9วันกลางสายหมอก ตอนที่1

    ลองอ่านบันทึกการเดินทางของเด็ก(มั๊ง)อายุ13ดูหน่อยนะคะ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง
    ทริปนี้เพิ่งผ่านมาเมื่อปลายปีที่แล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญของทริปนี้คือ พิชิตน้ำตกแม่สุรินทร์
    วันแรกออกเดินทางจากกรุงเทพฯสู่เชียงใหม่ระหว่างทางแวะกินข้าวซอยที่จังหวัดลำปาง เมื่อถึงที่พักที่เชียงใหม่ก็ดึกมากแล้วแต่ละคนก็แยกย้ายกันเข้านอน

    วันที่ 2 กินข้าวเช้าที่ร้านแซนวิชบาร์ เชียงใหม่ ประมาณ 9โมง ถึงน้ำตกตาดหมอกฟ้า ทางเดินสะดวกมากและใกล้ น้ำในน้ำตกเย็นเจี๊ยบ และมีรุ้งกินน้ำเกิดขึ้นด้วยจึงมีวิวที่สวยมาก
    ด้านข้างของน้ำตกมีถ้ำอะไรซักอย่างเผอิญไม่ได้ขึ้นไปดูต้องรีบไปอีกที่ เมื่ออกจากน้ำตกตาดหมอกฟ้าก็ไปที่น้ำตกออกรู ทางเดินค่อนข้างแคบและชัน ประมาณ860เมตร(แต่ดูเหมือนจะมากกว่า) เมื่อถึง อ่านะ รูนิดนึง แต่ก็เอาเถอะ
    จากนั้นก็เดินทางไปบ่อน้ำร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ไปกินข้าวกลางวันที่นั่น กินข้าวไปนั่งชมวิวไป สบายดีเหมือนกัน ตอนจะกลับก็เดินกลับอีกทางซึ่งเป็นทางไปบ่อน้ำร้อนที่ไม่ร้อนเกินไป เลยลองเอามือจุ่มบ่อบนสุด อืม อุ่นดี บ่อรองลงมา อืม เริ่มร้อนแฮะ
    บ่อรองลงมาอีก ว้าก ร้อนจัง ขณะเดินกลับร้อนมาก แดดแรง และไปเจอน้ำตก??เอ๋ น้ำตกอะไรกัน น้ำไหลแรงมากๆ แรงจนน่ากลัว จากนั้นก็ขับรถต่อไป จนถึงอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ว้า น่าเสียดายจังเลย เค้ากำลังก่อสร้างกันอยู่วิวจึงไม่ดีนัก
    หลังจากแวะชมอย่างรีบเร่งก็ออกเดินทางต่อจนถึงอ.ปาย (โอ้ว ชาวต่างชาติเพียบ) และเข้าที่พัก ริมปายคอทเทจ ส่วนข้าวเย็นก็ออกไปซื้อที่ตลาดปายและนำกลับมากินที่ที่พัก กินที่ระเบียงบ้านพัก (จองทั้งหมด5หลัง 4หลังเป็นบ้านธรรมดา อีก1หลังเป็นบ้านต้นไม้)
    เป็นบ้านติดแม่น้ำปาย เมื่อกินเสร็จก็กลับเข้าห้องพัก ค่อนข้างจะเย็นถึงเย็นมาก(ประมาณ9องศา คือ เทอร์มอมิเตอร์ซื้อมาจากอช.ห้วยน้ำดังน่ะ)เป็นเตียง4เสามีมุ้งสวยด้วย

    วันที่ 3 วันที่เริ่มเหนื่อยขึ้นละ กินข้าวเช้าที่..ที่..ที่ไหนอ่าจำไม่ได้ ขับรถต่อไป(แม้ว่าคืนนี้ต้องมาพักที่รีสอร์ทเดิม) ประมาณ10โมงก็ถึง วันนี้รายการแรกคือ ล่องแพ(ไม่สิต้องนั่งแพตะหาก) เข้าถ้ำน้ำลอด เนื่องด้วยไม่เคยนั่งแพมาก่อนจึงกลัวว่าถ้าน้ำไหลเชี่ยวคงจะน่ากลัวมาก
    แต่ก็ต้องนั่งแพเพราะไม่อยากเดิน(มันไกลนี่นา)เมื่อนั่งจริงๆ อืม ดีแฮะ ไม่ไหลแรงอย่างที่คิด สบายดี อากาศเย็นจึงรูดซิปเสื้อหนาวขึ้นเมื่อเข้าไป โอ้ว น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาจริงๆ ไปถ้ำที่ 3 ก่อน นั่นก็คือ ใช่ ถ้ำผีแมน
    และด้วยความที่ไม่รู้จักคำว่าผีแมนมาก่อนจึงเริ่มเกิด อาการ ง.งู2ตัว เอ๋ ผีแมน อะไรกัน ก็เดินขึ้นไปดู ปรากฏว่าเป็นโลงไม้เก่าๆซึ่งไกด์เล่าให้ฟังว่าเป็นโลงศพของคนยุคหินกลาง(อะโห คงจะตัวสูงมากเลย) และมีพวกหินกะเทาะต่างๆรวมอยู่ด้วย
    เมื่อดูเสร็จก็กลับมาลงแพ กลับไปถ้ำที่ 2 ถ้ำตุ๊กตา ก็เดินๆๆไปเรื่อยๆก็เห็นทำนบหินก็ อืม เหมือนดี ขึ้นบันไดไปซักพัก ก็เห็นเป็นหินต่างๆคล้ายรูปตุ๊กตามีอยู่เพียบเลย แต่ดูได้แค่ข้างนอก ความจริงอยากเข้าไปดูข้างในด้วยแต่ไกด์บอกว่า
    เข้าไม่ได้เพราะไม่มีอากาศ(น่าเสียดายจังเพราะข้างในเห็นลางๆว่ามีเยอะมาก เหมือนโลกใต้น้ำในเรื่องเมอร์เมดเลย)เมื่อลงมา มันลื่นอ่าไม่รู้ตัวเลยว่าไปไต่หินที่ทำนบหินตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพอถึงพื้นก็เห็น เวทีหิน ฮื้ม เหมือนๆๆ
    จากนั้นก็ออกจากถ้ำธารลอดแล้วหาข้าวกลางวันกิน ได้กินสเต็กที่Little Eden Resortซึ่งที่นี่ล่ะจะเป็นรีสอร์ทที่พักในอีกคืนหลังจากออกจากปาย ที่พัก อื้อหืม แจ๋ว มาก อาหารก็อร่อย อยากมาพักเร็วๆจัง ขับรถกลับจากอ.ปางมะผ้าถึงอ.ปาย ประมาณ4โมง
    จึงไปดูวัดน้ำฮูอ๊าห่ะ บ่อน้ำเบ้อเริ่มเลย และ วัดนี้สินะ ที่เค้าว่ากันว่า ในเศียรพระอุ่นเมืองมีน้ำอยู่ น่าเสียดายมากที่เค้าบอกว่าจะเปิดเศียรพระทุกๆ 7 วัน นอกนั้นห้ามเปิด เลยไม่ได้เห็น จากนั้นก็ไปที่วัดแม่เย็น วิวดีมาก มองเห็นปายทั้งเมืองเลย และไปกินข้าวเย็นที่ร้านลุงบุญชวนเมาที่อยู่ใกล้ๆที่พัก(ริมปายฯ)

    วันที่ 4 วันนี้เป็นวันที่ชอบมากเลยล่ะ เริ่มแรกก็เดินทางสู่อ.ปางมะผ้ามุ่งสู่รีสอร์ทที่ว่า Little Eden[t-rex house] ประมาณ9โมงก็เตรียมตัวจนพร้อมนำอาหารและน้ำใส่กระเป๋าเรียบร้อยก็ออกเดินทางพร้อมกับเจ้าของรีสอร์ทและชาวต่างชาติอีก 2 คน
    จากนั้นก็เริ่มเดินๆๆๆๆและเดินๆๆผ่านทะเลทรายซาฮาร่าและทุ่งกว้างเอริโซน่าเอ้ยไม่ใช่ ผ่านทุ่งเรื่อยๆ ข้ามธารน้ำไหลเชี่ยว 3 ธาร ชาวต่างชาติก็แยกขึ้นช้างไป ส่วนชาวคณะและเจ้าของรีสอร์ทนั้นก็เดินต่อไป เจอ อื่ม แปลกดี
    ต้นไม้ 1 ต้นเอ๊ะหรือ 2 ต้นนะ จะว่าให้ฟัง ก็คือ ต้นแรกน่ะมันโตขึ้นมาดีๆ แล้วต้นที่ 2 ก็มาโตคลุมมันไว้ เจ้าของรีสอร์ทบอกว่าอีกไม่นานต้นข้างในคงตาย จากนั้นก็เดินทางต่อ บรึ่ยน่ากลัวจัง ทางเดินเป็นหน้าผา เนื่องจากเราเป็นคนเดินตามเจ้าของรีสอร์ท
    สังเกตว่าเค้าเดินไปเค้าจะเด็ดยอดต้นอะไรด้วยก็ไม่รู้จึงลองถาม จึงรู้ว่าที่เค้าเด็ดนั้นคือยอดอ่อนต้นสะระแหน่ป่า มีกลิ่นหอม ทำให้หายเหนื่อยได้เหมือนกัน เมื่อใกล้ถึง นั่นต้นไม้ล้ม ล้มแนวนอนไม่ได้ขวางทางเราหรอก แต่ ต้นไม้เนี่ย
    สูง สูงมากๆ และแล้วก็ถึง เมืองแพม!!! เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่น่าอัศจรรย์จริงๆ เหมือนกับเข้ามาในเมืองลับแลเลย กินข้าวกลางวันที่นั่น(ข้าวที่แบกมาจากที่พัก) จากนั้นก็ไปซื้อผ้าในหมู่บ้าน ผ้าในเมืองแพมนี่มีการทอที่ไม่เหมือนที่อื่น
    และไม่มีขายที่อื่นด้วย หลังจากเลือกซื้อผ้าแล้วก็เดินดูรอบๆหมู่บ้าน เลี้ยงหมูป่ากันเยอะมากและ อื้ม หมาในหมู่บ้านนี้น่ารักทุกตัวเลย จากนั้นก็เดินทางกลับทางเดิมโดยมีชาวต่างชาติร่วมด้วย ตอนกลับนี้ล่ะมันสะเด็ด เดินแค่ครึ่งเดียวแล้วก็ขึ้นล่องแพ
    ฮูเร้ มันส์พะย่ะค่ะ ยิ่งตอนน้ำเชี่ยวๆนี่มันส์มาก ไม่อยากบรรยายนัก เดี๋ยวเวลาอ่านจะตาลาย และเมื่อกลับถึงที่พักประมาณ 4 โมงกว่าๆ ก็อาบน้ำเรียบร้อยเตรียมกินข้าวที่ที่พัก จึงเดินดูรอบๆสระว่ายน้ำซ้วยสวย แล้วก็ ระเบียงสำหรับนั่งกินอาหารก็ดีเยี่ยมเลยติดแม่น้ำด้วย
    อากาศจึงเย็นสบาย นอกจากนี้นะ ได้เพื่อนใหม่ด้วยชื่อจูเนียร์(ไทย-เยอรมัน) ซนดีและวันนี้ อะฮ้า ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากวันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ ตามคติชาวต่างชาติ จึงมีปาร์ตี้เล็กๆ สบายๆ ง่ายๆ เป็นงานที่เป็นกันเอง จากนั้นก็นอน

    วันที่ 5 ่ข้าวเช้าที่รีสอร์ท(โกโก้ร้อนหอมอร่อยมากเลย) เดินทางไปน้ำตกผาเสื่อ จากนั้นก็ไปหมู่บ้านรักไทย ไปกินอาหารยูนนานที่นั่น อร่อยดีเยอะด้วย น่าเสียดายที่ขี่ฬ่อชมหมู่บ้านไม่ได้เพราะฝนตก
    จากนั้นก็ไปดูกระเหรี่ยงคอยาวที่บ้านในสอย ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนกลับเราสวนทางกับคณะมิชชันนารีที่มาอวยพรในวันคริสต์มาสด้วย จากนั้นก็ขับรถเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมุ่งสู่ที่พักโรงแรงแม่ฮ่องสอนริเวอร์ไซด์ พูดง่ายๆคือ โรงแรมนี้ หรูที่สุดในทัวร์ครั้งนี้แล้ว
    โปรดติดตามตอนต่อไป

    จากคุณ : Ruki/shaman_soul@hotmail.com - [ 6 มี.ค. 46 14:28:45 A:210.203.176.26 X: ]