แล้วก็จัดทริปเอง(แต่ก็ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ เพราะเก็บเงินแต่งอยู่ - -" ) ส่วนใหญ่จะเป็นทริปแบบฝันๆหน่อยน่ะครับ ประมาณว่าถ้าเก็บเงินได้เท่านั้นเท่านี้นะ จะไปให้ได้เลย ใครเป็นแบบผมบ้างครับ จากคุณ : HappyDemon เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 23:12:24

ความคิดเห็นที่ 46 น่าจะตรงคอนเซ็บหลายข้อ 1.ผมมีบ้านของพ่อแม่เลยไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก เป็นผู้อาศัยอย่างเดียว 2.ไม่มีแฟน ตัวคนเดียว เที่ยวไปเรื่อย 3.มีเงินนิดหน่อยพอได้ คำนวณค่าต่างๆ อาศัยพักบ้านเพื่อนเป็นหลัก เที่ยวไปเรื่อยๆ 4.ไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีเงินเดือน ทำธุรกิจเล็กๆอยู่ไม่รู้ว่าจะได้กำไรเท่าไหร่.. 5.ไม่กินเหล้า และบุหรี่ อะไรทั้งสิ้น หลังจากช่วงเรียนกินเหล้าเก่งมากๆ 6.หาความสุขให้ตัวเองจากการเที่ยวนี้แหละ ไปคนเดียวบ้าง บั้นปลายอาจไปใช้ชีวิตอยู่ ตจว. เงียบก็ได้ๆ ขอแค่มีข้าวกินเป็นพอ.. จากคุณ : สมาคมนกเพนกวิ้น เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 00:28:35

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบกระทู้ชวนคุยแบบนี้จัง จากคุณ : ดอกลินสีด (ดอกลินสีด) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 05:17:50

ความคิดเห็นที่ 48 เราว่า ความคิดคนเราแตกต่างกันค่ะ   อย่างเราอายไม่ถึงเลข3 ไม่มีแฟน ชอบเที่ยว ปีละครั้ง  แต่ ทุกครั้ง กลับมา ก็คิดว่าหมดเยอะ ถ้าเรายังทำแบบนี้ อนาคตจะเป็นไง  คิดตลอด หลังจากเที่ยว   ตอนก่อนไปเที่ยวไม่เคยคิด  สุดท้าย เราเลย แก้ปัญหาความคิดหลัง  จากเที่ยวทุกครั้งด้วยการ มีรถ  ผ่อนหมดแล้ว  กำลังผ่อนบ้าน ระยะยาว   30 ปี  เฮ้อๆ  และ กำลัง เตรียมการขอวีซ่าไปญี่ปุ่นค่ะ   ซึ่งที่ทำมานั้น เหนื่อยพอควรค่ะ เคยคิดว่า  เดี๋ยวก็ไปจากโลก  แค่เที่ยวก็พอ  แต่สุดท้ายก็คิดอีกว่า  กว่าจะไป จากโลกอีก ไม่รู้วัน เลย ทำมันทุกอย่างเลย .... ถ้าเรารู้จักแยกแยะ ความสำคัญ  หรือให้ความสำคัญ อะไรมาก่อน มาหลัง  สำหรับ  ตัวเราได้  เราจะรู้ค่ะ ว่า  เราควรทำอะไร  หวังว่าคงเป็นคำตอบอีกแนวทางนึงค่ะ จากคุณ : oilora (oilora) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 06:22:01

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบกระทู้นี้จังครับได้ดูแนวการใช้ชีวติ การคิด ของพี่ๆ(คือผมเพิ่งเรียนจบทำงานได้2ปี) ผมเที่ยวตปท.ปีละครั้งครับในประเทศส่วนใหญ่ก็ภาคกลางนี่แหละ ก่อนเรียนจบวาดฝันไว้สวยหรู จะมีบ้าน มีรถ มีลูก มากมายสวยงาม เอาเข้าจริงมันยากกว่าที่คิดไว้ บ้านก็ยังเช่า รถก็ออกนะมอไซค์555(แต่ออกเงินสดนะ) กับเมียเห้ยแฟนคนที่เพิ่งเลิกไปก็คิดว่าคงเป็นเนื้อคู่จิงๆแม่ของลูกแน่ๆ พอเจอน้ำท่วมกับทิ้งกันไปซะงั้นตอนนี้เลยยังไม่เริ่มหนึ่งกับใคร ปีหน้าจะเบญจเพศแล้วรู้สึกว่าเริ่มมีอายุอยากจะออกรถสักคัน ปีหน้าจะเก็บเงินไปไต้หวันครับจะไปหาคนดูแลพ่อแม่555 จากคุณ : จ่าหล่อ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 08:09:49 A:119.46.176.222 X: TicketID:193375

ความคิดเห็นที่ 50 ^^ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 55 12:00:32 จากคุณ : sueko เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 09:50:42

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นกระทู้ ที่น่าติดตามมากค่ะ  อ่านทุกความคิดเห็นแล้วได้ประโยชน์ดี สำหรับเรา อายุ ไกล้เข้าเลข 3 แล้ว เป็นเหมือนเจ้าของกระทู้  ไม่คิดจะแต่งงาน อยู่คนเดียว พอดี พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว พี่ชายมีครอบครัวแล้ว ปัจจุบันมีภาระหนี้สิน ผ่อนบ้านอีก นิดหน่อย แต่อยู่นอกเมือง ซึ่ง ไกลที่ทำงานมาก และเดินทางลำบาก เลยต้องเช่าหออยุ่ในเมืองและปล่อยบ้านให้เช่า   เก็บเงินเพื่อเที่ยวอย่างเดียว คิด ว่าถ้าภาระหนี้ บ้านหมด จะไปซื้อที่ต่างจังหวัด เผื่อ อนาคต บั้นปลาย เพราะถึงเวลานั้น คงเลิกเที่ยวแล้วค่ะ จากคุณ : nongpoompui เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 10:00:05

ความคิดเห็นที่ 52 จขกท มีบ้านแล้ว ถึงจะบ้านพ่อแม่ก็เถอะ อย่างนี้ก็ทำตามใจตัวเองได้นะคะ อยู่แบบพอเพียง เที่ยวบ้าง เก็บเงินบ้าง เราอยากเที่ยวเมืองจีนค่ะ เที่ยวแบบแบ็คแพ็คนานๆ เป็นเดือนๆ เลยไปถึงปากีสถาน อินเดีย เส้นทางประมาณนี้เลย ฝันไว้...แต่ตอนนี้รอผ่อนบ้านอีก 2 ปีหมดค่ะ ค่อยทำตามฝัน แต่ไม่แน่นะ ต้นปีหน้า อาจจะไปเวียดนามเหนือและเลยไปหยวนหยางค่ะ เอาทีละสเต็ป ถ้าเราชอบเที่ยว ก็เที่ยวเหอะ แต่กลับมาแล้ว ต้องมีบ้านอยู่ ต้องมีงานทำ มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ จากคุณ : ชีวิตชิลชิล เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 12:43:41

ความคิดเห็นที่ 53 ชอบกระทู้นี้จังเพราะเหมือนเราได้พบกับกลุ่มที่มีแนวคิดเหมือนๆ กับเรา จากคุณ : ดอกบุก เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 16:57:22

ความคิดเห็นที่ 54 ชอบเที่ยว และเที่ยวหนัก + หมดเงินไปกับการเที่ยวมากขึ้น แต่คิดไม่เหมือนเจ้าของกระทู้บางส่วนนะครับ - แฟนไม่มี เลยคิดไปถึงเรื่องแต่งงานไม่ได้ - คอนโดซื้อเก็บไว้อยู่เอง ตั้งแต่ตอนอายุ 28 มีห้องนึง ปีหน้าคอนโดใหม่จะเสร็จอีกห้องนึง กะว่าเอาไว้ปล่อยให้เช่าครับ (คอนโดติดหนี้แบงค์ทั้งสองแห่ง) - รถมีใช้ แต่ก่อนเคยเป็นชื่อตัวเอง แต่ติสต์แตกไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก กลับมาพ่อยกรถคันที่ท่านใช้ให้เราใช้ ส่วนพ่อ ไม่ได้ขับรถแล้ว แต่เก่ามากแล้วครับ ภายใน 1-2 ปีต้องซื้อรถใหม่แล้วล่ะ กลัวจะซ่อมหนัก - มีการลงทุนผ่านทางหุ้น และ กองทุนบ้างนิดหน่อยครับ  อย่างหุ้นผมเล่นแต่หุ้นพื้นฐาน ซื้อตอนหุ้นลง และก็ขายตอนหุ้นขึ้นเอากำไรนิดหน่อยครับ ถือว่าผลตอบแทนจากกำไร และปันผล ดีกว่า ฝากเงินเพื่อเอาดอกเบี้ยแบงค์ครับ ที่ต้องทำแบบนี้ พอดีช่วง 27-28 เคยติสต์แตกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา พอกลับมาทำงานต่อเลยซื้อพวกทรัพย์สินไว้ผูกมัดตัวเอง ไม่ให้ไปเป็นโรบินฮู้ดอีก ที่บ้านผมฐานะปานกลาง ผมจึงตั้งใจทำงาน ที่ได้เงินเดือนพอที่จะให้ที่บ้าน ส่งตัวเองไปเที่ยว และบริหารรายจ่ายอื่นๆได้โดยไม่เดือดร้อน ผมพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด เผื่ออนาคตต้องอยู่คนเดียว จะได้มีเงินตรงนี้+ทรัพย์สินของตัวเองครับ   ในขณะเดียวกัน ก็ยังหยุดเที่ยวไม่ได้ และเสพติดการเที่ยวหนักกว่าเดิม จึงต้องบริหารเงินไปในตัว สรุปก็คือ ผมพยายาม balance ทั้งเรื่องเที่ยว และเรื่องการบริหารเงินครับ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 22:24:21 จากคุณ : Coffee Blended เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 22:08:23

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านความเห็นคุณ Coffee Blended   ความคิดคล้าย ๆ ของเราเลยค่ะ - มีการลงทุนผ่านทางหุ้น และ กองทุนบ้างนิดหน่อยครับ  อย่างหุ้นผมเล่นแต่หุ้นพื้นฐาน ซื้อตอนหุ้นลง และก็ขายตอนหุ้นขึ้นเอากำไรนิดหน่อยครับ ถือว่าผลตอบแทนจากกำไร และปันผล ดีกว่า ฝากเงินเพื่อเอาดอกเบี้ยแบงค์ครับ ในขณะเดียวกัน ก็ยังหยุดเที่ยวไม่ได้ และเสพติดการเที่ยวหนักกว่าเดิม จึงต้องบริหารเงินไปในตัว สรุปก็คือ ผมพยายาม balance ทั้งเรื่องเที่ยว และเรื่องการบริหารเงินครับ จากคุณ : nonggam_pong เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 22:37:03

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเจ้าของกระทู้ครับ แหม่! อยากจะให้ give ทุกคนจัง แต่แจกหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่ความเห็นที่ 43 แล้ว พันทิปเค้าน่าจะให้แต่ละคนมีคะแนน give ซักคนละ 500 ต่อเดือนจริงๆ --------------------------------------------------------------------------- ผมเห็นด้วยกับที่หลายๆท่านแนะนำมาครับ จริงๆ แล้ว การใช้ชีวิตให้มีความสุข สำหรับคนที่รักจะกินจะเที่ยว ก็คงต้องมีเงินกับปัจจัยพื้นฐานอื่นๆเตรียมไว้พอสมควรหละครับ ถ้าเที่ยวอย่างเดียว แล้วแทบไม่เหลือเงินเก็บไว้เลย คงจะเที่ยวได้ไม่นาน หลังจากนั้นคงลำบาก เหมือนนิทานเรื่อง มด กับ จิ้งหรีด ตัวผมเองก็เตรียมการเรื่องนี้ไว้พอสมควรหละครับ เงินที่ใช้กินเที่ยวก็คงไม่ได้มากมายอะไร ถ้าคิดเป็นสัดส่วนแล้ว เงินใช้กินเที่ยว คงเป็นแค่ 10 หรือ 20 % ของเงินเก็บในแต่ละปีเท่านั้น เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ จุดหมายในชีวิต ที่เคยคิดแต่จะเก็บสะสมเงินออมหรือทรัพย์สินไปแบบไม่มีจุดหมาย ตอนนี้ ก็เอาแค่เก็บไว้พอประมาณ และแบ่งไปใช้กินใช้เที่ยวมากขึ้นกว่าเดิม คนเราไม่รู้วันไหนจะตาย สะสมไว้มากๆโดยไม่ได้ใช้ เกิดตาบปุ๊บปั๊บขึ้นมา ก็กลายเป็นใช้ชีวิตแบบทรมานตัวเองเพียงเพื่อเก็บเงินให้คนอื่นได้ใช้แทน เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็ขอสร้างสมดุลระหว่างการเก็บไปด้วย ใช้เงินไปด้วยดีกว่า จากคุณ : จขกท. (เด็กข้างห้างฯ) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 00:13:35

ความคิดเห็นที่ 57 นั่งอ่านมาทุกความเห็นเลยค่ะ ชอบฟังประสบการณ์ชีวิตของคนอื่นๆ ตอนแรกเตะตาหัวกระทู้นี้ เพราะเราก็กำลังคิดว่าใช้เงินเที่ยวเยอะไปรึป่าว คือถ้าไม่เที่ยวก็คงโปะบ้านได้สักปีละแสนแล้ว T - T แถมเงินเก็บก็คงเพิ่มขึ้นอย่างน่าชื่นใจ ตามอ่านมาถึงนี่ ชอบคำว่าศิลปะในการใช้ชีวิตมากเลยค่ะ เพราะการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต้องใช้ศิลปะจริงๆ ต้องจัดสมดุลย์ชีวิตให้ดีระหว่างความมั่นคงทางการเงิน กับความรื่นรมย์ในการใช้ชีวิตให้ได้ ขอบคุณจขกท.และทุกๆความเห็นนะคะ ทำให้เราได้มาตั้งใจวางแผนทางการเงินอีกครั้ง หลังจากหลุดๆไม่ค่อยใส่ใจจริงจังมาสักพักแล้ว ^ ^ ปล. สำหรับเราวางแผนเก็บเงินเป็น50/50ค่ะ ครึ่งแรกเป็นค่าผ่อนบ้านกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและอื่นๆในบ้าน อีกครึ่งเก็บค่ะ โดยแบ่งไปออมแบบต่างๆ                  (ฝากออมทรัพย์พิเศษดอกเบี้ยประมาณ3%                   กองทุนLTF ผลตอบแทนมากกว่าฝากแบ๊งและช่วยลดหย่อนภาษี                   กองทุนน้ำมัน เคยซื้อเล็กน้อย                   กองทุนหุ้น กำลังคิดจะซื้อส่วนนี้เพิ่มค่ะ เพราะผลตอบแทนดีและ                   สภาพคล่องดีกว่าLTF แล้วเราเองคงไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นเอง) ปัญหาก่อนนี้ก็คือรู้สึกว่าจะเบียดเบียนเงินเก็บเอาไปเที่ยวมากเกิน เลยจะแก้ตัวใหม่เป็นแบ่งงบท่องเที่ยวไว้แต่แรกเลยดีกว่า จะได้วางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในแต่ละปีได้ พร้อมๆกับตัวเลขในบัญชีที่งอกเงยด้วยค่ะ ^ ^ จากคุณ : Littleเจ๊ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 00:37:01

ความคิดเห็นที่ 58 ผมก็เป็นอยู่เลยครับ อิสระสบายใจดีครับ จากคุณ : d-explorer เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:50:43

ความคิดเห็นที่ 59 แบ่งเงินเก็บไว้บ้างก็ดีค่ะ กระทู้ทำนองนี้เราจะตอบแบบนี้ทุกครั้งนะ มีเงินเก็บ ...  ดีกว่าไม่มี   มันไม่แน่หรอก เผื่อมีเรื่องจำเป็นต้องใช้   อย่างเช่น (ไม่ได้แช่งนะ  สมมติ) ผู้ใหญ่ในครอบครัวไม่สบาย   ก็จริงอยู่ว่าใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาได้  อะไรได้   แต่ยานอกบัญชีเบิกไม่ได้นะคะ   ถ้าจำเป็นต้องสั่งยานอก (ราคาแพง)   ต้องจ่ายเอง จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 12:09:53

ความคิดเห็นที่ 60 แล้วยังมีกรณี ต้องหาหมอเฉพาะด้านอีก   หมอชำนาญโรคนี้เป็นพิเศษน่ะค่ะ   ปกติคุณหมอมักประจำรพ.รัฐ  กับ ร.พ.เอกชน อีกที่หนึ่ง   ถ้าไปร.พ.รัฐ ต้องรอคิว  กว่าจะถึงคิวก็รอเป็นเดือน   แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องพาไปรักษาเอกชน จากคุณ : เหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 12:14:58

ความคิดเห็นที่ 61 ผมก็เที่ยวจนจะหมดตัวแ้ล้วคับ อิอิ แต่ผมก็มีการเก็บออมสำหรับวัยเกษียณ(อีก 30 กว่าปีโน่น)ไว้แล้วคับ ถ้าอยู่ถึงนะ 555 ตอนนี้ ผมก็เดือนชนเดืิอนคับ ไม่ได้เหลือเก็บ แต่ก็พยายามบริหารจัดการให้ใช้ไม่เกินรายได้แต่ละเดือน แล้วมีเหลือนิดหน่อยติดบัญชี สำรองเอาไว้เผื่อฉุกเฉินคับ เรื่องแต่งงานเลิกคิดได้เลยครับ เพราะหน้าตา่ไม่ดี หุ่นไม่ดี แถมจน เลยไม่มีใครเอาอยู่แล้วคับ ส่วนบ้าน รถ ผมไม่มีเป็นของตัวเองคับ ทุกวันนี้ยังอยู่ที่บ้านกับแม่และน้องอยู่เลย อยู่กันแค่ 3 คน ก็เลยไม่อยากทิ้งแม่ไปไหน (พ่อเสียแล้ว) ส่วนรถที่ใช้ ก็เป็นของแม่อ่ะคับ สรุปผมเลยไม่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถอย่างใครๆ เค้า เลย focus ไปที่เรื่องเที่ยวเต็มๆ ถ้าโชคดีตายเร็ว จะได้ไม่เสียใจ เพราะเต็มที่กับชีวิตแล้ว แต่ถ้าโชคร้ายได้อยู่จนแก่ ก็คงจะไม่ลำบากมาก เพราะมีเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับบริษัทเอาไว้พอสมควร ส่วนตัวคิดว่าตอนแก่ ถ้าเราอยากจะไปเที่ยว มันก็คงจะไม่สนุกเหมือนเที่ยวตอนที่ยังหนุ่มและมีเรี่ยวแรงคับ ตอนนี้เลยขอเที่ยวก่อน ไว้แ่ก่ๆกว่านี้ อาจเพลาลง แล้วเก็บเงินได้มากขึ้น Life is so short ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 55 18:32:14 จากคุณ : Nobody loves me. เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 18:29:30

ความคิดเห็นที่ 62 ผมเจ้าของกระทู้ครับ ขอบคุณ คุณเหมียวเหมียว แหง๋วแหง๋ว ที่เป็นห่วงครับ เรื่องเงินเก็บสบายใจได้ครับ เพราะอาชีพเสริมรองจากรับราชการ คือ เก็บเงิน นี่แหละครับย 555 แล้วแม่ผมก็ยังมีเงินเก็บกับที่ดิน พอจะเป็นหลักประกันการใช้ชีวิตในวัยชราได้ โดยไม่ต้องง้อลูกๆ น่ะครับ   ส่วนเงินที่ผมใช้เที่ยวจริงๆ ไม่ถึง 20 % ของเงินเก็บในแต่ละปีเลยครับ อิอิ คุณ Nobody loves me คล้ายๆผมเลยครับ ตรงที่ "หน้าตา่ไม่ดี หุ่นไม่ดี แถมจน ส่วนบ้าน รถ ไม่มีเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ยังอยู่ที่บ้านกับแม่และน้องอยู่เลย ส่วนรถที่ใช้ ก็เป็นของแม่" ของผม พ่อยังอยู่ครับ แต่อยู่คนละบ้านกับแม่ ตอนนี้ผมอาศัยบ้านพ่อที่กรุงเทพ ส่วนแม่ไปอยู่ต่างจังหวัดกับป้า แต่รถที่ใช้อยู่ ก็เงินแม่ซื้อให้ใช้ร่วมกับน้องชาย ตอนนี้กำลังคิดว่าอยากจะซื้ออีกคันด้วยเงินตัวเอง แต่ก็ติดตรงที่บ้านมันจอดได้คันเดียว เลยยังไม่รู้จะเอาไงดี จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 09:08:17

ความคิดเห็นที่ 63 แค่เห็นชื่อกระทู้ก็อดคิดไม่ได้ นี่มันชีวิตเราเลยเว้ย 55 ผมก็คล้ายๆ จขกท แหละครับ แต่ต่างตรงที่ว่า ผมไม่ได้อยู่บ้านตัวเองมา 6-7 ปีตั้งแต่เรียนจบแล้ว ชอบและรักทะเลมาก เคยไปทำงานสมุย แต่ตอนนั้นยังเด็กมาก คิดถึงเพื่อนและสังคม กทม กลับมากทมได้ 4-5 ปี ก็เบื่อหนักอีก ตอนนี้ย้ายมาอยู่ภูเก็ตแล้วครับ แฮปปี้สุดๆ เรื่องเที่ยวนี่ขอให้บอกครับ ผมเคยลองเอาเงินที่หมดไปกับการเที่ยวมารวมๆ กัน นี่น่าจะดาวน์รถและบ้านได้เลยครับ - -" ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเลย แต่กำลังจะซื้อรถเพราะการเดินทางที่ภูเก็ตค่อนข้างลำบากไม่เหมือน กทม ครับ ส่วนบ้าน คิดอยากได้คอนโดมือสองแล้วเอามารีโนเวทใหม่ แต่ต้องรอให้ได้รถก่อนครับ เรื่องแฟนหรืออะไร ถ้ามีก็ดี ไม่มีก็ไม่เดือดร้อนอะไรครับ เพราะชินกับการอยู่คนเดียวมานาน อยากไปไหนก็ไป อยากเที่ยวก็เที่ยว คนรอบตัวบอกว่าผมใช้ชีวิตได้น่าอิจฉา แต่ไม่อยากบอกเลย บางทีก็เหงานะเฟ้ย 55 จากคุณ : Punk Rock Love เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 12:05:05

ความคิดเห็นที่ 64 ของเราก็มีเที่ยวปีละ 2-3 ครั้ง แบบไปเกิน 5 วัน ต่อครั้งนะคะ แต่พอดีเป็นคนที่พักแบบธรรมดา ไม่แพง เลยไม่ยุ่งยากคะ แต่แบบไปวัน-2วัน ก็มีบ้าง เรื่อยๆๆ พวกไม่อยู่นิ่งนะคะ เป็นแบบนี้จะมา 4 ปีแล้วคะ ในการเที่ยวแต่ละครั้ง จะตั้งงบในการเที่ยวตลอดคะ ทั้งค่าแก๊ส ค่าที่พัก(ซึ่งส่วนใหญ่ นอนเต็นท์ และ เกสต์เฮาส์คะ) ค่ากิน มีปีที่แล้ว สิ้นปี กทม. เชียงใหม่ เชียงราย น่าน รถวิ่งเกือบ 6พันโล ไป 10 วัน ใช้เงินไปประมาณ 13000 บาท สำหรับ 2 คนนะคะ แต่เราก็ต้องมีการจัดการเรื่องเิงินเหมือนกัน และหาการลงทุนเงินต่อเงิน เพื่อที่จะได้เอาบางส่วนมาเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการ์ณชีวิตคะ จัดสรรเงิน เงินให้ที่บ้าน 20 % เงินเก็บ 30-40 % เงินในส่วนประกันชีวิต+สุขภาพ 10% เงินใช้เอง 20% เงินเที่ยว 10-15% จัดระบบดีๆๆ มีเก็บ ใช้ และเที่ยวพอสมควรคะ ถ้าไม่ติดหรูนะคะ จากคุณ : eakine เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 15:46:28