ความคิดเห็นที่ 1 ระหว่างนั่งรถ ในใจก้ตื่นเต้น เพราะเพิ่งมาครั้งแรก กลัวขึ้นไปไม่ไหวเหมือนกัน นั่งรถไปสายตาก้มองข้างทาง เห็นบรรกาศ ที่เป็นธรรมชาติ ก้ทำให้สบายใจเลยหละ สักครู่รถก็เข้าจอดที่ ทำการบ้านศรีฐาน เรากะแฟนก็ ช่วยกัน ขนกระเป๋า ลงจากรถและเราก็ ไปจุดชั่งสัมภาระที่ให้ลูกหาบหาบขึ้นไป เราก็ต้องรอเจ้าหน้าที่จัดลูกหาบสักครู่ระหว่างที่เรารอ อยู่เราก็ ไปลงชื่อผู้ที่จะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือเราจะต้องเก็บขยะลงมาจากภูกระดึง อย่างน้อยคนละ 1กิโล แล้วเราจะได้ ใบประกาศ ด้วย แล้วเราก็ไปชั่งของ ให้ลูกหาบ เราเอาเต้นต์ไปเอง เราของเรา 2คน ก็ 17 กิโล จากนั้นก็ เข้าห้องน้ำ แล้วก็ไปนั้งทานข้าวกัน ซึ่ง ตอนนั้น มีคนมีคนเริ่มขึ้นภูกระดึงแล้ว ประมาณ จะเปิดให้ขึ้น ประมาณ 7 โมงเช้าค่ะ น้องๆที่มาด้วยกันก็ ขอตัวเดินขึ้นไปก่อน จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:49:35 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จากน้ำตกวังกวาง แล้วก็ออกมากางแผนที่ เลยซึ่งจุดหมายต่อไปคือ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เราก้เดินตามเส้นทางเรื่อยๆ ระหว่างก็เห็นรอย กวาง รอยช้างซึ่งเป็นรอยใหม่ๆทั้งนั้น ในใจก็หวั่นๆ เหมือนกันทางเดินก็เปรี่ยวแดดก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราก็เดินทางร่มไปเรื่อยๆ ใครจะว่างัยก็ช่างเพราะถ้า แดดร้อนมากๆ เราจะเหนื่อยจะหงุดหงิดทางที่ดีที่สุดเราต้องมีร่มมาด้วยพอที่จะบังแสงแดดที่ มาแผดเผาได้บ้าง ขณะที่พระอาทิตย์ได้ส่ิองแสงสว่าง รังสี และความร้อน มายังภูกระดึงนั้น ก็ยังมีลมพัดมาบ้าง เพื่อที่จะคลายความร้อนบ้าง เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึง ลานหินซึ่งเป็นระหว่างทางเดินไปน้ำตกเพ็ญพบใหม่ โอ้ เรามองไปสุดลูกตาเหลือเกินไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหนแล้ว นี่ มีแต่เส้นทางเล็กๆ เป็นทางนำ้เราไปเรื่อยๆ ทั้งทางราบ บ้างทางขึ้นเนินชันๆ หรือแม้แต่ทางลงที่ชันและไม่ชันก็มีครบ เดินไปเรื่อยๆ ทีนี้ก็มาถึงน้ำตกเพ็ยพบใหม่จนได้ ซึ่งจะมีป้ายบอก จากนั้นก็ถ่ายรูปกันและชื่นชมความงามของ น้ำตกซึ่งถือว่ามีน้ำให้เห็น อยู่ และยังเห็นใบ เมเปิล ด้่วยแต่ กลายเป็น สีเขียวหมดแล้วแหละ มีกุหลาบป่าสีแดงสวยเลยหละ แต่มีให้เห็นแค่ต้นเดียว เอง เมื่อชื่นชมความงามของน้ำตกนี้สมใจแล้วเราก็ออกเดินทางต่อ เพื่อไปน้ำตก โผนพบ ระหว่างก็แสนจะเปรี่ยว เหลือเกินเราก็ไปก้ันแค่ 2คน เหตุที่ ทางเปรี่ยวขนาดนี้เพราะว่า มันอยู่ใกล้เขตป่าปิดมากนั่นเอง ระหว่างทางก็เดินกินขนมไปด้วย กินน้ำไป ขนม ลูกอม มันช่างมีรสชาติที่ดีจังนะ(เพราะเราเหนื่อยมากนี่เอง ) แต่ที่ดีหน่อยค่ะ มีร่มตลอดทางเลย ไม่ต้องใช้ร่มแล้วหละ เย็นสบาย จากคุณ : sillllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:50:08 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่างนั่งทานข้าวอยู่ ก็มาดูตังค์ในกระเป๋า ตายแล้ว ๆ ตังค์ทำไมเหลือน้อย จัง พอนั่ง ทบทวนดูแล้ว จึงรู้ว่า เป็นเพราะเราจ่ายค่าตั๋วรถตอนกลับไปแล้ว ตังค์ที่ เตรียมมาก็เลย เหลือนอ้ยลง ทำงัยดีหละ ได้ข่าวว่าข้างบนอาหารมีราคา สูง ด้วยซิ ทำงัยดี แล้ว เราก้ ถามคนที่ร้านอาหารว่าแถวนี้มี ATM รึเปล่า และที่ไหนที่ ใกล้จากนี้ที่สุดเขาก็บอกว่าที่อ. หนองหิน และที่ อ.ชุมแพ แต่ที่ หนองหินใกล้สุด เราก็ ทานข้าวเสร็จ ก็ 8 โมง แล้วก็ออกมา ขึ้นรถเพื่อที่จะไป อ.หนองหินกัน พอไปถึง ที่ หน้าอำเภอภูกระดึง แล้ว ก็มีรถบัส กำลังจะไป อ.หนองหิน เราก็รีบวิ่งขึ้นไป นั่งรถ ไป ก็คุยกันไปเรื่อยๆว่าเตรียมมาพร้อมทุกอย่างพลาดจนได้ ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที ถึง อ.หนองหิน ตู้ ATM ก็มี ตู้เดียวระหว่างนั่งรถ ภาวนาในใจอีกนะว่าขออย่างตู้ ATM เสียเลย จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:50:43 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พอกด ATM เสร็จแล้วเราก้มารอรถที่ไปจะกลับ สักครู่รถก็ มา เราก็ขึ้น รถ ระหว่างนี้อากาศร้อนมากเลยหละ เราซื้อข้างหลาม มา 2 มัด และถวาย พระสงฆ์บนรถด้วย ค่ะ รู้สึกสบายใจยังงัยบอกไม่ถูก และแล้วเราก็กลับมาที่หน้า อ. ภูกระดึงอีกครั้งเรา พอลงจากรถแล้ว เราก็รอรถ 2 แถวแดง ที่จะเข้าบ้านศรีฐาน และสักครู่ ก้มี มอไซต์ รับจ้างเข้ามาถามว่า จะไปที่ บ้านศรีฐานรึเปล่าไปไหม 30 บาท เราก็ ว่าแพงไปเขาก็รถ ลง ให้ เหลือ 20 เราก็เลยไป แต่แท้จริงแล้ว น่าจะ ประมาณ 10 บาท นะค่ะเราไม่ได้ต่อเพราะเรารีบด้วย พอถึง บ้านศรีฐานแล้ว เราก็ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยแล้วก็ ไปซื้อบัตรเข้า คนละ 20 บาท นักศึกษา ลดเหลือ 10 บาท จากนั้นก็ไปลงชื่อขึ้นไปภูกระดึง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 10 .10 นาที ซึ่งในใจเราคิดว่าสายแล้ว นะ ต้องรีบเดินเพราะกลัวจะแดดร้อนแล้วจะเหนื่อย มาก ระหว่างที่เดินขึ้นไปเราก็ขึ้นไปพร้อมๆกับ นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เลย มีน้าคนหนึ่ง แกพึ่งเดินขึ้นไปได้ประมาณ 100 เมตรแกก็ถามหาที่ พักแล้ว เราก็ มองหน้ากันยิ้มๆๆ และก็ตั้งหน้าๆตั้งตาเดินไปเรื่อยๆ จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:51:03 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอเดินขึ้นไปได้ สัก 200 เมตรเราก็เริ่มรู้แล้วว่า ความลำบากเป็นอย่างไร เราก็เดินไปเรื่อยๆ เพราะช่วงทางขึ้นไปถึงซำแฮก นั้นเป็น ด่านที่ ลำบากมากเลย ทางจะชันและเต็มไปด้วย หินและเป็นการเดิน ขั้นบันไดเลยหละ ถ้าเป็นบันได แบบ สะดวกๆ ก็ว่าไปอย่างแต่นี่มันไม่ใช่ค่ะมีทั้งหินทั้งกิ่งไม้ เลยหละ แต่เราก็พยายามเดิน และจะมีราวจับเป็นลางช่วงก็อาศัยตรงนั้น แหละ เดินขึ้นไปเรื่อยๆ เราใช้เวลา เดินแบบไม่หยุดเลย อาจมีบ้างที่ หยุด ยืนอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงนาที ก็เดินต่อ ที่สำคัญ เรามีกำลังที่ คอยยิ้มให้ อยู่ใกล้ ๆ เดินอยู่ข้างและแบกกล้อง ซึ่ง รวมแล้ว ก็ ประมาณ 5 กิโล แล้ว เราก็เป็นคนแบกสเบียงเป็นขนม ลูกอม หลายอย่างรวมแล้วก็ ประมาณ 2 โลเลยหละ ระหว่างทางขึ้นก่อนถึงซำแฮก เราก็ เหนื่อยมาก เราเห็น มี นักท่องเที่ยว 2 คน นั่งอยู่แล้วคน หนึ่ง นั่งก้มหน้าเพราะดูท่าแกจะเป็นลมด้วย ละแล้วไม่นานเราก็มาถึงซำแฮก จนได้ พอถึงเราก็ตั้งกล้องถ่ายรูปกันก่อนแล้วที่ ซำแฮก นั้นดอก เต็งรังกำลังบาน หอมมากเลย ค่ะ ไม่อยากเดินต่อเลยเพราะหอมมาก พอถ่ายรุปเสร็จแล้วเราก็ สั่งน้ำ ดื่มและน้ำแข็งใส มาทานกัน ถ้วย 1 กิน 2 คนเพราะกลัว จุกท้องตอนเดิน พอ ทานเสร็จแล้วรีบ ชวนกันเดิน ระหว่างเดินไป ก็เจอนักท่องเที่ยวที่เดินสวนกับเรา และเราก็กล่าวทักทายกันตลอดเลย ส่วนมากคำถามยอดฮิตก็คือ ใกล้ ถึงรึยังค่ะ ทางขึ้นลำบากเหมือน ช่วงก่อน ซำแฮกรึเปล่า เราก็ได้รับคำตอบและ หน้าตาที่ยิ้มแย้ม และให้กำลังใจ ตลอดจากคนที่ กลับมาแล้วซึ่งคำตอบ ก็คือ "เดินไปเรื่อยๆ ! นะ ถ้าพ้นช่วง ก่อนถึงซำแฮก ก็จะเริ่มสบายแล้ว และจะมีอีกช่วงสุดท้ายที่ ชันหน่อย ! พอขึ้นไปถึงแล้วจะหายเหนื่อย " ทุกคนจะให้กำลังใจเราแบบนี้ ตลอด จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:51:26 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วเราเดินไป เรื่อยๆ ระหว่างทางเดินไปนั้นก็มีหลายซำ เลย เราก็หยุดถ่ายรูปกันทุก ซำ เลย หละ บางซำก็มีร้านค้า บางซำ้่ก็ไม่มีร้านค้า แต่ก็ไม่พยายามที่จะพัก เท่าไร ระหว่างทางก็เจอ น้องๆหลายคู่ที่เป็นแฟนกัน เขาก็นั่งพักกัน ไปเรื่อย ๆ เขาเดิน แซงเราบ้างเราเดินแซงเขาบ้าง เราก็ยิ้มและทักทาย เดินไปด้วยกันก็คุยกัน ถาม ไถ่ กัน และถ่ายรูปด้วยกัน และ้เราก็เจอ พระสงฆ์ 2 รูป ซึ่งเราก็ได้ พูดคุยกับท่าน และได้นมัสการให้ท่านถ่ายรูปกะเราด้วย ระหว่างทางเดิน ที่ผ่านพ้นซำแฮก มาแล้วทางเดินค่อยข้างง่ายขึ้นไม่ค่อยชันมาก เดินสบายๆ มีต้นไผ่ เยอะมี และมีร่ม ไม้เยอะไม่ค่อยร้อนมาก แ่ต่ก็ก็พกร่มมาด้วย เพราะต้องใช้ช่วง เดินหลังแปไปจุดกางเต้นต์ แล้วเราก็มาจนถึง ซำเกือบสุดท้ายแล้ว จำไม่ได้ว่าซำชื่อ วำอะไรเป็นซำที่ มีจุดสกัด และมีกุหลาบแดงด้วย และมีห้องน้ำ มีร้านขายอาหารหลายร้าน พอมาถึงก็มาเจอกับน้องๆกลุ่ม 6 คน ที่ มาด้วยกัน ตั้งแต่กรุงเทพ ซึ่งน้องๆเขาขึ้นมาก่อน ตอนนั้น รู้สึกจะ เป้นเวลา 13.30 แล้วค่ะเราก้ทักทายกัน น้องๆ บอกว่า เขาพอกันค่อยๆเดินและน้องๆไม่จ้างลูกหาบ เลยพากันแบกของเอง (เก่งจัง) น้องๆบอกว่าเหนื่อยไปไหนพักนอนที่นั่นเลยดูท่าจะ สนุก ดีกันเลย เราก็นั่งพัก ทานข้าว ซื้อน้ำ กัน พอทานเสร็จแล้วเราก็เข้าห้องน้ำ และพักสักครู่ เราไม่อยากพักนานเพราะจะทำให้เหนื่อย ไม่อยากเดินต่อ จากนั้นเราก็ บอก น้องๆว่าเราจะเดินกันไปก่อนนะเดี๋ยวค่อยเจอกัน จากนั้นเราก็ตอนเดินไป เรื่อยๆ ระหว่างทาง ก็ มีร่มของต้นไม้ ให้ ตามทางเดิน ทำให้ไม่ร้อน จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:52:45 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดินมาเรื่อยๆ จนถึง ซำสุดท้าย จำได้ว่า เป็น ซำแคร่ ค่ะพ่อค้าแม่ค้าเรียกให้เรานั่ง แต่เราก็ไม่ยอมนั่ง เพราะ ใกล้ถึงเต็มทีแล้ว พอ เดินเลยตรงจุดพักซำแคร่ เราก็ถ่ายรูปกัน แล้วก้มองทางขึ้น และก็หันมองหน้ากัน เพราะทางขึ้น ชันมากและมีหินเยอะมากเลย อยากบอกว่าชันจริงๆ หว่างทางขึ้น เหนื่อยมาก ในบางช่วงมือต้องพยายามหาที่ยึดด้วย และกำลังใจในการเดินขึ้นเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เราต้องยิ้มให้กันพยายามเดินไปด้วยกัน ต้องช่วยกันดึงกันขึ้นเราเดินขึ้นเรื่อยๆ ก็มาถึงบันไดเหล็กจนได้ พอถึงบันไดเหล็กจุดแรกเราก้คิดว่า คงใกล้เต็มที่ แต่ไม่ใช่ค่ะมีตั้งหลาย บันไดเหล็กเลยหละ และระหว่างเราพยามยามขึ้นไปอยู่เราก้ได้ยินเสียง น้องๆ 6 คน เดินคุยกัน คนหนึ่งในกลุ่ม ตะโกนบอกเพื่อนว่า" ถึงบันไดเหล็กแล้ว !!!!!!!!" ทุกคนก็เฮ ส่วนเราก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ และมีบางช่วงที่บันได ชันมากเลยหละ เดินขึ้นต้องระวัง เดี๋ยวลื่น ค่ะ เดินไปเรื่อยๆ อีกไม่นาน เท่าไหร เราก็ เดินขึ้นมา ถึง หลังแป แล้ว เราก็ยิ้มและ้ มองหน้ากันกะจะกระโดดกอดคอ คนข้างๆ แต่เกรงใจลูกหาบ ที่นั่งพักอยุ่ อิอิอิอิ จากนั้นเราก็ถ่้ายรูปกันและก็ ยืนพักอยู่ครู่หนึ่ง จากคุณ : sillllll - [ 12 มี.ค. 46 18:53:19 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พอถึงหลังแปเราก็ ดูเวลาตอนนั้นเวลา 14. 30 น. เลยอะ โดยรวมแล้วเราเดินขึ้น ใช้เวลา 4 .20 ชั่วโมง อะ และเดินไปที่ทำการอีกจาก หลังแปไปที่ทำการ ประมาณ 4 กิโล ค่ะ มีป้ายบอกว่า 3800 ไม่ใช่ค่ะเพราะเขาบอกว่า ป้านนั้นเป็นเป็นป้ายเก่า ที่ ทำตั้งแต่ทางขึ้นเก่าแล้ว แต่นี่เป็นทางขึ้นใหม่ ก็ 4 กโลเมตรค่ะ เราก็เดินไปเรื่อยๆ คนที่แบกกล้องเขาก็ถ่ายรุปดอกไม้เขาไปเรื่อยๆ เราก็เดินนำหน้าไปก่อน และถ่ายรูปไปด้วย เราใช้เวลาเดิน ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่ทำการ พอเราถึงที่ำทำก็มีรถเจ้าหน้าที่เข้ามา บนรถมี น้องๆ กลุ่ม 6 คน อยู่บนนั้นด้วยส่งเสียงกัน สนุกสนานเลย จากนั้น เราก็ไปรับสัมภาระ และเราก้ช่วยกันแบกของ ไปที่จุดกางเต้นต์ พอถึง จุดกางเต้นต์ก็นั่งพัก เพราะเพลียมาก แล้วก็กางเต้นต์กัน เสร็จแล้วเราก้นอนพักเพราะเหนื่อยมาก เลย ประมาน 17.00 น เราก็ออกเดินทางไปผามหมากดูก เพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วย (ทรมานมากไม่อยากไปเลย แต่เกรงไปคนไปด้วยเพราะเขาอยากไปถ่ายรูป) พอไปถึงเราก้เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวพากัน ตั้งกล้องรออยุ่หลายกลุ่ม เราก็ถ่ายรูปเราไปเรื่อยๆสักครู่ ก็ถึงเวลาพระอาทิตย์ตก สวยมากค่ะก็ถ่ายรูปกันหนำใจเลยหละ พระอาทิตย์ตกเร็วมาก ค่ะ แป๊บเดียวก็หายไปแล้ว เหลือท้องฟ้าสีส้ม แดง สวยงามมาก จากนั้นนักท่องเที่ยวก็เริ่มเดินกลับไป แล้ว เหลือเพียง 2 กลุ่ม รวมกับกลุ่มเราด้วย เราก้ค่อยๆเดินมาเรื่อย คนที่เดินข้างๆก็ถ่ายรุปไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เดินกลับเราได้ยินเสียงเครื่องยนต์ มาแต่ไกลซึ่งคงมาจากทางผาหล่มสัก ตอนแรกนึกว่าเครื่องปั่นไฟฟ้า เราก็เดินไปเรื่อยๆ เพราะระยะจาก ผาหมากดูก กับที่กางเต้นต์ก็ 2 โลเลยหละ เราเดินมาเรื่อยๆก็มืดลงเรื่อยๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเราจึงได้รุ้ว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงรถไถนา เดินตาม ที่เขามี ที่นั่งอยู่ด้านหลัีงซึ่งผูกติดกับ ตัวรถไำถนานั่นแหละโชคดีเลยเราก็ ได้ขึ้นรถคนนั้นกลับที่พักเลย พี่คนขับก็ ใจดี เขาไปทหารด้วยนะค่ะ ซึ่งรถไถนี้เป็นของทหารที่อยู่บน ภูกระดึงแหละค่ะ นั่งรถไถนามา นี้ ใช้เวลาเท่ากับที่เราเดินเลยนะค่ะ แต่ สนุกดีเพราะทำให้เราไม่เหนื่อยค่ะ สักครู่ใหญ่ ก็ถึง ที่พัก จากคุณ : sillllll - [ 12 มี.ค. 46 18:53:43 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลืมเล่าไปค่ะระหว่างที่เรากลางเต้นต์กันเสร็จก็นอนพัก ก่อนที่จะไปดูพระอาทิตย์ นะ ก็มีกวางมาเดินแถวเต้นต์เราด้วย เราก้เอาขนมให้กินไป 1ก้อนแล้วเราก็ถ่ายรูปกะกวาง ด้วยหละ สักครู่ กวางก็เดินจากไปแล้วไปมุดเต้นต์ ข้างๆ เข้าๆไปกินของในเต้นต์ด้วยหละเห็นกะตาเลยนะ (ถ้าจะเอาขนมให้กวางอย่าเอาให้ใกล้เต้นต์เรานะ เพราะมันจะมามุดหาขนมกินมันจำได้นะจะบอกให้ ) เล่าต่อจากที่เรามาจากผาหมากดูก ก็มืดมากเลย แต่ก็มีไฟฟ้าอยู่ เราก็เก็บของ ในเต้นต์ และก็หาอะไรทานกัน ระหว่างทานอาหาร ก็ดูทีวีกันไปด้วย จะสังเกตได้เลยว่า เนื้อหมู เนื้อไก่ ที่เราสั่งใส่ใน เกาเหลาหรือสุกี้ มีกลิ่นๆๆ เหมือนเนื้อเหล่านั้นมันไม่สด แต่เราก็ไม่ว่ากะไรเพราะกว่าจะ หาบขึ้นมาได้ก็คงใช้เวลานานมากเลยหละ ถ้าจะสั่ง ข้าวต่อไปก็สั่งแบบ ผัดกระเพรา นะค่ะ เพราะว่า เครื่องเทศจะ กลบกลิ่นเนื้อค่ะ พอทานเสร็จแล้ว ก็อาบน้ำ แปรงฟันและออกมานั่งดูดาวกัน ช่วงนั้น ก็มี นักท่องเที่ยวบางกลุ่ม แหกปากร้องเพลง รบกวนชาวบ้านเขา ตลอดและก็ตั้่งวงดื่ม เหล้ากัน และร้องเพลงดังมาก เลย แล้วประมาณ เกือบ 3 -4 ทุ่ม นี่แหละ เจ้าหน้าที่ก็ประกาศไม่ให้นักท่องเที่ยวส่งเสียงดังรบกวน ผุ้อื่น จากนั้น เสียงก็เงียบลงจนได้ จากนั้นเราก็มานั่งดูดาว แปลกจังดาวที่ภูกระดึง สวยงามมาก กว่าที่เคยเห็นมา เลยหละ อยากบอกว่าตอนกลางคืน อากาศหนาวมากเลย หละ เย็น มาก ลมพัดตลอดเลย พอตกดึก ก็จะมีเสียงประหลาดเกิดขึ้น จากเต้นต์ ที่ตั้งวงดื่มเหล้า นั้่นแหละ คือเสียง อ้วกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!! สงสัย จะอ้วกทั้งคืน เพราะเสียงนี้ปลุกเราให้ตื่นมาฟังตลอดเลยหละ น่าสงสารเหมือนกัน เอ้ย............... หมดไปหนึ่งวันแล้วสำหรับประสบการณ์บน ภูกระดึง เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ ในวันที่เดินเที่ยว บนภูกระดึงนะค่ะ บายๆๆๆๆ จากคุณ : silllllll - [ 12 มี.ค. 46 18:54:10 A:202.28.27.2 X:10.15.1.19 ]