เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา เพิ่งมาได้เล่าเพราะเผอิญว่าเพื่อนต่างชาติอยากมาเที่ยวเมืองไทยเลยบอกให้ระวังไว้
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษา ตอนนั้น Air AsiaX เพิ่งเปิด route จาก กัวลา ไป ซิดนีย์ได้ไม่นาน ซึ่งผมก็ได้ซื้อตั๋วกลับเมืองไทยซึ่งจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่มาเลย์ โดยใน flight นั้น จะไปถึงมาเลย์ประมาณ 17.30 แต่เครื่องที่จะต่อกลับเมืองไทยจะออกจากมาเลย์ประมาณ สี่ทุ่มเกือบๆห้าทุ่ม ซึ่งกว่าเครื่ิองจะถึงสุวรรณภูมิก็ค่อนข้างดึกแล้ว
เรื่องของเรื่องก็คือ ก่อนที่ผมจะซื้อตั๋วกลับไทยรอบนี้ผมกะว่าจะพาแฟนมาพบปะกับทางที่บ้านเลยบอกให้แฟน (ไต้หวัน) ไปเตรียมขอวีซ่าเข้าไทย แต่ทางแฟนไม่สะดวกและบอกกับผมว่าเขาถือวีซ่าไต้หวัน ไม่น่าจะมีปัญหามาก แล้วเขาเองก็เคยอ่านในเว็บบล็อกของนักท่องเที่ยวไต้หวันที่มาเมืองไทยหลายๆคนบอกว่า สามารถขอวีซ่าเข้าประเทศที่สนามบินได้โดยเสียค่าธรรมเนียม 1000 บาท โดยที่จะสามารถอยู่ในประเทศได้ 14 วัน
ส่วนใหญ่แล้ว ประเทศที่อยู่ใน list มักจะเป็นประเทศแถบ อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชียใต้ แล้วจีน แล้วก็รวมไปถึงไต้หวัน (โดนจีน lobby ไว้กับหลายประเทศ) หลังจากเครื่องลง ด้วยความที่ค่อนข้างดึกมาก เกือบๆจะเที่ยงคืน ผมก็รีบพาแฟนไปยังจุดเข้าเมืองชนิดพิเศษที่ว่านี้ ซึ่งตอนนั้นผมก็รีบมาก ด้านหน้าจะมีน้องๆ เหมือนเป็นนักศึกษาฝึกงานคอยให้คำอธิบายเรื่องการกรอกเอกสาร เสร็จแล้วก็พาแฟนไปต่อคิวซึ่งผมก็ต่อคิวกับแฟนด้วยซึ่งคิวไม่ยาวมากนัก แต่ก็แอบเป็นห่วงแฟนนิดๆเพราะผมต้องไปเข้า ตม ไทย ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดนี้เล็กน้อย ระหว่างที่รอก็เริ่มมีทัวร์จีนมาลงเป็นร้อย โดยที่ผมสังเกตุว่าหัวหน้าทัวร์พวกนี้จะมีช่องพิเศษ แล้วก็จะเก็บ passport ของลูกทัวร์ทุกคนส่งให้ ตม ตรวจในทีเดียว พอถึงคิวแฟนผม ก็แอบเป้นห่วงนิดๆว่าจะรอนาน ระหว่างที่แฟนยื่นเอกสารและค่าธรรมเนียมให้ ตม ผมเองก็รีบอยู่แล้วเลยพูดไปว่า "รบกวนฝากแฟนผมด้วยนะครับ ผมต้องไปเข้า ตม อีกฝั่ง" พี่พนักงาน ตม ที่แสนจะใจดีก็ พูดขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าว่า "อีกสองร้อยค่ะ" ห้วนๆ ตอนนั้นผมเองไม่ได้เอะใจอะไรหรอกครับ เพราะรีบมากจริงๆ ก็ควักไปให้ รวมกับค่าธรรมเนียม เป็น 1200 พอจ่ายเสร็จ ก็เหลือบไปมองคิวด้านในซึ่งมีคนรอเยอะพอสมควร ด้วยความที่รีบมากเลยบอกแฟนว่า จะต้องรีบไป ตม ก่อนเพราะเกรงว่าจะไปเอากระเป๋าไม่ทัน โดยที่ก่อนออกมา ผมสังเกตุว่า ใน booth ที่่ พนง. ตม. รับเอกสาร และ passport นั้นมีคนอยู่ด้านใน ประมาณ 3-4 คน ซึ่งทุกคนดูยุ่งมากๆ คนนึ่งกรอกข้อมูล คนนึง เปิดหน้า passport คนนึง ประทับตรา คนนึง แยกเอกสาร เป็นระบบมากๆ ระหว่างที่ผมเดิน ย้อนออกมาเพื่อที่จะไป ตม ฝั่งไทย ก็เจอทัวร์จีนอีกกลุ่ม แต่ผมสังเกตุว่า ระหว่างที่ ไกด์เก็บ passport จากลูกทัวร์ทุกๆเล่มนั้น จะถูกคั่นด้วยแบงค์ร้อย ถูกครับ แบงค์ร้อย ทัวร์จีนทัวรืนั้นมีลูกทัวร์ประมาณ 40 คน ทีนี้ผมก็เลยเอะใจ เหลียวกลับไปดูที่ booth อีกที สังเกตุได้ว่า พนง. คนที่แยกเอกสารอ่ะ เขาแยกเงินออกมานับด้วย ผมก็คิดในใจเลย เอาแล้วสิเราไม่ได้กลับไทยนาน กลับมาทีนี่โดนตั้งแต่ยังไม่เข้าประเทศ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรีบมาก กลัวไปรับกระเป๋าไม่ทัน สรุปว่า พอผมผ่านด่าน ตม มาได้ ก็รีบไปเอากระเป๋า ของผมกับแฟนซึ่งเป็น 2 ใบสุดท้าย แล้วก็เป็น last call แล้วด้วย เสร็จปุ๊บ ก็รีบลากสัมพาระไปหาแฟน คิดในใจว่ากะจะเสร็จทุกขั้นตอนคงชั่วโมงอย่างต่ำ แต่เปล่าเลย ไอ้ค่าทางด่วน 200 ที่จ่ายไปอ่ะ เป็นผล เพราะแฟนก็กำลังตอบคำถาม จนท ตม อยู่พอดีว่า จะไปพักที่ไหน มากับใคร ผมเลยเข้าไปอธิบาย
ที่เล่ามาตั้งยาวเหยียดนี่ก็เพราะว่า จากบ้านมานานไม่รู้ว่า เดี๋ยวนี้เขาทำเป็นระบบ คำนวนง่ายๆ ว่า ถ้าวันนี้มีนักท่องเที่ยวเหน็บแบงค์ร้อยคนละใบไปกับ passport ณ จุดนั้น ซัก 1000 คน ก็เป็นเงิน 1 แสน ที่ได้กินเปล่ากันทั้งองค์กร ต่อวัน แต่ไม่มีทางหรอกครับที่จะมีแค่ 1000 ต่อวันที่จ่ายลักษณะเดียวกันนี้ ผมว่ายังไงๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยแล้วต้องจ่ายค่าผ่านทางพิเศษต้องมีจำนวนเยอะกว่านี้แน่ๆ
ปล จะว่าไปผมเองก้ติดสินบนเขานะ ผมเองก็ผิด แต่ตอนนั้นมันไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็นักท่องเที่ยวที่ว่าเหน็บแบงค์ร้อยอ่ะ อันนี้คือคนละส่วนกับค่าธรรมเนียม 1 พันนะครับ เพราะผมแอบเห็นพนักงานที่แยกเอกสาร เขาจะแยกระหว่างเงินจำนวนนี้ด้วยเป็น 2 กอง กินกันอิ่มหมีพีมันเลยงานนี้
จากคุณ |
:
Dosagamon
|
เขียนเมื่อ |
:
วันลอยกระทง 55 19:55:12
|
|
|
|